วานนี้ (20ก.พ.) ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยืนตามศาลปกครองกลาง ไม่รับคำฟ้องของบริษัทไฟฟ้าชีวมวล จำกัด ที่ยื่นฟ้องคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ผู้ถูกฟ้องที่ 1-4 กรณีขอให้มีคำสั่งเพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 4 ที่รับทราบและเห็นชอบในการออกระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก และเพิกถอนระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก เฉพาะการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 2550 และประกาสเรื่องอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กเฉพาะการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนลงวันที่ 18 เม.ย. 50
เนื่องจากเห็นว่า การที่ผู้ถูกฟ้องทั้ง 4 ได้รับทราบและมีมติเห็นชอบให้มีการออกระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กนั้น เป็นเพียงการลงมติรับทราบและเห็นชอบ ยังไม่มีผลกระทบกระเทือนต่อสิทธิ และหน้าที่หรือก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายแก่บริษัทไฟฟ้าชีวมวล บริษัทฯจึงไม่ใช่ผู้เดือดร้อนเสียหายที่จะมีสิทธิฟ้องของเพิกถอนมติดังกล่าวต่อศาลปกครอง
ส่วนการขอให้เพิกถอนระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กเฉพาะการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวีย พ.ศ. 2550 นั้น เห็นว่าหลังมีการออกระเบียบฯกฟผ.ได้มีการออกประกาศ เรื่องอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กเฉพาะการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนลงวันที่ 18 เม.ย. และบริษัทไฟฟ้าชีวมวล มีหนังสือลงวันที่ 5 ม.ค. 55 ถึงประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ว่า อัตราค่าไฟฟ้าตามระเบียบดังกล่าวไม่เหมาะสมกับโครงการไฟฟ้าชีวมวล โดยเสนอให้พิจารณาปรับอัตราค่าไฟฟ้าให้อยู่ในระดับที่เพียงพอให้โรงไฟฟ้าชีวมวลสามารถดำเนินการได้ และมีผลตอบแทนการลงทุนในระดับที่เหมาะสม กรณีย่อมถือได้ว่า บริษัทไฟฟ้าชีวมวลรู้ถึงการมีอยู่ของระเบียบ และประกาศดังกล่าวมาตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค. 55 การที่นำคดีมาฟ้องต่อศาลในวันที่ 7 มิ.ย. 55 จึงเป็นการยื่นฟ้องกำหนดเวลา 90 วันนับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ตามมาตรา 49 พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครอง และการที่บริษัทไฟฟ้าชีวมวลอ้างว่าการฟ้องคดีนี้เป็นการฟ้องเพื่อประโยชน์สาธารณะก้ฟังไม่ขึ้น เพราะการฟ้องคดีนี้เปนการฟ้องเพื่อประโยชน์ของบริษัทไฟฟ้าชีวมวลในฐานะที่เป็นผู้เสนอขายไฟฟ้าให้แก่กฟผ.และผู้ประกอบการผลิตไฟฟ้าโดยใช้พลังงานหมุนเวียนรายอื่น ที่ไม่ต้องการขายไฟฟ้าตามอัตราที่กฟผ.กำหนดเท่านั้น
เนื่องจากเห็นว่า การที่ผู้ถูกฟ้องทั้ง 4 ได้รับทราบและมีมติเห็นชอบให้มีการออกระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กนั้น เป็นเพียงการลงมติรับทราบและเห็นชอบ ยังไม่มีผลกระทบกระเทือนต่อสิทธิ และหน้าที่หรือก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายแก่บริษัทไฟฟ้าชีวมวล บริษัทฯจึงไม่ใช่ผู้เดือดร้อนเสียหายที่จะมีสิทธิฟ้องของเพิกถอนมติดังกล่าวต่อศาลปกครอง
ส่วนการขอให้เพิกถอนระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กเฉพาะการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวีย พ.ศ. 2550 นั้น เห็นว่าหลังมีการออกระเบียบฯกฟผ.ได้มีการออกประกาศ เรื่องอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กเฉพาะการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนลงวันที่ 18 เม.ย. และบริษัทไฟฟ้าชีวมวล มีหนังสือลงวันที่ 5 ม.ค. 55 ถึงประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ว่า อัตราค่าไฟฟ้าตามระเบียบดังกล่าวไม่เหมาะสมกับโครงการไฟฟ้าชีวมวล โดยเสนอให้พิจารณาปรับอัตราค่าไฟฟ้าให้อยู่ในระดับที่เพียงพอให้โรงไฟฟ้าชีวมวลสามารถดำเนินการได้ และมีผลตอบแทนการลงทุนในระดับที่เหมาะสม กรณีย่อมถือได้ว่า บริษัทไฟฟ้าชีวมวลรู้ถึงการมีอยู่ของระเบียบ และประกาศดังกล่าวมาตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค. 55 การที่นำคดีมาฟ้องต่อศาลในวันที่ 7 มิ.ย. 55 จึงเป็นการยื่นฟ้องกำหนดเวลา 90 วันนับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ตามมาตรา 49 พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครอง และการที่บริษัทไฟฟ้าชีวมวลอ้างว่าการฟ้องคดีนี้เป็นการฟ้องเพื่อประโยชน์สาธารณะก้ฟังไม่ขึ้น เพราะการฟ้องคดีนี้เปนการฟ้องเพื่อประโยชน์ของบริษัทไฟฟ้าชีวมวลในฐานะที่เป็นผู้เสนอขายไฟฟ้าให้แก่กฟผ.และผู้ประกอบการผลิตไฟฟ้าโดยใช้พลังงานหมุนเวียนรายอื่น ที่ไม่ต้องการขายไฟฟ้าตามอัตราที่กฟผ.กำหนดเท่านั้น