xs
xsm
sm
md
lg

ออกหมายจับมือฆ่า"สุทิน" บึ้มอนุสาวรีย์ชัยฯค่าหัว7แสน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สตช.ระบุศาลได้อนุมัติออกหมายจับมือปืนยิงถล่ม"สุทิน ธราทิน"เสียชีวิตที่บริเวณวัดศรีเอี่ยมแล้ว พร้อมทั้งมือบึ้มอนุสาวรีย์ชัยฯ เป็นชาวจ.กาญจนบุรี พร้อมเพิ่มเงินแจ้งเบาะแสจนนำไปสู่การจับกุมหัวละ 7 แสนบาท ศาลอาญายกคำร้องทนายยื่นเพิกถอนหมายจับ “สุเทพ” และแกนนำ กปปส.18 ราย ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ชี้หมายจับออกโดยชอบแล้ว ขณะศาลแพ่งยังไม่พิพากษาให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

วานนี้ (27 ก.พ.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุคนร้ายลอบยิงลูกระเบิดเข้าใส่หน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ ใกล้เวทีกปปส.ราชประสงค์ส่งผลให้มีเด็กเสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บจำนวนมาก ว่า ผลการตรวจวิถีกระสุนจากผู้เชี่ยวชาญ พบว่า มาจากด้านบริเวณแยกประตูน้ำ จึงดำเนินการตรวจสอบอาคารสูง หาจุดที่ก่อเหตุและกล้องวงจรปิดภายในอาคารสูง เบื้องต้น สันนิษฐานได้ 6 จุด ประกอบด้วย 1. โรงแรมโนโวเทล 2. ห้างพาราเดียม 3. ห้างแพลทินัม 4. โรงแรมแกรนด์ไดมอน 5. ชุมชนหลังวัดปทุมวนาราม และ 6. ชุมชนหลังห้างบิ๊กซีราชดำริ ส่วนการสอบปากคำ ดำเนินการไปแล้ว 25 ปาก

ส่วนคดีเหตุคนร้ายยิง นายสุทิน ธราทิน บริเวณวัดศรีเอี่ยม ตำรวจได้ขอศาลออกหมายจับชายไทยไม่ทราบชื่อ ในข้อหาผิด พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ แล้ว 1 ราย สำหรับความคืบหน้าเหตุระเบิดอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากการตรวจพิสูจน์ยืนยันดีเอ็นเอจากหมวกและเสื้อของผู้ต้องสงสัยที่ปรากฏตามคลิปวิดีโอ ล่าสุด ศาลอาญา ได้อนุมัติออกหมายจับ นายกฤษกา ไชยแค อายุ 48 ปี ชาว จ.กาญจนบุรี แล้ว และอยู่ระหว่างการเร่งรัดติดตามจับกุม

ทั้งนี้ สำหรับประชาชนที่แจ้งเบาะแสจนนำไปสู่การจับกุม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เพิ่มรางวัลนำจับอีก 200,000 บาท รวมกับที่ ผบช.น. ตั้งรางวัลนำจับก่อนหน้านี้ 500,000 เป็น 700,000 บาท อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลพยานหลักฐาน เชื่อได้ว่า คนร้ายน่าจะเป็นคนเดียว หรือกลุ่มเดียวกับเหตุระเบิดที่ถนนบรรทัดทอง

ที่ห้องพิจารณาคดี 803 ศาลอาญานัดอ่านคำสั่ง ที่นายวิโรจน์ ภูมิศิริสวัสดิ์ ทนาย กปปส.ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาเพิกถอนหมายจับ 1. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. 2. นายสาธิต วงศ์หนองเตย 3. นายชุมพล จุลใส 4. นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ 5. นายอิสสระ สมชัย 6. นายวิทยา แก้วภราดัย 7. นายถาวร เสนเนียม 8. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ 9. นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ 10. น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก 11. นายนิติธร ล้ำเหลือ 12. นายอุทัย ยอดมณี 13. เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ 14. พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ 15. นายรัชต์ยุตม์ หรืออมร ศิรโยธินภักดี 16. นายกิตติชัย ใสสะอาด 17. นายสำราญ รอดเพชร 18. นายพานสุวรรณ ณ แก้ว ที่ถูกศาลออกหมายจับข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาตรา 11 (1) และมาตรา 12 เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องสงสัยทั้ง 19 รายชอบด้วยกฎหมายทุกประการ แม้ต่อมาศาลแพ่งจะมีคำพิพากษาในคดีที่ นายถาวร เสนเนียม ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์กับพวกรวม 3 คน ให้เพิกถอน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ. 2548 ก็ตาม แต่ศาลแพ่งก็ไม่ได้มีคำสั่งให้เพิกถอนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ที่มีความร้ายแรงแต่อย่างใด แม้คำพิพากษาศาลแพ่งดังกล่าวจะสั่งห้ามมิให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์กับพวกห้ามนำประกาศและข้อกำหนดรวม 9 ข้อ ซึ่งรวมถึงการให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจจับกุมและควบคุมตัวบุคคลที่สงสัยจะเป็นผู้ร่วมกระทำการให้เกิดสถานการณ์ ฉุกเฉิน หรือผู้ใช้ผู้โฆษณา ผู้สนับสนุน การกระทำเช่นว่านั้น อันเป็นที่มาของการที่ผู้ร้องขอออกหมายจับดังกล่าวก็ตาม แต่เมื่อปรากฏคำพิพากษาศาลแพ่งดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด คู่ความสามารถใช้สิทธิอุทธรณ์ และฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งศาลอุทธรณ์ หรือฎีกา อาจพิพากษายืน กลับ แก้ไขคำพิพากษาได้ หรือหากไม่มีการอุทธรณ์คดีก็จะถึงที่สุดเมื่อระยะเวลาแห่งการอุทธรณ์ได้ล่วงพ้นไป

ส่วนที่ศาลอาญามีคำสั่งที่ ฉฉ.11/2557 ฉบับลงวันที่ 24 ก.พ. 2557 ให้ยกคำร้องของพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยกล่าวถึงการที่ศาลแพ่งมีคำพิพากษาเกี่ยวกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงว่า เป็นพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นเหตุผลประกอบดุลพินิจที่เห็นสมควรยังไม่ออกหมายจับเท่านั้น ในชั้นนี้ยังไม่มีเหตุเพิกถอนหมายจับนายสุเทพกับพวกดังกล่าว จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอเพิกถอนหมายจับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลได้ออกหมายจับแกนนำ กปปส.รวม 19 คน ข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมถึงนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม แต่นายสนธิญาณได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไปก่อนหน้านี้แล้ว และเมื่อถูกจับแล้วหมายจับของนายสนธิญาณจึงสิ้นสุดลง

นายวิโรจน์ ทนายความ กปปส.กล่าวว่า เตรียมจะยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่เพิกถอนหมายจับ เพราะว่าเมื่อศาลแพ่งมีคำวินิจฉัยห้ามใช้ประกาศและข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ จึงต้องส่งคำร้องเพื่อให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอีกครั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น