xs
xsm
sm
md
lg

บึ้ม2ลูกป่วนศาลอาญา ระเบิดไม่สมบูรณ์ไร้เจ็บ ซุกถ่านไฟฉายข่มขู่สธ.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน - คนร้ายอุกอาจขี่ จยย.ปาระเบิด 2 ลูกใส่บริเวณลานจอดรถศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก แต่โชคดีไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต คาดเป็นการข่มขู่ เริ่มแล้ว! สร้างสถานการณ์ใน สธ. พบวัตถุต้องสงสัยซุกพุ่มไม้ ตร.เร่งตรวจสอบเป็นไฟฉาย 7 ก้อนพันด้วยสายไฟ แต่ไม่มีการต่อวงจร อธิบดี คร.ยันไม่ใช่ระเบิด ไม่สามารถก่อให้เกิดอันตรายได้

เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. วานนี้ (3 มี.ค.) พ.ต.ท.สุชัย แสงส่อง สารวัตรเวร สน.พหลโยธิน รับแจ้งเหตุคนร้ายปาระเบิดใส่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.ชาตรี กาญจนกันติ ผกก.สน.พหลโยธิน และ พ.ต.ท.ยุทธพงษ์ หอมจรรยา สวป.สน.พหลโยธิน เบื้องต้นทราบว่าคนร้ายปาระเบิด 2 ลูก โดยระเบิดลูกแรกตกอยู่ริมถนน สภาพมีชิ้นส่วนระเบิดและสปริงตกอยู่ คาดเป็นระเบิดชนิดเดียวกับที่ตกอยู่ด้านในศาลอาญา ส่วนลูกที่ 2 เป็นระเบิด ชนิดเอ็ม 61 ตกอยู่บริเวณลานจอดรถ ภายในรั้วศาลอาญา ฝั่งติดกับปั๊ม ปตท. โดยสภาพถอดสลักออกแล้ว แต่ยังไม่ระเบิด โดยรถยนต์ที่จอดอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ ไม่่ได้รับความเสียหาย และไม่่มีผู้บาดเจ็บแต่อย่างใด

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำยางรถยนต์มาวางครอบระเบิดที่ตกอยู่ในรั้วศาลอาญา พร้อมนำเชือกมากั้นเป็นแนวและไม่ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าไปด้านใน และรอเจ้าหน้าที่อีโอดีมาตรวจสอบอย่างละเอียดและทำการเก็บกู้อีกครั้ง

พ.ต.ท.สุชัย กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ รปภ.ของศาลอาญา และทหารที่อยู่หน้าศาลอาญาได้ยินเสียงระเบิดดัง 1 ครั้ง ส่วนคนร้ายเป็นชาย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะในการก่อเหตุ คนขับขี่สวมหมวกกันน็อก ส่วนคนซ้อนท้ายซึ่งปาระเบิดรูปร่างสันทัด ใส่เสื้อสีดำ คลุมหมวกไหมพรม

ขณะที่ ส.ท.อำนาจ โพเทพา และ ส.อ.ประสิทธิ์ กลิ่นกุหลาบ เจ้าหน้าที่ทหารสังกัดปตอ. ซึ่งปฏิบัติหน้าที่บริเวณจุดตรวจทางเข้าศาลอาญา ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเบื้องต้นว่า ช่วงก่อนเกิดตุประมาณเวลา 10.00 น.เศษ เห็นชายคนร้าย 2 คน ขี่รถ จยย. ยี่ห้อยามาฮ่า ฟีโน่ สีชมพู-ขาว ไม่ทราบทะเบียน สวมหมวกกันน็อกครึ่งใบ ส่วนคนซ้อน สวมหมวกไอัโม่งคลุมศีรษะสีดำ สวมเสื้อแขนยาวสีดำ ขี่จยย.มาจากแยกรัชดาฯตัดลาดพร้าว ทางช่องทางซ้ายแบบชะลอตัว พอมาถึงจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ทหาร คนร้ายได้ชะลอรถโดยใช้ความเร็วประมาณ 20 - 30 ก.ม. และหันมามองเจ้าหน้าที่ทหารซึ่งท่าทางมีพิรุธ จึงได้เฝ้าระวังเหตุ จากนั้นคนร้ายได้ขี่จยย.เลยไปจนถึงบริเวณประตูทาง ก่อนจะปาระเบิดสังหารดังกล่าวจำนวน 2 ลูก แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าตรอกด้านข้างปั๊มน้ำมัน ปตท. ที่อยู่ติดกับศาลอาญา

ต่อมา พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผู้กำกับการกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรืออีโอดี ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมระบุว่าระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นระเบิดขว้างสังหาร ชนิดเอ็ม 61 รัศมีฉกรรจ์หลังตกกระทบ 15-20 เมตร ซึ่งระเบิดลูกแรกถือว่าระเบิดทำงานไม่สมบูรณ์ ส่วนลูกที่ 2 ไม่ระเบิด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้โดยนำเข็มสลักเซฟตี้แทงเข้าไปที่ลูกระเบิดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระเบิดขึ้น ก่อนจะทำการเก็บกู้ไปเรียบร้อยแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม และนายธงชัย เสนามนตรี อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ได้มาตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด

นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวว่า ตนเห็นว่าที่คนร้ายก่อเหตุครั้งนี้ ไม่่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องใช้ความรุนแรง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มาตรวจสอบวัตถุระเบิดดังกล่าวแล้ว นอกจากนี้ทางสำนักงานศาลยุติธรรมจะมีการทบทวนวางมาตรการรักษาความปลอดภัยเนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นที่จอดรถของผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ธุรการ อาจจะต้องมีการปรับระบบรักษาความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น และได้รายงานเหตุดังกล่าวให้นายดิเรก อิงคนินันท์ ประธานศาลฎีกาทราบแล้ว

นายธงชัย เสนามนตรี อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวว่า ความจริงแล้ว ขณะนี้สถานการณ์ต่างๆ เริ่มคลี่คลายแล้ว ก็ไม่น่าที่จะเกิดเหตุเช่นนี้ ซึ่งการกระทำน่าจะเกิดจากผู้ไม่ประสงค์ดี ขอยืนยันว่า คดีที่อยู่่ในการพิจารณาของศาลอาญาก็ดำเนินตามกระบวนการปกติ รวมทั้งก็ไม่น่าจะเกิดจากการพิจารณาคดีของฝ่ายต่าง ๆ โดยขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ทหารที่มาดูแลความเรียบร้อยก็ปฏิบัติหน้าที่ด้วยดีมาโดยตลอด

พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.กล่าวภายหลังเดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุว่า ทราบว่าหลังเกิดเหตุคนร้ายได้ขี่จยย.หลบหนีไปในซอยข้างปั้มน้ำมันปตท. ซึ่งเป็นซอยที่สามารถทะลุออกไปได้หลายเส้นทาง ทั้งลาดพร้าวซอย 1 และซอยใกล้เคียงอื่นๆ จึงคาดว่าคนร้ายน่าจะมีการวางแผนล่วงหน้า โดยมาสำรวจดูเส้นทางหลายครั้งก่อนลงมือเกิดเหตุ ซึ่งถือว่าคนร้ายก่อเหตุอย่างอุกอาจเพราะลงมือในช่วงกลางวันโดยมีประชาชนและรถยนต์สัญจรผ่านไปมาค่อนข้างมาก ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยทาง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ได้เน้นย้ำให้เฝ้าระวังเหตุอย่างเข้มงวดเนื่องจากมีคนร้ายใช้ระเบิดและอาวุธปืนโจมตีใส่สถานที่ต่างๆหลายครั้ง ซึ่งมาตรการป้องกันเหตุบริเวณศาล เบื้องต้นมีเจ้าหน้าที่ทหารจากปตอ. จำนวน 1 กองร้อยประจำการอยู่แล้ว แต่ว่าได้แบ่งเป็นชุดย่อยๆกระจายอยู่บริเวณโดยรอบจึงทำให้ไม่เพียงพอ ซึ่งตนจะประสานเจ้าหน้าที่ทหารขอกำลังสนับสนุนเพิ่มเติม ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้รับผิดชอบบริเวณโดยรอบทั้งถนนรัชดาและด้านหลังศาล รวมทั้งตั้งจุดตรวจค้นตอนกลางคืน

พล.ต.อ.เอก กล่าวอีกว่า สำหรับเหตุการณ์ระเบิดที่ผ่านมา ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ให้ความสำคัญ โดยมีการตั้งหน่วยสืบสวนสอบสวนโดยเฉพาะ โดยมีพล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วยผบ.ตร. เป็นผู้บังคับบัญชา เพื่อสืบสวนเร่งติดตามจับกุมคนร้าย โดยเชื่อว่าคนร้ายที่เคยก่อเหตุยิงระเบิดเอ็ม79 ใส่ศาลอาญาและศาลแพ่ง กับที่ก่อเหตุขว้างระเบิดสังหารครั้งนี้เป็นกลุ่มเดียวกัน ส่วนสาเหตุน่าจะเกิดจากการสร้างสถานการณ์ทางการเมือง ส่วนความคืบหน้าในการติดตามคนร้ายที่ยิงระเบิดเอ็ม79 นั้น ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานและพยานวัตถุ เพื่อนำมาเป็นแนวทาง ศึกษาและวิเคราะห์ถึงพฤติกรรมของคนร้าย และนำภาพจากกล้องวงจรปิด ที่จับภาพคนร้ายไว้ได้ไปตรวจสอบ เพื่อจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป

ด้านพล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ตร.กล่าวว่า จากการสอบสวนทหารที่รักษาการที่บริเวณหน้าด้านกน้าศาลอาญา ระบุว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีคนร้ายเป็นชาย 2 คน ใช้รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่ สีชมพู ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน ปาระเบิดเข้ามาภายใน ก่อนที่จะขับรถหลบหนีเข้าไปในซอยแคบระหว่างปั๊มน้ำมันกับตึกสำนักงานอัยการสูงสุด โดยคดีนี้ผบ.ตร.ได้สั่งการให้พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร.ลงไปตรวจที่เกิดเหตุและกำกับดูแลการสืบสวนติดตามตัวคนร้าย

**ตื่น!พบวัตถุคล้ายระเบิดซุกพุ่มไม้กลาง สธ.

วานนี้ (3 มี.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณคูน้ำ หน้าอาคารราชประชาสมาสัย มีผู้แจ้งเหตุพบวัตถุต้องสงสัย เป็นถ่านไฟฉายขนาดใหญ่ อยู่ในซองพลาสติกใส จำนวน 7 ก้อน และมีสายไฟพันรวมกันอยู่ ถูกวางอยู่ในพุ่มไม้ จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบ ซึ่งภายหลังการตรวจสอบพบว่า ไม่มีการต่อเชื่อมวงจรใดๆ เป็นเพียงถ่านไฟฉายที่รวมอยู่กับสายไฟเท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการเก็บไว้ตรวจสอบต่อไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 2 ก.พ. กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพิ่งออกมาตรการเตรียมความพร้อมเรื่องความปลอดภัย โดยแจ้งให้ข้าราชการ สธ.ติดบัตรข้าราชการให้ชัดเจน ให้ลงจากตึกตั้งแต่เวลา 19.00 น. และห้ามไม่ให้บุคคลภายนอกใช้เส้นทางกระทรวงสาธารณสุข เข้า ออก ตั้งแต่เวลา 20.00 - 05.00 น. ด้วย

ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค ซึ่งได้เดินทางไปดูที่เกิดเหตุด้วยตนเอง กล่าวว่า จากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า วัตถุดังกล่าวไม่ใช่ระเบิด แต่เป็นถ่ายไฟฉายขนาดใหญ่ที่ไม่มีการต่อวงจร ไม่สามารถใช้งานเพื่อทำให้เกิดอันตรายได้ อย่างไรก็ตาม กระทรวงมีมาตรการในการดูแลความปลอดภัยอยู่แล้ว.
กำลังโหลดความคิดเห็น