นายกฯ อดล่าไมล์สะสม ติดซักฟอกเลื่อนถกนายกฯ สิงคโปร์ มอบ "นิวัฒน์ธำรง" เจ้าภาพสวดอภิธรรมพระศพ สมเด็จพระสังฆราชแทน รองโฆษกรัฐบาลวอนฝ่ายค้านหยุดกดดันนายกฯ รับผิดชอบทางการเมือง อ้างตาใสไม่ผิด ต้องทำตามรัฐธรรมนูญ ปัด รัฐบาลเตรียมเช็กบิลทหารสลายม็อบแดง ด่า “เทือก-มาร์ค” เสี้ยมรัฐบาลแตกกองทัพ
วันนี้ (21 พ.ย.) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาลเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ให้กระทรวงการต่างประเทศประสานไปยังทางการประเทศสิงคโปร์ เพื่อขอเลื่อนกำหนดการเดินทางเข้าร่วมการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีไทย และนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ (Leaders’ Retreat) ระหว่างวันที่ 26-27 พ.ย.ออกไป เนื่องจากเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่สภาจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ และยื่นถอดถอน โดยเบื้องต้นจะขอเลื่อนการหารือไปในช่วงต้นปี 2557 ทั้งนี้ นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เตรียมแถลงข่าวยกเลิกอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 22 พ.ย.เวลา 09.00 น.
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังยกเลิกกำหนดการเดินทางเป็นเจ้าภาพพระพิธีธรรมพระอภิธรรมพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก (เจริญ สุวฑฒโน) ณ ตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ในเวลา 19.00 น. โดยมอบหมายให้นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ปฎิบัติหน้าที่แทน ทั้งนี้ นายกฯ ได้ใช้เวลาปฎิบัติภารกิจในห้องทำงาน ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล จนกระทั่งเวลา 18.00 น. ได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล
ด้าน ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพวกหยุดกดดันให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกมาแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง กรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้การแก้ไขร่างธรรมนูญเรื่องที่มาของ ส.ว.เป็นโมฆะ เนื่องจากการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวอยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ของรัฐบาล และนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นกฎหมายที่เสนอโดย ส.ส.และ ส.ว.ไม่ใช่กฎหมายที่เสนอโดยรัฐบาล
ส่วนประเด็นที่มีการโจมตีว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นผู้ยื่นทูลเกล้าฯ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวนั้น ก็ถือว่าไม่ใช่ความผิด เนื่องจากนายกฯ มีหน้าที่ต้องนำร่างกฎหมายดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดเอาไว้ โดยต้องกระทำภายใน 20 วัน มิเช่นนั้นก็จะถือว่าเป็นการกระทำผิดรัฐธรรมนูญ จึงขอให้ทุกฝ่ายหยุดกดดันนายกฯ ในเรื่องนี้ และอย่านำประเด็นดังกล่าวไปบิดเบือนใส่ร้ายนายกฯ และรัฐบาลบนเวทีปราศรัย รวมทั้งขอเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ หันกลับมาใช้กลไกรัฐสภาเพื่อแก้ปัญหาทางการเมือง หรือวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล และนายกฯ ตามวิถีทางประชาธิปไตย ไม่ใช่แต่งเรื่องโจมตี ใส่ร้ายสร้างความแตกแยกให้บ้านเมือง
รองโฆษกรัฐบาล กล่าวอีกว่า ขอให้แกนนำพรรคประชาธิปัตย์หยุดกล่าวเท็จบนเวทีปราศรัย เพื่อใส่ร้ายให้ทหารในกองทัพเข้าใจผิดว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เตรียมจะเช็กบิลทหารในกองทัพในคดีสลายการชุมนุมปี 2553 หลังจากดำเนินคดี นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เสร็จแล้ว ทั้งนี้รัฐบาลได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงไปยังดีเอสไอ และได้รับคำยืนยันว่า ดีเอสไอมีความเห็นว่าเจ้าหน้าที่ทหารได้กระทำตามคำสั่งของนายอภิสิทธิ์ ผู้ต้องหาที่ 1 และนายสุเทพ ผู้ต้องหาที่ 2 โดยที่เจ้าหน้าที่ทหารมีความเชื่อโดยสุจริตว่ามีหน้าที่ต้องปฏิบัติ ดังนั้น ดีเอสไอจึงเห็นว่าทหารไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 70 พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จึงไม่ได้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ทหาร แต่ดีเอสไอและอัยการ เห็นควรสั่งฟ้องเฉพาะนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ในฐานะผู้สั่งการสลายการชุมนุม จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 98 ศพ เท่านั้น
ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวต่อว่า รัฐบาลขอให้ทุกฝ่ายอย่าหลงเชื่อคำบิดเบือนของนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ที่พยายามสร้างความแตกแยกระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ เพื่อแสวงประโยชน์ทางการเมือง และขอความร่วมมือนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ อย่าแต่งเรื่องโกหกเพื่อเสี้ยมให้รัฐบาลเกิดความขัดแย้งกับกองทัพ อยากถามว่าลึกๆ ในใจ นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ต้องการพูดยั่วยุให้ทหารระแวงรัฐบาลแล้วออกมาปฏิวัติโค่นล้มระบอบประชาธิปไตยใช่หรือไม่