รัฐบาลยังปิดเงียบการกู้เงิน 1.3 แสนล้าน เพิ่มเติมโครงการรับจำนำข้าว คาดต้องรอกฤษฎีกาตีความก่อน ขณะที่ ธ.ก.ส. งัดมาตรการผ่อนปรนหลักเกณฑ์การของกู้ได้มากขึ้น และขยายวงเงินต่อรายจากให้วงเงินไม่เกิน 20% ของมูลค่าผลผลิตตามใบประทวนเป็นให้กู้ได้ถึง 80% แต่จะพิจารณาตามราคาตลาดไม่ใช่ราคารับจำนำ พร้อมผ่อนปรนระยะเวลาการชำระหนี้
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังจากที่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายวราเทพ รัตนากร รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อพิจารณาแนวทางการสรรหาเงินให้แก่เกษตรกรที่นำข้าวเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวฤดูกาลผลิต 2556/2557 หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วินิจฉัยให้รัฐบาลใช้ดุลพินิจพิจารณาตามความเหมาะสมเมื่อวานนี้
ทั้งนี้ ขณะนี้ทางฝ่ายรัฐบาลยังไม่มีใครออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการขอกู้เงินเพิ่มเติมในโครงการรับจำนำข้าวที่ยังค้างไว้ 130,000 ล้านบาท ซึ่งต้องรอการตีความจากคณะกรรมการกฤษฎีกาเรื่องอำนาจในการกู้เงินของรัฐบาลรักษาการ อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลได้หาแนวทางการกู้เงินไว้พร้อมแล้ว หากกฤษฎีกาตีความให้ทางรัฐบาลสามารถกู้เงินเพิ่มได้ก็จะดำเนินการกู้ทันที และจะจ่ายเงินให้ชาวนาได้ภายใน 3 สัปดาห์ หลังจากที่มีการกู้เงินแล้ว
ด้านกระทรวงพาณิชย์ เตรียมพาสื่อมวลชนไปประเทศจีนเพื่อแสดงหลักฐาน และเอกสารที่ชัดเจนในสัญญาการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ซึ่งภายหลังที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ออกมาสอบสวนการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ที่เกี่ยวข้องกับการระบายข้าว 15 คน ได้ทำการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว
ด้านนายส่งเสริม ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการธนาคารมีมติเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรลูกค้าที่ถือใบประทวนแต่ยังไม่ได้รับเงินค่าจำนำข้าวกว่า 1.4 ล้านราย ในระหว่างที่รอเงินกู้ จำนวน 1.3 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ ในเบื้องต้น ธ.ก.ส. ได้เห็นชอบในหลักการให้ผ่อนปรนหลักเกณฑ์การให้สินเชื่อให้เกษตรกรสามารถมาขอใช้วงเงินกู้ได้มากขึ้น โดยเบื้องต้นตั้งวงเงินไว้ 4-5 หมื่นล้านบาท และขยายวงเงินต่อรายจากให้วงเงินไม่เกิน 20% ของมูลค่าผลผลิตตามใบประทวนเป็นให้กู้ได้ถึง 80% แต่จะพิจารณาตามราคาตลาดไม่ใช่ราคารับจำนำ
อีกทั้งยังลดหย่อนการใช้หลักประกันให้ด้วย ที่สำคัญยังพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้ด้วยจากเดิมที่อยู่ในระดับ 7% จะลดลงมาเหลือ 3-5% เท่านั้น
นอกจากนั้น ส่วนขอลูกค้าที่มีกำหนดครบชำระหนี้ในเดือนมีนาคมนี้หลายแสนราย ธ.ก.ส.ก็จะขยายเวลาการชำระหนี้ออกไป 6-12 เดือน โดยไม่คิดเบี้ยปรับในอัตรา 3% อีกด้วย
“ธ.ก.ส. พร้อมช่วยเหลือเกษตรกรระหว่างที่รอเงินกู้ โดยก่อนหน้านี้ตั้งวงเงินช่วยเหลือไว้ 5 พันล้านบาท แต่ชาวนาไม่สนใจมากู้เพราะดอกเบี้ยสูง และให้วงเงินน้อย แต่เมื่อมีการปรับหลักเกณฑ์ใหม่ก็เชื่อว่าลูกค้าจะให้ความสนใจมากขึ้น เพราะบางรายหันไปกู้เงินนอกระบบมาเพื่อใช้หนี้ธนาคาร หากมากู้โครงการนี้ดอกเบี้ยถูกกว่ามาก และยังนำมาชำระหนี้เดิมได้ด้วย หรือจะเอาไปลงทุนใหม่ก็ได้ ส่วนการใช้วงเงินมากแค่ไหนคงขึ้นอยู่กับ ธ.ก.ส. จะได้เงินมาจ่ายค่าจำนำข้าวได้หมดเมื่อใด” นายส่งเสริม กล่าวและว่า เชื่อภายในเดือนมีนาคมนี้น่าจะจ่ายเงินได้เป็นส่วนใหญ่ทำให้มั่นใจว่าลูกค้าจะชำระหนี้คืนได้ตามปกติจากปีก่อนจ่ายเข้ามา 90% ปีนี้อาจลดลงบ้างแต่เกินครึ่งอย่างแน่นอน โดยมองว่าหนี้เสียจะเพิ่มจากปีก่อน 4% มาอยู่ที่ 4.3% เท่านั้น