**พื้นที่ให้เดินแคบลงเรื่อยๆ แถมเริ่มโดดเดี่ยวเข้าทุกวัน รัฐบาลเถื่อนของ “ปูกรรเชียง”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ในสภาพที่อากาศหายใจเริ่มน้อยลงทุกที
เกมยืดเยื้อชักออกฤทธิ์ออกเดช เป็ดง่อยฝืนสังขารไม่ค่อยไหว ต่อจากนี้เหลือแค่ดูลมหายใจเฮือกสุดท้ายจะหมดเมื่อใด เมื่อนั้นก็เกม
ศึกชิงเมืองเดินทางมาไกล ใกล้จุดได้เสียเช็คบิลกันเต็มที
ว่ากันตามสถานภาพ “ปูกรรเชียง”และชาวคณะ แค่สถานะวันนี้ยังคลุมเครือ ตกลงเป็นรัฐบาลรักษาการ หรือรัฐบาลเถื่อนกันแน่ เพราะพ้น 30 วันหลังเลือกตั้งที่ต้องเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก ก็ยังไม่มีวี่แววจะมีการรับรอง ส.ส.ได้แม้แต่หน่อเดียว
เมื่อเปิดประชุมไม่ได้ กฎหมายก็ไม่ได้เขียนทางออกไว้ให้เสียด้วย สุดแล้วแต่ฝ่ายไหนจะตีความเข้าข้างตัวเอง แต่ท้ายสุด สุดท้ายคนที่ชี้ขาด พระเอกตามท้องเรื่องคือศาลรัฐธรรมนูญ
**เถื่อนไม่เถื่อนไม่นานเดี๋ยวก็รู้ เพราะมีผู้ต่อแถวเตรียมให้ตีความสถานะกันพรึ่บทั่วเมือง
แต่ที่แน่ๆ ในช่วงสับสนอลหม่านกับสถานะตัวเอง จะเดินจะเหินไม่ง่ายเหมือนเก่า จะหยิบจับอะไรมีแต่คนหวาดระแวง ก็เพราะคำสั่งที่ออกมามันจะเถื่อนหรือเปล่าไม่มีใครมั่นใจ ขืนไปทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า ติดคุกติดตะรางซวยมา รัฐบาลเถื่อนก็ช่วยไม่ได้ มีแต่เกี่ยวมือกันเข้าซังเต
เอาแค่กรณีตัวอย่างเมื่อไม่นานมานี้ อย่างการจ่ายเงินค่าจำนำข้าวให้ชาวนา ธนาคารรัฐที่อยู่ใต้บังคับบัญชายังหนีกระเจิง ไม่ร่วมสังฆกรรมด้วย ยอมโดนด่าหาว่าใจดำ ดีกว่าร่วมพายเรือกับโจร
**พิสูจน์กันเห็นชัดๆ คำบัญชาของ “ปูกรรเชียง”ไม่ศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังเหมือนก่อนยุบสภาอีกต่อไป
วันนี้หลายฝ่ายลุกขึ้นสู้ หลายฝ่ายรู้ทางลม ไม่ผลีผลามออกมาถือหาง “รัฐบาลเถื่อน”แบบสามัคคีกันอุ้มเหมือนแต่ก่อน จนมีคนสงสัย พวกจมูกไวได้กลิ่นอะไรหรือเปล่า
โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคตัวแปรอย่างพรรคชาติไทยพัฒนาของ “ปลาไหลตัวพ่อ”นายบรรหาร ศิลปอาชา พรรคชาติพัฒนาของ “ส.โคราช”นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ พรรคพลังชลของ “เสี่ยแป๊ะ”นายสนธยา คุณปลื้ม และพรรคกลางๆกั๊กๆ ยี่ห้อภูมิใจไทยของ “เสี่ยหนู”นายอนุทิน ชาญวีรกูล
ช่วงนี้ง่วงเหงาหาวนอน ไม่ค่อยคึกคักสักเท่าไหร่ แถมสงบปากสงบคำ ไม่พล่ามอะไรฟุ่มเฟือย เหมือนกับหมอบดูทิศทางลม แล้วเห็นอะไรบางอย่าง อย่ามองข้ามท่าทีพรรคตัวแปรเหล่านี้ให้ดีแล้วกัน บรรดาหมูป่าแมวเซาเชี่ยวศึก ประเมินกลศึกออก เกมไหนใครชนะ
**ถ้าเห็นเงียบๆ ไปล่ะจ้องตาอย่างให้กระพริบ อาจมีเซอร์ไพร้สภาคสอง
ทุกวันนี้ก็เหมือนกับอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ไม่ค่อยได้สุงสิงกันหวานเยิ้มเหมือนแต่เก่า แถมวันดีคืนดี “หลงจู๊เติ้ง”ยังออกมาเสนอ “อ๋องกฎหมาย” นายวิษณุ เครืองาม อดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้ามาหย่าศึก ฟังแล้วขนลุกซู่ แปลกๆ
ขณะที่ฟากฝั่ง “ท็อปบูท”วันนี้แม้ตามสถานะผู้บัญชาการเหล่าทัพ จะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาตามตำแหน่ง รมว.กลาโหม ของ “ปูกรรเชียง”แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะคอนโทรลได้หมด
ทหารแตงโมในเหล่าทัพไม่ได้มีอำนาจสั่งการเลย โดยเฉพาะ “บิ๊กแป๊ะ”พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ที่โดยตำแหน่งนั้นกว้างขวาง แต่อำนาจในเรื่องกองกำลัง ยังสู้ 3 เหล่าทัพไม่ได้
ตัวชี้ขาดกองทัพ ยังอยู่ที่ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. “บิ๊กจิน”พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. และ“บิ๊กเข้”พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. ที่ยังแพ็กกันแน่น
แม้วันนี้จะไม่แสดงออกอะไรมากมาย แต่หลายพฤติกรรมก็ส่อไปในทางแจ่มชัดว่า ยืนข้างประชาชน ไม่ได้ยืนข้างรัฐบาลเถื่อน หลายเหตุการณ์มันสะท้อนกันโจ่งแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นการจัดกำลังทหารเข้ามาดูแลความปลอดภัยผู้ชุมนุม หรือการแอ็กชั่นไล่ล่าพวกกบฏแบ่งแยกดินแดนทางภาคเหนือ และอีสาน
**หากถึงวันต้องเลือก คำตอบที่ออกมาย่อมเดาไม่ยาก
และกับอีกหนึ่งสัญญาณที่ค่อนข้างอันตรายกับรัฐบาลเถื่อน กับท่าทีระหว่าง “ตำรวจ”กับ “ม็อบนกหวีด”ในระยะหลัง ชักส่งกลิ่นทะแม่งๆ ชอบกล
โดยเฉพาะ “บิ๊กอู๋”พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กับ “กำนันเทือก”นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ที่ก่อนหน้านี้ห้ำหั่นกันแทบเป็นแทบตาย มิหนำซ้ำยังหมายหัวเล่นงานคิดบัญชี แต่ช่วงหลังมา ดูเบาบางไปจนน่าผิดสังเกต
นับตั้งแต่ศาลแพ่งมีคำพิพากษาไม่เพิกถอน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ออกกฎเหล็ก 9 ข้อ จนศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ของ “ขี้ข้าเหลิม”ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการใหญ่ง่อยเปลี้ยเสียขา
**หลังๆเม้าท์กันแซ่ด ศรส.ว่า เดี๋ยวนี้ “บิ๊กอู๋”ก็โลว์โปรไฟล์แบบน่าฉงน
ไม่ว่าจะเป็นการออกหนังสือเวียนถึงศรส. ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในเขตท้องที่ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิดไปตามกฎหมายปกติ
ต่อเนื่องกันกับที่ “กำนันเทือก”ขนมวลชน ม็อบนกหวีดไปเรียกร้องให้ ผบ.ตร. ตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมาตรวจสอบเหตุคนร้ายใช้ลอบทำร้ายผู้ชุมนุม กปปส. ถึงหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ขณะที่ “บิ๊กอู๋”ก็ใจกล้าลงมารับหนังสือด้วยตัวเอง
แถมในระยะนี้ กำนันเทือกยังเลิกไล่บี้ “บิ๊กอู๋”แล้วพูดให้กำลังใจตำรวจน้ำดีบนเวทีบ่อยๆ
ที่ยังลากไส้อยู่ก็เป็นพวกสมุนข้างกาย “ขี้ข้าเหลิม”อย่าง “บิ๊กย้อย”พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. “บิ๊กแจ๊ด”พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) และ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก สตช.
ท่ามกลางกระแสข่าว “บิ๊กอู๋”ตีห่างรัฐบาลเถื่อนออกไปเรื่อยๆ
ท่าทีบิ๊กสีกากีเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ แล้วก็เหมือนพวกนกรู้ ระยะหลังรัฐบาลเถื่อนที่เคยคิดใช้ “ตำรวจมะเขือเทศ”เป็นกองกำลังพิทักษ์อำนาจ ก็ต้องกลับหลังกลับลำไปเอาอกเอาใจข้าวหม้อเก่าอย่าง “คนเสื้อแดง”เป็นพิเศษ ในจังหวะที่ตัวเองเริ่มถูกลอยแพจากคนรอบข้าง
ตามคิวกลับมาเกาะผนังทองแดงกำแพงเหล็ก เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง อย่างน้อยๆ ก็ขู่ฟ่อต่อรองฝั่งข้ามได้ ไม่ให้ผลีผลามเร่งปิดเกม เพราะยังมีมวลชนเสื้อแดงที่พร้อมจะหนุนรัฐบาล
ท่องเช้า กลางวัน เย็น ระวังกลียุค เป็นมุกยื้อลมหายใจให้ตัวเอง
**เฮือกสุดท้ายหากยังเอาไม่อยู่ หมดตัวช่วยก็คงเหลือแค่ตอกฝาโลง จมลงกลางทะเล อวสานรัฐบาลเถื่อนแบบบริบูรณ์
เกมยืดเยื้อชักออกฤทธิ์ออกเดช เป็ดง่อยฝืนสังขารไม่ค่อยไหว ต่อจากนี้เหลือแค่ดูลมหายใจเฮือกสุดท้ายจะหมดเมื่อใด เมื่อนั้นก็เกม
ศึกชิงเมืองเดินทางมาไกล ใกล้จุดได้เสียเช็คบิลกันเต็มที
ว่ากันตามสถานภาพ “ปูกรรเชียง”และชาวคณะ แค่สถานะวันนี้ยังคลุมเครือ ตกลงเป็นรัฐบาลรักษาการ หรือรัฐบาลเถื่อนกันแน่ เพราะพ้น 30 วันหลังเลือกตั้งที่ต้องเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก ก็ยังไม่มีวี่แววจะมีการรับรอง ส.ส.ได้แม้แต่หน่อเดียว
เมื่อเปิดประชุมไม่ได้ กฎหมายก็ไม่ได้เขียนทางออกไว้ให้เสียด้วย สุดแล้วแต่ฝ่ายไหนจะตีความเข้าข้างตัวเอง แต่ท้ายสุด สุดท้ายคนที่ชี้ขาด พระเอกตามท้องเรื่องคือศาลรัฐธรรมนูญ
**เถื่อนไม่เถื่อนไม่นานเดี๋ยวก็รู้ เพราะมีผู้ต่อแถวเตรียมให้ตีความสถานะกันพรึ่บทั่วเมือง
แต่ที่แน่ๆ ในช่วงสับสนอลหม่านกับสถานะตัวเอง จะเดินจะเหินไม่ง่ายเหมือนเก่า จะหยิบจับอะไรมีแต่คนหวาดระแวง ก็เพราะคำสั่งที่ออกมามันจะเถื่อนหรือเปล่าไม่มีใครมั่นใจ ขืนไปทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า ติดคุกติดตะรางซวยมา รัฐบาลเถื่อนก็ช่วยไม่ได้ มีแต่เกี่ยวมือกันเข้าซังเต
เอาแค่กรณีตัวอย่างเมื่อไม่นานมานี้ อย่างการจ่ายเงินค่าจำนำข้าวให้ชาวนา ธนาคารรัฐที่อยู่ใต้บังคับบัญชายังหนีกระเจิง ไม่ร่วมสังฆกรรมด้วย ยอมโดนด่าหาว่าใจดำ ดีกว่าร่วมพายเรือกับโจร
**พิสูจน์กันเห็นชัดๆ คำบัญชาของ “ปูกรรเชียง”ไม่ศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังเหมือนก่อนยุบสภาอีกต่อไป
วันนี้หลายฝ่ายลุกขึ้นสู้ หลายฝ่ายรู้ทางลม ไม่ผลีผลามออกมาถือหาง “รัฐบาลเถื่อน”แบบสามัคคีกันอุ้มเหมือนแต่ก่อน จนมีคนสงสัย พวกจมูกไวได้กลิ่นอะไรหรือเปล่า
โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคตัวแปรอย่างพรรคชาติไทยพัฒนาของ “ปลาไหลตัวพ่อ”นายบรรหาร ศิลปอาชา พรรคชาติพัฒนาของ “ส.โคราช”นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ พรรคพลังชลของ “เสี่ยแป๊ะ”นายสนธยา คุณปลื้ม และพรรคกลางๆกั๊กๆ ยี่ห้อภูมิใจไทยของ “เสี่ยหนู”นายอนุทิน ชาญวีรกูล
ช่วงนี้ง่วงเหงาหาวนอน ไม่ค่อยคึกคักสักเท่าไหร่ แถมสงบปากสงบคำ ไม่พล่ามอะไรฟุ่มเฟือย เหมือนกับหมอบดูทิศทางลม แล้วเห็นอะไรบางอย่าง อย่ามองข้ามท่าทีพรรคตัวแปรเหล่านี้ให้ดีแล้วกัน บรรดาหมูป่าแมวเซาเชี่ยวศึก ประเมินกลศึกออก เกมไหนใครชนะ
**ถ้าเห็นเงียบๆ ไปล่ะจ้องตาอย่างให้กระพริบ อาจมีเซอร์ไพร้สภาคสอง
ทุกวันนี้ก็เหมือนกับอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ไม่ค่อยได้สุงสิงกันหวานเยิ้มเหมือนแต่เก่า แถมวันดีคืนดี “หลงจู๊เติ้ง”ยังออกมาเสนอ “อ๋องกฎหมาย” นายวิษณุ เครืองาม อดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้ามาหย่าศึก ฟังแล้วขนลุกซู่ แปลกๆ
ขณะที่ฟากฝั่ง “ท็อปบูท”วันนี้แม้ตามสถานะผู้บัญชาการเหล่าทัพ จะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาตามตำแหน่ง รมว.กลาโหม ของ “ปูกรรเชียง”แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะคอนโทรลได้หมด
ทหารแตงโมในเหล่าทัพไม่ได้มีอำนาจสั่งการเลย โดยเฉพาะ “บิ๊กแป๊ะ”พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ที่โดยตำแหน่งนั้นกว้างขวาง แต่อำนาจในเรื่องกองกำลัง ยังสู้ 3 เหล่าทัพไม่ได้
ตัวชี้ขาดกองทัพ ยังอยู่ที่ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. “บิ๊กจิน”พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. และ“บิ๊กเข้”พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. ที่ยังแพ็กกันแน่น
แม้วันนี้จะไม่แสดงออกอะไรมากมาย แต่หลายพฤติกรรมก็ส่อไปในทางแจ่มชัดว่า ยืนข้างประชาชน ไม่ได้ยืนข้างรัฐบาลเถื่อน หลายเหตุการณ์มันสะท้อนกันโจ่งแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นการจัดกำลังทหารเข้ามาดูแลความปลอดภัยผู้ชุมนุม หรือการแอ็กชั่นไล่ล่าพวกกบฏแบ่งแยกดินแดนทางภาคเหนือ และอีสาน
**หากถึงวันต้องเลือก คำตอบที่ออกมาย่อมเดาไม่ยาก
และกับอีกหนึ่งสัญญาณที่ค่อนข้างอันตรายกับรัฐบาลเถื่อน กับท่าทีระหว่าง “ตำรวจ”กับ “ม็อบนกหวีด”ในระยะหลัง ชักส่งกลิ่นทะแม่งๆ ชอบกล
โดยเฉพาะ “บิ๊กอู๋”พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กับ “กำนันเทือก”นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ที่ก่อนหน้านี้ห้ำหั่นกันแทบเป็นแทบตาย มิหนำซ้ำยังหมายหัวเล่นงานคิดบัญชี แต่ช่วงหลังมา ดูเบาบางไปจนน่าผิดสังเกต
นับตั้งแต่ศาลแพ่งมีคำพิพากษาไม่เพิกถอน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ออกกฎเหล็ก 9 ข้อ จนศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ของ “ขี้ข้าเหลิม”ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการใหญ่ง่อยเปลี้ยเสียขา
**หลังๆเม้าท์กันแซ่ด ศรส.ว่า เดี๋ยวนี้ “บิ๊กอู๋”ก็โลว์โปรไฟล์แบบน่าฉงน
ไม่ว่าจะเป็นการออกหนังสือเวียนถึงศรส. ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในเขตท้องที่ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิดไปตามกฎหมายปกติ
ต่อเนื่องกันกับที่ “กำนันเทือก”ขนมวลชน ม็อบนกหวีดไปเรียกร้องให้ ผบ.ตร. ตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมาตรวจสอบเหตุคนร้ายใช้ลอบทำร้ายผู้ชุมนุม กปปส. ถึงหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ขณะที่ “บิ๊กอู๋”ก็ใจกล้าลงมารับหนังสือด้วยตัวเอง
แถมในระยะนี้ กำนันเทือกยังเลิกไล่บี้ “บิ๊กอู๋”แล้วพูดให้กำลังใจตำรวจน้ำดีบนเวทีบ่อยๆ
ที่ยังลากไส้อยู่ก็เป็นพวกสมุนข้างกาย “ขี้ข้าเหลิม”อย่าง “บิ๊กย้อย”พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. “บิ๊กแจ๊ด”พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) และ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก สตช.
ท่ามกลางกระแสข่าว “บิ๊กอู๋”ตีห่างรัฐบาลเถื่อนออกไปเรื่อยๆ
ท่าทีบิ๊กสีกากีเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ แล้วก็เหมือนพวกนกรู้ ระยะหลังรัฐบาลเถื่อนที่เคยคิดใช้ “ตำรวจมะเขือเทศ”เป็นกองกำลังพิทักษ์อำนาจ ก็ต้องกลับหลังกลับลำไปเอาอกเอาใจข้าวหม้อเก่าอย่าง “คนเสื้อแดง”เป็นพิเศษ ในจังหวะที่ตัวเองเริ่มถูกลอยแพจากคนรอบข้าง
ตามคิวกลับมาเกาะผนังทองแดงกำแพงเหล็ก เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง อย่างน้อยๆ ก็ขู่ฟ่อต่อรองฝั่งข้ามได้ ไม่ให้ผลีผลามเร่งปิดเกม เพราะยังมีมวลชนเสื้อแดงที่พร้อมจะหนุนรัฐบาล
ท่องเช้า กลางวัน เย็น ระวังกลียุค เป็นมุกยื้อลมหายใจให้ตัวเอง
**เฮือกสุดท้ายหากยังเอาไม่อยู่ หมดตัวช่วยก็คงเหลือแค่ตอกฝาโลง จมลงกลางทะเล อวสานรัฐบาลเถื่อนแบบบริบูรณ์