คำโบราณที่ว่า “ช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวปิดจะมิดหรือ?” ก็ดี ที่ว่า “น้ำลด ตอผุด” ก็ดี หรือที่ว่า “เห็บหมาย่อมกระโดดหนีเมื่อหมาตาย” ก็ดี เป็นคำโบราณที่เป็นโลกนิติ คือเป็นความจริงของโลกที่เป็นจริงอยู่เสมอ
สภาพเช่นนี้กำลังเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา เป็นสภาพที่เกิดขึ้นเป็นลำดับมาหลังจากเกิดเหตุ “แดงทั้งแผ่นดิน” มาเป็น “แพงทั้งแผ่นดิน” และในปัจจุบันที่มีสภาพ “ฉิบหายทั้งแผ่นดิน”
แม้ว่าจะมีนักวิชากิน นักวิชาโกง คอยเสกสรรปั้นวาทกรรมให้กระบอกเสียงคอยกรอกหู กรอกตาประชาชน สักเท่าใด ก็ไม่สามารถปกปิดสภาพความเป็นจริงทั้งหลายที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราได้เลย
สภาพที่ “คนไทยตาสว่างทั้งแผ่นดิน” แล้วลุกฮือขึ้นมาขับไล่กวาดล้างนักการเมืองโกงชาติที่โคตรโกงและโกงทั้งโคตร จึงขยายตัวไปทั่วแผ่นดิน เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาลที่เผด็จการอำมหิตใดๆ ก็ไม่มีทางที่จะต้านทานได้
ตอแห่งการโกงบ้านกินเมืองกำลังผุดขึ้นทั้งบ้านทั้งเมือง ทำให้นักการเมืองโคตรโกงต้องอับอายขายหน้าประชาชาติไทยและประชาชาติทั่วโลก จนต้องเอาปี๊บคลุมหัว ไม่กล้าพบหน้าสบตาชาวโลก และเป็นเรื่องสำคัญใหญ่โตที่สมควรนำมาสรุปให้ได้ทราบทั่วกันดังนี้
เรื่องแรก ถึงแม้ ป.ป.ช. จะเชื่องช้า และไม่สามารถป้องกันและปราบปรามการทุจริตในบ้านเมืองได้ แต่ฐานะความเป็น ป.ป.ช.นั้นยังห่มลายเสืออยู่ ดังนั้นเมื่อ ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาอดีตรัฐมนตรีและพวกรวม 15 คน ว่าปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบและทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว เกิดความเสียหายอย่างน้อย 425,000 ล้านบาท และการขายข้าวแบบ G to G เป็นของปลอม
ทำให้เกิดการตื่นตัวขึ้นแก่รัฐบาลจีน ทำการตรวจสอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจีนไม่เคยซื้อข้าว G to G จากไทย แล้วไฉนจึงมีการแอบอ้างจนประเทศจีนได้รับความเสียหายว่าสมคบกับนักการเมืองไทยคอร์รัปชัน และมีการจี้ให้นักการเมืองไทยต้องแถลงความจริง
ในที่สุดนักการเมืองไทยก็จำเป็นต้องแถลงความจริงต่อสาธารณะว่า ไม่เคยมีการขายข้าว G to G แก่จีน ซึ่งจะส่งผลให้การตรวจสอบไต่สวนการทุจริตของ ป.ป.ช.ทำได้ง่ายและเสร็จสิ้นเร็วขึ้น เพราะรัฐบาลยอมรับความจริงตามที่มีการกล่าวหาแล้ว
แต่แม้จะมีการยอมรับเช่นนั้น รัฐบาลจีนก็ยังคงยกเลิกข้อตกลงซื้อข้าวแบบ G to G จำนวน 1,200,000 ตัน ที่ตกลงกันเมื่อครั้งนายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเสียงมาเยือนไทย โดยอ้างว่าเกรงว่าจะเกิดความไม่โปร่งใสขึ้น ซึ่งจะทำให้จีนเสียหายหนักขึ้นอีก
เป็นอันว่าการโกงการขายข้าวที่แอบอ้างรัฐบาลจีนขายข้าวให้แก่ลิ่วล้อบริวารในราคาถูก จนประเทศชาติขาดทุนถึง 425,000 ล้านบาทนั้น ส่งผลให้จีนยกเลิกการซื้อข้าวจากไทย และจะไม่มีการซื้อข้าวจากไทยแบบ G to G อีก
เรื่องที่สอง ผลจากการตรวจสอบทุจริตได้ลามไปถึงโครงการซื้อแท็บเล็ตแบบ G to G จากจีนเพื่อนำมาแจกแก่เด็กๆ แล้วใช้ไม่ได้ จนเกิดการด่าว่ารัฐบาลจีนและประเทศจีนที่สมคบกันโกงกับนักการเมืองไทย และทำให้คู่แข่งทางการค้าของจีนยกขึ้นเป็นข้ออ้างว่าสินค้าไอทีของจีนด้อยคุณภาพ จนคนไทยประณามด่าว่ากันทั้งแผ่นดิน
เมื่อรัฐบาลจีนตรวจสอบเข้มเข้า ผู้ที่แอบอ้างเป็นรัฐบาลจีนขายแท็บเล็ตแก่รัฐบาลไทยก็กลัวถูกจับประหารชีวิต จึงปิดบริษัทหนี แล้วเป็นข่าวฉาวโฉ่กันอยู่ในประเทศไทยและทั่วโลกในขณะนี้
เรื่องที่สาม รัฐบาลได้รับจำนำข้าวจากชาวนา โดยสัญญาว่าจะชำระเงินภายใน 15 วัน แต่เพราะโกงกันทั้งแผ่นดินทุกขั้นตอนของโครงการรับจำนำข้าวที่ใครทักใครท้วงก็ไม่ยอมฟัง จึงไม่มีเงินไปชำระค่าข้าวแก่ชาวนากว่า 1,200,000 ครอบครัว หลอกผ่อนผันผัดผ่อนชาวนามาหลายเดือนจนชาวนาทนไม่ไหว ก็ชุมนุมประท้วงปิดถนนทั่วประเทศ
เพื่อดิ้นรนขายผ้าเอาหน้ารอด จึงพยายามควักที่นั่น ล้วงที่นี่ เพื่อจะเอาเงินไปชำระหนี้แก่ชาวนา แต่ปรากฏว่าธนาคารของรัฐทุกแห่งไม่ยอมให้กู้ เพราะผู้บริหารและพนักงานประสานมือสามัคคีป้องกันโจรปล้นธนาคารกันอย่างเข้มแข็ง
จึงต้องเหไปเอาเงินจากกองทุนต่างๆ ไม่ว่ากองทุนประกันสังคม หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ แต่พอจะขยับบรรดาผู้เกี่ยวข้องก็จับมือถือแขนตะโกนว่าโจรจะมาปล้น แล้วช่วยกันขัดขวางไม่ยอมให้เอาเงินจากกองทุนเหล่านั้นไปใช้
สิ้นท่าเข้าก็บังคับธนาคารพาณิชย์ให้ปล่อยกู้แก่รัฐบาลเพื่อไปอุดโครงการรับจำนำข้าว แต่กลับต้องขายหน้ามากขึ้นเพราะธนาคารทั้ง 34 แห่งของประเทศไทยไม่ยอมให้กู้เงิน แม้จะเป็นวงเงินก้อนแรกแค่ 20,000 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเครดิตแม้เพียง 20,000 ล้านบาทก็ไม่มีเหลืออีกแล้ว
อับจนถึงที่สุดก็คิดจะไปมุบมิบเอาเงินจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) แต่ที่ไหนได้ทั้งผู้บริหารและพนักงานธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และประชาชนผู้ฝากเงินไม่ยอมให้ปล้นเงินธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เอาไปใช้
เครดิตไม่มีเหลือแม้แต่น้อย และชาวนาก็เดือดร้อนมากขึ้น กำลังเดินทางเข้ามาชุมนุมในกรุงเทพฯ ผนึกกำลังกับ กปปส.ยกระดับการชุมนุมไล่นักการเมืองโคตรโกงเช่นเดียวกันแล้ว
ขณะนี้เส้นทางหนีลงใต้ไปเหนือกำลังถูกปิดและถูกกระชับเข้ามา หน้าไหนที่ไม่มีเฮลิคอปเตอร์สำหรับบินหนีไปก็ต้องเตรียมตัวคิดอ่านกันให้จงดี ว่าถึงเวลาหนึ่งจะหนีประชาชนไปทางไหนได้อย่างไร?
เรื่องที่สี่ เมื่อน้ำลดตอก็ผุดขึ้นทั่วไปทั้งแผ่นดิน บรรดาข้าราชการกระทรวงต่างๆ ก็ถอนตัวมาเข้าร่วมกับ กปปส.เพื่อปฏิรูปประเทศไทยไม่ให้อยู่ในสภาพดังที่เป็นอยู่ ดังนั้นจึงเกิดปรากฏการณ์ที่ข้าราชการกระทรวงต่างๆ ขึ้นเวทีประกาศตัวแสดงตนเข้าร่วมกับ กปปส.อย่างต่อเนื่อง
และควบคู่กันก็มีการนำข้อมูลที่ปกปิดกันเป็นความลับมาเปิดเผยอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญคือ การที่ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์นำความจริงมาเปิดเผยเกี่ยวกับจำนวนข้าวที่รับจำนำและฝากไว้ตามโกดังต่างๆ ในต่างจังหวัด ว่ามีข้าวหายไปจำนวนมาก เฉพาะเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2557 ก็มีการเปิดเผยจำนวนข้าวที่หายไปหลายจังหวัด
ที่สำคัญคือ เป็นการเปิดเผยพฤติกรรมการโกงข้าวอย่างล่อนจ้อน ทำให้ข้อเท็จจริงในการโกงข้าวกลายเป็นตอที่ผุดทั้งแผ่นดิน
เมื่อเป็นเช่นนี้ทั้ง ป.ป.ช. และ สตง.ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลการใช้จ่ายเงินแผ่นดินและป้องกันการทุจริตจึงได้มีหนังสือไปยังรัฐบาลให้ยุติโครงการรับจำนำข้าว และห้ามไม่ให้ไปกู้เงินในระหว่างยุบสภามาอุดโครงการรับจำนำข้าวอีกต่อไป
เรื่องที่ห้า เป็นเรื่องสำคัญของบ้านเมืองและประชาชนทั้งผอง เกี่ยวข้องกับพี่น้องข้าราชการทหาร ตำรวจ และประชาชนทั่วทั้งประเทศ
นั่นคือการสร้างมายาภาพอิงแอบอ้างฟ้าเพื่อหลอกลวงเหล่าทหารและประชาชนที่กระทำกันอย่างต่อเนื่องและเป็นขบวนการ
การนำภาพบุคคลระดับสูงไปวางไว้หลังที่นั่งประชุมของรักษาการนายกรัฐมนตรีที่สโมสรทหารบก การสร้างกระแสข่าวการแต่งตั้งปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นจอมพล มีอำนาจสั่งการตรงผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกเหล่า การปล่อยข่าวว่าทหารที่มาดูแลความปลอดภัยที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมคือหน่วยงานทหารรักษาพระองค์ และการเผยแพร่เอกสารปลอมว่ามีการส่งทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์มาอารักขานางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น เป็นเรื่องหลอกลวงทั้งสิ้น เป็นการสร้างมายาภาพทั้งสิ้น
ปรากฏการณ์ที่เบื้องบนแอบอ้างฟ้า เบื้องล่างฉ้อโกงชาวนา จนต้องฆ่าตัวตายจำนวนมาก เบื้องกลางสมคบกับต่างชาติและเหล่าอันธพาลทำร้ายสังหารประชาชน เบื้องข้างแอบอ้างต่างชาติมาคุ้มกะลาหัว เป็นปรากฏการณ์ของการดิ้นรนเอาตัวรอดในวาระสุดท้าย หลังจากที่ฐานอำนาจทั้งหลายกำลังล่มสลายทั่วทั้งแผ่นดินนั่นแล!
สภาพเช่นนี้กำลังเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา เป็นสภาพที่เกิดขึ้นเป็นลำดับมาหลังจากเกิดเหตุ “แดงทั้งแผ่นดิน” มาเป็น “แพงทั้งแผ่นดิน” และในปัจจุบันที่มีสภาพ “ฉิบหายทั้งแผ่นดิน”
แม้ว่าจะมีนักวิชากิน นักวิชาโกง คอยเสกสรรปั้นวาทกรรมให้กระบอกเสียงคอยกรอกหู กรอกตาประชาชน สักเท่าใด ก็ไม่สามารถปกปิดสภาพความเป็นจริงทั้งหลายที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราได้เลย
สภาพที่ “คนไทยตาสว่างทั้งแผ่นดิน” แล้วลุกฮือขึ้นมาขับไล่กวาดล้างนักการเมืองโกงชาติที่โคตรโกงและโกงทั้งโคตร จึงขยายตัวไปทั่วแผ่นดิน เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาลที่เผด็จการอำมหิตใดๆ ก็ไม่มีทางที่จะต้านทานได้
ตอแห่งการโกงบ้านกินเมืองกำลังผุดขึ้นทั้งบ้านทั้งเมือง ทำให้นักการเมืองโคตรโกงต้องอับอายขายหน้าประชาชาติไทยและประชาชาติทั่วโลก จนต้องเอาปี๊บคลุมหัว ไม่กล้าพบหน้าสบตาชาวโลก และเป็นเรื่องสำคัญใหญ่โตที่สมควรนำมาสรุปให้ได้ทราบทั่วกันดังนี้
เรื่องแรก ถึงแม้ ป.ป.ช. จะเชื่องช้า และไม่สามารถป้องกันและปราบปรามการทุจริตในบ้านเมืองได้ แต่ฐานะความเป็น ป.ป.ช.นั้นยังห่มลายเสืออยู่ ดังนั้นเมื่อ ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาอดีตรัฐมนตรีและพวกรวม 15 คน ว่าปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบและทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว เกิดความเสียหายอย่างน้อย 425,000 ล้านบาท และการขายข้าวแบบ G to G เป็นของปลอม
ทำให้เกิดการตื่นตัวขึ้นแก่รัฐบาลจีน ทำการตรวจสอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจีนไม่เคยซื้อข้าว G to G จากไทย แล้วไฉนจึงมีการแอบอ้างจนประเทศจีนได้รับความเสียหายว่าสมคบกับนักการเมืองไทยคอร์รัปชัน และมีการจี้ให้นักการเมืองไทยต้องแถลงความจริง
ในที่สุดนักการเมืองไทยก็จำเป็นต้องแถลงความจริงต่อสาธารณะว่า ไม่เคยมีการขายข้าว G to G แก่จีน ซึ่งจะส่งผลให้การตรวจสอบไต่สวนการทุจริตของ ป.ป.ช.ทำได้ง่ายและเสร็จสิ้นเร็วขึ้น เพราะรัฐบาลยอมรับความจริงตามที่มีการกล่าวหาแล้ว
แต่แม้จะมีการยอมรับเช่นนั้น รัฐบาลจีนก็ยังคงยกเลิกข้อตกลงซื้อข้าวแบบ G to G จำนวน 1,200,000 ตัน ที่ตกลงกันเมื่อครั้งนายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเสียงมาเยือนไทย โดยอ้างว่าเกรงว่าจะเกิดความไม่โปร่งใสขึ้น ซึ่งจะทำให้จีนเสียหายหนักขึ้นอีก
เป็นอันว่าการโกงการขายข้าวที่แอบอ้างรัฐบาลจีนขายข้าวให้แก่ลิ่วล้อบริวารในราคาถูก จนประเทศชาติขาดทุนถึง 425,000 ล้านบาทนั้น ส่งผลให้จีนยกเลิกการซื้อข้าวจากไทย และจะไม่มีการซื้อข้าวจากไทยแบบ G to G อีก
เรื่องที่สอง ผลจากการตรวจสอบทุจริตได้ลามไปถึงโครงการซื้อแท็บเล็ตแบบ G to G จากจีนเพื่อนำมาแจกแก่เด็กๆ แล้วใช้ไม่ได้ จนเกิดการด่าว่ารัฐบาลจีนและประเทศจีนที่สมคบกันโกงกับนักการเมืองไทย และทำให้คู่แข่งทางการค้าของจีนยกขึ้นเป็นข้ออ้างว่าสินค้าไอทีของจีนด้อยคุณภาพ จนคนไทยประณามด่าว่ากันทั้งแผ่นดิน
เมื่อรัฐบาลจีนตรวจสอบเข้มเข้า ผู้ที่แอบอ้างเป็นรัฐบาลจีนขายแท็บเล็ตแก่รัฐบาลไทยก็กลัวถูกจับประหารชีวิต จึงปิดบริษัทหนี แล้วเป็นข่าวฉาวโฉ่กันอยู่ในประเทศไทยและทั่วโลกในขณะนี้
เรื่องที่สาม รัฐบาลได้รับจำนำข้าวจากชาวนา โดยสัญญาว่าจะชำระเงินภายใน 15 วัน แต่เพราะโกงกันทั้งแผ่นดินทุกขั้นตอนของโครงการรับจำนำข้าวที่ใครทักใครท้วงก็ไม่ยอมฟัง จึงไม่มีเงินไปชำระค่าข้าวแก่ชาวนากว่า 1,200,000 ครอบครัว หลอกผ่อนผันผัดผ่อนชาวนามาหลายเดือนจนชาวนาทนไม่ไหว ก็ชุมนุมประท้วงปิดถนนทั่วประเทศ
เพื่อดิ้นรนขายผ้าเอาหน้ารอด จึงพยายามควักที่นั่น ล้วงที่นี่ เพื่อจะเอาเงินไปชำระหนี้แก่ชาวนา แต่ปรากฏว่าธนาคารของรัฐทุกแห่งไม่ยอมให้กู้ เพราะผู้บริหารและพนักงานประสานมือสามัคคีป้องกันโจรปล้นธนาคารกันอย่างเข้มแข็ง
จึงต้องเหไปเอาเงินจากกองทุนต่างๆ ไม่ว่ากองทุนประกันสังคม หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ แต่พอจะขยับบรรดาผู้เกี่ยวข้องก็จับมือถือแขนตะโกนว่าโจรจะมาปล้น แล้วช่วยกันขัดขวางไม่ยอมให้เอาเงินจากกองทุนเหล่านั้นไปใช้
สิ้นท่าเข้าก็บังคับธนาคารพาณิชย์ให้ปล่อยกู้แก่รัฐบาลเพื่อไปอุดโครงการรับจำนำข้าว แต่กลับต้องขายหน้ามากขึ้นเพราะธนาคารทั้ง 34 แห่งของประเทศไทยไม่ยอมให้กู้เงิน แม้จะเป็นวงเงินก้อนแรกแค่ 20,000 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเครดิตแม้เพียง 20,000 ล้านบาทก็ไม่มีเหลืออีกแล้ว
อับจนถึงที่สุดก็คิดจะไปมุบมิบเอาเงินจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) แต่ที่ไหนได้ทั้งผู้บริหารและพนักงานธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และประชาชนผู้ฝากเงินไม่ยอมให้ปล้นเงินธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เอาไปใช้
เครดิตไม่มีเหลือแม้แต่น้อย และชาวนาก็เดือดร้อนมากขึ้น กำลังเดินทางเข้ามาชุมนุมในกรุงเทพฯ ผนึกกำลังกับ กปปส.ยกระดับการชุมนุมไล่นักการเมืองโคตรโกงเช่นเดียวกันแล้ว
ขณะนี้เส้นทางหนีลงใต้ไปเหนือกำลังถูกปิดและถูกกระชับเข้ามา หน้าไหนที่ไม่มีเฮลิคอปเตอร์สำหรับบินหนีไปก็ต้องเตรียมตัวคิดอ่านกันให้จงดี ว่าถึงเวลาหนึ่งจะหนีประชาชนไปทางไหนได้อย่างไร?
เรื่องที่สี่ เมื่อน้ำลดตอก็ผุดขึ้นทั่วไปทั้งแผ่นดิน บรรดาข้าราชการกระทรวงต่างๆ ก็ถอนตัวมาเข้าร่วมกับ กปปส.เพื่อปฏิรูปประเทศไทยไม่ให้อยู่ในสภาพดังที่เป็นอยู่ ดังนั้นจึงเกิดปรากฏการณ์ที่ข้าราชการกระทรวงต่างๆ ขึ้นเวทีประกาศตัวแสดงตนเข้าร่วมกับ กปปส.อย่างต่อเนื่อง
และควบคู่กันก็มีการนำข้อมูลที่ปกปิดกันเป็นความลับมาเปิดเผยอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญคือ การที่ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์นำความจริงมาเปิดเผยเกี่ยวกับจำนวนข้าวที่รับจำนำและฝากไว้ตามโกดังต่างๆ ในต่างจังหวัด ว่ามีข้าวหายไปจำนวนมาก เฉพาะเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2557 ก็มีการเปิดเผยจำนวนข้าวที่หายไปหลายจังหวัด
ที่สำคัญคือ เป็นการเปิดเผยพฤติกรรมการโกงข้าวอย่างล่อนจ้อน ทำให้ข้อเท็จจริงในการโกงข้าวกลายเป็นตอที่ผุดทั้งแผ่นดิน
เมื่อเป็นเช่นนี้ทั้ง ป.ป.ช. และ สตง.ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลการใช้จ่ายเงินแผ่นดินและป้องกันการทุจริตจึงได้มีหนังสือไปยังรัฐบาลให้ยุติโครงการรับจำนำข้าว และห้ามไม่ให้ไปกู้เงินในระหว่างยุบสภามาอุดโครงการรับจำนำข้าวอีกต่อไป
เรื่องที่ห้า เป็นเรื่องสำคัญของบ้านเมืองและประชาชนทั้งผอง เกี่ยวข้องกับพี่น้องข้าราชการทหาร ตำรวจ และประชาชนทั่วทั้งประเทศ
นั่นคือการสร้างมายาภาพอิงแอบอ้างฟ้าเพื่อหลอกลวงเหล่าทหารและประชาชนที่กระทำกันอย่างต่อเนื่องและเป็นขบวนการ
การนำภาพบุคคลระดับสูงไปวางไว้หลังที่นั่งประชุมของรักษาการนายกรัฐมนตรีที่สโมสรทหารบก การสร้างกระแสข่าวการแต่งตั้งปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นจอมพล มีอำนาจสั่งการตรงผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกเหล่า การปล่อยข่าวว่าทหารที่มาดูแลความปลอดภัยที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมคือหน่วยงานทหารรักษาพระองค์ และการเผยแพร่เอกสารปลอมว่ามีการส่งทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์มาอารักขานางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น เป็นเรื่องหลอกลวงทั้งสิ้น เป็นการสร้างมายาภาพทั้งสิ้น
ปรากฏการณ์ที่เบื้องบนแอบอ้างฟ้า เบื้องล่างฉ้อโกงชาวนา จนต้องฆ่าตัวตายจำนวนมาก เบื้องกลางสมคบกับต่างชาติและเหล่าอันธพาลทำร้ายสังหารประชาชน เบื้องข้างแอบอ้างต่างชาติมาคุ้มกะลาหัว เป็นปรากฏการณ์ของการดิ้นรนเอาตัวรอดในวาระสุดท้าย หลังจากที่ฐานอำนาจทั้งหลายกำลังล่มสลายทั่วทั้งแผ่นดินนั่นแล!