ว่าไปแล้วตอนนี้กำนันและมวลมหาประชาชนคงรอให้มะม่วงหล่นอย่างเดียว คือลุ้นให้ ป.ป.ช.ชี้มูลยิ่งลักษณ์ให้พ้นจากรักษาการก่อนที่จะมีสภาฯ ใหม่เพื่อให้เกิดสุญญากาศ และอีกด้านลึกๆ ปชป.ก็คงลุ้นให้เลือกตั้งเป็นโมฆะ เพื่อจะได้กลับมาลงสนามที่เชื่อว่าจะสูสีมากขึ้นจนถึงขั้นแอบคาดหวังลึกๆ ว่าจะชนะ หรือถ้าไม่ชนะพรรคเพื่อไทยก็ชนะไม่ขาดแล้วหวังให้พรรคร่วมเปลี่ยนขั้ว
ผมพูดอย่างนี้ไม่ใช่เพื่อให้หลายคนท้อ เรายังต้องสู้กับระบอบทักษิณต่อไปจนกว่าจะสิ้นฤทธิ์ เพียงแต่ผมมองว่า นับแต่นี้ปัจจัยชี้ขาดไม่ได้อยู่ที่พลังมวลมหาประชาชนแล้ว แต่อยู่ที่ปัจจัยภายนอก เหมือนที่พันธมิตรฯ ชุมนุม 193 วัน สุดท้ายสามารถประกาศชัยชนะยุติการชุมนุมลงได้เพราะศาลรัฐธรรมนูญมีมติยุบพรรคพลังประชาชนและยุบพรรคร่วมอีก 2 พรรค
หลังจากที่มวลมหาประชาชนกำลังปรับทัพตั้งขบวนใหม่ถอยเข้าไปอยู่ในสวน อยู่ๆ คนเสื้อแดงก็ทำปืนลั่นใส่เท้าตัวเองด้วยเรื่องแยกดินแดน
ทำให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่พยายามรักษาสมดุลระหว่างรัฐบาลกับมวลมหาประชาชนเพื่อประคองอำนาจตัวเองไปจนเกษียณต้องออกมาแอ็กชั่นสั่งจัดการกับพวกเสื้อแดงที่ประกาศแยกดินแดนตั้งประเทศล้านนา ทำให้เสื้อแดงที่ฮึกเหิมถอยร่นไม่เป็นท่าออกมาปฏิเสธกันพัลวัน
แต่เสียงปฏิเสธของคนเสื้อแดงก็ฟังไม่ขึ้น อ้างว่า สปป.ล้านนา มาจาก สมัชชาปกป้องประชาธิปไตยล้านนา แต่หลักฐานที่ปรากฏในเว็บไซต์ของฝ่ายตัวเองก็คือ สมัชชาปกป้องประชาธิปไตยล้านนาใช้คำย่อว่า สปล. แถมพอนักข่าวไปสัมภาษณ์คนเสื้อแดงก็บอกเองว่า สปป.ล้านนา ย่อมาจากคำว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนล้านนา
แต่จริงๆ แล้วจะปฏิเสธอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น เพราะมีป้ายติดกลางถนนในหลายจังหวัดภาคเหนือว่า “ประเทศนี้ไม่ยุติธรรม กูขอแยกเป็นประเทศล้านนา”
เขียนกันชัดๆ ตรงๆ อย่างนี้จะอ้อมค้อมเฉไฉเพื่อแถไปเป็นอื่นคงไม่ได้
การทำปืนลั่นใส่เท้าตัวเองนี่แหละที่ทำให้มวลมหาประชาชนที่กำลังอ่อนล้า กลับมาคึกคัก เพราะมีประเด็นเล่น และแสดงให้เห็นว่า กบฏตัวจริงคือคนเสื้อแดงซึ่งเป็นมวลชนของรัฐบาลไม่ใช่มวลมหาประชาชน แถมยังมีคนของรัฐบาลระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ปากพาจนบนเวทีเสื้อแดง จะปฏิเสธว่า พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลไม่รู้ไม่เห็นก็คงเถียงได้ไม่เต็มปาก
ยิ่งลักษณ์เองก็รู้แต่พยายามออกตัวว่า “ต้องสืบสวนตามข้อเท็จจริงก่อนว่ามีขบวนการแบบนี้จริงหรือไม่ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การให้ความยุติธรรมอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม ไม่ให้คนมีความรู้สึกว่ามีความแตกต่าง”
คำพูดของยิ่งลักษณ์ดังกล่าวมีทั้งการปฏิเสธและการยอมรับอยู่ในตัว เพราะในขณะที่บอกว่าไม่รู้ว่ามีขบวนการแบ่งแยกดินแดนจริงหรือไม่ กลับยอมรับว่า คนเสื้อแดงไม่ได้รับความยุติธรรมจึงมีแนวคิดนี้ขึ้น
วันก่อนที่อุดรธานีนางนกแสกก็ยังปราศรัยปลุกปั่นคนเสื้อแดง ว่า คนอีสานมีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ แต่ถูกรัฐไทยข่มเหงรังแกเอารัดเอาเปรียบมาตลอด เพื่อตอกลิ่มให้คนอีสานเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ
ถ้าจะว่าไปแล้ว วาทกรรมที่สร้างความแตกแยกขึ้นในชาติของคนเสื้อแดงนั้น เกิดขึ้นมาตั้งแต่การชุมนุมปี 2553 ที่สร้างวาทกรรมอำมาตย์-ไพร่ ขึ้นมา ทั้งๆ ที่ในสังคมไทยไม่มีการเหยียดหยามทางชนชั้นอยู่เลย แต่สร้างวาทกรรมนี้ขึ้นมาเพื่อให้คนด้อยโอกาสในสังคมเข้าใจว่า ความแตกต่างทางชนชั้นยากจนข้นแค้นนั้นเกิดจากการข่มเหงกดขี่ของชนชั้นที่สูงกว่า
ผมว่านี่เป็นความพยายามของระบอบทักษิณเพื่อให้เกิดความแตกแยกในชาติเพื่อแบ่งแยกแล้วปกครอง ทำให้คนชนบทที่ต้องหาเช้ากินค่ำดิ้นรนเพื่อสร้างชีวิตเข้าใจว่า ตัวเองถูกกดขี่จากชนชั้นที่เหนือกว่า มีระบอบทักษิณนี่แหละที่พยายามหยิบยื่นชีวิตที่ดีกว่าให้คนชั้นล่าง
เราจึงได้ยินวาทกรรมที่ว่า อำนาจเก่าคนชั้นสูงกลุ่มอำมาตย์เกลียดชังทักษิณเพราะอิจฉาที่ทักษิณสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้ชนชั้นล่าง ซึ่งวาทกรรมนี้เราได้ยินพวกทักษิณและนักวิชาการแนวร่วมของทักษิณหยิบเอามาใช้หลายครั้ง
ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วชนชั้นกลางในเมืองขึ้นไป ส่วนใหญ่ไม่ชอบระบอบทักษิณ เพราะการได้รับข้อมูลข่าวสารและการศึกษาทำให้เขารู้เท่าทันว่า ระบอบทักษิณมอมเมาชนชั้นล่างด้วยยาพิษประชานิยม ในขณะเดียวกันก็แสวงหาผลประโยชน์ทับซ้อนจากนโยบาย แต่เอาไปบิดเบือนว่า ฝ่ายที่ไม่เอาระบอบทักษิณนั้นอิจฉาที่ทักษิณหยิบยื่นให้คนชั้นล่างเพื่อมีชีวิตเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเช่นเดียวกัน
ซึ่งว่าไปแล้วเป็นวาทกรรมที่ตลกมาก ผมไม่เห็นว่า มีเหตุผลอะไรที่คนชั้นที่มีฐานะทางสังคมเหนือกว่า จะไปเดือดเนื้อร้อนใจอะไรถ้าทักษิณสามารถยกระดับชนชั้นล่างให้กินดีอยู่ดีได้จริง
แล้วถามว่า ทำไมถึงยังมีนักวิชาการและปัญญาชนกลุ่มหนึ่งซึ่งมีการศึกษาหันมาสนับสนุนและเป็นแนวร่วมของทักษิณ คำตอบก็คือ นักวิชาการและปัญญาชนเหล่านั้นมีอยู่สองจำพวกคือ ได้รับประโยชน์จากระบอบทักษิณ กับมีความชิงชังระบอบกษัตริย์ และเห็นว่า ทักษิณนี่แหละที่สามารถสั่นคลอนระบอบกษัตริย์ได้ บางคนถึงกับพูดว่า สนับสนุนทักษิณล้มระบอบก่อนและค่อยกำจัดทักษิณทีหลัง
เรื่องที่ยิ่งลักษณ์บอกว่าคนเสื้อแดงไม่ได้รับความยุติธรรมก็เหมือนกัน จริงๆ แล้ว สิ่งที่ยิ่งลักษณ์พูดนั้นก็คือ ความยุติธรรมของทักษิณไม่ใช่ความยุติธรรมของคนเสื้อแดงจริงๆ เพราะคนเสื้อแดงถูกปลุกปั่นมาตลอดว่า ทักษิณซึ่งเป็นเทพเจ้าของคนชั้นล่างนั้น ถูกกลั่นแกล้งให้ไม่ได้รับความยุติธรรม เพราะอำมาตย์อิจฉาทักษิณที่ยื่นมือมาช่วยคนจนจนกลายเป็นขวัญใจของคนยากคนจน ทั้งๆ ที่ทักษิณถูกตัดสินให้ติดคุกเพราะเจตนาจะใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้ภรรยาหาประโยชน์จากทรัพย์สินของรัฐ ไม่ใช่ถูกกลั่นแกล้งจากใครที่ไหน
เมื่ออำมาตย์ถูกสร้างให้เป็นศัตรูของทักษิณจึงกลายเป็นศัตรูของชนชั้นล่างด้วย
และทักษิณก็ประสบความสำเร็จในการปลุกปั่นให้คนเสื้อแดงเชื่อว่าทักษิณได้รับความอยุติธรรม ความอยุติธรรมที่ทักษิณได้รับนั้นจึงเป็นความอยุติธรรมของคนเสื้อแดงด้วย ทำให้แกนนำเสื้อแดงและทักษิณประสบความสำเร็จในการหลอกคนชั้นล่างให้มาตายแทนเพื่อทวงคืนอำนาจและทรัพย์สินของตัวเอง และเมื่อได้อำนาจรัฐก็เอาเงินภาษีของประชาชนไปซื้อชีวิตคนเสื้อแดงอีกต่อหนึ่ง
แม้แกนนำเสื้อแดงจะออกมาปฏิเสธแนวคิดแบ่งแยกประเทศ เพราะเริ่มมองเห็นว่าสถานการณ์เริ่มบานปลาย กลายเป็นการเผชิญหน้ากับกองทัพจากเดิมที่กองทัพภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พยายามรักษาดุลระหว่างมวลมหาประชาชนกับรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนว่าแนวคิดนี้สุมอยู่ในใจของคนเสื้อแดงจริง
การปลุกปั่นวาทกรรมไพร่-อำมาตย์เพื่อสร้างความแตกแยกมายาวนานนั่นแหละที่ทำให้คนเสื้อแดงมองเห็นทักษิณเป็นพระเจ้าองค์ใหม่และอยากมีแผ่นดินภายใต้ร่มโพธิ์ของทักษิณ
ผมพูดอย่างนี้ไม่ใช่เพื่อให้หลายคนท้อ เรายังต้องสู้กับระบอบทักษิณต่อไปจนกว่าจะสิ้นฤทธิ์ เพียงแต่ผมมองว่า นับแต่นี้ปัจจัยชี้ขาดไม่ได้อยู่ที่พลังมวลมหาประชาชนแล้ว แต่อยู่ที่ปัจจัยภายนอก เหมือนที่พันธมิตรฯ ชุมนุม 193 วัน สุดท้ายสามารถประกาศชัยชนะยุติการชุมนุมลงได้เพราะศาลรัฐธรรมนูญมีมติยุบพรรคพลังประชาชนและยุบพรรคร่วมอีก 2 พรรค
หลังจากที่มวลมหาประชาชนกำลังปรับทัพตั้งขบวนใหม่ถอยเข้าไปอยู่ในสวน อยู่ๆ คนเสื้อแดงก็ทำปืนลั่นใส่เท้าตัวเองด้วยเรื่องแยกดินแดน
ทำให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่พยายามรักษาสมดุลระหว่างรัฐบาลกับมวลมหาประชาชนเพื่อประคองอำนาจตัวเองไปจนเกษียณต้องออกมาแอ็กชั่นสั่งจัดการกับพวกเสื้อแดงที่ประกาศแยกดินแดนตั้งประเทศล้านนา ทำให้เสื้อแดงที่ฮึกเหิมถอยร่นไม่เป็นท่าออกมาปฏิเสธกันพัลวัน
แต่เสียงปฏิเสธของคนเสื้อแดงก็ฟังไม่ขึ้น อ้างว่า สปป.ล้านนา มาจาก สมัชชาปกป้องประชาธิปไตยล้านนา แต่หลักฐานที่ปรากฏในเว็บไซต์ของฝ่ายตัวเองก็คือ สมัชชาปกป้องประชาธิปไตยล้านนาใช้คำย่อว่า สปล. แถมพอนักข่าวไปสัมภาษณ์คนเสื้อแดงก็บอกเองว่า สปป.ล้านนา ย่อมาจากคำว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนล้านนา
แต่จริงๆ แล้วจะปฏิเสธอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น เพราะมีป้ายติดกลางถนนในหลายจังหวัดภาคเหนือว่า “ประเทศนี้ไม่ยุติธรรม กูขอแยกเป็นประเทศล้านนา”
เขียนกันชัดๆ ตรงๆ อย่างนี้จะอ้อมค้อมเฉไฉเพื่อแถไปเป็นอื่นคงไม่ได้
การทำปืนลั่นใส่เท้าตัวเองนี่แหละที่ทำให้มวลมหาประชาชนที่กำลังอ่อนล้า กลับมาคึกคัก เพราะมีประเด็นเล่น และแสดงให้เห็นว่า กบฏตัวจริงคือคนเสื้อแดงซึ่งเป็นมวลชนของรัฐบาลไม่ใช่มวลมหาประชาชน แถมยังมีคนของรัฐบาลระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ปากพาจนบนเวทีเสื้อแดง จะปฏิเสธว่า พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลไม่รู้ไม่เห็นก็คงเถียงได้ไม่เต็มปาก
ยิ่งลักษณ์เองก็รู้แต่พยายามออกตัวว่า “ต้องสืบสวนตามข้อเท็จจริงก่อนว่ามีขบวนการแบบนี้จริงหรือไม่ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การให้ความยุติธรรมอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม ไม่ให้คนมีความรู้สึกว่ามีความแตกต่าง”
คำพูดของยิ่งลักษณ์ดังกล่าวมีทั้งการปฏิเสธและการยอมรับอยู่ในตัว เพราะในขณะที่บอกว่าไม่รู้ว่ามีขบวนการแบ่งแยกดินแดนจริงหรือไม่ กลับยอมรับว่า คนเสื้อแดงไม่ได้รับความยุติธรรมจึงมีแนวคิดนี้ขึ้น
วันก่อนที่อุดรธานีนางนกแสกก็ยังปราศรัยปลุกปั่นคนเสื้อแดง ว่า คนอีสานมีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ แต่ถูกรัฐไทยข่มเหงรังแกเอารัดเอาเปรียบมาตลอด เพื่อตอกลิ่มให้คนอีสานเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ
ถ้าจะว่าไปแล้ว วาทกรรมที่สร้างความแตกแยกขึ้นในชาติของคนเสื้อแดงนั้น เกิดขึ้นมาตั้งแต่การชุมนุมปี 2553 ที่สร้างวาทกรรมอำมาตย์-ไพร่ ขึ้นมา ทั้งๆ ที่ในสังคมไทยไม่มีการเหยียดหยามทางชนชั้นอยู่เลย แต่สร้างวาทกรรมนี้ขึ้นมาเพื่อให้คนด้อยโอกาสในสังคมเข้าใจว่า ความแตกต่างทางชนชั้นยากจนข้นแค้นนั้นเกิดจากการข่มเหงกดขี่ของชนชั้นที่สูงกว่า
ผมว่านี่เป็นความพยายามของระบอบทักษิณเพื่อให้เกิดความแตกแยกในชาติเพื่อแบ่งแยกแล้วปกครอง ทำให้คนชนบทที่ต้องหาเช้ากินค่ำดิ้นรนเพื่อสร้างชีวิตเข้าใจว่า ตัวเองถูกกดขี่จากชนชั้นที่เหนือกว่า มีระบอบทักษิณนี่แหละที่พยายามหยิบยื่นชีวิตที่ดีกว่าให้คนชั้นล่าง
เราจึงได้ยินวาทกรรมที่ว่า อำนาจเก่าคนชั้นสูงกลุ่มอำมาตย์เกลียดชังทักษิณเพราะอิจฉาที่ทักษิณสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้ชนชั้นล่าง ซึ่งวาทกรรมนี้เราได้ยินพวกทักษิณและนักวิชาการแนวร่วมของทักษิณหยิบเอามาใช้หลายครั้ง
ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วชนชั้นกลางในเมืองขึ้นไป ส่วนใหญ่ไม่ชอบระบอบทักษิณ เพราะการได้รับข้อมูลข่าวสารและการศึกษาทำให้เขารู้เท่าทันว่า ระบอบทักษิณมอมเมาชนชั้นล่างด้วยยาพิษประชานิยม ในขณะเดียวกันก็แสวงหาผลประโยชน์ทับซ้อนจากนโยบาย แต่เอาไปบิดเบือนว่า ฝ่ายที่ไม่เอาระบอบทักษิณนั้นอิจฉาที่ทักษิณหยิบยื่นให้คนชั้นล่างเพื่อมีชีวิตเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเช่นเดียวกัน
ซึ่งว่าไปแล้วเป็นวาทกรรมที่ตลกมาก ผมไม่เห็นว่า มีเหตุผลอะไรที่คนชั้นที่มีฐานะทางสังคมเหนือกว่า จะไปเดือดเนื้อร้อนใจอะไรถ้าทักษิณสามารถยกระดับชนชั้นล่างให้กินดีอยู่ดีได้จริง
แล้วถามว่า ทำไมถึงยังมีนักวิชาการและปัญญาชนกลุ่มหนึ่งซึ่งมีการศึกษาหันมาสนับสนุนและเป็นแนวร่วมของทักษิณ คำตอบก็คือ นักวิชาการและปัญญาชนเหล่านั้นมีอยู่สองจำพวกคือ ได้รับประโยชน์จากระบอบทักษิณ กับมีความชิงชังระบอบกษัตริย์ และเห็นว่า ทักษิณนี่แหละที่สามารถสั่นคลอนระบอบกษัตริย์ได้ บางคนถึงกับพูดว่า สนับสนุนทักษิณล้มระบอบก่อนและค่อยกำจัดทักษิณทีหลัง
เรื่องที่ยิ่งลักษณ์บอกว่าคนเสื้อแดงไม่ได้รับความยุติธรรมก็เหมือนกัน จริงๆ แล้ว สิ่งที่ยิ่งลักษณ์พูดนั้นก็คือ ความยุติธรรมของทักษิณไม่ใช่ความยุติธรรมของคนเสื้อแดงจริงๆ เพราะคนเสื้อแดงถูกปลุกปั่นมาตลอดว่า ทักษิณซึ่งเป็นเทพเจ้าของคนชั้นล่างนั้น ถูกกลั่นแกล้งให้ไม่ได้รับความยุติธรรม เพราะอำมาตย์อิจฉาทักษิณที่ยื่นมือมาช่วยคนจนจนกลายเป็นขวัญใจของคนยากคนจน ทั้งๆ ที่ทักษิณถูกตัดสินให้ติดคุกเพราะเจตนาจะใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้ภรรยาหาประโยชน์จากทรัพย์สินของรัฐ ไม่ใช่ถูกกลั่นแกล้งจากใครที่ไหน
เมื่ออำมาตย์ถูกสร้างให้เป็นศัตรูของทักษิณจึงกลายเป็นศัตรูของชนชั้นล่างด้วย
และทักษิณก็ประสบความสำเร็จในการปลุกปั่นให้คนเสื้อแดงเชื่อว่าทักษิณได้รับความอยุติธรรม ความอยุติธรรมที่ทักษิณได้รับนั้นจึงเป็นความอยุติธรรมของคนเสื้อแดงด้วย ทำให้แกนนำเสื้อแดงและทักษิณประสบความสำเร็จในการหลอกคนชั้นล่างให้มาตายแทนเพื่อทวงคืนอำนาจและทรัพย์สินของตัวเอง และเมื่อได้อำนาจรัฐก็เอาเงินภาษีของประชาชนไปซื้อชีวิตคนเสื้อแดงอีกต่อหนึ่ง
แม้แกนนำเสื้อแดงจะออกมาปฏิเสธแนวคิดแบ่งแยกประเทศ เพราะเริ่มมองเห็นว่าสถานการณ์เริ่มบานปลาย กลายเป็นการเผชิญหน้ากับกองทัพจากเดิมที่กองทัพภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พยายามรักษาดุลระหว่างมวลมหาประชาชนกับรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนว่าแนวคิดนี้สุมอยู่ในใจของคนเสื้อแดงจริง
การปลุกปั่นวาทกรรมไพร่-อำมาตย์เพื่อสร้างความแตกแยกมายาวนานนั่นแหละที่ทำให้คนเสื้อแดงมองเห็นทักษิณเป็นพระเจ้าองค์ใหม่และอยากมีแผ่นดินภายใต้ร่มโพธิ์ของทักษิณ