"ปู" โผล่งานศพ "พ.ต.ต.เพียรชัย" ที่ห้วยโป่ง ระยอง เตรียมเผ่นหนีม็อบไปอีสาน ด้านแกนนำแดงนัด "ลั่นกลองรบ" ที่โคราช กร้าวต่อสู้กับระบอบอำมาตยาธิปไตยแบบเบ็ดเสร็จ เร่งจัดการ "สุเทพ-ผู้อยู่เบื้องหลัง" "ไอ้ตู่" ระบุไม่ชนะก็ต้องถูกฆ่า หัวโจก นปช.โคราชเหิม จี้ปลด "บิ๊กตู่-ตุลาการศาลแพ่ง" "ลายจุด" นำสาวกแดงว่างงานจัด “อาทิตย์สีกากี” มอบดอกไม้ นำเงินขายเสื้อแจกตำรวจ นัดร้องเพลงชาติที่โรงพักให้กำลังใจทุกวัน "ยะใส" ชี้แม้วเริ่มจนตรอก เตรียมใช้บริการ "แดงฮาร์ดคอร์"
ผู้สื่อข่าวความเคลื่อนไหวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เมื่อวันที่ 23 ก.พ.ว่า นายกรัฐมนตรียังคงเก็บตัวอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัย (เซฟเฮ้าส์) เป็นวันที่ 5 โดยนายกรัฐมนตรีพักผ่อนเป็นการส่วนตัว ไม่มีการแจ้งภารกิจใดๆ และไม่มีรายงานว่าได้พักอยู่ที่บ้านพักในซอยโยธินพัฒนา 3 ภายหลังที่กลุ่ม กปปส.ประกาศเดินหน้าไล่ล่าจับตัวนายกรัฐมนตรีและบุคคลสำคัญในรัฐบาล ท้งนี้ ยังคงมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความปลอดภัยตามจุดต่างๆ รอบบ้านพัก แม้ได้มีการลดกำลังตำรวจลงแล้วก็ตาม รวมถึงเจ้าหน้าที่ยังมีการตรวจบุคคลและรถยนต์ที่จะผ่านเข้า-ออกเป็นระยะๆ
สำหรับบรรยากาศที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี ถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา เป็นไปด้วยความเงียบเหงา โดยนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีไม่ได้เดินทางเข้าปฎิบัติภารกิจ แต่มีเพียงเจ้าหน้าที่และข้าราชการบางส่วนเข้ามาประจำการเท่านั้น ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ทหารยังคงรักษาความปลอดภัยตามปกติ และคงมีการล้อมลวดหนามโดยรอบอาคารฯ ทััั้งนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่านายกรัฐมนตรีจะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมในวันนี้ (24 ก.พ.)หรือไม่
ด้านนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เวลานี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ในที่ปลอดภัยโดยพักอยู่เซฟเฮาส์ในกทม. ติดตามสถานการณ์การชุมนุม ตรวจงานราชการ และมีการเรียกรัฐมนตรีไปประชุมสั่งงาน ซึ่งสาเหตุที่นายกฯ ยังไม่ปรากฏตัว เพราะไม่ต้องการให้กลุ่มกปปส. มาสร้างสถานการณ์ให้เกิดการปะทะกันระหว่างตำรวจกับกลุ่ มกปปส. อยากให้ตำรวจดูแลพี่น้องประชาชนมากกว่า เพราะเวลามาดูแลความปลอดภัยนายกฯ แต่ละครั้ง ต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายกองร้อยมาดูแลโดยไม่จำเป็น รวมถึงสุ่มเสี่ยงให้เกิดการยั่วยุจากกลุ่มกปปส.ได้อยู่ตลอด
ทั้งนี้ นายกฯได้ติดตามสถานการณ์เป็นระยะๆ และอาจจะต้องไปตรวจราชการต่างจังหวัดบ้าง แต่ขอไม่เปิดเผยว่าจะไปจังหวัดใด ส่วนวันที่ 25 ก.พ.นี้ จะมีประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่ ต้องดูสถานการณ์ก่อน
มีรายงานว่า ทางทีมงานนายกฯ ได้มีการจัดตารางให้นายกฯลงพื้นที่ตรวจราชการแก้ปัญหาภัยแล้ง โดยเริ่มจังหวัดทางภาคอีสานเป็นที่แรก ในระหว่างวันที่ 26-27 ก.พ. เพื่อกันนายกฯจากการไล่ล่าของกลุ่ม กปปส. ในกรุงเทพฯ
เฟซบุ๊กนายกรัฐมนตรีรักษาการ โพสต์ภาพปฏิบัติภารกิจเข้าร่วมงานศพตำรวจที่เสียชีวิตจากการเข้าสลายการชุมนุม กปปส.ที่สะพานผ่านฟ้า โดยที่ไม่ได้แจ้งสื่อรับทราบ ผบช.ภ.2 ต้อนรับด้วยตัวเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นี้ (23 ก.พ.) เฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โพสต์ภาพเดินทางมาเคารพศพ พ.ต.ต.เพียรชัย ภารวัตร อายุ 45 ปี ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ห้วยโป่ง จ.ระยอง ณ วัดห้วยโป่ง อ.เมืองฯ จ.ระยอง ซึ่งเสียชีวิตที่โรงพยาบาลกลาง จากเหตุการณ์เข้าสลายการชุมนุมของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) เวทีสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ซึ่งกองทัพธรรมและกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) รับผิดชอบพื้นที่ เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้ชุมนุมเสียชีวิต 4 ราย ตำรวจเสียชีวิต 1 ราย
ทั้งนี้ กำหนดการดังกล่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้แจ้งแก่สื่อมวลชนที่ติดตามภารกิจนายกรัฐมนตรี รับทราบ มีเพียงคนใกล้ชิดมาร่วมงานเท่านั้น ท่ามกลางกระแสข่าวที่กลุ่ม กปปส. ปฏิบัติภารกิจไล่ล่านายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งเจ้าตัวได้อาศัยเซฟเฮาส์ไม่เปิดเผยสถานที่ในการทำงานและใช้ชีวิตส่วนตัว โดยการเดินทางมายังวัดห้วยโป่งครั้งนี้ ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในชุดปราบจลาจล โดยมี พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผบช.ภ.2 ให้การต้อนรับด้วยตัวเอง
น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ หายตัวไป 5วัน และมีการวันเกิดเหตุรุนแรงหลายครั้งจนทำให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย จึงขอประกาศหาผู้นำหาย เพราะขณะนี้ประเทศขาดสภาวะไร้การนำของผู้นำประเทศ การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ละทิ้งปัญหาไว้ในมือทีมที่ปรึกษาที่เป็นสายเหยี่ยวทำให้เกิดเหตุสูญเสียไม่เว้นแต่ละวัน จึงขอให้หยุดการสังหารประชาชนเพื่อปรามการชุมนุม และรักษาอำนาจโดยมิชอบของตัวเอง ขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้ามาบัญชาการด้วยตัวเอง โดยถอยอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่ทำให้เกิดการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น
"ขอตั้งข้อสังเกตว่า ทุกครั้งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์หายตัวไป จะมีคนตายเสมอ ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง 2 ก.พ. ก็มีผู้้เสียชีวิต มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายและฮาร์ดคอร์เสื้อแดง ทำร้ายประชาชน จึงขอถามว่า ท่านรู้เห็นเป็นใจกับการสังหารหมู่ประชาชนโดยเฉพาะเหตุการณ์ที่ จ.ตราด หรือไม่"
แกนนำแดงนัดโคราช "ลั่นกลองรบ"
เมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้ (23 ก.พ.) ที่อาคารลิปตพัลลภ ฮอลล์ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำโดย นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานนปช. ได้จัดชุมนุมใหญ่ภายใต้ชื่อ "นปช.ลั่นกลองรบ" ได้ทำพิธีลั่นกลองรบ เพื่อแสดงพลังต่อสู้รักษาระบอบประชาธิปไตย และสนับสนุนให้มีการเลือกตั้ง พร้อมทั้งกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหว โดยเน้นรูปแบบสันติวิธี ซึ่งการชุมนุมครั้งนี้เป็นการระดมความคิดเห็น เพื่อให้แกนนำไปเคลื่อนไหวในพื้นที่ของตนเองต่อไป
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. กล่าวว่า การประชุมใหญ่แกนนำครั้งนี้ จะเป็นครั้งสุดท้าย จากนี้ไปคนเสื้อแดงจะเดินหน้าทำทุกอย่าง เพื่อต่อสู้กับระบอบอำมาตยาธิปไตย รวมทั้ง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) และผู้อยู่เบื้องหลังนายสุเทพด้วย เพราะธงของอำมาตย์ คือการล้มล้างรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย ดังนั้น เราต้องร่วมกันต่อสู้อย่างเบ็ดเสร็จ ส่วนจะทำอย่างไร ต้องรับฟังจากแกนนำแต่ละภาค และการต่อสู้ครั้งนี้จะต้องเบ็ดเสร็จ หากไม่ชนะเราก็ถูกฆ่า
นายอนุวัฒน์ ทินราช รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครราชสีมา ในฐานะแกนนำ นปช.โคราช เสนอแนวทางการต่อสู้ว่า ให้จัดพิมพ์รายชื่อบุคคล องค์กรที่เป็นปรปักษ์ รายชื่อศาล องค์กรอิสระ และท่อน้ำเลี้ยงเพื่อจัดการต่อไป ให้เรียกประชุมแกนนำจังหวัด ฝึกซ้อมกำลังพล เพื่อเตรียมพร้อม และขอเสนอให้รัฐบาลยกเลิกรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 สนับสนุนให้ใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 พร้อมทั้งปลด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ตุลาการศาลแพ่ง เร่งดำเนินคดีกับ กปปส.
นอกจากนี้เสนอให้ภาคเหนือเป็นที่ตั้งของ นปช. ปรับเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ตั้งทีม นปช.เป็นตัวแทนดูแลสื่อ เพื่อจะได้ควบคุมการนำเสนอข่าวได้ และกำจัดตระกูลเทือกสุบรรณ ออกจากแผ่นดินไทย
ด้านนางธิดา ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า การประชุมใหญ่แกนนำนปช.ครั้งนี้ เพราะพวกเรารู้ว่าประเทศชาติเสียหายมาก ประชาชนและคนเสื้อแดงไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่ต้องการให้มีการต่อสู้แบบอนาธิปไตยเกิดขึ้น จึงเห็นว่าองค์กรที่รักประชาธิปไตยแบบ นปช. จำเป็นจะต้องระดมความคิดเห็น นำเสนอแผนปฏิบัติการในพื้นที่ เพื่อเผยแพร่ให้คนทั่วประเทศได้รับรู้
จากนั้นจะเป็นการกำหนดยุทธวิธีการต่อสู้ โดยหลักการของ นปช. ยังเป็นหลักการสันติวิธี ต้องสู้ในกรอบกฎหมายและประชาธิปไตย และหลังเสร็จการประชุมครั้งนี้ จะเป็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงทุกพื้นที่ 2 รูปแบบ คือ เคลื่อนไหวในพื้นที่และในภาพรวม โดยเราจะเน้นที่ภาพรวม ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของบ้านเมืองว่าต้องจัดหนัก หรือจัดเบา แต่เรามีเป้าหมายเดียวคือ ให้ประเทศนี้อยู่ภายใต้การเมืองที่เป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่เผด็จการ หรือของคนใดคนหนึ่ง
"ดังนั้นวันนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า เราไม่พอใจการกระทำของ กปปส. ซึ่งหลังจากวันนี้แล้ว จะเคลื่อนไหวอย่างเดียว ไม่มีการประชุมอีกแล้ว เพราะบ้านเมืองไม่ไหวแล้ว เศรษฐกิจเสียหาย แต่เรายังยึดสันติ ไม่ใช้กำลังไม่ให้เกิดการสูญเสีย" นางธิดา กล่าว
“ลายจุด”นัดแดงร้องเพลงชาติที่โรงพัก
วานนี้ (23 ก.พ.) ที่สโมสรตำรวจ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นำประชาชนเข้ามอบดอกไม้และเงินรายได้จากการขายเสื้อยืด I Love Police มอบให้กับตำรวจชุดควบคุมฝูงชน ในชื่อกิจกรรม“วันอาทิตย์สีกากี”เพื่อให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.โดยมี พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้การต้อนรับ
นายสมบัติ กล่าวว่า สัปดาห์หน้าจะกลับมาจัดกิจกรรมอีกครั้ง ระหว่างนี้จะมีกิจกรรมที่จัดขึ้นระหว่างสัปดาห์เรียกกว่า กิจกรรมเพลงชาติของเรา โดยให้ประชาชนร่วมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้วยการไปต่อแถวเคารพธงชาติ ที่สถานีตำรวจใกล้บ้าน ในเวลา 08.00 น. หรือ 18.00 น. เพื่อร่วมร้องเพลงชาติกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศ ซึ่งตนจะเริ่มกิจกรรมที่สถานีตำรวจดอนเมือง เพื่อร้องเพลงชาติในวันนี้ (24 ก.พ.) เวลา 18.00 น.
ด้านพล.ต.ท.โสภณ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ตำรวจพยายามรักษาความสงบเรียบร้อยในการคลี่คลายสถานการณ์ ทำให้มีการสูญเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ซึ่งตำรวจไม่พึงประสงค์ให้เกิดแบบนี้ ตำรวจพยายามรักษากฎหมาย และปฏิบัติตามหลักสากล ภายในข้อจำกัดและอุปสรรคที่มี ตำรวจยังมีกำลังใจที่มีประชาชนออกมายืนเคียงข้าง จึงขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะตั้งใจทำหน้าที่ต่อไป
"แม้ว"จนตรอกใช้แดงฮาร์ดคอร์ลุย
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีนและกรรมการ กปปส. กล่าวว่า สถานการณ์วิกฤติการเมืองไทยในขณะนี้ กำลังเข้าสู่โค้งสุดท้าย และมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น เพราะระบอบทักษิณถูกเขย่ารุนแรงมากกว่าที่ผ่านๆ มา ปัจจัยที่เคยเป็นกลไกขับเคลื่อนระบอบทักษิณเริ่มหมดสภาพ และไม่ทำงานเหมือนเดิมอีกต่อไปไม่ว่าจะเป็นนโยบายประชานิยม ที่เป็นหัวใจระบอบทักษิณถูกเปิดโปงและล้มเหลวโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว ที่สำคัญประชานิยมขนาดใหญ่ภายใต้แผนกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท และโครงการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ถูกแช่แข็งไม่มีอนาคต
เสียงข้างมากในสภาที่ไรัความชอบธรรม ไม่สามารถคุ้มครองรัฐบาลยิ่งลักษณ์และระบอบทักษิณไดัอีกต่อไป กลไกรัฐตำรวจ และดีเอสไอที่เคยรุ่งเรืองตกเป็นจำเลยของสังคมอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน และถูกถ่วงดุลกำกับการใชัอำนาจโดยศาลมากขึ้น ศรส.กลายเป็นยักษ์ไม่มีกระบอง
ในขณะที่กองทัพก็รักษาระยะห่าง ส่งผลให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ไม่อยู่ในสถานะที่ปลอดภัย หวาดระแวงคนรอบตัว แม้กระทั่งหน่วยงานที่คุมความมั่นคง นอกจากนี้ยังคาดการณ์ได้ว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ อาจมีจุดจบเหมือนพี่ชาย จากคดีทุจริตโครงการจำนำข้าว
สภาวะจนตรอกของระบอบทักษิณ จึงไม่มีทางเลือกมากมายเหมือนในอดีต จึงเหลือทางเลือกเดียวคือ พึ่งบริการเสื้อแดงสายฮาร์ดคอร์ ประสานกำลังกับตำรวจ ลิ่วล้อบริวารจำนวนหนึ่ง ปฏิบัติการณ์ใต้ดิน เน้นความรุนแรงไม่จำกัดพื้นที่แม้กระทั่งยิงถล่มศาล เพื่อกดดันต่อรอง และหวังข่มขู่เอาชีวิตฝ่ายตรงข้ามก็พร้อมจะทำ ถ้าต่อรองไม่ได้ก็พร้อมทำสงครามไม่สนใจความหายนะที่จะเกิดขึ้น ดังที่เคยพูดว่า ถ้าตัวเขาอยู่ไม่ได้ คนอื่นก็อย่าคิดว่าจะอยู่อย่างสงบได้ หากพ่ายแพ้อีก มีความเป็นไปได้ที่ทักษิณอาจให้น้องสาวหนีออกนอกประเทศ และตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น.
ผู้สื่อข่าวความเคลื่อนไหวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เมื่อวันที่ 23 ก.พ.ว่า นายกรัฐมนตรียังคงเก็บตัวอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัย (เซฟเฮ้าส์) เป็นวันที่ 5 โดยนายกรัฐมนตรีพักผ่อนเป็นการส่วนตัว ไม่มีการแจ้งภารกิจใดๆ และไม่มีรายงานว่าได้พักอยู่ที่บ้านพักในซอยโยธินพัฒนา 3 ภายหลังที่กลุ่ม กปปส.ประกาศเดินหน้าไล่ล่าจับตัวนายกรัฐมนตรีและบุคคลสำคัญในรัฐบาล ท้งนี้ ยังคงมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความปลอดภัยตามจุดต่างๆ รอบบ้านพัก แม้ได้มีการลดกำลังตำรวจลงแล้วก็ตาม รวมถึงเจ้าหน้าที่ยังมีการตรวจบุคคลและรถยนต์ที่จะผ่านเข้า-ออกเป็นระยะๆ
สำหรับบรรยากาศที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี ถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา เป็นไปด้วยความเงียบเหงา โดยนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีไม่ได้เดินทางเข้าปฎิบัติภารกิจ แต่มีเพียงเจ้าหน้าที่และข้าราชการบางส่วนเข้ามาประจำการเท่านั้น ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ทหารยังคงรักษาความปลอดภัยตามปกติ และคงมีการล้อมลวดหนามโดยรอบอาคารฯ ทััั้งนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่านายกรัฐมนตรีจะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมในวันนี้ (24 ก.พ.)หรือไม่
ด้านนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เวลานี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ในที่ปลอดภัยโดยพักอยู่เซฟเฮาส์ในกทม. ติดตามสถานการณ์การชุมนุม ตรวจงานราชการ และมีการเรียกรัฐมนตรีไปประชุมสั่งงาน ซึ่งสาเหตุที่นายกฯ ยังไม่ปรากฏตัว เพราะไม่ต้องการให้กลุ่มกปปส. มาสร้างสถานการณ์ให้เกิดการปะทะกันระหว่างตำรวจกับกลุ่ มกปปส. อยากให้ตำรวจดูแลพี่น้องประชาชนมากกว่า เพราะเวลามาดูแลความปลอดภัยนายกฯ แต่ละครั้ง ต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายกองร้อยมาดูแลโดยไม่จำเป็น รวมถึงสุ่มเสี่ยงให้เกิดการยั่วยุจากกลุ่มกปปส.ได้อยู่ตลอด
ทั้งนี้ นายกฯได้ติดตามสถานการณ์เป็นระยะๆ และอาจจะต้องไปตรวจราชการต่างจังหวัดบ้าง แต่ขอไม่เปิดเผยว่าจะไปจังหวัดใด ส่วนวันที่ 25 ก.พ.นี้ จะมีประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่ ต้องดูสถานการณ์ก่อน
มีรายงานว่า ทางทีมงานนายกฯ ได้มีการจัดตารางให้นายกฯลงพื้นที่ตรวจราชการแก้ปัญหาภัยแล้ง โดยเริ่มจังหวัดทางภาคอีสานเป็นที่แรก ในระหว่างวันที่ 26-27 ก.พ. เพื่อกันนายกฯจากการไล่ล่าของกลุ่ม กปปส. ในกรุงเทพฯ
เฟซบุ๊กนายกรัฐมนตรีรักษาการ โพสต์ภาพปฏิบัติภารกิจเข้าร่วมงานศพตำรวจที่เสียชีวิตจากการเข้าสลายการชุมนุม กปปส.ที่สะพานผ่านฟ้า โดยที่ไม่ได้แจ้งสื่อรับทราบ ผบช.ภ.2 ต้อนรับด้วยตัวเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นี้ (23 ก.พ.) เฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โพสต์ภาพเดินทางมาเคารพศพ พ.ต.ต.เพียรชัย ภารวัตร อายุ 45 ปี ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ห้วยโป่ง จ.ระยอง ณ วัดห้วยโป่ง อ.เมืองฯ จ.ระยอง ซึ่งเสียชีวิตที่โรงพยาบาลกลาง จากเหตุการณ์เข้าสลายการชุมนุมของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) เวทีสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ซึ่งกองทัพธรรมและกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) รับผิดชอบพื้นที่ เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้ชุมนุมเสียชีวิต 4 ราย ตำรวจเสียชีวิต 1 ราย
ทั้งนี้ กำหนดการดังกล่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้แจ้งแก่สื่อมวลชนที่ติดตามภารกิจนายกรัฐมนตรี รับทราบ มีเพียงคนใกล้ชิดมาร่วมงานเท่านั้น ท่ามกลางกระแสข่าวที่กลุ่ม กปปส. ปฏิบัติภารกิจไล่ล่านายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งเจ้าตัวได้อาศัยเซฟเฮาส์ไม่เปิดเผยสถานที่ในการทำงานและใช้ชีวิตส่วนตัว โดยการเดินทางมายังวัดห้วยโป่งครั้งนี้ ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในชุดปราบจลาจล โดยมี พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผบช.ภ.2 ให้การต้อนรับด้วยตัวเอง
น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ หายตัวไป 5วัน และมีการวันเกิดเหตุรุนแรงหลายครั้งจนทำให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย จึงขอประกาศหาผู้นำหาย เพราะขณะนี้ประเทศขาดสภาวะไร้การนำของผู้นำประเทศ การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ละทิ้งปัญหาไว้ในมือทีมที่ปรึกษาที่เป็นสายเหยี่ยวทำให้เกิดเหตุสูญเสียไม่เว้นแต่ละวัน จึงขอให้หยุดการสังหารประชาชนเพื่อปรามการชุมนุม และรักษาอำนาจโดยมิชอบของตัวเอง ขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้ามาบัญชาการด้วยตัวเอง โดยถอยอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่ทำให้เกิดการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น
"ขอตั้งข้อสังเกตว่า ทุกครั้งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์หายตัวไป จะมีคนตายเสมอ ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง 2 ก.พ. ก็มีผู้้เสียชีวิต มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายและฮาร์ดคอร์เสื้อแดง ทำร้ายประชาชน จึงขอถามว่า ท่านรู้เห็นเป็นใจกับการสังหารหมู่ประชาชนโดยเฉพาะเหตุการณ์ที่ จ.ตราด หรือไม่"
แกนนำแดงนัดโคราช "ลั่นกลองรบ"
เมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้ (23 ก.พ.) ที่อาคารลิปตพัลลภ ฮอลล์ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำโดย นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานนปช. ได้จัดชุมนุมใหญ่ภายใต้ชื่อ "นปช.ลั่นกลองรบ" ได้ทำพิธีลั่นกลองรบ เพื่อแสดงพลังต่อสู้รักษาระบอบประชาธิปไตย และสนับสนุนให้มีการเลือกตั้ง พร้อมทั้งกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหว โดยเน้นรูปแบบสันติวิธี ซึ่งการชุมนุมครั้งนี้เป็นการระดมความคิดเห็น เพื่อให้แกนนำไปเคลื่อนไหวในพื้นที่ของตนเองต่อไป
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. กล่าวว่า การประชุมใหญ่แกนนำครั้งนี้ จะเป็นครั้งสุดท้าย จากนี้ไปคนเสื้อแดงจะเดินหน้าทำทุกอย่าง เพื่อต่อสู้กับระบอบอำมาตยาธิปไตย รวมทั้ง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) และผู้อยู่เบื้องหลังนายสุเทพด้วย เพราะธงของอำมาตย์ คือการล้มล้างรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย ดังนั้น เราต้องร่วมกันต่อสู้อย่างเบ็ดเสร็จ ส่วนจะทำอย่างไร ต้องรับฟังจากแกนนำแต่ละภาค และการต่อสู้ครั้งนี้จะต้องเบ็ดเสร็จ หากไม่ชนะเราก็ถูกฆ่า
นายอนุวัฒน์ ทินราช รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครราชสีมา ในฐานะแกนนำ นปช.โคราช เสนอแนวทางการต่อสู้ว่า ให้จัดพิมพ์รายชื่อบุคคล องค์กรที่เป็นปรปักษ์ รายชื่อศาล องค์กรอิสระ และท่อน้ำเลี้ยงเพื่อจัดการต่อไป ให้เรียกประชุมแกนนำจังหวัด ฝึกซ้อมกำลังพล เพื่อเตรียมพร้อม และขอเสนอให้รัฐบาลยกเลิกรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 สนับสนุนให้ใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 พร้อมทั้งปลด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ตุลาการศาลแพ่ง เร่งดำเนินคดีกับ กปปส.
นอกจากนี้เสนอให้ภาคเหนือเป็นที่ตั้งของ นปช. ปรับเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ตั้งทีม นปช.เป็นตัวแทนดูแลสื่อ เพื่อจะได้ควบคุมการนำเสนอข่าวได้ และกำจัดตระกูลเทือกสุบรรณ ออกจากแผ่นดินไทย
ด้านนางธิดา ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า การประชุมใหญ่แกนนำนปช.ครั้งนี้ เพราะพวกเรารู้ว่าประเทศชาติเสียหายมาก ประชาชนและคนเสื้อแดงไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่ต้องการให้มีการต่อสู้แบบอนาธิปไตยเกิดขึ้น จึงเห็นว่าองค์กรที่รักประชาธิปไตยแบบ นปช. จำเป็นจะต้องระดมความคิดเห็น นำเสนอแผนปฏิบัติการในพื้นที่ เพื่อเผยแพร่ให้คนทั่วประเทศได้รับรู้
จากนั้นจะเป็นการกำหนดยุทธวิธีการต่อสู้ โดยหลักการของ นปช. ยังเป็นหลักการสันติวิธี ต้องสู้ในกรอบกฎหมายและประชาธิปไตย และหลังเสร็จการประชุมครั้งนี้ จะเป็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงทุกพื้นที่ 2 รูปแบบ คือ เคลื่อนไหวในพื้นที่และในภาพรวม โดยเราจะเน้นที่ภาพรวม ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของบ้านเมืองว่าต้องจัดหนัก หรือจัดเบา แต่เรามีเป้าหมายเดียวคือ ให้ประเทศนี้อยู่ภายใต้การเมืองที่เป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่เผด็จการ หรือของคนใดคนหนึ่ง
"ดังนั้นวันนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า เราไม่พอใจการกระทำของ กปปส. ซึ่งหลังจากวันนี้แล้ว จะเคลื่อนไหวอย่างเดียว ไม่มีการประชุมอีกแล้ว เพราะบ้านเมืองไม่ไหวแล้ว เศรษฐกิจเสียหาย แต่เรายังยึดสันติ ไม่ใช้กำลังไม่ให้เกิดการสูญเสีย" นางธิดา กล่าว
“ลายจุด”นัดแดงร้องเพลงชาติที่โรงพัก
วานนี้ (23 ก.พ.) ที่สโมสรตำรวจ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นำประชาชนเข้ามอบดอกไม้และเงินรายได้จากการขายเสื้อยืด I Love Police มอบให้กับตำรวจชุดควบคุมฝูงชน ในชื่อกิจกรรม“วันอาทิตย์สีกากี”เพื่อให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.โดยมี พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้การต้อนรับ
นายสมบัติ กล่าวว่า สัปดาห์หน้าจะกลับมาจัดกิจกรรมอีกครั้ง ระหว่างนี้จะมีกิจกรรมที่จัดขึ้นระหว่างสัปดาห์เรียกกว่า กิจกรรมเพลงชาติของเรา โดยให้ประชาชนร่วมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้วยการไปต่อแถวเคารพธงชาติ ที่สถานีตำรวจใกล้บ้าน ในเวลา 08.00 น. หรือ 18.00 น. เพื่อร่วมร้องเพลงชาติกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศ ซึ่งตนจะเริ่มกิจกรรมที่สถานีตำรวจดอนเมือง เพื่อร้องเพลงชาติในวันนี้ (24 ก.พ.) เวลา 18.00 น.
ด้านพล.ต.ท.โสภณ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ตำรวจพยายามรักษาความสงบเรียบร้อยในการคลี่คลายสถานการณ์ ทำให้มีการสูญเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ซึ่งตำรวจไม่พึงประสงค์ให้เกิดแบบนี้ ตำรวจพยายามรักษากฎหมาย และปฏิบัติตามหลักสากล ภายในข้อจำกัดและอุปสรรคที่มี ตำรวจยังมีกำลังใจที่มีประชาชนออกมายืนเคียงข้าง จึงขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะตั้งใจทำหน้าที่ต่อไป
"แม้ว"จนตรอกใช้แดงฮาร์ดคอร์ลุย
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีนและกรรมการ กปปส. กล่าวว่า สถานการณ์วิกฤติการเมืองไทยในขณะนี้ กำลังเข้าสู่โค้งสุดท้าย และมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น เพราะระบอบทักษิณถูกเขย่ารุนแรงมากกว่าที่ผ่านๆ มา ปัจจัยที่เคยเป็นกลไกขับเคลื่อนระบอบทักษิณเริ่มหมดสภาพ และไม่ทำงานเหมือนเดิมอีกต่อไปไม่ว่าจะเป็นนโยบายประชานิยม ที่เป็นหัวใจระบอบทักษิณถูกเปิดโปงและล้มเหลวโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว ที่สำคัญประชานิยมขนาดใหญ่ภายใต้แผนกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท และโครงการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ถูกแช่แข็งไม่มีอนาคต
เสียงข้างมากในสภาที่ไรัความชอบธรรม ไม่สามารถคุ้มครองรัฐบาลยิ่งลักษณ์และระบอบทักษิณไดัอีกต่อไป กลไกรัฐตำรวจ และดีเอสไอที่เคยรุ่งเรืองตกเป็นจำเลยของสังคมอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน และถูกถ่วงดุลกำกับการใชัอำนาจโดยศาลมากขึ้น ศรส.กลายเป็นยักษ์ไม่มีกระบอง
ในขณะที่กองทัพก็รักษาระยะห่าง ส่งผลให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ไม่อยู่ในสถานะที่ปลอดภัย หวาดระแวงคนรอบตัว แม้กระทั่งหน่วยงานที่คุมความมั่นคง นอกจากนี้ยังคาดการณ์ได้ว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ อาจมีจุดจบเหมือนพี่ชาย จากคดีทุจริตโครงการจำนำข้าว
สภาวะจนตรอกของระบอบทักษิณ จึงไม่มีทางเลือกมากมายเหมือนในอดีต จึงเหลือทางเลือกเดียวคือ พึ่งบริการเสื้อแดงสายฮาร์ดคอร์ ประสานกำลังกับตำรวจ ลิ่วล้อบริวารจำนวนหนึ่ง ปฏิบัติการณ์ใต้ดิน เน้นความรุนแรงไม่จำกัดพื้นที่แม้กระทั่งยิงถล่มศาล เพื่อกดดันต่อรอง และหวังข่มขู่เอาชีวิตฝ่ายตรงข้ามก็พร้อมจะทำ ถ้าต่อรองไม่ได้ก็พร้อมทำสงครามไม่สนใจความหายนะที่จะเกิดขึ้น ดังที่เคยพูดว่า ถ้าตัวเขาอยู่ไม่ได้ คนอื่นก็อย่าคิดว่าจะอยู่อย่างสงบได้ หากพ่ายแพ้อีก มีความเป็นไปได้ที่ทักษิณอาจให้น้องสาวหนีออกนอกประเทศ และตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น.