ASTVผู้จัดการรายวัน- “หลวงปู่พุทธะอิสระ” โพสเฟซบุ๊กรับ “สมชาย” ดอดขอเจรจา จึงเสนอให้ไปสร้างบรรยากาศให้ได้ก่อน กลับไปบอก “เฉลิม” ที่คุม ศรส.เลิกใช้ความรุนแรง แต่เจ้าตัวอ้างไม่มีอำนาจ ส่วนแก๊งแดงก็คุมได้ไม่หมด เลยไล่ให้ไปสร้างบรรยากาศให้ดีก่อนแล้วมาคุยใหม่ ด้าน “กกต.” ตัวกลาง ดึงทั้งสองฝ่ายเจรจา คาดหวังจะเป็นจุดเริ่มต้นแก้ปัญหาที่ดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลวงปู่พุทธะอิสระ ซึ่งรับผิดชอบเวทีศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ ของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก (Buddha Isara) โดยมีใจความว่า 24 ก.พ. 57 ค่ำเวทีแจ้งวัฒนะ หลวงปู่พุทธะอิสระเจรจาความเมืองกับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
ช่วงแรกของโพสต์เกี่ยวกับการนำมวลชนเดินทางไปวอยซ์ทีวี ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือข่ายตระกูลชินวัตร ที่เสนอข่าวใส่ร้าย กปปส.และใส่ร้ายชาวนาที่มาเรียกร้องเงินจำนำข้าว จากนั้นเป็นเรื่องของการเจรจากับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคเพื่อไทย น้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณ และเป็นพี่เขย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี เมื่อวานนี้ (24 ก.พ.) โดยมีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นผู้ประสานเข้ามา
หลวงปู่พุทธะอิสระระบุว่า การพูดคุยได้เสนอให้สร้างบรรยากาศในการเจรจาให้ได้ก่อน ไม่ใช่มีระเบิดมาลงตลอด ทุกฝ่ายในแผ่นดินนี้ต้องอยู่ด้วยกันให้ได้ เขาก็โทษ กปปส. เราก็บอกว่าไฟ ไม่มีฟืนมันก็ไม่ลุก ที่ผ่านมาพวกคุณใส่ไฟมาตลอด เชื่อว่าตบมือข้างเดียวไม่ดัง
“คุณสุเทพ (เทือกสุบรรณ) เขาไม่มีมุกจะเล่นหรอกถ้าไม่โยนมุกให้เขา มุกเฮียเหลิม (ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง) ศรส. ริดสีดวงทวาร จะเห็นว่า 3 เดือนนี้เขาก็เอาเรื่องที่คุณทำกับเราทั้งนั้นแหละมาพูด ก็หยุดทำเสียที จะได้มีบรรยากาศการเจรจา ที่จริงคุณมีสรรพยุทโธปกรณ์ กำลัง กฎหมาย ฯลฯ”
“กกต.” หวังเริ่มต้นที่ดี
เมื่อเวลา 08.10 น. วานนี้ (25ก.พ.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับการการเจรจาระหว่างหลวงปู่พุทธะอิสระ กับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมาว่า การเจรจา 2 ฝ่าย เกิดขึ้นแล้ว และยังเดินหน้าต่อไป ผลของเจรจาใหม่รอบที่ 1 ระหว่าง นายสมชาย และหลวงปู่พุทธะอิสระ เป็นแสงสว่างที่เริ่มเกิดขึ้นของการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งยาวนานในสังคม เกือบหนึ่งชั่วโมงของการเจรจาอย่างตรงไปตรงมา ยังไม่มีการเสนอเนื้อหาที่เป็นความต้องการอะไรของแต่ละฝ่าย แต่มุ่งสู่การแลกเปลี่ยน คิดค้น กระบวนการขั้นตอน และ กำหนดตัวบุคคลที่สำคัญ ที่จะเข้ามาเกี่ยวข้อง ในแต่ละขั้นตอนของการเจรจา โดย เริ่มจาก 2 คน เป็น 4 คน และ จบลงในรอบสุดท้ายที่ 6 คน (ฝ่ายละ 3) ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น จะใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 2 สัปดาห์
นายสมชัย ระบุต่อว่า หัวใจสำคัญของการเจรจารอบที่ 1 จึงเป็นการตกลงเกี่ยวกับ การสร้างกระบวนการเจรจาที่นำไปสู่การคลี่คลายปัญหาของประเทศ ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะต้องช่วยสร้าง และช่วยกันประคองให้เกิดบรรยากาศที่ดีในการเจรจา "มโนกรรม วจีกรรม และ กายกรรม" จึงเป็นข้อสรุปสำคัญของการสร้างบรรยากาศเจรจา การคิดดี จริงใจ เห็นประโยชน์การเจรจา ไม่มีเล่ห์กล ไม่เปิดหน้าเจรจา แต่เบื้องหลังมุ่งร้าย เป็นประการที่หนึ่ง (มโนกรรม) วาจามุ่งร้าย โจมตี ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ปลุกระดมให้เกิดความขิงชัง (hate speech)ต่อสาธารณะ จาก 2 ฝ่าย ต้องลดลง เป็นประการที่สอง (วจีกรรม) และการคุกคามถึงสิทธิเสรีภาพต่อทุกฝ่าย การทำร้ายร่างกาย ชีวิต ด้วยอาวุธ จนกลายเป็นความสูญเสียต่อผู้ชุมนุมหรือประชาชน ต้องไม่เกิดขึ้นอีก เป็นประการที่สาม (กายกรรม)
นายสมชัย ระบุอีกว่า แม้ว่าคู่เจรจาคู่แรก จะไม่สามารถรับปากได้ว่าจะมีศักยภาพเพียงพอที่จะนำพาทุกส่วนในสังคม ให้คล้อยตามในการสร้างบรรยากาศที่ดีในการเจรจาได้ เพราะมี "หลายสิ่ง" อยู่เหนือการควบคุม แต่อย่างน้อยจะช่วยส่ง "สัญญาณ" ให้แก่ทุกฝ่ายว่า หนึ่งสัปดาห์จากนี้ หากความรุนแรงที่เกิดขึ้นเริ่มลดลง การเจรจาครั้งที่สอง ที่เพิ่มจาก 2 เป็น 4 จะเกิดขึ้น หากอยากให้การเจรจารอบต่อไปเกิด ทุกคนต้องช่วยกัน
นายสมชัย ยังโพสต์ข้อความทิ้งท้ายสำเนาเรียนถึงกลุ่มบุคคลดังนี้ คือ 1) ประชาชนไทย 2) นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ศรส. พรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช. นักวิชาการซีกรัฐบาล สื่อมวลชนซีกรัฐบาล (ช่อง 11, voice tv , asia update) 3) สุเทพ เทือกสุบรรณ มวลชน กปปส. พรรคประชาธิปัตย์ นักวิชาการซีกตรงข้ามรัฐบาล สื่อมวลชนตรงข้ามรัฐบาล (blue sky, ASTV , T news)
หากความขัดแย้งสงบ เลือกตั้งใน 7 วัน
ทั้งนี้ นายสมชัย ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการเจรจาหาทางออกของความขัดแย้งระหว่าง หลวงปู่พุทธอิสระ กับ นายสมชาย โดยมี กกต.เป็นตัวกลางว่า สิ่งสำคัญขณะนี้ อยากให้ทุกฝ่ายโดยเฉพาะรัฐบาลและกปปส. หันมาช่วยกันสร้างบรรยากาศที่ดี เพื่อนำไปสู่การเจรจา ทั้งนี้ การเจรจาในครั้งต่อไปนั้นจะเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์หน้า ซึ่งจะเป็นการเจรจาในวงกว้างมากขึ้น หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดีก็เชื่อว่าจะเกิดผลสำเร็จภายใน 2 สัปดาห์
นายสมชัย กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำตอบว่า ทางออกคืออะไร เพราะการเจรจา เมื่อวันที่ 24 ก.พ.นั้น ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่เป็นเพียงกระบวนการเริ่มต้นเพื่อจะนำไปสู่การเจรจาเท่านั้น ขอให้รัฐบาลและกปปส. หันมาช่วยกันสร้างบรรยากาศที่ดี ซึ่งแต่ละฝ่ายไปตีโจทย์ว่า ใครควรทำอะไร ใครควรพูดอะไร และต้องส่งสัญญาณไปยังฝ่ายสนับสนุนของตัวเองให้รับรู้ว่า การเจรจาจะเป็นทางออกที่ดี เชื่อว่าสัปดาห์หน้า ก็น่าจะมีคำตอบที่ชัดเจนมากขึ้น" นายสมชัย กล่าว
สำหรับการเจรจาทั้งหมด จะมีการเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดแบบครบถ้วน ในรายการ "เกาะติดกกต." ออกอากาศครั้งแรก วันพุธที่ 26 ก.พ. เวลา 20.30 –21.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที)
เมื่อถามว่า หากเหตุการณ์ความขัดแย้งสงบลง กกต.พร้อมที่จะจัดการเลือกตั้งภายใน 7 วัน ใช่หรือไม่ นายสมชัย ระบุสั้นๆ ว่า ใช่
ต่อข้อถามว่า การไปร่วมพูดคุยในครั้งนี้ไปในนามส่วนตัว หรือในนาม กกต. นายสมชัย กล่าวว่า ความเห็นของ กกต.ทั้ง 5 คนตั้งใจให้เกิดความเรียบร้อยเกิดขึ้นในสังคม ต้องการให้สังคมมีทางออก และ กกต.ทั้ง 5 คน ก็มีส่วนช่วยให้เกิดการเจรจา
เมื่อถามว่า การเปิดเผยเรื่องที่มีการเจรจาออกไปสู่สาธารณะ จะทำให้การเจรจายากขึ้นหรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า คิดว่าไม่มีปัญหา คนที่เปิดไม่ใช่ตน เพราะหลวงปู่พุทธะอิสระ เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก เมื่อคืนวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา และและทีวีบางช่อง ได้นำไปเปิดเผยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 25 ก.พ. ตนโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หลังจากนั้น คิดว่าคงไม่มีปัญหาในการเจรจา คงเดินหน้าเจรจาต่อไป
"ชายจืด"บอกไม่มีอำนาจเหนือแดง
ด้านนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การพูดคุยกันครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการติดต่อของนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ที่เป็นผู้ประสานเข้ามาว่า หลวงปู่พุทธะอิสระ อยากจะพูดคุยด้วย ในประเด็นการชุมนุม และการปฏิรูปประเทศ จึงตกลงที่จะพูดคุยด้วย
"ผมบอกกับหลวงปู่ฯ เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงว่า ผมหรือพรรคเพื่อไทย ไม่สามารถสั่งให้คนเสื้อแดงดำเนินการ หรือไม่ดำเนินการใดๆได้ อีกทั้งได้บอกไปด้วยว่า ไม่ควรมีการใช้ความรุนแรง หรืออาวุธสงครามในระหว่างที่มีการชุมนุม คนไทยควรแก้ปัญหาโดยสันติวิธี และไม่ควรปิดสถานที่ราชการ หรือบริษัทของเอกชน" นายสมชาย ระบุ
ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่า การพูดคุยกันระหว่างกลุ่มต่างๆ เป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องยึดมั่นในรัฐธรรมนูญ กฎกติกาของบ้านเมือง และหลักการประชาธิปไตย แม้การพูดคุยกันจะไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อน แต่ก็ได้ตกลงกันว่า ไม่ควรนำไปแถลงต่อสื่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลวงปู่พุทธะอิสระ ซึ่งรับผิดชอบเวทีศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ ของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก (Buddha Isara) โดยมีใจความว่า 24 ก.พ. 57 ค่ำเวทีแจ้งวัฒนะ หลวงปู่พุทธะอิสระเจรจาความเมืองกับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
ช่วงแรกของโพสต์เกี่ยวกับการนำมวลชนเดินทางไปวอยซ์ทีวี ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือข่ายตระกูลชินวัตร ที่เสนอข่าวใส่ร้าย กปปส.และใส่ร้ายชาวนาที่มาเรียกร้องเงินจำนำข้าว จากนั้นเป็นเรื่องของการเจรจากับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคเพื่อไทย น้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณ และเป็นพี่เขย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี เมื่อวานนี้ (24 ก.พ.) โดยมีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นผู้ประสานเข้ามา
หลวงปู่พุทธะอิสระระบุว่า การพูดคุยได้เสนอให้สร้างบรรยากาศในการเจรจาให้ได้ก่อน ไม่ใช่มีระเบิดมาลงตลอด ทุกฝ่ายในแผ่นดินนี้ต้องอยู่ด้วยกันให้ได้ เขาก็โทษ กปปส. เราก็บอกว่าไฟ ไม่มีฟืนมันก็ไม่ลุก ที่ผ่านมาพวกคุณใส่ไฟมาตลอด เชื่อว่าตบมือข้างเดียวไม่ดัง
“คุณสุเทพ (เทือกสุบรรณ) เขาไม่มีมุกจะเล่นหรอกถ้าไม่โยนมุกให้เขา มุกเฮียเหลิม (ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง) ศรส. ริดสีดวงทวาร จะเห็นว่า 3 เดือนนี้เขาก็เอาเรื่องที่คุณทำกับเราทั้งนั้นแหละมาพูด ก็หยุดทำเสียที จะได้มีบรรยากาศการเจรจา ที่จริงคุณมีสรรพยุทโธปกรณ์ กำลัง กฎหมาย ฯลฯ”
“กกต.” หวังเริ่มต้นที่ดี
เมื่อเวลา 08.10 น. วานนี้ (25ก.พ.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับการการเจรจาระหว่างหลวงปู่พุทธะอิสระ กับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมาว่า การเจรจา 2 ฝ่าย เกิดขึ้นแล้ว และยังเดินหน้าต่อไป ผลของเจรจาใหม่รอบที่ 1 ระหว่าง นายสมชาย และหลวงปู่พุทธะอิสระ เป็นแสงสว่างที่เริ่มเกิดขึ้นของการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งยาวนานในสังคม เกือบหนึ่งชั่วโมงของการเจรจาอย่างตรงไปตรงมา ยังไม่มีการเสนอเนื้อหาที่เป็นความต้องการอะไรของแต่ละฝ่าย แต่มุ่งสู่การแลกเปลี่ยน คิดค้น กระบวนการขั้นตอน และ กำหนดตัวบุคคลที่สำคัญ ที่จะเข้ามาเกี่ยวข้อง ในแต่ละขั้นตอนของการเจรจา โดย เริ่มจาก 2 คน เป็น 4 คน และ จบลงในรอบสุดท้ายที่ 6 คน (ฝ่ายละ 3) ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น จะใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 2 สัปดาห์
นายสมชัย ระบุต่อว่า หัวใจสำคัญของการเจรจารอบที่ 1 จึงเป็นการตกลงเกี่ยวกับ การสร้างกระบวนการเจรจาที่นำไปสู่การคลี่คลายปัญหาของประเทศ ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะต้องช่วยสร้าง และช่วยกันประคองให้เกิดบรรยากาศที่ดีในการเจรจา "มโนกรรม วจีกรรม และ กายกรรม" จึงเป็นข้อสรุปสำคัญของการสร้างบรรยากาศเจรจา การคิดดี จริงใจ เห็นประโยชน์การเจรจา ไม่มีเล่ห์กล ไม่เปิดหน้าเจรจา แต่เบื้องหลังมุ่งร้าย เป็นประการที่หนึ่ง (มโนกรรม) วาจามุ่งร้าย โจมตี ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ปลุกระดมให้เกิดความขิงชัง (hate speech)ต่อสาธารณะ จาก 2 ฝ่าย ต้องลดลง เป็นประการที่สอง (วจีกรรม) และการคุกคามถึงสิทธิเสรีภาพต่อทุกฝ่าย การทำร้ายร่างกาย ชีวิต ด้วยอาวุธ จนกลายเป็นความสูญเสียต่อผู้ชุมนุมหรือประชาชน ต้องไม่เกิดขึ้นอีก เป็นประการที่สาม (กายกรรม)
นายสมชัย ระบุอีกว่า แม้ว่าคู่เจรจาคู่แรก จะไม่สามารถรับปากได้ว่าจะมีศักยภาพเพียงพอที่จะนำพาทุกส่วนในสังคม ให้คล้อยตามในการสร้างบรรยากาศที่ดีในการเจรจาได้ เพราะมี "หลายสิ่ง" อยู่เหนือการควบคุม แต่อย่างน้อยจะช่วยส่ง "สัญญาณ" ให้แก่ทุกฝ่ายว่า หนึ่งสัปดาห์จากนี้ หากความรุนแรงที่เกิดขึ้นเริ่มลดลง การเจรจาครั้งที่สอง ที่เพิ่มจาก 2 เป็น 4 จะเกิดขึ้น หากอยากให้การเจรจารอบต่อไปเกิด ทุกคนต้องช่วยกัน
นายสมชัย ยังโพสต์ข้อความทิ้งท้ายสำเนาเรียนถึงกลุ่มบุคคลดังนี้ คือ 1) ประชาชนไทย 2) นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ศรส. พรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช. นักวิชาการซีกรัฐบาล สื่อมวลชนซีกรัฐบาล (ช่อง 11, voice tv , asia update) 3) สุเทพ เทือกสุบรรณ มวลชน กปปส. พรรคประชาธิปัตย์ นักวิชาการซีกตรงข้ามรัฐบาล สื่อมวลชนตรงข้ามรัฐบาล (blue sky, ASTV , T news)
หากความขัดแย้งสงบ เลือกตั้งใน 7 วัน
ทั้งนี้ นายสมชัย ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการเจรจาหาทางออกของความขัดแย้งระหว่าง หลวงปู่พุทธอิสระ กับ นายสมชาย โดยมี กกต.เป็นตัวกลางว่า สิ่งสำคัญขณะนี้ อยากให้ทุกฝ่ายโดยเฉพาะรัฐบาลและกปปส. หันมาช่วยกันสร้างบรรยากาศที่ดี เพื่อนำไปสู่การเจรจา ทั้งนี้ การเจรจาในครั้งต่อไปนั้นจะเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์หน้า ซึ่งจะเป็นการเจรจาในวงกว้างมากขึ้น หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดีก็เชื่อว่าจะเกิดผลสำเร็จภายใน 2 สัปดาห์
นายสมชัย กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำตอบว่า ทางออกคืออะไร เพราะการเจรจา เมื่อวันที่ 24 ก.พ.นั้น ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่เป็นเพียงกระบวนการเริ่มต้นเพื่อจะนำไปสู่การเจรจาเท่านั้น ขอให้รัฐบาลและกปปส. หันมาช่วยกันสร้างบรรยากาศที่ดี ซึ่งแต่ละฝ่ายไปตีโจทย์ว่า ใครควรทำอะไร ใครควรพูดอะไร และต้องส่งสัญญาณไปยังฝ่ายสนับสนุนของตัวเองให้รับรู้ว่า การเจรจาจะเป็นทางออกที่ดี เชื่อว่าสัปดาห์หน้า ก็น่าจะมีคำตอบที่ชัดเจนมากขึ้น" นายสมชัย กล่าว
สำหรับการเจรจาทั้งหมด จะมีการเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดแบบครบถ้วน ในรายการ "เกาะติดกกต." ออกอากาศครั้งแรก วันพุธที่ 26 ก.พ. เวลา 20.30 –21.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที)
เมื่อถามว่า หากเหตุการณ์ความขัดแย้งสงบลง กกต.พร้อมที่จะจัดการเลือกตั้งภายใน 7 วัน ใช่หรือไม่ นายสมชัย ระบุสั้นๆ ว่า ใช่
ต่อข้อถามว่า การไปร่วมพูดคุยในครั้งนี้ไปในนามส่วนตัว หรือในนาม กกต. นายสมชัย กล่าวว่า ความเห็นของ กกต.ทั้ง 5 คนตั้งใจให้เกิดความเรียบร้อยเกิดขึ้นในสังคม ต้องการให้สังคมมีทางออก และ กกต.ทั้ง 5 คน ก็มีส่วนช่วยให้เกิดการเจรจา
เมื่อถามว่า การเปิดเผยเรื่องที่มีการเจรจาออกไปสู่สาธารณะ จะทำให้การเจรจายากขึ้นหรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า คิดว่าไม่มีปัญหา คนที่เปิดไม่ใช่ตน เพราะหลวงปู่พุทธะอิสระ เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก เมื่อคืนวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา และและทีวีบางช่อง ได้นำไปเปิดเผยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 25 ก.พ. ตนโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หลังจากนั้น คิดว่าคงไม่มีปัญหาในการเจรจา คงเดินหน้าเจรจาต่อไป
"ชายจืด"บอกไม่มีอำนาจเหนือแดง
ด้านนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การพูดคุยกันครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการติดต่อของนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ที่เป็นผู้ประสานเข้ามาว่า หลวงปู่พุทธะอิสระ อยากจะพูดคุยด้วย ในประเด็นการชุมนุม และการปฏิรูปประเทศ จึงตกลงที่จะพูดคุยด้วย
"ผมบอกกับหลวงปู่ฯ เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงว่า ผมหรือพรรคเพื่อไทย ไม่สามารถสั่งให้คนเสื้อแดงดำเนินการ หรือไม่ดำเนินการใดๆได้ อีกทั้งได้บอกไปด้วยว่า ไม่ควรมีการใช้ความรุนแรง หรืออาวุธสงครามในระหว่างที่มีการชุมนุม คนไทยควรแก้ปัญหาโดยสันติวิธี และไม่ควรปิดสถานที่ราชการ หรือบริษัทของเอกชน" นายสมชาย ระบุ
ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่า การพูดคุยกันระหว่างกลุ่มต่างๆ เป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องยึดมั่นในรัฐธรรมนูญ กฎกติกาของบ้านเมือง และหลักการประชาธิปไตย แม้การพูดคุยกันจะไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อน แต่ก็ได้ตกลงกันว่า ไม่ควรนำไปแถลงต่อสื่อ