ผบ.พล.1 รอ.วางแผนซักซ้อมพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตน 13 กองพัน เคลื่อนทัพซ้อมใหญ่ 2-3 ธ.ค. พิธีจริง 5 ธ.ค. 10.30 น. ท้องพระโรงศาลาราษฎร์ประชาสมาคม วังไกลกังวล ปรับลดกำลังและรูปขบวนให้เหมาะสม อย่างสมเกียรติ
วันนี้ (21 พ.ย.) ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) เมื่อเวลา 09.00 น. พล.ต.วราห์ บุญญะสิทธิ์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1 รอ.) ในฐานะผู้บังคับกองผสม เป็นประธานในการประชุมวางแผนงานและการซักซ้อมในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารรักษาพระองค์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการทำพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตน เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ ซึ่งจัดพิธีขึ้นที่ท้องพระโรงศาลาราษฎร์ประชาสมาคม วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นปีแรก โดยมี พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด จะเป็นผู้นำกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณตน สำหรับการจัดกำลังจะประกอบด้วย 12 กองพันทหารรักษาพระองค์ แบ่งเป็น ทหารบก 8 กองพัน ทหารเรือ2 กองพัน ทหารอากาศ 2 กองพัน และอีก 1 กองพันทหารม้ารักษาพระองค์ โดยจะมีการซ้อมย่อยอีกครั้งที่ ร.11 รอ. ในวันที่ 28 พ.ย.นี้ก่อนจะเคลื่อนย้ายกำลังพลไปยังวังไกลกังวลในวันที่ 1 ธ.ค.นี้เวลา 17.00 น. เพื่อเตรียมทำการซ้อมใหญ่เหมือนจริงในวันที่ 2-3 ธ.ค.นี้และทำเริ่มกระทำพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนจริงในวันที่ 5 ธ.ค.นี้ เวลา 10.30 น. อย่างไรก็ตาม ในวันซ้อมใหญ่จะมีการปิดถนนเพชรเกษมบางส่วนประมาณ 300 เมตร เพื่อเปิดทางให้ทหารรักษาพระองค์เข้าประจำพื้นที่
พล.ต.วราห์กล่าวว่า การปฏิบัติของทหารรักษาพระองค์ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวามหาราชในปีนี้จะแตกต่างจากการปฏิบัติในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรื่องสถานที่ ซึ่งจะมีการปรับลดกำลังลง เพราะต้องเชิญธงไชยเฉลิมพลเข้าไปในพื้นที่ในวังไกลกังกล แต่พื้นที่มีข้อจำกัดเรื่องเส้นทางที่นำเข้าไปมีความคับแคบ โดยเราจะวางแผนปรับกำลังและรูปขบวนเพื่อให้สามารถเข้าไปได้อย่างสมพระเกียรติ พร้อมทั้งได้เตรียมแผน 2 และแผน 3 ไว้รองรับด้วย โดยจะใช้กำลังทหารรักษาพระองค์จำนวน 12 กองพัน และอีก 1 กองพันทหารม้า ซึ่งจะทำให้กองกำลังในแถวลดลง เพราะจากเดิมใช้ 2 กองร้อยจะปรับให้เหลือ 1 กองร้อย ส่วนขั้นตอนการปฎิบัติจะเหมือนครั้งที่ผ่านมา โดยยืนยันว่า เรามีความพร้อมในการกระทำพิธี และเน้นย้ำให้ทหารรักษาพระองค์ทุกนายปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างถูกต้องสวยงามเพื่อให้พิธีถวายสัตย์ฯ เป็นไปอย่างสมเกียรติที่สุดสำหรับการปิดถนนเพรชเกษมนั้นจะปิดช่วงสั้นๆ เพื่อไม่ให้กระทบต่อการสัญจรของประชาชน
วันนี้ (21 พ.ย.) ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) เมื่อเวลา 09.00 น. พล.ต.วราห์ บุญญะสิทธิ์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1 รอ.) ในฐานะผู้บังคับกองผสม เป็นประธานในการประชุมวางแผนงานและการซักซ้อมในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารรักษาพระองค์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการทำพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตน เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ ซึ่งจัดพิธีขึ้นที่ท้องพระโรงศาลาราษฎร์ประชาสมาคม วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นปีแรก โดยมี พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด จะเป็นผู้นำกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณตน สำหรับการจัดกำลังจะประกอบด้วย 12 กองพันทหารรักษาพระองค์ แบ่งเป็น ทหารบก 8 กองพัน ทหารเรือ2 กองพัน ทหารอากาศ 2 กองพัน และอีก 1 กองพันทหารม้ารักษาพระองค์ โดยจะมีการซ้อมย่อยอีกครั้งที่ ร.11 รอ. ในวันที่ 28 พ.ย.นี้ก่อนจะเคลื่อนย้ายกำลังพลไปยังวังไกลกังวลในวันที่ 1 ธ.ค.นี้เวลา 17.00 น. เพื่อเตรียมทำการซ้อมใหญ่เหมือนจริงในวันที่ 2-3 ธ.ค.นี้และทำเริ่มกระทำพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนจริงในวันที่ 5 ธ.ค.นี้ เวลา 10.30 น. อย่างไรก็ตาม ในวันซ้อมใหญ่จะมีการปิดถนนเพชรเกษมบางส่วนประมาณ 300 เมตร เพื่อเปิดทางให้ทหารรักษาพระองค์เข้าประจำพื้นที่
พล.ต.วราห์กล่าวว่า การปฏิบัติของทหารรักษาพระองค์ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวามหาราชในปีนี้จะแตกต่างจากการปฏิบัติในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรื่องสถานที่ ซึ่งจะมีการปรับลดกำลังลง เพราะต้องเชิญธงไชยเฉลิมพลเข้าไปในพื้นที่ในวังไกลกังกล แต่พื้นที่มีข้อจำกัดเรื่องเส้นทางที่นำเข้าไปมีความคับแคบ โดยเราจะวางแผนปรับกำลังและรูปขบวนเพื่อให้สามารถเข้าไปได้อย่างสมพระเกียรติ พร้อมทั้งได้เตรียมแผน 2 และแผน 3 ไว้รองรับด้วย โดยจะใช้กำลังทหารรักษาพระองค์จำนวน 12 กองพัน และอีก 1 กองพันทหารม้า ซึ่งจะทำให้กองกำลังในแถวลดลง เพราะจากเดิมใช้ 2 กองร้อยจะปรับให้เหลือ 1 กองร้อย ส่วนขั้นตอนการปฎิบัติจะเหมือนครั้งที่ผ่านมา โดยยืนยันว่า เรามีความพร้อมในการกระทำพิธี และเน้นย้ำให้ทหารรักษาพระองค์ทุกนายปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างถูกต้องสวยงามเพื่อให้พิธีถวายสัตย์ฯ เป็นไปอย่างสมเกียรติที่สุดสำหรับการปิดถนนเพรชเกษมนั้นจะปิดช่วงสั้นๆ เพื่อไม่ให้กระทบต่อการสัญจรของประชาชน
