ASTVผู้จัดการรายวัน- ศรส. เลื่อนแล้วเลื่อนอีก เรื่องประกาศรายชื่อท่อน้ำเลี้ยง ยอมรับมีบางคนตรงกับที่สื่อเผยแพร่ "ธาริต" อ้างคลิปตร.ค้นบ้าน"สนธิญาณ"มีการตัดต่อ ทำให้ดูว่าตร.เข้าค้นโดยไม่เหมาะสม "เหลิม"ไม่สนสหพัฒน์ ขู่ฟ้อง โวย มหาดไทยดองเรื่องเนรเทศ "สาธิต" ด้านขรก.พาณิชย์นัดแต่งดำ 13-21 ก.พ. ตอบโต้ถูก “ยรรยง” รังแก สั่งตั้งกรรมการสอบวินัยและเล่นงานอาญา หลังขึ้นเวที กปปส. บิ๊กสหพัฒน์ฯซัดศรส.อย่าใช้อำนาจบาตรใหญ่ มาบลัฟแบบนี้เสียฟอร์มเปล่าๆ เพราะทำอะไรก็ม็อบไม่ได้
เมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ (12ก.พ.) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะกรรมการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แถลงผลการประชุม ศรส.
นายธาริต กล่าวว่า ศรส.ได้รับรายงานว่า ขณะนี้มีคดีประเภทขัดขวางการเลือกตั้งทั่วประเทศ 125 คดี คดีประเภทเจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้งหน้าที่ ไม่จัดการเลือกตั้ง 105 คดี โดยศาลได้ออกหมายจับแล้ว 43 คน ส่วนการเปิดสถานที่ราชการเพื่อให้บริการประชาชน ขณะนี้เปิดได้แล้ว 45 แห่ง พร้อมกันนี้ ศรส.ขอขอบคุณประชาชน ที่ให้ความร่วมมืองดการเข้าร่วมการชุมนุม การสนับสนุนด้านการเงิน และการช่วยเหลือต่างๆ จนทำให้ผู้ร่วมชุมนุมลดลงตามลำดับ
นอกจากนี้ ศรส.ขอยืนยันว่า ยังไม่เคยประกาศรายชื่อกลุ่มทุนท่อน้ำเลี้ยงที่สนับสนุนการชุมนุมของ กปปส. นอกจากแกนนำ กปปส. 58 คน ที่ตกเป็นผู้ต้องหาแล้วเท่านั้น ส่วนบุคคลอื่นยังอยู่ระหว่างการพิจารณาตรวจสอบ แต่ในฐานะอธิบดีดีเอสไอ ที่รวบรวมรายชื่อส่งคณะกรรมการที่ศรส.ตั้งขึ้นมาตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ยอมรับว่ารายชื่อที่ปรากฏตามสื่อ มีบางรายชื่อตรงกับข้อมูลที่ดีเอสไอ ส่งให้คณะกรรมการตรวจสอบ
ทั้งนี้ ศรส.เห็นควรแต่งตั้งคณะทำงานประสานงานกับกกต. เพื่อให้จัดการเลือกตั้งใหม่ ในช่วงเดือนเม.ย.นี้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมีทหาร ตำรวจ และ กรมการปกครอง เป็นคณะทำงาน และมี พล.ต.ท.อารี อ่อนชิต ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะทำงาน
นอกจากนี้ ตามที่ปรากฏภาพคลิปการเข้าตรวจค้นบ้านพักของ นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม นั้น ศรส. ตรวจสอบแล้ว พบว่าเป็นคลิปตัดต่อให้ดูเหมือนว่าเป็นการเข้าตรวจค้นที่ไม่เหมาะสม ศรส.ขอยืนยันเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นตามหมายค้นของศาลโดยถูกต้อง และเหมาะสมกับสถานการณ์แล้ว
นัดประกาศท่อน้ำเลี้ยง13-17ก.พ.
ด้านพ.ต.อ.สีหนาท กล่าวว่า ที่ผ่านมา ศรส.ได้ออกคำสั่งพิเศษ ที่ 4/2557 มอบหมายคณะพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และพยานหลักฐาน ของกลุ่มบุคคคล และนิติบุคคล ที่สนับสนุนการชุมนุมของ กปปส. โดยขณะนี้คณะพนักงานเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง และพยายหลักฐานต่างๆ คาดว่าเร็วๆ นี้ จะเสนอรายชื่อกลุ่มบุคคล และนิติบุคคล ต่อหัวหน้าผู้รับผิดชอบ เพื่อสั่งห้ามไม่ให้กระทำการใดๆ หรือสั่งให้กระทำการใดๆ เกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงิน หรือการดำเนินเอกสารสิทธิ์ของกลุ่มบุคคล หรือนิติบุคคลดังกล่าว และเรียกให้มาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อคณะพนักงานเจ้าหน้าที่ต่อไป ทั้งหากฝ่าฝืนคำสั่งก็จะมีความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ สำหรับความคืบหน้าการตรวจสอบ ขณะนี้สามารถรวบรวมในรายที่มีข้อมูลและพยานหลักฐานชัดเจนทั้งสิ้น 61 คน ประกอบด้วย 58 คนที่เป็นผู้ต้องหา และอีก 3 คนเพิ่มเติมเข้ามา โดยเป็นบุคคลที่ให้การสนับสนุน ไม่ใช่นิติบุคคล หรือห้างร้าน คาดว่าจะประกาศได้อย่างเร็วที่สุดในวันที่ 13 ก.พ. หรืออย่างช้าที่สุด วันที่ 17 ก.พ. ซึ่งหลังจากนี้ หากตรวจพบว่ามีผู้ให้การสนับสนุนอีก สามารถออกประกาศเพิ่มเติมได้
"เหลิม"ไม่สนสหพัฒน์ ขู่ฟ้อง
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) กล่าวถึงรายชื่อผู้สนับสนุนกลุ่มกปปส. ว่า ที่ยังไม่สามารถประกาศรายชื่อได้ เพราะตนเป็นคนรัดกุม จึงสั่งให้ดูให้ละเอียด เพื่อความรอบคอบ และที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขธิการ กปปส.ไปพูดว่านายเฉลียว อยู่วิทยา เสียชีวิตแล้ว เป็นเรื่องที่ถูกต้อง ซึ่งนายสุเทพ คงไม่รู้ว่าตนรู้จักนายเฉลียว ตั้งแต่ตนเป็น ร.ต.ท. ผลิตกระทิงแดงข้างบ้านตน และถูกนักเลงบางบอนเกเร ทำมาหากินไม่ได้ ร.ต.ท.เฉลิมในฐานะตำรวจกองปราบปรามสามยอด ต้องไปช่วย แต่พอร่ำรวยแล้วไม่รู้จัก ทำไมจะไม่รู้ว่านายเฉลียว เสียชีวิตแล้ว นายเฉลียว เป็นคนพิจิตร แต่ทำมาหากินที่บางบอน ถูกนักเลงอาละวาดจนโรงงานทำไม่ได้ ตนก็จัดการให้ เพราะตนคือนักเลงตัวจริง บ้านอยู่บางบอน พวกพรรคประชาธิปัตย์ มาอาศัยนายเฉลียว ช่วงสมัย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า วันนี้สหพัฒน์ฯ ออกมาขู่ว่าจะฟ้อง ทั้งที่จริงแล้วลุ้นให้คนในบริษัทตัวเองมาเป็นนายกฯ เพราะเคยเป็นแล้วเคยตัว อยากให้พรรคพวกมาเป็นอีก จึงขอประณามพวกที่ไม่ลงเลือกตั้ง ไม่ตั้งพรรคการเมือง แล้วอยากเป็นนายกฯ ถือว่าหน้าด้าน นายสารสิน วีระผล รองประธานใหญ่ ซีพี บอกว่าจะฟ้อง ไม่มีใครกลัวหรอก และให้สัมภาษณ์ด้วยความโง่ ที่บอกว่าแม้ กปปส.ไปนอนที่โรงแรมก็ไปเรียกโรงแรมมาสอบ ก็ต้องสอบเพราะให้ที่พักพิง ถือว่าผิด แต่ถ้าบอกว่านอนโดยไม่รู้ ไม่ได้ใช้ชื่อนายสุเทพ ก็ไม่ผิด แต่เมื่อคืนวันที่ 12 ก.พ. เวลา 22.00 น. นายสุเทพรับประทานอาหารอยู่กับลูกเลี้ยง และแกนนำที่โรงแรมดุสิตธานี มีชายฉกรรจ์คุ้มกันประมาณ 200 คน หากเข้าไปจับ ก็ต้องยิงกัน จึงรอไว้ก่อน และจะเรียกตรวจสอบภาพกล้องซีซีทีวี และสอบพนักงานเสิร์ฟ
อ้างมท.ดองเรื่องเนรเทศ"สาธิต"
ส่วนความคืบหน้าการเนรเทศ นายสาธิต เซกัล นักธุรกิจอินเดียนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ที่ตนยังไม่ลงนาม เพราะเรื่องยังติดอยู่ที่กระทรวงมหาดไทย ถ้ามหาดไทยมีความเห็นอย่างไร ควรเสนอมา ไม่ใช่เก็บเอาไว้ และถ้ากระทรวงมหาดไทย ไม่เสนอมา ดึงเรื่องไปเรื่อยๆ จนหมดระยะเวลาการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็อาจเป็นได้ เพราะปลัดกระทรวงมหาดไทย มันเส้นใหญ่ คนนี้ทำได้ทุกอย่าง ยกเว้นหอก และถ้านายสาธิต ถูกเนรเทศจริง นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษา ศรส. บอกแล้ว ไม่กระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะเป็นเรื่องของบุคคล
เมื่อถามว่านายสุเทพ นัดรวมพลครั้งใหญ่ วันที่ 14 ก.พ. จะทำให้เกิดจุดเปลี่ยนอะไรหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่าไม่หรอก นายสุเทพ เขามีความรัก วันวาเลนไทน์ ไม่มีจุดเปลี่ยนหรอก เมื่อคืนเหลือมวลชนแค่ 5,200 คน ไม่มีใครเอาด้วยแล้ว เพราะถ้าตนใจร้อน ก็เข้าทางกำนัน แต่ถ้ากำนันใจร้อน ก็เข้าทางสารวัตร จากนี้ต่อไปคอยดูบทบาทสารวัตร ที่ไม่ได้ดีแต่พูด
"ปึ้ง"อ้างบุกบ้านสนธิญาณไม่ทำเกินเหตุ
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษา ศรส.กล่าวถึงกรณีที่บุตรสาว นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อดีตผู้บริหารสำนักข่าวทีนิวส์ และแกนนำ กปปส.ร้องเรียนว่า การบุกตรวจค้นบ้านเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เพราะมีการปีนรั้วบ้าน และเข้าไปยามวิกาล นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เป็นการค้นตามขั้นตอนของกฎหมาย แล้วเจอเสื้อเกราะ และวิทยุสื่อสาร ซึ่งเป็นสิ่งที่คนปกติไม่ควรจะครอบครองเอาไว้ เพราะเป็นยุทธภัณฑ์ทางสงคราม ใครมีครอบครองเอาไว้ มีความผิดตามกฎหมายอาญา
ที่ประชุมฯไม่เนรเทศ นายสาธิต เซกัล
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ประกาศบนเวทีการชุมนุม ว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมือง นายประภาศ บุญยินดี รองปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) ซึ่งเป็นประธานการประชุม ได้ปฏิเสธการเนรเทศนายสาธิต โดยให้เหตุผลว่า มีหลักฐานไม่ชัดเจนว่า นายสาธิต มีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อประเทศ และการปราศรัยของนายสาธิต พูดเพียงเรื่องจงรักภักดี เท่านั้น
แพทยสภาไม่เคยมีมติไล่นายกฯ
นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา เปิดเผยว่า ในฐานะที่เป็นตัวแทนผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในไทย 47,000 คน ทุกคนมีสิทธิที่จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้ ซึ่งที่ผ่านมาทางแพทยสภา มีจุดยืนเป็นกลางทางการเมือง และยังไม่มีมติใดๆในเหตุการณ์ทางการเมืองครั้งนี้ โดยเฉพาะการเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ลาออก ดังนั้นการที่นายกแพทยสภาได้ออกมาแสดงจุดยืนทางการเมือง จึงถือเป็นความเห็นส่วนบุคคล ไม่ใช่จากมติกรรมการแพทยสภา โดยในวันนี้ ( 13 ก.พ.) จะมีการประชุมบอร์ด ในประเด็นดังกล่าว
เผย "อนนท์"เสียชีวิตจากโรคลิ่มเลือดอุดตัน
ที่โรงพยาบาลสงฆ์ นพ.อุดม เชาวรินทร์ ผู้อำนวยการ รพ.ราชวิถี กล่าวว่า สาเหตุการเสียชีวิตของ นายอนนท์ จากการตรวจสอบพบว่า ไม่เกี่ยวกับจากการบาดเจ็บที่ได้รับ เนื่องจากเดิมทีผู้บาดเจ็บถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณเยื่อบุในสมอง และได้รับการเย็บแผล ได้รับการรักษาจนอาการดีขึ้น ซึ่งแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่ปรากฏว่าประมาณวันที่ 9-10 ก.พ.ที่ผ่านมา กลับมีอาการแน่นหน้าอก จึงต้องทำการซีทีสแกน เอ็กซเรย์บริเวณปอด จนพบว่ามีอาการของโรคลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดปอด (Pulmonary Embolism) จนเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว และเสียชีวิตในที่สุด ซึ่งแพทย์พยาบาลช่วยชีวิตแล้ว
ชี้ ศรส.ทำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หลายมาตรา
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการจับกุม นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม แกนนำ กปปส ว่า เป็นความพยายามเขียนเสือให้วัวกลัว โดยพยายามสร้างความคลุมเครือในการดำเนินคดีกับ นายสนธิญาณ เช่น มาตรา 12 ของ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน บัญญัติว่า การจับกุมควบคุมผู้ต้องสงสัยตาม มาตรา 11 (1) ให้ร้องขอต่อศาลเพื่อขออนุญาต ควบคุมตัวได้ไม่เกิน 7 วัน ซึ่งเจ้าหน้าที่มีการพูดล่วงหน้าว่าเมื่อครบ 7 วันจะควบคุมตัวอีก 30 วัน หากยังสืบสวนไม่เสร็จสิ้น ส่วนการขยายเวลาต้องร้องต่อศาล โดยขอได้คราวละ 7 วัน เท่านั้น โดยจะต้องพิจารณาเป็นครั้ง ๆไป
นอกจากนี้ในมาตรา 12 บัญญัติไว้ชัดเจนว่า ห้ามมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติกับผู้ต้องสงสัยในลักษณะเป็นผู้กระทำผิดมิได้ แต่พฤติกรรมของตำรวจ ที่บุกค้นบ้านนายสนธิญาณ ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า เป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ และขัด มาตรา 17 ที่ระบุว่า ต้องดำเนินการโดยสุจริตเท่าที่จำเป็นของพ.ร.ก. ฉุกเฉิน เพราะแม้มีหมายจับนายสนธิญาณ แต่กฎหมายระบุชัดว่า จะปฏิบัติในฐานะผู้ทำผิดไม่ได้ แต่ตำรวจกลับมีพฤติกรรมทำเหมือนนายสนธิญาณ และครอบครัวกระทำความผิด ตำรวจไม่มีสิทธิปีนบ้านคนอื่นเข้าไปถือเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ
นายองอาจ กล่าวว่า ศรส.ได้พยายามใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เล่นงานผู้ชุมนุม ซึ่งเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ หลายประการ อาทิเช่น 1.ใช้อำนาจโดยมิชอบผ่านกลไกรัฐ สั่งอายัดบัญชีของผู้ที่รัฐบาลกล่าวหาว่าเป็นกบฏ 2. การอายัดบัญชี หรือระงับการทำธุรกรรมของบุคคล หรือกลุ่มบุคคล ที่รัฐบาลอ้างว่าเป็นท่อน้ำเลี้ยงนั้น รัฐบาลทำได้เพียงแค่ เชิญบุคคลเหล่านั้นมาชี้แจงข้อเท็จจริง ไม่มีอำนาจดำเนินการสั่งระงับยับยั้งการทำธุรกรรมทางการเงิน
3. รัฐบาลพยายามข่มขู่ คุกคาม ข้าราชการ ทั้งทางลับ และทางเปิดเผย
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า รัฐบาลกำลังใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเพราะ ขรก. มีสิทธิตามรธน. ที่จะชุมนุม ซึ่งศาลเคยมีคำวินิจฉัยชัดเจนอยู่แล้วว่าสามารถแสดงออกด้วยการชุมนุมได้ และศาลอนุมัติหมายจับเฉพาะแกนนำเท่านั้น แต่ห้ามไม่ให้ขัดขวาง เรื่องการส่งเสบียง อาหาร เครื่องใช้จำเป็น
คนพณ.นัดแต่งดำต่อต้าน “ยรรยง”
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ขณะนี้ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ได้มีการสื่อสารกันภายใน โดยได้นัดแนะให้มีการแต่งชุดดำเพื่อไว้ทุกข์ระหว่างวันที่ 13-21 ก.พ.2557 เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงความไม่เห็นด้วยและไม่พอใจ นายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กรณีที่มีคำสั่งให้นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ตั้งกรรมการสอบวินัยและเอาผิดอาญากรณี 4 ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ไปขึ้นเวที กปปส.
ทั้งนี้ ได้ตั้งข้อหา คือ 1.ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2.ทำผิดกฎหมายอาญา เนื่องจากเป็นตัวการสนับสนุนการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. และ 3.ทำผิด พ.ร.บ.วินัยบริหารข้าราชการพลเรือน พร้อมกันนี้ ได้ส่งรายชื่อให้ ศรส. ดำเนินการด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากที่มีข่าวดังกล่าวเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชน ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นอย่างมากในหมู่ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ว่านายยรรยงทำเกินกว่าเหตุ และเล่นแรงเกินไป เพราะการไปขึ้นเวที กปปส. เป็นการใช้สิทธิตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ใช้เวลานอกราชการ ไม่ได้มีการขึ้นไปบนเวทีเพื่อปราศรัย แต่ได้ขึ้นเวทีเพื่อต่อต้านการคอร์รัปชั่น และสนับสนุนให้มีการปฏิรูปประเทศไทยเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องการปัญหาการเมืองในปัจจุบันนี้
ซัดศรส.อย่าใช้อำนาจบาตรใหญ่
นายธงชัย ศิริธร ผู้อำนวยการกิจกรรมสังคมและสื่อสารองค์กร บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ใคร่ขอชี้แจงว่า บริษัทฯ ได้รับทราบข้อมูลดังกล่าวจากสื่อมวลชนเท่านั้น และเข้าใจว่ายังมิได้มีการประกาศข้อมูลอย่างเป็นทางการจาก ศรส. แต่อย่างใด ฉะนั้น บริษัทฯ จึงยังไม่สามารถให้ความเห็นในเรื่องนี้ได้ อย่างไรก็ตาม หากทางบริษัทฯ ได้รับการติดต่อจาก ศรส.หรือส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในประเด็นนี้ บริษัทฯ ยินดีและพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการชี้แจงข้อมูลอย่างเต็มที่ต่อไป
นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัทสหพัฒนพิบูลย์ จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์หลังมีกระแสข่าวจากศรส.ว่าเป็น 1 ในรายชื่อท่อน้ำเลี้ยงของกปปส. “ถ้าให้ผมเดา นี่เป็นการปรามว่าอย่าไปยุ่ง และเป็นการข่มขู่ว่า อย่าไปให้กับฝ่ายกำนันนะ เขาทำเชิงสัญลักษณ์มากกว่า การที่เขาใช้กลยุทธ์แบบนี้เป็นลบกับตัวรัฐบาลเอง และทำให้กำนันได้พวกมากขึ้น คนที่ไม่อยากช่วยแต่พอกล่าวหาก็ช่วยซะเลย เราเป็นคนดีคุณมาหาว่าเป็นผู้ร้าย เราเลยทำร้ายให้ดูซะ เป็นยุทธศาสตร์ที่ใช้ไม่ได้ในทางการเมือง คุณต้องหาพวกทางการเมือง ต้องมาอธิบายให้เรา ไม่ใช่อยู่ดีๆมาใช้อำนาจบาตรใหญ่ มาบลัฟแบบนี้เสียฟอร์มเปล่าๆเพราะทำอะไรก็ทำเขาไม่ได้”
เมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ (12ก.พ.) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะกรรมการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แถลงผลการประชุม ศรส.
นายธาริต กล่าวว่า ศรส.ได้รับรายงานว่า ขณะนี้มีคดีประเภทขัดขวางการเลือกตั้งทั่วประเทศ 125 คดี คดีประเภทเจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้งหน้าที่ ไม่จัดการเลือกตั้ง 105 คดี โดยศาลได้ออกหมายจับแล้ว 43 คน ส่วนการเปิดสถานที่ราชการเพื่อให้บริการประชาชน ขณะนี้เปิดได้แล้ว 45 แห่ง พร้อมกันนี้ ศรส.ขอขอบคุณประชาชน ที่ให้ความร่วมมืองดการเข้าร่วมการชุมนุม การสนับสนุนด้านการเงิน และการช่วยเหลือต่างๆ จนทำให้ผู้ร่วมชุมนุมลดลงตามลำดับ
นอกจากนี้ ศรส.ขอยืนยันว่า ยังไม่เคยประกาศรายชื่อกลุ่มทุนท่อน้ำเลี้ยงที่สนับสนุนการชุมนุมของ กปปส. นอกจากแกนนำ กปปส. 58 คน ที่ตกเป็นผู้ต้องหาแล้วเท่านั้น ส่วนบุคคลอื่นยังอยู่ระหว่างการพิจารณาตรวจสอบ แต่ในฐานะอธิบดีดีเอสไอ ที่รวบรวมรายชื่อส่งคณะกรรมการที่ศรส.ตั้งขึ้นมาตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ยอมรับว่ารายชื่อที่ปรากฏตามสื่อ มีบางรายชื่อตรงกับข้อมูลที่ดีเอสไอ ส่งให้คณะกรรมการตรวจสอบ
ทั้งนี้ ศรส.เห็นควรแต่งตั้งคณะทำงานประสานงานกับกกต. เพื่อให้จัดการเลือกตั้งใหม่ ในช่วงเดือนเม.ย.นี้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมีทหาร ตำรวจ และ กรมการปกครอง เป็นคณะทำงาน และมี พล.ต.ท.อารี อ่อนชิต ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะทำงาน
นอกจากนี้ ตามที่ปรากฏภาพคลิปการเข้าตรวจค้นบ้านพักของ นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม นั้น ศรส. ตรวจสอบแล้ว พบว่าเป็นคลิปตัดต่อให้ดูเหมือนว่าเป็นการเข้าตรวจค้นที่ไม่เหมาะสม ศรส.ขอยืนยันเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นตามหมายค้นของศาลโดยถูกต้อง และเหมาะสมกับสถานการณ์แล้ว
นัดประกาศท่อน้ำเลี้ยง13-17ก.พ.
ด้านพ.ต.อ.สีหนาท กล่าวว่า ที่ผ่านมา ศรส.ได้ออกคำสั่งพิเศษ ที่ 4/2557 มอบหมายคณะพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และพยานหลักฐาน ของกลุ่มบุคคคล และนิติบุคคล ที่สนับสนุนการชุมนุมของ กปปส. โดยขณะนี้คณะพนักงานเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง และพยายหลักฐานต่างๆ คาดว่าเร็วๆ นี้ จะเสนอรายชื่อกลุ่มบุคคล และนิติบุคคล ต่อหัวหน้าผู้รับผิดชอบ เพื่อสั่งห้ามไม่ให้กระทำการใดๆ หรือสั่งให้กระทำการใดๆ เกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงิน หรือการดำเนินเอกสารสิทธิ์ของกลุ่มบุคคล หรือนิติบุคคลดังกล่าว และเรียกให้มาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อคณะพนักงานเจ้าหน้าที่ต่อไป ทั้งหากฝ่าฝืนคำสั่งก็จะมีความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ สำหรับความคืบหน้าการตรวจสอบ ขณะนี้สามารถรวบรวมในรายที่มีข้อมูลและพยานหลักฐานชัดเจนทั้งสิ้น 61 คน ประกอบด้วย 58 คนที่เป็นผู้ต้องหา และอีก 3 คนเพิ่มเติมเข้ามา โดยเป็นบุคคลที่ให้การสนับสนุน ไม่ใช่นิติบุคคล หรือห้างร้าน คาดว่าจะประกาศได้อย่างเร็วที่สุดในวันที่ 13 ก.พ. หรืออย่างช้าที่สุด วันที่ 17 ก.พ. ซึ่งหลังจากนี้ หากตรวจพบว่ามีผู้ให้การสนับสนุนอีก สามารถออกประกาศเพิ่มเติมได้
"เหลิม"ไม่สนสหพัฒน์ ขู่ฟ้อง
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) กล่าวถึงรายชื่อผู้สนับสนุนกลุ่มกปปส. ว่า ที่ยังไม่สามารถประกาศรายชื่อได้ เพราะตนเป็นคนรัดกุม จึงสั่งให้ดูให้ละเอียด เพื่อความรอบคอบ และที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขธิการ กปปส.ไปพูดว่านายเฉลียว อยู่วิทยา เสียชีวิตแล้ว เป็นเรื่องที่ถูกต้อง ซึ่งนายสุเทพ คงไม่รู้ว่าตนรู้จักนายเฉลียว ตั้งแต่ตนเป็น ร.ต.ท. ผลิตกระทิงแดงข้างบ้านตน และถูกนักเลงบางบอนเกเร ทำมาหากินไม่ได้ ร.ต.ท.เฉลิมในฐานะตำรวจกองปราบปรามสามยอด ต้องไปช่วย แต่พอร่ำรวยแล้วไม่รู้จัก ทำไมจะไม่รู้ว่านายเฉลียว เสียชีวิตแล้ว นายเฉลียว เป็นคนพิจิตร แต่ทำมาหากินที่บางบอน ถูกนักเลงอาละวาดจนโรงงานทำไม่ได้ ตนก็จัดการให้ เพราะตนคือนักเลงตัวจริง บ้านอยู่บางบอน พวกพรรคประชาธิปัตย์ มาอาศัยนายเฉลียว ช่วงสมัย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า วันนี้สหพัฒน์ฯ ออกมาขู่ว่าจะฟ้อง ทั้งที่จริงแล้วลุ้นให้คนในบริษัทตัวเองมาเป็นนายกฯ เพราะเคยเป็นแล้วเคยตัว อยากให้พรรคพวกมาเป็นอีก จึงขอประณามพวกที่ไม่ลงเลือกตั้ง ไม่ตั้งพรรคการเมือง แล้วอยากเป็นนายกฯ ถือว่าหน้าด้าน นายสารสิน วีระผล รองประธานใหญ่ ซีพี บอกว่าจะฟ้อง ไม่มีใครกลัวหรอก และให้สัมภาษณ์ด้วยความโง่ ที่บอกว่าแม้ กปปส.ไปนอนที่โรงแรมก็ไปเรียกโรงแรมมาสอบ ก็ต้องสอบเพราะให้ที่พักพิง ถือว่าผิด แต่ถ้าบอกว่านอนโดยไม่รู้ ไม่ได้ใช้ชื่อนายสุเทพ ก็ไม่ผิด แต่เมื่อคืนวันที่ 12 ก.พ. เวลา 22.00 น. นายสุเทพรับประทานอาหารอยู่กับลูกเลี้ยง และแกนนำที่โรงแรมดุสิตธานี มีชายฉกรรจ์คุ้มกันประมาณ 200 คน หากเข้าไปจับ ก็ต้องยิงกัน จึงรอไว้ก่อน และจะเรียกตรวจสอบภาพกล้องซีซีทีวี และสอบพนักงานเสิร์ฟ
อ้างมท.ดองเรื่องเนรเทศ"สาธิต"
ส่วนความคืบหน้าการเนรเทศ นายสาธิต เซกัล นักธุรกิจอินเดียนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ที่ตนยังไม่ลงนาม เพราะเรื่องยังติดอยู่ที่กระทรวงมหาดไทย ถ้ามหาดไทยมีความเห็นอย่างไร ควรเสนอมา ไม่ใช่เก็บเอาไว้ และถ้ากระทรวงมหาดไทย ไม่เสนอมา ดึงเรื่องไปเรื่อยๆ จนหมดระยะเวลาการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็อาจเป็นได้ เพราะปลัดกระทรวงมหาดไทย มันเส้นใหญ่ คนนี้ทำได้ทุกอย่าง ยกเว้นหอก และถ้านายสาธิต ถูกเนรเทศจริง นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษา ศรส. บอกแล้ว ไม่กระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะเป็นเรื่องของบุคคล
เมื่อถามว่านายสุเทพ นัดรวมพลครั้งใหญ่ วันที่ 14 ก.พ. จะทำให้เกิดจุดเปลี่ยนอะไรหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่าไม่หรอก นายสุเทพ เขามีความรัก วันวาเลนไทน์ ไม่มีจุดเปลี่ยนหรอก เมื่อคืนเหลือมวลชนแค่ 5,200 คน ไม่มีใครเอาด้วยแล้ว เพราะถ้าตนใจร้อน ก็เข้าทางกำนัน แต่ถ้ากำนันใจร้อน ก็เข้าทางสารวัตร จากนี้ต่อไปคอยดูบทบาทสารวัตร ที่ไม่ได้ดีแต่พูด
"ปึ้ง"อ้างบุกบ้านสนธิญาณไม่ทำเกินเหตุ
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษา ศรส.กล่าวถึงกรณีที่บุตรสาว นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อดีตผู้บริหารสำนักข่าวทีนิวส์ และแกนนำ กปปส.ร้องเรียนว่า การบุกตรวจค้นบ้านเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เพราะมีการปีนรั้วบ้าน และเข้าไปยามวิกาล นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เป็นการค้นตามขั้นตอนของกฎหมาย แล้วเจอเสื้อเกราะ และวิทยุสื่อสาร ซึ่งเป็นสิ่งที่คนปกติไม่ควรจะครอบครองเอาไว้ เพราะเป็นยุทธภัณฑ์ทางสงคราม ใครมีครอบครองเอาไว้ มีความผิดตามกฎหมายอาญา
ที่ประชุมฯไม่เนรเทศ นายสาธิต เซกัล
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ประกาศบนเวทีการชุมนุม ว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมือง นายประภาศ บุญยินดี รองปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) ซึ่งเป็นประธานการประชุม ได้ปฏิเสธการเนรเทศนายสาธิต โดยให้เหตุผลว่า มีหลักฐานไม่ชัดเจนว่า นายสาธิต มีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อประเทศ และการปราศรัยของนายสาธิต พูดเพียงเรื่องจงรักภักดี เท่านั้น
แพทยสภาไม่เคยมีมติไล่นายกฯ
นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา เปิดเผยว่า ในฐานะที่เป็นตัวแทนผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในไทย 47,000 คน ทุกคนมีสิทธิที่จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้ ซึ่งที่ผ่านมาทางแพทยสภา มีจุดยืนเป็นกลางทางการเมือง และยังไม่มีมติใดๆในเหตุการณ์ทางการเมืองครั้งนี้ โดยเฉพาะการเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ลาออก ดังนั้นการที่นายกแพทยสภาได้ออกมาแสดงจุดยืนทางการเมือง จึงถือเป็นความเห็นส่วนบุคคล ไม่ใช่จากมติกรรมการแพทยสภา โดยในวันนี้ ( 13 ก.พ.) จะมีการประชุมบอร์ด ในประเด็นดังกล่าว
เผย "อนนท์"เสียชีวิตจากโรคลิ่มเลือดอุดตัน
ที่โรงพยาบาลสงฆ์ นพ.อุดม เชาวรินทร์ ผู้อำนวยการ รพ.ราชวิถี กล่าวว่า สาเหตุการเสียชีวิตของ นายอนนท์ จากการตรวจสอบพบว่า ไม่เกี่ยวกับจากการบาดเจ็บที่ได้รับ เนื่องจากเดิมทีผู้บาดเจ็บถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณเยื่อบุในสมอง และได้รับการเย็บแผล ได้รับการรักษาจนอาการดีขึ้น ซึ่งแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่ปรากฏว่าประมาณวันที่ 9-10 ก.พ.ที่ผ่านมา กลับมีอาการแน่นหน้าอก จึงต้องทำการซีทีสแกน เอ็กซเรย์บริเวณปอด จนพบว่ามีอาการของโรคลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดปอด (Pulmonary Embolism) จนเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว และเสียชีวิตในที่สุด ซึ่งแพทย์พยาบาลช่วยชีวิตแล้ว
ชี้ ศรส.ทำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หลายมาตรา
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการจับกุม นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม แกนนำ กปปส ว่า เป็นความพยายามเขียนเสือให้วัวกลัว โดยพยายามสร้างความคลุมเครือในการดำเนินคดีกับ นายสนธิญาณ เช่น มาตรา 12 ของ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน บัญญัติว่า การจับกุมควบคุมผู้ต้องสงสัยตาม มาตรา 11 (1) ให้ร้องขอต่อศาลเพื่อขออนุญาต ควบคุมตัวได้ไม่เกิน 7 วัน ซึ่งเจ้าหน้าที่มีการพูดล่วงหน้าว่าเมื่อครบ 7 วันจะควบคุมตัวอีก 30 วัน หากยังสืบสวนไม่เสร็จสิ้น ส่วนการขยายเวลาต้องร้องต่อศาล โดยขอได้คราวละ 7 วัน เท่านั้น โดยจะต้องพิจารณาเป็นครั้ง ๆไป
นอกจากนี้ในมาตรา 12 บัญญัติไว้ชัดเจนว่า ห้ามมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติกับผู้ต้องสงสัยในลักษณะเป็นผู้กระทำผิดมิได้ แต่พฤติกรรมของตำรวจ ที่บุกค้นบ้านนายสนธิญาณ ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า เป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ และขัด มาตรา 17 ที่ระบุว่า ต้องดำเนินการโดยสุจริตเท่าที่จำเป็นของพ.ร.ก. ฉุกเฉิน เพราะแม้มีหมายจับนายสนธิญาณ แต่กฎหมายระบุชัดว่า จะปฏิบัติในฐานะผู้ทำผิดไม่ได้ แต่ตำรวจกลับมีพฤติกรรมทำเหมือนนายสนธิญาณ และครอบครัวกระทำความผิด ตำรวจไม่มีสิทธิปีนบ้านคนอื่นเข้าไปถือเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ
นายองอาจ กล่าวว่า ศรส.ได้พยายามใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เล่นงานผู้ชุมนุม ซึ่งเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ หลายประการ อาทิเช่น 1.ใช้อำนาจโดยมิชอบผ่านกลไกรัฐ สั่งอายัดบัญชีของผู้ที่รัฐบาลกล่าวหาว่าเป็นกบฏ 2. การอายัดบัญชี หรือระงับการทำธุรกรรมของบุคคล หรือกลุ่มบุคคล ที่รัฐบาลอ้างว่าเป็นท่อน้ำเลี้ยงนั้น รัฐบาลทำได้เพียงแค่ เชิญบุคคลเหล่านั้นมาชี้แจงข้อเท็จจริง ไม่มีอำนาจดำเนินการสั่งระงับยับยั้งการทำธุรกรรมทางการเงิน
3. รัฐบาลพยายามข่มขู่ คุกคาม ข้าราชการ ทั้งทางลับ และทางเปิดเผย
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า รัฐบาลกำลังใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเพราะ ขรก. มีสิทธิตามรธน. ที่จะชุมนุม ซึ่งศาลเคยมีคำวินิจฉัยชัดเจนอยู่แล้วว่าสามารถแสดงออกด้วยการชุมนุมได้ และศาลอนุมัติหมายจับเฉพาะแกนนำเท่านั้น แต่ห้ามไม่ให้ขัดขวาง เรื่องการส่งเสบียง อาหาร เครื่องใช้จำเป็น
คนพณ.นัดแต่งดำต่อต้าน “ยรรยง”
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ขณะนี้ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ได้มีการสื่อสารกันภายใน โดยได้นัดแนะให้มีการแต่งชุดดำเพื่อไว้ทุกข์ระหว่างวันที่ 13-21 ก.พ.2557 เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงความไม่เห็นด้วยและไม่พอใจ นายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กรณีที่มีคำสั่งให้นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ตั้งกรรมการสอบวินัยและเอาผิดอาญากรณี 4 ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ไปขึ้นเวที กปปส.
ทั้งนี้ ได้ตั้งข้อหา คือ 1.ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2.ทำผิดกฎหมายอาญา เนื่องจากเป็นตัวการสนับสนุนการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. และ 3.ทำผิด พ.ร.บ.วินัยบริหารข้าราชการพลเรือน พร้อมกันนี้ ได้ส่งรายชื่อให้ ศรส. ดำเนินการด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากที่มีข่าวดังกล่าวเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชน ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นอย่างมากในหมู่ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ว่านายยรรยงทำเกินกว่าเหตุ และเล่นแรงเกินไป เพราะการไปขึ้นเวที กปปส. เป็นการใช้สิทธิตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ใช้เวลานอกราชการ ไม่ได้มีการขึ้นไปบนเวทีเพื่อปราศรัย แต่ได้ขึ้นเวทีเพื่อต่อต้านการคอร์รัปชั่น และสนับสนุนให้มีการปฏิรูปประเทศไทยเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องการปัญหาการเมืองในปัจจุบันนี้
ซัดศรส.อย่าใช้อำนาจบาตรใหญ่
นายธงชัย ศิริธร ผู้อำนวยการกิจกรรมสังคมและสื่อสารองค์กร บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ใคร่ขอชี้แจงว่า บริษัทฯ ได้รับทราบข้อมูลดังกล่าวจากสื่อมวลชนเท่านั้น และเข้าใจว่ายังมิได้มีการประกาศข้อมูลอย่างเป็นทางการจาก ศรส. แต่อย่างใด ฉะนั้น บริษัทฯ จึงยังไม่สามารถให้ความเห็นในเรื่องนี้ได้ อย่างไรก็ตาม หากทางบริษัทฯ ได้รับการติดต่อจาก ศรส.หรือส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในประเด็นนี้ บริษัทฯ ยินดีและพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการชี้แจงข้อมูลอย่างเต็มที่ต่อไป
นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัทสหพัฒนพิบูลย์ จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์หลังมีกระแสข่าวจากศรส.ว่าเป็น 1 ในรายชื่อท่อน้ำเลี้ยงของกปปส. “ถ้าให้ผมเดา นี่เป็นการปรามว่าอย่าไปยุ่ง และเป็นการข่มขู่ว่า อย่าไปให้กับฝ่ายกำนันนะ เขาทำเชิงสัญลักษณ์มากกว่า การที่เขาใช้กลยุทธ์แบบนี้เป็นลบกับตัวรัฐบาลเอง และทำให้กำนันได้พวกมากขึ้น คนที่ไม่อยากช่วยแต่พอกล่าวหาก็ช่วยซะเลย เราเป็นคนดีคุณมาหาว่าเป็นผู้ร้าย เราเลยทำร้ายให้ดูซะ เป็นยุทธศาสตร์ที่ใช้ไม่ได้ในทางการเมือง คุณต้องหาพวกทางการเมือง ต้องมาอธิบายให้เรา ไม่ใช่อยู่ดีๆมาใช้อำนาจบาตรใหญ่ มาบลัฟแบบนี้เสียฟอร์มเปล่าๆเพราะทำอะไรก็ทำเขาไม่ได้”