**การยุบเหลือเวทีชุมนุมกปปส.เพียงที่สวนลุมพินี นับแต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา แน่นอนว่าย่อมทำให้มวลชนที่ร่วมเคลื่อนไหวกับกปปส.ที่สวนลุมพินี หนาตาและคึกคักมากขึ้นกว่าเดิม
เพราะจากเดิมที่แตกเวทีออกไปหลายจุด ตามปฏิบัติการ Shutdown Bangkok ตั้งแต่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ต่อมายุบเวทีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-ห้าแยกลาดพร้าว แล้วเหลือเวทีสีลม-อโศก-ปทุมวัน-ราชประสงค์ จนกระทั่งปัจจุบัน เป็นเวทีสวนลุมพินี ทำให้มวลชนที่เคยกระจายกันไปตามหลายๆ จุด จะกลับมารวมกันหมดที่สวนลุมพินีแห่งเดียว
มาวันนี้เหลือเวทีสวนลุมพินีที่เดียว ช่วยลดความไม่พอใจจากคนกรุงเทพฯ จำนวนไม่น้อยที่ได้รับความเดือดร้อนกันมากที่ กปปส.ยึดกทม.พอมีการคืนพื้นที่แบบนี้ ก็เลยทำให้ได้ใจคนกรุงเทพฯ กลับไปไม่น้อย
เปลี่ยนเป็นสวนลุมฯ ที่ไปมาสะดวก ลุกนั่งสบาย ไม่รบกวนการทำมาหากิน ปัจจัยเหล่านี้ต่างเอื้ออำนวยให้กับคนไปร่วมชุมนุมได้เป็นอย่างดี
แม้จะน่าเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย เพราะมองว่าย่านดังกล่าว เช่น บ่อนไก่ -คลองเตย มีคนเสื้อแดงค่อนข้างมาก ผนวกกับช่วงปี 53 ก็เกิดเหตุรุนแรงแถวสีลม-ลุมพินี บ่อยครั้ง
บริเวณดังกล่าวมีตึกสูงหลายแห่ง ง่ายต่อการลอบกัด เช่น ยิงเอ็ม 79 เข้าไปในสวนลุมพินีได้ แต่เชื่อว่าฝ่ายสุเทพ เทือกสุบรรณ และทีมงานได้ศึกษาพื้นที่มาดีแล้ว และมั่นใจเรื่องความปลอดภัยถึงใช้สวนลุมพินีเป็นฐานที่มั่น
**สิ่งสำคัญต่อจากนี้ก็คือ เรื่องที่สุเทพจะหล่อเลี้ยงมวลชนให้ยืนหยัดกับการต่อสู้ที่ยังไม่รู้จะจบเมื่อไหร่ได้อย่างไร หลังชุมนุมกันมา 4 เดือน และบอกทุกค่ำคืนว่า ใกล้ชนะแล้ว แต่ในความเป็นจริง ชัยชนะก็ดูเหมือนยังไม่เกิดเสียที แนวร่วมบางส่วนก็เริ่มอ่อนล้าลงไปพอสมควร คือใจยังเชียร์และสู้อยู่ แต่การชุมนุมที่ยาวนานเช่นนี้ มันก็ทำให้ล้าไปมากพอสมควร
แกนนำกปปส. จึงมีงานหนักไม่น้อยในการหล่อเลี้ยงมวลชนให้รวมพลังกันหนาแน่นตลอดไปได้อย่างไร และการปรับแผนการต่อสู้ยุบย้ายเวทีชุมนุมครั้งนี้ กำนันสุเทพบอกว่า เป็นการถอยเพื่อตั้งหลักก่อนประกาศแผนการต่อสู้ครั้งใหม่
สุเทพ แจงเหตุผลกับประชาชนเมื่อคืนสุดท้ายของการปิดเวทีซัดดาวน์กรุงเทพฯ ทั้งหมด เมื่อ 1 มีนาคม ว่า ยืนยันถอยไม่เป็น เพราะคนหนุนหลังหลายล้านคน จึงถอยไม่ได้ ที่ยุบเวทีทั้งหมดไม่ใช่ถอยทัพแต่เป็นการจัดทัพใหม่ให้เข้มแข็ง แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เป็นแค่การอำลาเวทีแต่ไม่ใช่อำลาการต่อสู้
การปรับเปลี่ยนยุทธวิธีรบถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะในการต่อสู้ทางการเมืองที่มีเดิมพันสูงเช่นนี้ก็เหมือนกับการทำสงคราม หากแม่ทัพ สู้แบบไม่มีการเปลี่ยนแผน ปรับกลยุทธ์ตามสถานการณ์ เมื่อ ปฏิบัติการ Shutdown bangkok ยังไม่ได้ผล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังอยู่ในตำแหน่งได้อยู่ แล้วจะดันทุรังทำกันไปเรื่อยๆ โดยไม่ปรับแผนเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ มันก็มีแต่จะเสียแรงเสียเวลาไปเปล่าๆ
พอมีการประกาศของแม่ทัพใหญ่สุเทพ ในการทำศึกที่มวลชนเริ่มเหนื่อยล้า ก็ทำให้กองเชียร์ต่างมีกำลังใจจะสู้ต่อไป และต้องคอยดูว่า แผนการรอบใหม่ที่สุเทพและแกนนำกปปส.วางไว้ต่อจากนี้ในการเผด็จศึกยิ่งลักษณ์ จะเด็ดดวงแค่ไหน และมีอะไรเป็นไม้ตายมาให้ได้ตื่นเต้นกันบ้าง
**ด้านฟากตรงข้ามพวก “นปช.-คนเสื้อแดง”ก็ออกเคลื่อนไหวจัดทัพ เตรียมพร้อมทำสงครามแตกหักกับกปปส.เช่นกัน หลังจากทนอึดอัดมานานร่วม 4 เดือน กับการปล่อยให้สุเทพ–กปปส. รุกไล่บดขยี้ ยิ่งลักษณ์ และรัฐบาลเพื่อไทย จนแทบตายคามือแต่ก็ยังไม่ตาย
ดูสภาพแนวรบ นปช.-คนเสื้อแดง แล้ว ที่หลายคนเคยบอกว่าที่เห็นออกมาฮึ่มๆ ก่อนหน้านี้ของพวกเสื้อแดง และอดีตส.ส.เพื่อไทย หลายคนที่ประกาศจะจัดตั้งกลุ่มอีสานล้านนา และพร้อมทำ สงครามกลางเมือง กับฝ่ายที่จะล้มยิ่งลักษณ์แล้ว คนบอกว่าคำขู่ดังกล่าวคงไม่เอาจริง แค่ขู่เฉยๆ แต่เมื่อดูจาก การไปลั่นกลองรบนัดแรกกันที่ทุ่งศรีเมือง อุดรธานี เมื่อ 1 มีนาคม และเคลื่อนที่ไปขอนแก่น เมื่อ 2 มีนาคม
คำขู่ของแกนนำนปช.บนเวทีปราศรัยดังกล่าว น่าจะได้รับไฟเขียวจากแกนนำรัฐบาลเพื่อไทยมาแน่นอน สั่งให้เดินหน้า เตรียมพร้อมเต็มที่จะปราศรัยด่าใคร –ซัดใคร-ขู่ใคร ก็ทำได้ตามสะดวก ไม่ต้องเกรงใจเหมือนกับต้องการบอก สุเทพ-กปปส. รวมถึงกลุ่มที่เสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย เชื่อว่ามีกลุ่มบุคคลชั้นนำในประเทศคอยสนับสนุนกปปส.อยู่ว่า หากยังไม่เลิกรา ไล่ทุบยิ่งลักษณ์ไม่หยุดหย่อน จนเหมือนกับต้องการจะให้ตายกันไปข้าง เสื้อแดง ก็พร้อมเปิดศึกทำสงครามกลางเมืองด้วย
เลยทำให้บนเวทีเสื้อแดงดังกล่าวที่มีการถ่ายทอดสดทางทีวีเสื้อแดง และเครือข่ายสื่อนปช. เนื้อหาการปราศรัยของแกนนำนปช. พบว่าส่วนใหญ่โจมตีองค์กรอิสระแบบเรียงหนากระดาน ทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง ศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการป.ป.ช. แล้วยังพบว่าแกนนำนปช. ต่างเน้นกันมากเป็นพิเศษคือ การปลุกเร้าให้คนอีสาน –เสื้อแดงทั่วประเทศ เตรียมพร้อมกับการยกพลเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเผชิญหน้ากับกปปส.ทันที
หากมีการจัดการกับยิ่งลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นการทำโดยองค์กรอิสระ อย่างคณะกรรมการป.ป.ช. หรือทำรัฐประหาร ก็ให้เสื้อแดงเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าเข้ากรุงเทพฯได้ทันที และพยายามปราศรัยโจมตีว่าม็อบกปปส. มีเครือข่ายจารีตนิยมที่ไม่ต้องการให้อำนาจอยู่ในมือประชาชนเต็มที่คอยหนุนหลัง
ถึงกับมีการปราศรัยซัดเข้าไปเต็มๆ กับ 2 องคมนตรี คือ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และ พลากร สุวรรณรัฐ ว่าอยู่เบื้องหลังกปปส. และสุเทพ
**โดยบนเวทีนปช.ดังกล่าว มีการระบุว่า“พลเอกเปรม”คือประธาน กปปส. ที่คอยให้ท้ายสุเทพมาตลอด ขณะที่พาดพิงไปถึง “พลากร”ว่าหวังจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนกลาง ถึงกับมีการเดินสายไปพบปะบุคคลต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา
การที่เวทีเสื้อแดงพุ่งเป้าปลุกระดมคนเสื้อแดงทั่วประเทศว่า กปปส.มีเครือข่ายอำนาจบางอย่างหนุนหลัง เพื่อหวังล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ประชาชนจะยอมไม่ได้ ต้องออกมาลุกขึ้นสู้ และต้องสู้แบบยอมสู้ตาย แบบนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าต้องมีการไฟเขียว หรือสั่งการมาให้เสื้อแดงพูดจาพาดพิงบุคคลระดับสูงอย่าง 2 องคมนตรีดังกล่าวได้ เหมือนกับต้องการสื่อสารอะไรบางอย่างไปยังสุเทพ และคนบางกลุ่ม ว่าระบอบทักษิณ พร้อมแล้วกับการทำศึกหาก กปปส. ยังไม่เลิกราการ ชุมนุมโดยเร็ว
เมื่อฝ่ายหนึ่งคือสุเทพและกปปส. ถอยมาตั้งหลัก เพื่อรอวางแผนเผด็จศึกรอบใหม่ แต่อีกฝ่ายคือเพื่อไทยและเสื้อแดง ออกมาจากที่ตั้ง เพื่อเตรียมทำศึกเต็มรูปแบบ
**เค้าลางสงครามกลางเมือง ที่ฝ่ายเสื้อแดงดูจะต้องการเห็น ก็มีความเป็นไปได้ไม่น้อย !!!
เพราะจากเดิมที่แตกเวทีออกไปหลายจุด ตามปฏิบัติการ Shutdown Bangkok ตั้งแต่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ต่อมายุบเวทีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-ห้าแยกลาดพร้าว แล้วเหลือเวทีสีลม-อโศก-ปทุมวัน-ราชประสงค์ จนกระทั่งปัจจุบัน เป็นเวทีสวนลุมพินี ทำให้มวลชนที่เคยกระจายกันไปตามหลายๆ จุด จะกลับมารวมกันหมดที่สวนลุมพินีแห่งเดียว
มาวันนี้เหลือเวทีสวนลุมพินีที่เดียว ช่วยลดความไม่พอใจจากคนกรุงเทพฯ จำนวนไม่น้อยที่ได้รับความเดือดร้อนกันมากที่ กปปส.ยึดกทม.พอมีการคืนพื้นที่แบบนี้ ก็เลยทำให้ได้ใจคนกรุงเทพฯ กลับไปไม่น้อย
เปลี่ยนเป็นสวนลุมฯ ที่ไปมาสะดวก ลุกนั่งสบาย ไม่รบกวนการทำมาหากิน ปัจจัยเหล่านี้ต่างเอื้ออำนวยให้กับคนไปร่วมชุมนุมได้เป็นอย่างดี
แม้จะน่าเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย เพราะมองว่าย่านดังกล่าว เช่น บ่อนไก่ -คลองเตย มีคนเสื้อแดงค่อนข้างมาก ผนวกกับช่วงปี 53 ก็เกิดเหตุรุนแรงแถวสีลม-ลุมพินี บ่อยครั้ง
บริเวณดังกล่าวมีตึกสูงหลายแห่ง ง่ายต่อการลอบกัด เช่น ยิงเอ็ม 79 เข้าไปในสวนลุมพินีได้ แต่เชื่อว่าฝ่ายสุเทพ เทือกสุบรรณ และทีมงานได้ศึกษาพื้นที่มาดีแล้ว และมั่นใจเรื่องความปลอดภัยถึงใช้สวนลุมพินีเป็นฐานที่มั่น
**สิ่งสำคัญต่อจากนี้ก็คือ เรื่องที่สุเทพจะหล่อเลี้ยงมวลชนให้ยืนหยัดกับการต่อสู้ที่ยังไม่รู้จะจบเมื่อไหร่ได้อย่างไร หลังชุมนุมกันมา 4 เดือน และบอกทุกค่ำคืนว่า ใกล้ชนะแล้ว แต่ในความเป็นจริง ชัยชนะก็ดูเหมือนยังไม่เกิดเสียที แนวร่วมบางส่วนก็เริ่มอ่อนล้าลงไปพอสมควร คือใจยังเชียร์และสู้อยู่ แต่การชุมนุมที่ยาวนานเช่นนี้ มันก็ทำให้ล้าไปมากพอสมควร
แกนนำกปปส. จึงมีงานหนักไม่น้อยในการหล่อเลี้ยงมวลชนให้รวมพลังกันหนาแน่นตลอดไปได้อย่างไร และการปรับแผนการต่อสู้ยุบย้ายเวทีชุมนุมครั้งนี้ กำนันสุเทพบอกว่า เป็นการถอยเพื่อตั้งหลักก่อนประกาศแผนการต่อสู้ครั้งใหม่
สุเทพ แจงเหตุผลกับประชาชนเมื่อคืนสุดท้ายของการปิดเวทีซัดดาวน์กรุงเทพฯ ทั้งหมด เมื่อ 1 มีนาคม ว่า ยืนยันถอยไม่เป็น เพราะคนหนุนหลังหลายล้านคน จึงถอยไม่ได้ ที่ยุบเวทีทั้งหมดไม่ใช่ถอยทัพแต่เป็นการจัดทัพใหม่ให้เข้มแข็ง แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เป็นแค่การอำลาเวทีแต่ไม่ใช่อำลาการต่อสู้
การปรับเปลี่ยนยุทธวิธีรบถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะในการต่อสู้ทางการเมืองที่มีเดิมพันสูงเช่นนี้ก็เหมือนกับการทำสงคราม หากแม่ทัพ สู้แบบไม่มีการเปลี่ยนแผน ปรับกลยุทธ์ตามสถานการณ์ เมื่อ ปฏิบัติการ Shutdown bangkok ยังไม่ได้ผล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังอยู่ในตำแหน่งได้อยู่ แล้วจะดันทุรังทำกันไปเรื่อยๆ โดยไม่ปรับแผนเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ มันก็มีแต่จะเสียแรงเสียเวลาไปเปล่าๆ
พอมีการประกาศของแม่ทัพใหญ่สุเทพ ในการทำศึกที่มวลชนเริ่มเหนื่อยล้า ก็ทำให้กองเชียร์ต่างมีกำลังใจจะสู้ต่อไป และต้องคอยดูว่า แผนการรอบใหม่ที่สุเทพและแกนนำกปปส.วางไว้ต่อจากนี้ในการเผด็จศึกยิ่งลักษณ์ จะเด็ดดวงแค่ไหน และมีอะไรเป็นไม้ตายมาให้ได้ตื่นเต้นกันบ้าง
**ด้านฟากตรงข้ามพวก “นปช.-คนเสื้อแดง”ก็ออกเคลื่อนไหวจัดทัพ เตรียมพร้อมทำสงครามแตกหักกับกปปส.เช่นกัน หลังจากทนอึดอัดมานานร่วม 4 เดือน กับการปล่อยให้สุเทพ–กปปส. รุกไล่บดขยี้ ยิ่งลักษณ์ และรัฐบาลเพื่อไทย จนแทบตายคามือแต่ก็ยังไม่ตาย
ดูสภาพแนวรบ นปช.-คนเสื้อแดง แล้ว ที่หลายคนเคยบอกว่าที่เห็นออกมาฮึ่มๆ ก่อนหน้านี้ของพวกเสื้อแดง และอดีตส.ส.เพื่อไทย หลายคนที่ประกาศจะจัดตั้งกลุ่มอีสานล้านนา และพร้อมทำ สงครามกลางเมือง กับฝ่ายที่จะล้มยิ่งลักษณ์แล้ว คนบอกว่าคำขู่ดังกล่าวคงไม่เอาจริง แค่ขู่เฉยๆ แต่เมื่อดูจาก การไปลั่นกลองรบนัดแรกกันที่ทุ่งศรีเมือง อุดรธานี เมื่อ 1 มีนาคม และเคลื่อนที่ไปขอนแก่น เมื่อ 2 มีนาคม
คำขู่ของแกนนำนปช.บนเวทีปราศรัยดังกล่าว น่าจะได้รับไฟเขียวจากแกนนำรัฐบาลเพื่อไทยมาแน่นอน สั่งให้เดินหน้า เตรียมพร้อมเต็มที่จะปราศรัยด่าใคร –ซัดใคร-ขู่ใคร ก็ทำได้ตามสะดวก ไม่ต้องเกรงใจเหมือนกับต้องการบอก สุเทพ-กปปส. รวมถึงกลุ่มที่เสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย เชื่อว่ามีกลุ่มบุคคลชั้นนำในประเทศคอยสนับสนุนกปปส.อยู่ว่า หากยังไม่เลิกรา ไล่ทุบยิ่งลักษณ์ไม่หยุดหย่อน จนเหมือนกับต้องการจะให้ตายกันไปข้าง เสื้อแดง ก็พร้อมเปิดศึกทำสงครามกลางเมืองด้วย
เลยทำให้บนเวทีเสื้อแดงดังกล่าวที่มีการถ่ายทอดสดทางทีวีเสื้อแดง และเครือข่ายสื่อนปช. เนื้อหาการปราศรัยของแกนนำนปช. พบว่าส่วนใหญ่โจมตีองค์กรอิสระแบบเรียงหนากระดาน ทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง ศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการป.ป.ช. แล้วยังพบว่าแกนนำนปช. ต่างเน้นกันมากเป็นพิเศษคือ การปลุกเร้าให้คนอีสาน –เสื้อแดงทั่วประเทศ เตรียมพร้อมกับการยกพลเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเผชิญหน้ากับกปปส.ทันที
หากมีการจัดการกับยิ่งลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นการทำโดยองค์กรอิสระ อย่างคณะกรรมการป.ป.ช. หรือทำรัฐประหาร ก็ให้เสื้อแดงเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าเข้ากรุงเทพฯได้ทันที และพยายามปราศรัยโจมตีว่าม็อบกปปส. มีเครือข่ายจารีตนิยมที่ไม่ต้องการให้อำนาจอยู่ในมือประชาชนเต็มที่คอยหนุนหลัง
ถึงกับมีการปราศรัยซัดเข้าไปเต็มๆ กับ 2 องคมนตรี คือ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และ พลากร สุวรรณรัฐ ว่าอยู่เบื้องหลังกปปส. และสุเทพ
**โดยบนเวทีนปช.ดังกล่าว มีการระบุว่า“พลเอกเปรม”คือประธาน กปปส. ที่คอยให้ท้ายสุเทพมาตลอด ขณะที่พาดพิงไปถึง “พลากร”ว่าหวังจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนกลาง ถึงกับมีการเดินสายไปพบปะบุคคลต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา
การที่เวทีเสื้อแดงพุ่งเป้าปลุกระดมคนเสื้อแดงทั่วประเทศว่า กปปส.มีเครือข่ายอำนาจบางอย่างหนุนหลัง เพื่อหวังล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ประชาชนจะยอมไม่ได้ ต้องออกมาลุกขึ้นสู้ และต้องสู้แบบยอมสู้ตาย แบบนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าต้องมีการไฟเขียว หรือสั่งการมาให้เสื้อแดงพูดจาพาดพิงบุคคลระดับสูงอย่าง 2 องคมนตรีดังกล่าวได้ เหมือนกับต้องการสื่อสารอะไรบางอย่างไปยังสุเทพ และคนบางกลุ่ม ว่าระบอบทักษิณ พร้อมแล้วกับการทำศึกหาก กปปส. ยังไม่เลิกราการ ชุมนุมโดยเร็ว
เมื่อฝ่ายหนึ่งคือสุเทพและกปปส. ถอยมาตั้งหลัก เพื่อรอวางแผนเผด็จศึกรอบใหม่ แต่อีกฝ่ายคือเพื่อไทยและเสื้อแดง ออกมาจากที่ตั้ง เพื่อเตรียมทำศึกเต็มรูปแบบ
**เค้าลางสงครามกลางเมือง ที่ฝ่ายเสื้อแดงดูจะต้องการเห็น ก็มีความเป็นไปได้ไม่น้อย !!!