ประชาชนที่อยู่ในเหตุการณ์ปะทะระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลคนเสื้อแดงจากจังหวัดปทุมธานี ภายใต้การนำของ วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ และกลุ่มต่อต้านรัฐบาล กปปส. ที่แยกหลักสี่ ต้องพากันหลบคุดคู้บนทางเท้า อีกหลายคนวิ่งหลบเข้าไปอยู่ภายในตัวห้างหลักสี่พลาซา ที่อยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ ในขณะที่แกนนำกลุ่ม กปปส.ได้สั่งให้ผู้ร่วมชุมนุมเข้าไปหลบภายในสำนักงานเขตหลักสี่ ซึ่งมีเสียงปืนและระเบิดดังอย่างต่อเนื่อง ในช่วงเวลา 16.00 น. เมื่อวันที่ 1ก.พ.ที่ผ่านมา ก่อนจะถึงวันเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ (2ก.พ.) และมีอีกหลายคนสามารถจับภาพกลุ่มชายลึกลับแต่งชุดเกราะกันกระสุนสีดำ หลบอยู่ใต้สะพานข้ามแยกหลักสี่ ซึ่งช่างภาพสามารถจับภาพหนึ่งในมือปืนชุดดำ ที่ยิงปืนผ่านถุงกระดาษที่คลุมปืนไว้ได้
เหตุการณ์ปะทะครั้งนี้เกิดขึ้นจากความรุนแรงล่าสุดก่อนวันเลือกตั้งใหญ่ที่กลุ่มผู้ประท้วง กปปส. พยายามจะโค่นล้มรัฐบาลพรรคเพื่อไทยของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร และต้องการล้มการเลือกตั้งที่มีขึ้นในวันที่ ก.พ. โดยพวกผู้ประท้วงได้กล่าวหาว่า รัฐบาลของยิ่งลักษณ์คอร์รัปชัน ซึ่งความรุนแรงที่เกิดขึ้นล่าสุดทำให้คาดว่าอาจจะมีวิกฤตเกิดขึ้นได้ในวันเลือกตั้ง
โดยเหตุปะทะเมื่อวันที่ 1ก.พ. เริ่มจากกลุ่มคนเสื้อแดงที่สนับสนุนรัฐบาลได้เดินขบวนผ่านมายังสำนักงานเขตหลักสี่ ในขณะที่สำนักงานเขตแห่งนี้ได้ถูกโอบล้อมไว้แล้ว ด้วยกลุ่มผู้ประท้วงม็อบ กปปส. ที่ต้องการไม่ให้หีบบัตรลงคะแนน และบัตรลงคะแนนสามารถแจกจ่ายออกไปได้ ในเช้าวันเลือกตั้ง (2ก.พ.)
ความตึงเครียดกินเวลาหลายชั่วโมง ก่อนจะกลายเป็นการปะทะ และมีเสียงปืนยิงกราดให้ได้ยินไปทั่วบริเวณ ในขณะประชาชนที่อยู่ในที่เกิดเหตุต่างกรีดร้องด้วยความตกใจ ซึ่งผู้ประท้วงกลุ่มเสื้อแดง ใช้ไม้หน้าสามหวดไปที่กระจกหน้ารถของม็อบ กปปส. ที่ขนผู้ประท้วงซึ่งสามารถขับหลบหนีออกไปได้อย่างรวดเร็ว
ช่างภาพเอพีเห็น “มือปืนคนหนึ่งที่ได้อยู่ร่วมกับกลุ่มผู้ประท้วง”ใช้ปืนไรเฟิลกราดยิงเสียงดังสนั่น ในขณะที่มือปืนอีกราย นอนราบลงกับพื้นถนนใช้ปืนพกยิงออกไป ด้านสุนัย ผาสุข นักวิจัยกลุ่มฮิวแมนไรต์วอตช์ เปิดเผยว่า กลุ่มมือปืนผู้สนับสนุนรัฐบาล จำนวน 2-3 คน ได้ปีนขึ้นไปอยู่บนหลังคาของห้างสรรพสินค้าที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง และได้สาดกระสุนลงมาใส่ผู้ประท้วงม็อบ กปปส. นอกจากนี้ผู้ประท้วงจากทั้งสองฝ่าย ต่างใช้ทั้งก้อนหินเป็นอาวุธในการปะทะ
“สิ่งที่เห็นได้ชัด คือ กลุ่มผุ้ประท้วงทั้งสองฝ่ายต่างมีเครื่องมือทำร้ายซึ่งกันและกัน ทั้งสองฝ่ายต่างติดอาวุธ นี่เป็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วงมาก” สุนัยกล่าว
ทั้งนี้มีรายงานจากศูนย์ฉุกเฉินท้องถิ่น มีประชาชนอย่างน้อย 6 คนได้รับบาดเจ็บ รวมถึงนักข่าวจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ นอกจากนี้ เจมส์ แนชต์เวย์ ช่างภาพนักข่าวชาวอเมริกันได้รับบาดเจ็บจากลูกกระสุนที่ถากบริเวณขา
ถึงแม้เหตุการณ์ความรุนแรงจะเกิดขึ้นเป็นระยะก่อนถึงวันเลือกตั้ง แต่ทว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย ยังคงเดินหน้าเพื่อจัดการเลือกตั้งในวันที่ ก.พ. ให้ได้ การรักษาความปลอดภัยในการเลือกตั้งทั่วประเทศ มีความเข้มงวดมาก โดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กล่าวว่าจะจัดส่งกำลังเจ้าหน้าที่ราว 100,000 นายทั่วประเทศเพื่อการรักษาความปลอดภัย และทางกองทัพจะจัดส่งกำลังเสริมอีก 5,000 นาย เพื่อดูแลความปลอดภัยภายในเขตุกรุงเทพฯ และมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งราว 47 ล้านคน ที่จะลงคะแนนหย่อนบัตร
ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในวันที่ 2ก.พ. ผลที่ออกมาย่อมไม่แน่นอนอยู่แล้ว เพราะก่อนหน้านั้นกลุ่มผู้ประท้วงม็อบ กปปส. ได้ขัดขวางไม่ให้ผู้สมัครสามารถลงรับสมัครได้ในบางเขต และจะเป็นสาเหตุให้สภาผู้แทนราษฎรจะไม่สามารถเปิดประชุมในครั้งแรกได้ เพราะมีสมาชิกไม่ครบ ซึ่งหมายความว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ หรือผ่านงบประมาณแผ่นดินได้ และประเทศไทยก็จะต้องตกอยู่ในสภาวะที่ไม่แน่นอนทางการเมืองอีกครั้ง เพราะเลือกตั้งที่ไม่สามารถจะลงคะแนนเสียงได้
และสุญญากาศทางการเมืองอาจจะบีบบังคับให้กองทัพ ต้องตัดสินใจยึดอำนาจอีกครั้ง เหมือนกับที่เกิดขึ้นในปี 2549 ที่พี่ชายของยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ต้องหมดจากอำนาจไป แต่ถึงแม้ทักษิณจะต้องระเห็จอาศัยอยู่นอกประเทศ แต่เขายังคงเป็นศูนย์กลางอำนาจ ที่ทำให้เกิดขั้วการเมืองไทยมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งกลุ่มประชาชนยากจน ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศที่อยู่ทางเหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ต่างชื่นชมทักษิณ เพราะนโยบายประชานิยมของเขา ในขณะที่กลุ่มชนชั้นนำของไทย รวมถึงประชาชนที่อยู่ทางใต้ของประเทศ กลับมองทักษิณและตระกูลชินวัตร ของเขาเป็นเสมือนศูนย์รวมการคอร์รัปชันของประเทศ ซึ่งผู้ประท้วงม็อบ กปปส. อ้างว่ายิ่งลักษณ์เป็นแค่หุ่นเชิดของทักษิณเท่านั้น
นอกจากนี้อาจมีความเป็นไปได้ที่จะเกิด “ตุลาการปฏิวัติ”(Judicial Coup)โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า ทั้งสถาบันตุลาการ และหน่วยงานตรวจสอบอิสระของประเทศต่างเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบทักษิณอย่างมาก ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญฝ่ายต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้พยายามหาช่องทางกฎหมายเพื่อทำให้การเลือกตั้งในวันนี้เป็นโมฆะ
“ผมคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิด “ตุลาการปฏิวัติ” (Judicial Coup) ขึ้น ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างบางส่วนของกระบวนการยุติธรรม หน่วยงานตรวจสอบการคอรัปชันของไทย และศาลรัฐธรรมนูญ จะทำให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยหมดอำนาจไป” คริส เบเกอร์ นักวิเคราะห์ และนักเขียนประจำประเทศไทย ให้ความเห็น
เหตุการณ์ปะทะครั้งนี้เกิดขึ้นจากความรุนแรงล่าสุดก่อนวันเลือกตั้งใหญ่ที่กลุ่มผู้ประท้วง กปปส. พยายามจะโค่นล้มรัฐบาลพรรคเพื่อไทยของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร และต้องการล้มการเลือกตั้งที่มีขึ้นในวันที่ ก.พ. โดยพวกผู้ประท้วงได้กล่าวหาว่า รัฐบาลของยิ่งลักษณ์คอร์รัปชัน ซึ่งความรุนแรงที่เกิดขึ้นล่าสุดทำให้คาดว่าอาจจะมีวิกฤตเกิดขึ้นได้ในวันเลือกตั้ง
โดยเหตุปะทะเมื่อวันที่ 1ก.พ. เริ่มจากกลุ่มคนเสื้อแดงที่สนับสนุนรัฐบาลได้เดินขบวนผ่านมายังสำนักงานเขตหลักสี่ ในขณะที่สำนักงานเขตแห่งนี้ได้ถูกโอบล้อมไว้แล้ว ด้วยกลุ่มผู้ประท้วงม็อบ กปปส. ที่ต้องการไม่ให้หีบบัตรลงคะแนน และบัตรลงคะแนนสามารถแจกจ่ายออกไปได้ ในเช้าวันเลือกตั้ง (2ก.พ.)
ความตึงเครียดกินเวลาหลายชั่วโมง ก่อนจะกลายเป็นการปะทะ และมีเสียงปืนยิงกราดให้ได้ยินไปทั่วบริเวณ ในขณะประชาชนที่อยู่ในที่เกิดเหตุต่างกรีดร้องด้วยความตกใจ ซึ่งผู้ประท้วงกลุ่มเสื้อแดง ใช้ไม้หน้าสามหวดไปที่กระจกหน้ารถของม็อบ กปปส. ที่ขนผู้ประท้วงซึ่งสามารถขับหลบหนีออกไปได้อย่างรวดเร็ว
ช่างภาพเอพีเห็น “มือปืนคนหนึ่งที่ได้อยู่ร่วมกับกลุ่มผู้ประท้วง”ใช้ปืนไรเฟิลกราดยิงเสียงดังสนั่น ในขณะที่มือปืนอีกราย นอนราบลงกับพื้นถนนใช้ปืนพกยิงออกไป ด้านสุนัย ผาสุข นักวิจัยกลุ่มฮิวแมนไรต์วอตช์ เปิดเผยว่า กลุ่มมือปืนผู้สนับสนุนรัฐบาล จำนวน 2-3 คน ได้ปีนขึ้นไปอยู่บนหลังคาของห้างสรรพสินค้าที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง และได้สาดกระสุนลงมาใส่ผู้ประท้วงม็อบ กปปส. นอกจากนี้ผู้ประท้วงจากทั้งสองฝ่าย ต่างใช้ทั้งก้อนหินเป็นอาวุธในการปะทะ
“สิ่งที่เห็นได้ชัด คือ กลุ่มผุ้ประท้วงทั้งสองฝ่ายต่างมีเครื่องมือทำร้ายซึ่งกันและกัน ทั้งสองฝ่ายต่างติดอาวุธ นี่เป็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วงมาก” สุนัยกล่าว
ทั้งนี้มีรายงานจากศูนย์ฉุกเฉินท้องถิ่น มีประชาชนอย่างน้อย 6 คนได้รับบาดเจ็บ รวมถึงนักข่าวจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ นอกจากนี้ เจมส์ แนชต์เวย์ ช่างภาพนักข่าวชาวอเมริกันได้รับบาดเจ็บจากลูกกระสุนที่ถากบริเวณขา
ถึงแม้เหตุการณ์ความรุนแรงจะเกิดขึ้นเป็นระยะก่อนถึงวันเลือกตั้ง แต่ทว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย ยังคงเดินหน้าเพื่อจัดการเลือกตั้งในวันที่ ก.พ. ให้ได้ การรักษาความปลอดภัยในการเลือกตั้งทั่วประเทศ มีความเข้มงวดมาก โดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กล่าวว่าจะจัดส่งกำลังเจ้าหน้าที่ราว 100,000 นายทั่วประเทศเพื่อการรักษาความปลอดภัย และทางกองทัพจะจัดส่งกำลังเสริมอีก 5,000 นาย เพื่อดูแลความปลอดภัยภายในเขตุกรุงเทพฯ และมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งราว 47 ล้านคน ที่จะลงคะแนนหย่อนบัตร
ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในวันที่ 2ก.พ. ผลที่ออกมาย่อมไม่แน่นอนอยู่แล้ว เพราะก่อนหน้านั้นกลุ่มผู้ประท้วงม็อบ กปปส. ได้ขัดขวางไม่ให้ผู้สมัครสามารถลงรับสมัครได้ในบางเขต และจะเป็นสาเหตุให้สภาผู้แทนราษฎรจะไม่สามารถเปิดประชุมในครั้งแรกได้ เพราะมีสมาชิกไม่ครบ ซึ่งหมายความว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ หรือผ่านงบประมาณแผ่นดินได้ และประเทศไทยก็จะต้องตกอยู่ในสภาวะที่ไม่แน่นอนทางการเมืองอีกครั้ง เพราะเลือกตั้งที่ไม่สามารถจะลงคะแนนเสียงได้
และสุญญากาศทางการเมืองอาจจะบีบบังคับให้กองทัพ ต้องตัดสินใจยึดอำนาจอีกครั้ง เหมือนกับที่เกิดขึ้นในปี 2549 ที่พี่ชายของยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ต้องหมดจากอำนาจไป แต่ถึงแม้ทักษิณจะต้องระเห็จอาศัยอยู่นอกประเทศ แต่เขายังคงเป็นศูนย์กลางอำนาจ ที่ทำให้เกิดขั้วการเมืองไทยมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งกลุ่มประชาชนยากจน ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศที่อยู่ทางเหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ต่างชื่นชมทักษิณ เพราะนโยบายประชานิยมของเขา ในขณะที่กลุ่มชนชั้นนำของไทย รวมถึงประชาชนที่อยู่ทางใต้ของประเทศ กลับมองทักษิณและตระกูลชินวัตร ของเขาเป็นเสมือนศูนย์รวมการคอร์รัปชันของประเทศ ซึ่งผู้ประท้วงม็อบ กปปส. อ้างว่ายิ่งลักษณ์เป็นแค่หุ่นเชิดของทักษิณเท่านั้น
นอกจากนี้อาจมีความเป็นไปได้ที่จะเกิด “ตุลาการปฏิวัติ”(Judicial Coup)โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า ทั้งสถาบันตุลาการ และหน่วยงานตรวจสอบอิสระของประเทศต่างเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบทักษิณอย่างมาก ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญฝ่ายต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้พยายามหาช่องทางกฎหมายเพื่อทำให้การเลือกตั้งในวันนี้เป็นโมฆะ
“ผมคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิด “ตุลาการปฏิวัติ” (Judicial Coup) ขึ้น ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างบางส่วนของกระบวนการยุติธรรม หน่วยงานตรวจสอบการคอรัปชันของไทย และศาลรัฐธรรมนูญ จะทำให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยหมดอำนาจไป” คริส เบเกอร์ นักวิเคราะห์ และนักเขียนประจำประเทศไทย ให้ความเห็น