xs
xsm
sm
md
lg

หลวงปู่บุกกองปราบเอาผิดปูกบฏ "อดุลย์"อ้างหลักฐานไม่ชัดแยกปท.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"หลวงปู่พุทธะอิสระ" นำมวลชนบุกกองปราบ แจ้งความเอาผิด "ยิ่งลักษณ์" กับพวก ฐานกบฏ แบ่งแยกราชอาณาจักร "ปู" วอนเลิกพูดเรื่องสปป.ล้านนา ปัดถือพาสปอร์ต-สัญชาติ มอนเตเนโกร ด้านผบ.ตร.อ้างหลักฐานยังไม่ชี้ชัดว่าแบ่งแยกดินแดน "เหลิม"เซ็นเนรเทศ"สาธิต"แล้ว เตรียมส่งสตม.ดำเนินการ ขอลุยเดี่ยวเจรจา"เทือก-เมีย" ถึงบ้าน ดอดไปสิงคโปร์คาดพบนายใหญ่

เมื่อเวลา 13.00น.วานนี้ ( 6 มี.ค.) หลวงปู่พุทธะอิสระได้นำมวลชน กปปส. จากเวทีชุมนุม ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะจำนวนมากมายังบริเวณประตูทางเข้ากองบัญชาการกองปราบ (บก.ป.) เพื่อยื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษ ในนามของ พล.ต.สมเกียรติ วัฒนวิกย์กิจ อายุ 66 ปี สังกัดแผนกการเงิน กระทรวงกลาโหม ขอให้พนักงานสอบสวนพิจารณาดำเนินคดีกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รักษาการ รมว.มหาดไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รักษาการรมช.พาณิชย์ นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธานกลุ่ม แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ แกนนำคนเสื้อแดง จ.ปทุมธานี นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กับพวก ที่เกี่ยวข้องเป็นตัวการร่วม หรือผู้สนับสนุนในการกระทำความผิด

ทั้งนี้ ผู้แทนกลุ่มผู้ชุมนุมได้กล่าวโทษให้ดำเนินคดีในความผิดฐาน กบฏ แบ่งแยกราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 , ข้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โดยนำหลักฐานเป็น ภาพถ่าย คลิปวีดีโอบัน ทึกลงแผ่นดีวีดี มอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาดำเนินคดี

หลวงปุ่พุทธะอิสระ กล่าวว่าเหตุที่มาร้องทุกข์กล่าวโทษที่บก.ป.ครั้งนี้ เพราะเชื่อมั่นการทำงานของตำรวจบก.ป.ว่า จะสามารถดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่กล่าววาจาจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง มีการปราศรัย หรือพูดในสถานที่ต่างๆ หลายครั้งหลายหน รวมถึงกรณีที่มีการกล่าวถึง การแบ่งแยกดินแดน ตั้ง สปป.ล้านนา ซึ่งเข้าข่ายกระทำความผิดอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ได้ให้ตำรวจกองปราบปราม เร่งรัดจับกุมนายเอกภพ เหลือรา หรือ “ตั้ง อาชีวะ”ผู้ต้องหาหมิ่นสถาบันฯ มาดำเนินคดีอีกด้วย ทั้งนี้หลังจากแจ้งความแล้วภายใน 7 วัน ทางเราจะมาความคืบหน้าคดี จากนั้นก็จะนำมวลชนไปยังเวทีสวนลุมพินี เพื่อให้กำลังใจนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ที่สวนลุมพินีต่อไป

**"ตั๊น"บุกสตช.แจ้งความเอาผิด"โกตี๋"

เมื่อเวลา 11.40 น. วันเดียวกันนี้ น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร นำมวลชนกลุ่ม กปปส. พร้อมรถขยายเสียงเคลื่อนที่ 1 คัน เดินทางมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อยื่นหนังสือถึงพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เพื่อกล่าวโทษ และเร่งรัดให้ดำเนินคดีต่อกลุ่มคนเสื้อแดงที่มีการขึ้นป้ายแบ่งแยกประเทศ และให้เอาผิดต่อ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง จ.ปทุมธานี ที่นำคนเสื้อแดงพร้อมอาวุธครบมือมาทำร้ายมวลชนกลุ่ม กปปส. ที่บริเวณแยกหลักสี่ เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมีพ.ต.ท.วีรศักดิ์ ทองสาริ รอง ผกก.สำนักงานกำลังพล เป็นผู้รับมอบหนังสือแทนเพื่อไปดำเนินการต่อไป

ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าวระบุว่า กรณีดังนี้

1. การก่อกบฏแบ่งแยกดินแดน โดยกลุ่มคนเสื้อแดงได้นำป้ายสนับสนุนให้มีการแบ่งแยกประเทศ ปิดประกาศในหลายจังหวัด เช่น เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา นครสวรรค์ พิษณุโลก เป็นต้น และมีบุคคลปราศรัยในทำนองสนับสนุนให้มีการแบ่งแยกประเทศ

2. ให้เร่งดำเนินคดีสำคัญที่ยังไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่เป็นคดีอุกฉกรรจ์ ซึ่งอยู่ในความสนใจของประชาชน อาทิ นายวุฒิพงษ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ แกนนำเสื้อแดง นำคนเสื้อแดงนับ 100 คนมาข่มขู่ คุกคาม ใช้อาวุธนานาชนิดทำร้ายประชาชนบริเวณหลักสี่ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาร้ายแรง จึงขอให้ผบ.ตร. เร่งสืบสวนสอบสวนบุคคล และกลุ่มบุคคลดังกล่าว เพื่อดำเนินการฟ้องร้องลงโทษตามกฎหมาย

**ผบ.ตร.อ้างหลักฐานยังไม่ชัด

ด้านพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.กล่าวว่า ขณะนี้จากการข่าวของสันติบาล ไม่ยืนยันว่ามีขบวนการแบ่งแยกดินแดนเกิดขึ้นในประเทศไทย แต่ต้องมีการตรวจสอบ กรณีที่มีการติดป้ายผ้าแบ่งแยกประเทศ หรือจัดตั้ง สปป.ล้านนา ขึ้นในหลายพื้นที่ โดยตำรวจได้มีการรับแจ้งความ เพื่อดำเนินคดีแล้ว ซึ่งกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค ได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง และยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน แต่หลักฐานยังไม่ชัดเจน หรือชี้ชัดไปถึงตัวผู้กระทำผิด

**"ปู"เชื่อไม่มีปฏิวัติ

ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ได้พบปะหารือร่วมกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ ตามปกติ เพราะตนในฐานะรมว.กลาโหม มีเรื่องต้องพูดคุยกันทั้งเรื่องของความมั่นคง และการประชุมสภากลาโหม ซึ่งเกิดขึ้นเป็นระยะอยู่แล้ว ก็ต้องพูดคุยกันให้เกิดความชัดเจน ในแง่ของความกังวลใจ ซึ่งความกังวลใจในส่วนของกองทัพเองก็ไม่ต่างจากความกังวลใจของตน ในฐานะรมว.กลาโหม และในส่วนของรัฐบาลด้วยเช่นกัน และเราก็ร่วมมือกันทำงานให้เกิดความสงบ

เมื่อถามว่า การหารือบ่อยครั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับกระแสการปฏิวัติใช่ หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีหรอกค่ะ เพราะด้วยสถานการณ์นี้ เชื่อว่าเหตุการณ์ต่างๆ เราพยายามที่จะรักษาคงามสงบ เชื่อว่าไม่มีใครที่อยากจะไปทำให้เกิดความรุนแรง หรือปฏิวัติ เพราะไม่มีประโยชน์ ต่างชาติไม่ยอมรับ ตนเชื่อมั่นว่า ถ้าเราช่วยกันแก้ไข พูดคุยกันบ่อยๆ ก็น่าจะเป็นทางออกมากกว่าการที่เราไม่ได้พูดจากัน เกิดความเข้าใจไม่ตรงกัน และ มีความรุนแรงเกิดขึ้น

** วอนเลิกพูดเรื่องสปป.ล้านนา

เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุย และเคลียร์ถึงปัญหาเรื่อง สปป.ล้านนา หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า จริงๆ แล้ว เรื่องนี้ไม่ต้องเคลียร์ เพราะตนได้ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนว่า เราจะร่วมกันในการปกป้องไม่ให้มีการแบ่งแยกดินแดน ประเทศไทยต้องเป็นหนึ่งเท่านั้น ขอว่าเราน่าจะหยุดพูดเรื่องนี้ได้แล้ว เพราะยิ่งพูดจะยิ่งทำให้เป็นแผลแตกแยกในใจ ไม่มีคนไทยคนไหนที่อยากจะแยกประเทศ เรารักกัน จริงๆ แล้วบนความเห็นทีแตกต่าง เราก็ยังเชื่อว่ายังมีความเป็นไทยอยู่ ตนเชื่อว่าความที่เราเป็นคนไทย จะช่วยกันแก้ปัญหานั้นๆได้ ดังนั้นอยากขอว่า อย่าพูดเรื่องนี้เลย เพราะเหตุการณ์ต่างๆ อาจจะต้องดูในลักษณะของแก้ปัญหาที่ต้นทางมากกว่า ที่จะมาลงความเห็นที่แตกต่าง การพูดที่จะนำไปสู่ความแตกแยก และการให้ทุกคนได้รับความยุติธรรม อย่างเท่าเทียมกัน

เมื่อถามว่า นายกฯได้รับการชี้แจงจากคนในรัฐบาล และคนในพรรคเพื่อไทย ที่พูดเรื่องนี้บ้างหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่มีโอกาสได้คุยกัน แต่ทุกคนได้ยืนยันเหมือนกันอยู่แล้ว เมื่อถามว่าคิดว่านายกฯ จะยืนในสถานการณ์แบบนี้ไปอีกนานหรือไม่ เพราะประเทศไทยดูเหมือนแย่ไปมากแล้ว นายกฯ กล่าวว่า คงจะต้องถามทุกคนด้วย เพราะเราเองเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง แต่ทุกคนที่จะต้องร่วมมือกันต่างหาก การที่ประเทศจะเดินไปข้างหน้า ทุกอย่างทุกทิศทางจะเดินได้ต้องอาศัยความรักความสามัคคี การให้อภัยเอื้ออาทรต่อกัน ความเป็นไทยและความจงรักภักดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศ์ศานุวงศ์ ที่เราจะทำให้ท่านสบายพระทัย

**ปัดมีพาสปอร์ตมอนเตเนโกร

เมื่อถามว่าเสียงวิพากษณ์วิจารณ์ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พี่ชายของนายกฯ อยู่เบื้องหลังสถานการณ์ความวุ่นวายทั้งหมด นายกฯปฎิเสธให้ชัดได้หรือไม่ว่า ไม่จริง นายกฯ กล่าวว่า ไม่จริงหรอกค่ะ ดิฉันเองก็ทำหน้าที่ของดิฉัน ณ วันนี้ทุกคนก็เห็นอยู่ ขอให้เชื่อมั่นซึ่งกันและกัน เถอะค่ะ ขออย่าให้ไปมองอย่างนั้นอย่างนี้เลย ถ้าเรามองในจุดที่มันเป็นบวกบ้าง เราก็คงมีอะไรดีๆ และเป็นข่าวดีสำหรับประเทศไทย

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังกล่าวถึงกรณี ประเทศมอนเตรเนโกร ได้ให้สัญชาติแก่นายกฯว่า ไม่จริงค่ะ ไม่มีค่ะ ขอปฏิเสธ ดิฉันมีบัตรประชาชนเดียว และมีพลาสปอร์ตเดียว

**"เหลิม"เซ็นเนรเทศ"สาธิต"

เมื่อเวลา 10.30 น.วานนี้ ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) กล่าวถึงการเซ็นคำสั่งเนรเทศ นายสาธิต เซกัล นักธุรกิจชาวอินเดีย และแกนนำ กปปส. ว่า หากนายสาธิต อยู่เฉยๆตนไปจะเซ็นคำสั่งเนรเทศทำไม นายสาธิต สามารถฝักใฝ่ และชอบพรรคการเมืองได้ ถือเป็นสิทธิ แต่กรณีที่ตนเซ็นคำสั่งเนรเทศ เพราะนายสาธิต ได้ให้การสารภาพต่อเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องว่า ระหว่างมีการชุมนุม กปปส. ได้นำกำลังพรรคพวกไปยึดสถานที่ราชการถึง 5 แห่ง โดยครั้งสุดท้ายคือ กรมการบินพลเรือน ทางราชการคงปล่อยเฉยไม่ได้ จึงดำเนินการมาตามขั้นตอน ตนจึงสั่งทำอย่างละเอียดถี่ถ้วน สุดท้ายเมื่อข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายเป็นที่ยุติ ตนในฐานะที่ได้รับมอบอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงเซ็นคำสั่งเนรเทศ

ส่วนหลังจากนี้ นายสาธิต จะไปใช้สิทธิอย่างใดอย่างหนึ่ง ตนไม่ขัดข้อง และไม่ขัดขวาง เรื่องการถวายฎีกา ตนขอไม่แสดงความคิดเห็น ทั้งนี้ขั้นตอนต่อไป ตนจะส่งเรื่องไปให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ดำเนินการ

** ขอนัดเจรจาสุเทพต่อหน้าเมีย

ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวถึงกรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ระบุว่าหาก กกต. ลาออกทั้ง 5 คน จะไม่มีคนจัดการเลือกตั้ง ว่านายสุเทพ ควรไปอ่านรัฐธรรมนูญ มาตรา 232 วรรค 2 กกต.นั้นเลียนแบบคณะรัฐมนตรี (ครม.) คือ ต้องอยู่จนกว่าจะมีครม.ชุดใหม่ เช่นเดียวกับกกต. จะต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่ จะลาออกไปเลยไม่ได้ ต้องจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จก่อน

ส่วนที่นายสุเทพ เสนอนายกฯ ตามมาตรา 7 นั้น มาตราดังกล่าวไม่ใช่เรื่องการตั้งนายกฯ คนกลาง อยากให้ไปอ่าน มาตรา 181 ที่ระบุว่า การเลือกตั้ง เมื่อครบ 30 วัน หากประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกไม่ได้ เป็นเรื่องของสภา ไม่ใช่เรื่องของฝ่ายบริหาร ซึ่ง กกต.มีโอกาสจัดการเลือกตั้งตาม มาตรา 93 วรรค 6 ภายใน 180 วัน อย่างไรก็ตาม ที่มีคนจะไปยื่นตีความความสถานะของรัฐบาลต่อศาลรัฐธรรมนูญนั้น ศาลก็ต้องตีความตามกฎหมาย จะเขียนอะไรตามใจชอบไม่ได้

“ผมฝากบอก“กำนันเลื่อน”คุยกันหน่อยได้ไหม เอาที่บ้านกำนัน ที่พุทธมณฑล ผมจะไปคนเดียว แล้วให้กำนันอยู่กับภรรยา สองคน แต่อย่ามาบอกเรื่องนายกฯ ต้องลาออก อย่ามาบอกเรื่องนายกฯ มาตรา 7 และอย่ามาบอกว่า กกต.ลาออกแล้วเลือกตั้งไม่ได้ เพื่อนเข้าใจผิด เอาอย่างนี้จัดการเลือกตั้งให้เสร็จ มีครม. หากกำนันจะปฏิรูป พอมีรัฐบาลแล้วก็นำพิมพ์เขียวมา นายกฯฟังอยู่แล้ว ถ้าดีตกลงก็ปฏิรูป และไปเลือกตั้งใหม่ ดีที่สุด กำนันก็มอบตัวเสีย หลังจากคุยกับผมแล้ว คุยกับผมได้ เพราะไม่ใช่ตำรวจ ผมอยากให้บ้านเมืองสงบ ไม่อย่างนั้นทะเลาะกันอยู่อย่างนี้ ไม่จบ " ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

**"เหลิม"ดอดไปสิงคโปร์พบผู้ใหญ่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น.วานนี้ ร.ต.อ.เฉลิมได้เดินทางออกจาก บช.ปส. ภายในสโมสรตำรวจ เร็วกว่าทุกวัน ซึ่งต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับการแจ้งจาก ศรส.ว่า ร.ต.อ.เฉลิม ได้ยื่นใบลาไปปฏิบัติภารกิจส่วนตัวต่างประเทศ 2-3วัน นับตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค. เป็นต้นไป โดยไม่ได้ระบุว่าเดินทางไปประเทศใด อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวจากศรส. เปิดเผยว่า ร.ต.อ.เฉลิม เดินทางไปประเทศสิงคโปร์ เพื่อพบกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง โดยไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร โดยได้เดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมือง และคาดว่าจะเดินทางกลับในวันอาทิตย์ที่ 9 มี.ค.นี้

**"น้องชายสาธิต"ถวายฎีกา

ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา สถานทูตอินเดีย ได้แจ้งไปยังนายสาธิต เซกัล ประธานสมาคมนักธุรกิจอินเดีย-ไทยที่ร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่ม กปปส.ว่า นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ได้ลงนามในหนังสือถอนถิ่นที่อยู่ให้ ศูนย์รักษาความสงบ และร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ได้ลงนามในหนังสือดังกล่าวแล้ว ซึ่งจะมีผลทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะสามารถจับกุมตัวนายสาธิตส่งออกนอกประเทศได้ทันที

ต่อมาเวลา 09.00 น. วานนี้ ( 6 มี.ค.) ที่สำนักพระราชวัง นายสาธิต ได้ให้ นายชุป ไชยฤิทธิชัย ทนายความ และ นายอาทิตย์ เซกัล น้องชาย เป็นตัวแทนยื่นถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยนายสาธิต ให้เหตุผลที่ไม่ได้มายื่นด้วยตนเอง เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะที่ผ่านมาไม่เคยได้รับความยุติธรรม และไม่เคยถูกกระทรวงมหาดไทยเรียกไปชี้แจงข้อกล่าวหาในการกระทำผิด และถึงขณะนี้ ยังไม่ได้รับเอกสารจากศรส. ที่ลงนามคำสั่งเนรเทศออกนอกประเทศ ยืนยันที่ผ่านมาในการเคลื่อนไหวทางการเมืองกับกปปส. ไม่เคยปราศรัยพาดพิง หรือกระทำผิด พ.ร.บ.คนต่างด้าว มาตรา 12 (7) ว่าด้วยคนต่างด้าวที่กระทำความผิด และมีพฤติการณ์เป็นภัยต่อความมั่นคง

**คปท.เดินสายแจงสถานทูต

เมื่อเช้าวานนี้ (6 มี.ค.) กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ได้ออกเดินทางจากเวทีสะพานชมัยมรุเชฐ ไปยังสถานทูตหลายแห่งในกรุงเทพมหานคร เช่น สถานเอกอัครราชทูตจีน, สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ, สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ เป็นต้น โดยกลุ่ม คปท.ได้อ่านและนำเอกสารไปแจกจ่าย เพื่อชี้แจงสถานการณ์การเมืองไทยในปัจจุบัน พร้อมชี้แจงและอธิบายถึงเป้าประสงค์ และจุดหมายในการต่อสู้ของประชาชน เนื่องในโอกาสที่กลุ่ม คปท.ได้ต่อสู้กับรัฐบาลของระบอบทักษิณมาครบ 4 เดือนเต็ม

**"กปปส.สุรินทร์"แจ้งจับ"จารุพงศ์-นปช."

นายสมบูรณ์ สุพรรณฝ่าย ประธานกปปส.สุรินทร์ นายคราศรี ลอยทอง ทนายความ และเครือข่ายกปปส.สุรินทร์ ชุมนุมหน้าสภ.เมือง จ.สุรินทร์ พร้อมชูป้ายข้อความ "แยกประเทศ แยกแผ่นดิน คนสุรินทร์ไม่ยอมโดยเด็ดขาด" และเข้าพบ พล.ต.ต.ชัยทัต อินทนูจิตร ผบก.ภ.จว. แจ้งความดำเนินคดีกับนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รักษาการ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย รวมทั้งแกนนำ นปช. ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 133 , 114 , 116 และ 119 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2550 มาตรา 1 จากปัญหาการปราศรัยบนเวทีคนเสื้อแดงที่ จ.นครราชสีมา

**"ทหาร-ตร."ถกล่า"6แดง" ติดป้ายแยกปท.

พล.ต.ต.วันชัย สุวรรณศิริเขต ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.อ. บัญชา ดุริยพันธ์ รองผู้บังคับการจังหวัดทหารบกเชียงราย และตำรวจสันติบาล ร่วมหารือที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย กรณีมีผู้ติดแผ่นป้ายข้อความแบ่งแยกประเทศ ข้อความ "ประเทศนี้ไม่มีความยุติธรรม กู ขอแยกเป็นประเทศล้านนา" ไปติดที่สะพานลอยหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่า เชียงราย อ.เมือง และสะพานลอยหน้าตลาดป่าก่อดำ หมู่ 10 ต.ป่าก่อดำ อ.แม่ลาว ซึ่งตำรวจและทหารได้แจ้งความเพื่อเอาผิดกับพนักสอบสวนแล้ว ข้อหาทำให้ปรากฎแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116

โดยมีหลักฐานสำคัญ คือ ภาพจากกล้องวงจรปิดท้องที่อ.เมือง ซึ่งพบชายและหญิงรวม 6 คน ส่วนใหญ่ใส่เสื้อแดง นำรถกระบะไปจอดข้างทาง แล้วนำป้ายขึ้นไปติดกลางสะพานลอยซึ่งที่ประชุมแต่งตั้งให้พ.ต.อ.ทวีชัย ประทีปอุษานนท์ รองผบก.ภ.จว.เชียงราย เป็นหัวหน้าชุดดูแลคดี คาดว่าจะใช้เวลาคลี่คลายคดีประมาณ 1 สัปดาห์***

**แกนนำสปป.ล้านนาพล่านโต้ถูกใส่ร้าย

ที่ข่วงสันกำแพง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ สมัชชาปกป้องประชาธิปไตยล้านนาหรือสปป.ล้านนา นำโดยนายวันชัย จอมทัน รักษาการประธานสปป.ล้านนา และนางพรปวีณ์ หิรัญเชษฐ์ แกนนำร่วมกันแถลงข่าว โดยนายวันชัยชี้แจงว่าชื่อสปป.ล้านนา ย่อมาจากสมัชชาปกป้องประชาธิปไตยล้านนา ไม่ได้หมายถึงสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนล้านนา อย่างที่มีการนำเสนอข่าวและเป็นที่เข้าใจกัน ตลอดจนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ที่นำป้ายขอแบ่งแยกประเทศจัดตั้งประเทศล้านนาไปติดตั้ง จนกองทัพบกแจ้งความดำเนินคดี

ทั้งนี้ ยืนยันว่าสปป.ล้านนายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่เคยมีแนวคิดแบ่งแยกประเทศ โดยจัดตั้งเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2556 เพื่อสนับสนุนการเลือกตั้งส.ส.วันที่ 2 กุมภาพันธื 2557 เพราะเชื่อว่าเป็นทางออกของประเทศ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ 3 ข้อ ได้แก่ 1.ปกป้องการปกครองระบอบประชาธิปไตย 2.ปกป้องนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง และ 3.ต่อต้านอำนาจเผด็จการทุกรูปแบบ

นายวันชัย กล่าวว่า การโยงสปป.ล้านนาไปเกี่ยวข้องกับการแบ่งแยกประเทศล้านนา เป็นความตั้งใจบิดเบือนและใส่ร้าย ทำให้สปป.ล้านนาได้รับความเสียหาย และถูกเข้าใจผิด โดยการเคลื่อนไหวที่ข่วงสันกำแพง วันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาซึ่งถูกอ้างอิงถึงนั้น เป็นเพียงการมาให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการแบ่งประเทศเลย

"ขอประณามการกระทำดังกล่าว โดยวันที่ 15 มี.ค.นี้ สปป.ล้านนา ยังจะมีการจัดทำบุญแห่คัวตานแบบล้านนา เพื่อสะเดาะเคราะห์ อุทิศส่วนบุญส่วนกุศล และแผ่เมตตาให้อีกด้วย"

**อ้างแรกตั้งใช้"สปล."เพราะยังสับสนชื่อย่อ

นายวันชัย กล่าวว่า สปป.ล้านนา ยังไม่ได้ถูกแจ้งความดำนินคดีเรื่องนี้ แต่เบื้องต้นขอยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มแบ่งแยกประเทศแน่นอน ส่วนที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตุว่าการเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ใช้ชื่อย่อ"สปล." เป็นเพราะช่วงช่วงแรกตั้ง ยังมีความสับสนกับการใช้ชื่อย่อ แต่ล่าสุดได้ทำความเข้าใจตรงกันแล้ว นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวของสปป.ล้านนา ไม่เกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดงกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ของนายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล แต่ยอมรับว่า มีแนวทางการเคลื่อนไหว และจุดยืนทางการเมืองหลายอย่างเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยสปป.ล้านนา ขึ้นตรงกับสมัชชาปกป้องประชาธิปไตย และมีสำนักงานชั่วคราวที่บ้านต้นดู่ หมู่ 3 ต.บวกค้าง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่

ขณะที่นางพรปวีณ์ อ่านแถลงการณ์ของนายสมชาย ปรีชาศิลปกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นักวิชาการในกลุ่มสปป. ระบุว่าสปป.ล้านนามีเจตนารมณ์ชัดเจน ที่สนับสนุนและปกป้องการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสถาปนารัฐใหม่ อกล่าวหาจากเจ้าหน้าที่รัฐเป็นเพียงป้ายสปป.ล้านนา อีกทั้งความผิดตามมาตรา 113 ต้องไม่ลืมว่ารวมถึงการล้มล้างอำนาจบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ รวมถึงการกระทำให้ไม่สามารถใช้อำนาจได้ด้วย จึงตั้งข้อสงสัยไม่ดำเนินการกับกปปส. เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม

**กำแพงเพชร "ไม่ยอมกบฏขี้ข้า"

วันเดียวกัน บนสะพานลอยข้ามถนนพหลโยธิน หมู่ 1 ต.อ่างทอง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร มีป้ายยาวประมาณ 10 เมตร แขวนอยู่ทั้งสองด้าน ผู้ใช้รถใช้ถนนเห็นได้ชัดเจน โดยมีข้อความเขียนว่า "แผ่นดินพระยาวชิร ไม่ยอมให้ กบฏขี้ข้า นักโทษ มาแบ่งแยกดินแดน โดยเด็ดขาด รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 1 ประเทศเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้ โดยแผ่นป้ายนี้เป็นสมบัติของกปปส.กำแพงเพชร ผู้ใดจะปลดหรือถอนออก ต้องแจ้งกปปส.กำแพงเพชรก่อน"

นายสุวัฒน์ วัฒนศิริ ประธานคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.)กำแพงเพชร เปิดเผยว่า กปปส.กำแพงเพชร รวมทั้งแนวร่วมเครือข่ายเห็นตรงกันว่า จะไม่ยอมให้ใครมาแบ่งแยกดินแดนโดยเด็ดขาด จึงนำป้ายดังกล่าวมาติดไว้เพื่อแสดงให้รู้ว่าคนกำแพงเพชร ไม่มีความต้องการเหมือนคนบางกลุ่ม

**พะเยารักชาติเมินปลดป้าย"รักกษัตริย์"

นายชุมพล ลีลานนท์ ผู้ประสานงานสภาประชาชน 17 จังหวัดภาคเหนือ กล่าวว่า หลังกลุ่มชาวพะเยารักชาติ รักสถาบัน ได้นำป้ายข้อความ "ชาวพะเยา รักและเทิดทูนพระมหากษัตริย์ ไม่ยอมแบ่งแยกแผ่นดินไทยโดยเด็ดขาด" ไปแขวนไว้ในตลาดสดอาเขต เทศบาลเมืองพะเยา เพื่อต่อต้านกลุ่มคนที่นำป้ายขอแยกประเทศ ไปติดตั้งไว้ที่สะพานลอยหน้าในต.บ้านต๋อม อ.เมือง ล่าสุด มีผู้ใหญ่ในจังหวัด(ฝ่ายปกครองและทหาร) ขอให้นำป้ายลง อ้างว่าป้องกันความขัดแย้งในสังคมเมืองพะเยา แต่ตนเห็นว่าการกระทำดังกล่าวไม่ผิดกฎหมาย และไม่เห็นว่าจะก่อให้เกิดความขัดแย้ง อีกทั้งตนไม่สามารถสั่งปลดป้ายได้ ต้องฟังความคิดเห็นของกลุ่มชาวพะเยารักชาติ รักสถาบันด้วย

"ขณะนี้จัดเวรยามเฝ้าป้ายไว้แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้ใครมานำป้ายลง"
กำลังโหลดความคิดเห็น