รอยเตอร์ - พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด แห่งกองทัพไทยได้กระตุ้นให้ทั้งฝ่ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทยและฝ่ายม็อบ กปปส.ภายใต้การนำสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้ประนีประนอมหาทางออกร่วมกัน ในขณะที่การประท้วงยังคงดำเนินต่อท่ามความรุนแรงช่วงสุดสัปดาห์ และมีแนวโน้มว่ากระแสการประท้วงนั้นดูแผ่วลง
สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำการประท้วงต่อต้านรัฐบาลนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้นำกลุ่มผู้ประท้วงม็อบ กปปส.เดินขบวนทั่วกรุงเทพในในวันอาทิตย์ (19) เพื่อเรียกร้องให้ยิ่งลักษณ์ลาออก
แต่เมื่อพิจารณาดูจำนวนผู้เข้าร่วมการประท้วงแล้ว ดูเหมือนว่ามีจำนวนที่ลดลงมาก ซึ่งดูได้จากจุดการประท้วงใหญ่แห่งหนึ่ง เมื่อนับจำนวนผู้เข้าร่วมในคืนวันเสาร์ (18) จะพบว่ามีแค่จำนวนผู้ประท้วงไม่ถึงร้อยคนในบริเวณถนนเส้นที่ถูกปิดลงซึ่งมีแผงขายเสื้อยืดและอาหารตั้งเรียงรายเต็มไปหมด
“ในขณะนี้พวกเราทุกคนต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการดูแลประเทศของเรา” พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้กล่าวกับนักข่าวหลังจากจบการเดินสวนสนามวันกองทัพไทยเมื่อวานนี้ (18)
การให้สัมภาษณ์ของ ผบ.สส.มีขึ้นหลังจากเหตุการณ์ปาระเบิดใส่ม็อบต้านย่านถนนบรรทัดทองเมื่อวันศุกร์ (17) ที่ผ่านมา มีผลให้มีผู้บาดเจ็บ 35 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นผลให้ยอดเสียชีวิตในการประท้วงไล่ยิ่งลักษณ์นับตั้งแต่พฤศจิกายน 2013 อยู่ที่ 9 ราย
“ความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพและรัฐบาลเป็น “ปกติ” …เราต้องเคารพกฎหมาย โดยส่วนตัวของผมนั้นเคารพกฎหมายและผมเคารพความเห็นของทุกฝ่าย ดังนั้นผมจึงขอร้องให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันเพื่อร่วมกันหาทางออก” พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าว
นอกจากนี้ สื่อไทยภาคภาษาอังกฤษ บางกอกโพสต์ ยังได้อ้างคำพูด พล.อ.ธนะศักดิ์ที่กล่าวว่า ตัวของเขาไม่มีความสนใจที่จะรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย หรือการเป็นคนกลางในความขัดแย้งทางการเมืองล่าสุดที่มีความขัดแย้งมายาวนานกว่า 8 ปี ระหว่างประชาชนชั้นกลางของประเทศที่เป็นขบวนการปกป้องสถาบันกษัตริย์ และฝ่ายประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่ยากไร้ในชนบทที่ให้การสนับสนุนยิ่งลักษณ์และอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร
มีการคาดการณ์ว่าในที่สุดกองทัพอาจจะเข้ามาผ่าทางตันวิกฤตทางการเมืองครั้งนี้ ซึ่งเริ่มมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
และที่ผ่านมากองทัพได้ทำรัฐประหารหรือมีความพยายามที่จะยึดอำนาจมาแล้วถึง 18 ครั้งในรอบ 81 ปี นับตั้งแต่ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย แต่ในขณะนี้ดูเหมือนว่าทางกองทัพจะพยายามรักษาจุดยืนที่จะเป็นกลางในครั้งนี้
ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบปาระเบิดใส่ม็อบ กปปส.เมื่อวันศุกร์ (17) โดยสุเทพ ผู้นำการประท้วงได้กล่าวโทษรัฐบาลพรรคเพื่อไทย และยืนยันว่าเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นไม่ทำให้กลุ่มผู้ประท้วงที่พากันปิดถนนเส้นหัวใจหลักของประเทศ และปิดกระทรวงต่างของรัฐขวัญเสีย
นอกจากนี้ ทางตำรวจได้เปิดเผยว่า มือปืนไม่ทราบชื่อได้ยิงใส่กลุ่มผู้ประท้วงในคืนดึกวันเสาร์ (18) ย่านลาดพร้าว “ผู้ประท้วงชายวัย 54 ปีถูกยิง และได้รุดนำตัวส่งโรงพยาบาลในทันที อาการของเหยื่อกระสุนนั้นอยู่ในขั้นปลอดภัยแล้ว” เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลาดพร้าวได้ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์
และเจ้าหน้าที่ยังเผยต่อว่า ได้เกิดระเบิดขึ้นแถวชิดลม ใกล้กับจุดการประท้วงย่านใจกลางเมืองอีกแห่งหนึ่ง แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
“ได้โปรดเถิด เพื่อนร่วมชาติของผม ได้โปรดร่วมกันลุกขึ้นและทำหน้าที่ของเราเพื่อทำให้รัฐบาลที่ฉ้อฉลของยิ่งลักษณ์ไม่สามารถทำงานต่อไปได้” สุเทพกล่าวคำปราศรัยในบ่ายวันอาทิตย์(19) ปลุกระดมให้ประชาชนทั่วประเทศร่วมกันปิดหน่วยงานรัฐทั่วประเทศเพื่อไม่ให้ข้าราชการสามารถเข้าปฎิบัติหน้าที่ได้
แต่ทว่าดูเหมือนมีการตอบรับเสียงเรียกร้องจากสุเทพน้อยมากในต่างจังหวัดที่พรรคเพื่อไทยของยิ่งลักษณ์มีฐานเสียงอยู่
ที่ผ่านมานายกฯยิ่งลักษณ์ได้ประกาศให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้ ซึ่งพรรคประชาธิปัต ย์ที่เป็นพรรคฝ่ายค้านได้ประกาศไม่เข้าร่วม แต่ถึงแม้พรรคประชาธิปัตย์จะร่วมการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ นักวิเคราะห์ต่างฟันธงว่า พรรคเพื่อไทยของยิ่งลักษณ์ต้องชนะการเลือกตั้งแน่นอน เพราะกลุ่มประชาชนรากหญ้าในต่างจังหวัดได้สนับสนุนพรรคการเมืองของทักษิณและพรรคร่วมให้ชนะการเลือกตั้งทุกครั้งมาตั้งแต่ปี 2001
อย่างไรก็ตาม ผู้ประท้วงม็อบต้านได้กล่าวหาทักษิณและยิ่งลักษณ์ในข้อหาคอรัปชัน และต้องการให้ยิ่งลักษณ์ลาออกเพื่อเปิดให้มี “สภาประชาชน” ทำการปฎิรูปประเทศครั้งใหญ่
การประท้วงครั้งล่าสุดนี้ถือว่าใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ช่วงเมษายน-พฤษภาคม 2010 ที่กลุ่มผู้สนับสนุนทักษิณได้ประท้วงจนถึงขั้นทำให้ประเทศไทยเป็นอัมพาต และกองทัพต้องตบเท้าออกมาจากกรมกองเพื่อสลายการชุมนุม ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 90 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นฝ่ายผู้สนับสนุนทักษิณ
ซึ่งในขณะนี้กลุ่มสนับสนุนรัฐบาลที่รู้จักในนาม “เสื้อแดง” ได้รวมตัวประท้วงอยู่รอบนอกกรุงเทพฯ เพื่อป้องกันเหตุการปะทะระหว่างม็อบเกิดขึ้น