xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ออกหมายจับอีก6 อ้างทหารทีมยิงขวัญชัย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตำรวจขออนุญาตศาลอุดรธานีออกหมายจับทีมลอบสังหาร "ขวัญชัย" ที่เหลืออีก 6 คนแล้ว เผยทั้งหมดเป็นทหารยศตั้งแต่ "สิบเอก" จนถึง "จ่าสิบเอก" สังกัดค่ายในกาญจนบุรี คาดจับกุมได้เร็วๆ นี้ ปชป.จวกตำรวจเลือกปฏิบัติ ผบ.ตร.เพิ่งตื่น สั่งจับคดีหมิ่นฯเบื้องสูง

จากกรณีกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงนายขวัญชัย สาราคำ หรือขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร และแกนนำ นปช.ภาคอีสาน 20 จังหวัด ขณะนั่งดื่มกาแฟหน้าบ้านพักภายในชมรมคนรักอุดร หมู่ 11 ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี จนได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อเช้า 22 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งต่อมาตำรวจสืบสวนภาค 4 สามารถจับกุมนายมะดือนัง มะแซ ซึ่งเป็น 1 ในทีมมือปืนได้ที่ จ.นราธิวาส พร้อมอาวุธปืนอาก้าพับฐานที่ใช้ก่อเหตุ จากนั้นได้ควบคุมตัวขึ้นเครื่องบินตำรวจมาสอบที่ ตชด.24 ค่ายเสนีย์รณยุทธ จ.อุดรธานี โดย ผบช.ภ.4 ลงมาควบคุมสั่งการทำแผนประกอบคำรับสารภาพด้วยตัวเอง พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดอุดรธานีออกหมายจับคนร้ายที่ร่วมลงมือก่อเหตุที่เหลืออีก 6 คนนั้น

ต่อมาวานนี้ (9 ก.พ.) แหล่งขาวเปิดเผยว่า ศาลจังหวัดอุดรธานีได้อนุมัติหมายจับทีมมือปืนที่เหลืออีก 6 คนแล้ว ใน 2 ข้อหาคือ "พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธสงครามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต" โดยทั้งหมดเป็นทหารยศตั้งแต่ "สิบเอก" ถึง "จ่าสิบเอก" สังกัดค่ายใน จ.กาญจนบุรี โดยเจ้าหน้าที่ทราบชื่อหมดแล้ว คาดว่าจะสามารถจับกุมได้ในเร็วๆ นี้ เพราะมีกระแสข่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานงานไปยังกองทัพบก และได้ทำหนังสือแจ้งไปยังต้นสังกัดให้ทราบว่าทหารทั้ง 6 นายถูกศาลออกหมายจับที่ จ.อุดรธานี เพื่อขอให้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดและขอให้ตัวมาดำเนินคดีแล้ว

ทั้งนี้ เมื่อวันี่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภูธรภาค 4 นำโดย พ.ต.ท.กิตติพงษ์ จิตคาม รอง ผกก สส.2 บก.สส.ภ.4 ได้นำกำลังเข้าไปตรวจค้นบ้านต้องสงสัยนาย "วิน" 1 ในทีมมือปืนใน อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ ตามคำสั้งผู้บังคับบัญชา เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม โดยค้นหาอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุในสระน้ำและหลักฐานอื่น แต่ไม่พบ

สำหรับการวางแผนสังหารทราบมาว่ากลุ่มมือปืนทั้งหมดมาอยู่ใน จ.อุดรธานี 5 วัน คนเป็นหัวหน้าทีมกลับไปก่อนวันลงมือยิง อีก 2 คนไปเปิดห้องพักอยู่ริมน้ำรีสอร์ต หน้าชมรมคนรักอุดร ตรงข้ามกับหน้าบ้านนายขวัญชัย เพื่อมาดูเป้าหมาย กระทั่งเช้าวันที่ 22 ม.ค.ได้โทรศัพท์ไปบอกทีมมือปืนว่า "ขวัญชัย นั่งอยู่หน้าบ้านแล้ว" ชุดยิงจึงได้ขับรถออกมาจากเดอะบายพาสรีสอร์ท มีนายวิน เป็นคนขับรถ และมีมือปืนนอนอยู่หลังกระบะ 2 คน มีผ้าใบคลุม

พอรถมาจอดที่หน้าชมรมคนรักอุดร หน้าบ้านเป้าหมายนายวิน ได้เปิดประตูรถเดินลงมาดูเป้าหมายอีกครั้ง ก่อนสั่งการให้มือปืนทั้งสองปฏิบัติการ กราดยิง โดยมือปืนคนแรกเป็นทหาร ยิงทีละนัดแบบหวังผล ส่วนนายมะดือนัง รับคำสั่งให้ยิงเป็นชุด จากนั้นนายวิน สั่งให้เคลื่อนรถและยิงชุดใหญ่ทั้งสองกระบอก เพื่อเป็นการเบิกทางจนปลอกกระสุนกระจายเป็นทางยาวตามรถเคลื่อนแล้วหลบหนีไป

ขณะที่นายกรวีร์ สาราคำ บุตรชายนายขวัญชัย กล่าวว่า ได้แจ้งให้พ่อทราบแล้วว่าตำรวจจับคนร้ายได้ 1 คน พ่อดีใจมากที่ตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ จนจับกุมคนร้ายได้ โดยพ่อบอกให้ตำรวจทำหน้าที่ต่อไปและคาดว่าจะจับกุมคนร้ายได้ทั้งหมด จึงจะทราบว่าถูกยิงจากประเด็นปัญหาใด ส่วนอาการของนายขวัญชัยดีขึ้นมาก แต่ยังต้องพักฟื้นร่างกายเพื่อให้กระดูกแขนต่อกันก่อน คาดว่าประมาณ 2 สัปดาห์ จึงจะสามารถผ่าตัดในส่วนที่บาดเจ็บได้

นอกจากนี้ที่มีข่าวว่า นายขวัญชัย ค้างค่ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลเอกอุดร และทาง พ.ต.อ.โกวิท เจริญวัฒนศักดิ์ ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี ไปเซ็นต์รับสภาพหนี้ค่ารักษาให้เกือบ 400,000 บาท นั้น ไม่เป็นความจริง ทางผู้กำกับฯ เซนต์ชื่อรับทราบว่าจะนำตัวพ่อไปรักษาที่กรุงเทพฯ เท่านั้น ส่วนเงินค่า
รักษาทางครอบครัวได้จ่ายหมดแล้ว

** จวกตำรวจเลือกปฏิบัติ

ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ทวงถามถึงฝ่ายความมั่นคง เกี่ยวกับคดีความที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยเปรียบเทียบกับการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดกรณียิง นายขวัญชัย ไพรพนา ว่า เป็นภาพที่แสดงให้เห็นว่ามีการเลือกปฏิบัติ เพราะหลายกรณีไม่มีความคืบหน้า แต่ในกรณีของนายขวัญชัย กลับได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ในขณะที่กรณี นายสุทิน ธราทิน ถูกสังหารที่หน้าวัดศรีเอี่ยม มีหลักฐานชัดเจน กลับไม่มีความคืบหน้า เช่นเดียวกับกรณี นายตั้ง อาชีวะ ที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างรุนแรงบนเวทีเสื้อแดง แต่กลับลอยนวล โดยไม่มีตำรวจตามตัวมาลงโทษได้ อีกทั้งยังมีการลอบทำร้ายผู้ชุมนุม กปปส. ด้วยอาวุธสงครามหลายชนิด กลับไม่มีความคืบหน้าในการนำคนผิดมาลงโทษ และมีความพยายามที่จะเปิดเผยตัวตนกลุ่มป๊อปคอร์น ที่รัฐบาลกล่าวหาว่า เป็นกลุ่มเดียวกับผู้ชุมนุม เป็นการสะท้อนว่าตำรวจเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน ทำให้สังคมไทยยังขัดแย้งต่อเนื่อง เป็นการกดดันประชาชนให้ปฏิเสธอำนาจรัฐ และความชอบธรรมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มากขึ้นเรื่อยๆ จึงขอให้นายกฯ สั่งการให้เจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติกับประชาชนอย่างเท่าเทียม ในทุกกรณี

**ผบ.ตร.เพิ่งตื่น สั่งจับคดีหมิ่นฯเบื้องสูง

เมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ (9ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.ต.อนุชา รมยะนันทน์ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงความคืบหน้าการชุมนุม ว่าสถานการณ์การชุมนุมยังคงมีการชุมนุมอยู่บริเวณ 5 เวทีหลัก และเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ทำเนียบรัฐบาล ที่แยกผ่านฟ้า ยังคงมีประชาชนค้างแรมอยู่จำนวนหนึ่ง ที่กระทรวงพลังงาน มีประชาชนชุมนุมค้างแรมอยู่ประมาณ 200 คน โดยในส่วนของกระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย และที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ ข้าราชการยังคงเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการในที่ประชุมให้กองกำลังดำเนินการพิจารณาดำเนินการตามแผนในการที่จะเจรจาขอพื้นที่ให้ข้าราชการได้กลับเข้าไปปฏิบัติหน้าที่

ขณะที่เวลา 13.00 น. ได้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่ หน่วยตรวจสอบและเก็บกู้วัตถุระเบิด พนักงานสอบสวนรวมทั้งเจ้าหน้าที่ทหารก็จะเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งกรณียิงเอ็ม 79 ที่เวทีแจ้งวัฒนะ และจะมีการปรับจุดตรวจร่วมระหว่างทหารตำรวจซึ่งจากเดิมบริเวณแจ้งวัฒนะจะมี 1 จุด ก็จะมีการเพิ่มจุดตรวจในรัศมีทำการของอาวุธปืน อาวุธระเบิด เอ็ม 79 เพิ่มเติม

รองโฆษกตร. กล่าวด้วยว่า ผบ.ตร.ได้สั่งการในที่ประชุมกำชับการป้องกันเหตุ ซึ่งจะเป็นการตรวจร่วมกับทางทหารบริเวณแจ้งวัฒนะ รวมทั้งแผนการดำเนินการขอคืนพื้นที่โดยใช้วิธีการเจรจา ที่สำคัญคดีสำคัญที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยเฉพาะคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพผบ.ตร. สั่งการให้ผู้รับผิดชอบเร่งรัดดำเนินการตามกฎหมายโดยด่วน โดยการมีการจัดชุดติดตามประสานงานอย่างใกล้ชิดเพื่อนำผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายให้ได้.
กำลังโหลดความคิดเห็น