กลุ่มราชนิกูลแถลงข่าว เผยนายกฯ เพิกเฉยข้อเรียกร้องจัดการแขนขาขบวนการหมิ่นเบื้องสูง ยึดคำพูดทหารรักษาพระองค์เตรียมจัดการเอง อีกด้านเตือนนายกฯ ทูลเกล้าฯกฎหมายที่มีปัญหาต้องสำนึก จี้ขอพระราชทานอภัยโทษ จับตาสภาทาส 312 คนประกาศไม่เคารพศาล ซึ่งอยู่ในพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์ เท่ากับว่ากำลังหมิ่นข่มเหงสถาบัน ห่วงรัฐเพิกเฉยให้พวกล้มเจ้าเป็นรัฐมนตรี
วันนี้ (22 พ.ย.) ที่สะพานผ่านฟ้า ม.ล.สุทธิฉันท์ วรวุฒิ พร้อมด้วย ม.ล.วันชัย นวรัตน์, ม.ล.ธรรมธนวัทธ สวัสดิวัตน์ และ ม.ล.ภูดิศ ศุขสวัสดิ ร่วมกันแถลงข่าว จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกจากราชนิกูล ที่ลงนามรวม 21 รายชื่อ ถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ต่อกรณีที่การหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ยังไม่ได้รับการดูแลแก้ไขจากรัฐบาล จึงขอให้รัฐบาลอย่าแต่งตั้งบุคคลที่มีความเกี่ยวข้อง และเป็นอันตรายต่อสถาบันดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขณะเดียวกันขอให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พิจารณาดำเนินการตรวจสอบและปิดสื่อ ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุชุมชน วิทยุโทรทัศน์ดาวเทียมให้เด็ดขาดกรณีที่เป็นอันตรายต่อสถาบัน โดยขอให้ดำเนินการตามที่ทางกลุ่มเรียกร้องให้แล้วเสร็จภายใน 3 วัน
ทั้งนี้ วันนี้เข้าไปทวงถามสิ่งที่ได้ยื่นจดหมายไปแล้ว สิ่งที่ได้รับมาจำเป็นที่จะต้องมีแถลงการณ์ออกมาว่าได้รับคำตอบที่ไม่น่าพอใจ และไม่สามารถที่จะบังคับคำตอบเหล่านั้นได้จากนายกรัฐมนตรี จึงออกแถลงการณ์ถึงนายกรัฐมนตรี ระบุว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีไม่มีความใส่ใจในปัญหาการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีขึ้นในปัจจุบันและอนาคต เพื่อเป็นการตอบสนองถึงข้อเรียกร้อง 2 ข้อ จึงสรุปได้ว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้แสดงความน่าเชื่อถือและไว้วางใจได้ว่าการปกป้องดูแลสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างชัดเจน
อีกประการหนึ่ง นายกรัฐมนตรีมีการแสดงถึงวาทกรรม มากกว่าการสร้างความเข้าใจเกิดขึ้นในหมู่ประชาชนทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการยังมีบุคคลและกลุ่มบุคคลที่กระทำการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างชัดเจน ไม่ได้ดำเนินการใดๆ อย่างทันท่วงที ฉะนั้นนับจากนี้ต่อไปจะขอใช้เจตนาความหมายของทหารรักษาพระองค์เป็นหลักในหมู่ผู้จงรักภักดี ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ “หากแม้นมีภัยพาลมุ่งร้ายมิยอมผู้หมิ่นข่มเหง มิเกรงจะเป็นผู้ใดจะขอถวายชีวีมิหวาดหวั่น” หากนายกรัฐมนตรีกระทำการอันใดโดยมิได้พิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นที่เคารพเทิดทูน ขอให้คำนึงถึงสิ่งที่จะตามมาตามคำกล่าวข้างต้น
ม.ล.สุทธิฉันท์ กล่าวต่อว่า พวกเรามองเห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร ในเรื่องของการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ สถานการณ์การเมืองวันนี้ สถาบันนิติบัญญัติและบริหารได้กระทำการอย่างไรกับสถาบันตุลาการ เราถือว่าสิ่งเหล่านี้คาบเกี่ยวนำไปสู่การกระทำ ซึ่งนับแต่นี้ต่อไปจะขอถือคำของทหารรักษาพระองค์เป็นหลักต่อไป ถ้าวันนี้ไม่มีหลักการเคารพเทิดทูนและรักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ความแตกแยกในสังคมและความมุ่งมั่นต่อสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะยังเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าทุกคนไม่มีหลักยืนหยัดในความเคารพสถาบันอย่างแท้จริง จากนี้จะดำเนินการติดตาม ดูแลอย่างใกล้ชิด ตรวจสอบในเรื่องของสื่อที่เป็นเป็นอันตรายต่อสถาบัน ในเมื่อกระทรวงไอซีทีดำเนินการไม่ได้ เราก็จะดำเนินการของเราเอง และรวมถึงสถานีวิทยุต่างๆ
นอกจากนี้ กรณีที่นายกรัฐมนตรีทูลเกล้าฯ กฎหมายที่มีปัญหา และมีช่องว่างทางกฎหมายนำขึ้นไป จะอ้างว่าอยู่ในช่วงเวลา 20 วันของรัฐรรมนูญก็ตาม แต่นายกฯ ก็ต้องแสดงความสำนึก ต้องทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษในสิ่งที่ไม่บังควรที่เกิดขึ้น ไม่ว่าสิ่งนั้นจะมีมาแล้วก่อนหรือหลังก็ตามก็ต้องมีสำนึกตรงนี้ เรารู้ว่าอะไรควรไม่ควร นายกฯ จะมาอ้างเรื่องกฎหมายหรือเวลากับสิ่งที่สำนึกต่อความรู้สึกที่เรามองเห็นว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นที่เคารพสักการะ นายกฯ ต้องมีสำนึกมากกว่าคนอื่นๆ ดังนั้น จึงต้องทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษเท่านั้น
ทั้งนี้ คนเข้าใจว่าทุกคนก็อยากดึงสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาเกี่ยวข้องทางการเมือง แล้วสถาบันก็ไม่เคยคิดที่จะเกี่ยวข้องทางการเมือง แต่รัฐธรรมนูญมาตรา 8 ระบุว่า สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ จึงอยากถามฝ่ายบริหารว่าที่มีการละเมิดแล้วทำอย่างไรกับการละเมิดนั้น จะให้สถาบันลงมาชี้คงกระทำมิได้ เพราะอยู่ในฐานะเป็นที่เคารพสักการะ ในฐานะเป็นพสกนิกรของพระองค์ท่าน ทุกคนก็เป็นพสกนิกร เราก็จะช่วยดูแลปกป้องท่าน แต่การดำเนินการฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติประกาศไม่เคารพศาล ซึ่งอยู่ในพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์ เท่ากับว่ากำลังหมิ่นข่มเหง ระมัดระวังด้วยว่า การกระทำอย่างนี้เป็นการหมิ่นข่มเหงหรือเปล่า ซึ่งต้องตีความกฎหมาย แต่ข้อความทหารรักษาพระองค์บอกแล้วว่ามิยอมผู้หมิ่นข่มเหง อยากให้ประชาชนรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่ายอมผู้ใดหมิ่นข่มเหงไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใคร
“สถาบันมีทั้งการหมิ่นตัวบุคคลและสถาบัน และการกระทำนั้นมีทั้งบุคคล องค์กร นับจากนี้ต่อไป เราซึ่งเป็นผู้อยู่ใกล้ชิดในเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์โดยตรงจะติดตามดูแลเรื่องนี้ทั้งบุคคลและกลุ่มบุคคล และองค์กรใดๆ ก็ตาม เพื่อดำเนินการให้ทันท่วงทีนับจากนี้ต่อไป และจะยึดถือคำมั่นของทหารรักษาพระองค์ในการทำงาน” ม.ล.สุทธิฉันท์ กล่าว
ด้าน ม.ล.วันชัย กล่าวว่า พวกเราไม่สบายใจที่รัฐบาลบรรจุผู้ที่หมิ่นเบื้องสูงเข้าไปเป็นรัฐมนตรี พวกเราเฝ้ามองมานานแล้วแต่รัฐบาลกลับเพิกเฉย และสนับสนุนให้นักการเมืองที่หมิ่นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เข้าไปมีอำนาจทางการเมือง ถือว่ารัฐบาลไม่มีสำนึกในการจงรักภักดีต่อสถาบันเบื้องสูงซึ่งเป็นที่เคารพ และอยู่คู่บ้านคู่เมืองตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน