**นาทีนี้สิ่งที่ ทักษิณ ชินวัตร วางเป้าหมายเอาไว้คือ ต้องมีการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ส่วนผลจะออกมาแบบไหน อย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะสิ่งที่เขาต้องนำมาใช้อ้างอิงอยู่ตลอดเวลาคือ การเลือกตั้ง การอ้างเสียงข้างมาก การได้รับการสนับสนุนจากประชาชนผ่านการเลือกตั้ง
ที่ผ่านมา ทักษิณ ชินวัตร ใช้ "เปลือก" ประชาธิปไตยผ่านการเลือกตั้งมาอ้างอิง สร้างความชอบธรรมให้ตัวเองตลอด และวิธีการแบบนี้แหละที่ประเทศตะวันตกอย่างสหรัฐอเมริกาใช้เป็นเหตุผลในการสนับสนุน แต่มีข้อแม้ว่า ตัวเองต้องได้รับประโยชน์เท่านั้น ไม่ต้องไปสนใจเบื้องหลังของการเลือกตั้งดังกล่าวว่าจะ "ฉ้อฉล" ทุจริตซื้อเสียงกันมาอย่างไร
แม้ว่าเวลานี้สถานการณ์กำลังเปลี่ยนไปมากมาย ความระยำตำบอน ความล้มเหลวห่วยแตกจะโผล่ขึ้นมาให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ประจานความชั่วให้เห็นแค่ไหนก็ตาม แต่ ทักษิณ ชินวัตร และบรรดาลิ่วล้อในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ยังมั่นใจว่า ฐานเสียงในระดับ "รากหญ้า" ตามต่างจังหวัด หรือแม้แต่ในกรุงเทพมหานคร ส่วนใหญ่ก็ยังมั่นคงกับเขา ต่อให้ "อดตาย" ได้รับผลกระทบจาก "ค่าครองชีพ" หรือยังไม่ได้รับ "เงินของตัวเอง" จากการ "ขายข้าวให้รัฐบาล" มานาน 4-5 เดือนก็ยังไม่โกรธรัฐบาลเพราะยังมีไม่น้อยยังหลงเชื่อว่า สาเหตุที่ไม่ได้เงิน เป็นเพราะการชุมนุมของมวลมหาประชาชน ที่นำโดย กำนัน สุเทพ เทือกสุบรรณ ต่างหาก
ล่าสุดกำลังทำให้เชื่อว่า เป็นเพราะถูกขัดขวางไม่ให้ธนาคารปล่อยกู้เพิ่มอีก 1.3 แสนล้านบาท ทั้งที่เป็นคนละเรื่อง เรื่องการชุมนุมก็เพิ่งเกิดขึ้น และหากบอกว่าสาเหตุมาจากการปิดล้อมกระทรวงการคลัง แต่คำถามคือ ทำไมเงินเดือนข้าราชกานยังออกครบ ส่วนเรื่องขัดขวางไม่ให้ปล่อยกู้เพิ่มนั้น คำถามคือ เป็นการกู้เกินจากกรอบวงเงินเดิมที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้ที่ 5 แสนล้านบาท และเป็นการก่อหนี้ผูกผันกับรัฐบาลใหม่ หมิ่นเหม่ต่อการทำผิดกฎหมาย เพราะเป็นการกู้มาใช้ "ผิดวัตถุประสงค์" และไม่มีอำนาจ ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ สาเหตุที่หลายธนาคารยังลังเลปล่อยกู้เพราะ "มีความเสี่ยง"
อย่างไรก็ดี ยิ่งเวลาผ่านไปสังคมได้ "ตาสว่าง"มากขึ้น แม้แต่ในชนบท ที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือ "ชาวนา" ที่มีไม่น้อยเริ่ม "ด่าทอ" รัฐบาลมากขึ้นทุกวัน และถือเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ ที่ระบอบทักษิณ เสื่อมทรุดได้ถึงเพียงนี้
แต่ถึงอย่างไร ทักษิณ ชินวัตร ยังมั่นใจว่ายังมีชาวนาอีกมากที่ยังหลงเชื่อ ยอมแห้งตายไปกับความหวังที่ว่า รัฐบาลไม่โกง อีกไม่นานหรือหลังเลือกตั้งต้องได้เงินแน่ ขณะเดียวกันก็โมโหม็อบกำนัน หาว่าขัดขวางการจ่ายเงิน ออกไปในรูปนั้นเสียอีก
เมื่อวกกลับมาพิจารณากันถึงเหตุผลว่าทำไม ทักษิณ ชินวัตร จึงต้องสั่งเดินหน้าให้มีการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ให้ได้ เพราะยิ่งทอดเวลานานออกไปก็ยิ่งแย่ ดังนั้นไม่แต่การเลือกตั้งให้เร็วที่สุด เพื่อต้องรีบพิสูจน์ให้เห็นว่าเขายังมีเสียงประชาชนข้างมากหนุนหลังอยู่ สิ่งที่ต้องการเพียงแค่ได้เห็นคะแนนเลือกตั้ง ได้เห็น ส.ส.ที่ไม่เป็นทางการ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
**เพราะจะได้นำไปอ้างว่า"นี่ไงเสียงข้างมาก" อีกทั้งยังอ้างต่อไปถึงการสร้างความชอบธรรมในการยื้อรักษาการออกไปเรื่อยๆ แม้ว่าการทำแบบนี้จะ"ปั่นป่วน" วุ่นวายเพียงใด เขาก็ไม่สนใจอยู่แล้ว ยื้อไปให้นานที่สุด เพื่อหวัง"ต่อรอง" บนโต๊ะเจรจาหากจะมีขึ้น จะกันพวกเขาออกไปไม่ได้เป็นอันขาด
ขณะเดียวกันหากมีความวุ่นวายจนเกิดการรัฐประหาร ก็ยิ่งเข้าทาง เพราะที่ผ่านมาได้ "สร้างโลกล้อมประเทศ" เอาไว้แล้ว มีโอกาสถูกแทรกแซงจากต่างชาติ ยิ่งมีพลังเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีโอกาสที่ทหาร"ถั่งเช่า" ก่อการเสียอีก โอกาส "เซ็ตซีโร่" มีสูง
** แต่อีกด้านหนึ่ง ในความเป็นจริงก็คือ ยิ่งยื้อ หน้าด้านดันทุรัง จงใจสร้างความฉิบหายให้กับบ้านเมืองแบบนี้ มันก็ยิ่งยั่วยุความเกลียดชังให้กับสังคมเพิ่มมากขึ้นได้เห็นธาตุแท้เร็วขึ้น จนอยู่ร่วมกันไม่ได้ เพราะตอนนี้ถือว่าเป็น "ทรราชเต็มขั้น" และบั้นปลายของทรราชแทบทั้งหมด มักถูกเนรเทศกันทั้งโคตร !!
ที่ผ่านมา ทักษิณ ชินวัตร ใช้ "เปลือก" ประชาธิปไตยผ่านการเลือกตั้งมาอ้างอิง สร้างความชอบธรรมให้ตัวเองตลอด และวิธีการแบบนี้แหละที่ประเทศตะวันตกอย่างสหรัฐอเมริกาใช้เป็นเหตุผลในการสนับสนุน แต่มีข้อแม้ว่า ตัวเองต้องได้รับประโยชน์เท่านั้น ไม่ต้องไปสนใจเบื้องหลังของการเลือกตั้งดังกล่าวว่าจะ "ฉ้อฉล" ทุจริตซื้อเสียงกันมาอย่างไร
แม้ว่าเวลานี้สถานการณ์กำลังเปลี่ยนไปมากมาย ความระยำตำบอน ความล้มเหลวห่วยแตกจะโผล่ขึ้นมาให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ประจานความชั่วให้เห็นแค่ไหนก็ตาม แต่ ทักษิณ ชินวัตร และบรรดาลิ่วล้อในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ยังมั่นใจว่า ฐานเสียงในระดับ "รากหญ้า" ตามต่างจังหวัด หรือแม้แต่ในกรุงเทพมหานคร ส่วนใหญ่ก็ยังมั่นคงกับเขา ต่อให้ "อดตาย" ได้รับผลกระทบจาก "ค่าครองชีพ" หรือยังไม่ได้รับ "เงินของตัวเอง" จากการ "ขายข้าวให้รัฐบาล" มานาน 4-5 เดือนก็ยังไม่โกรธรัฐบาลเพราะยังมีไม่น้อยยังหลงเชื่อว่า สาเหตุที่ไม่ได้เงิน เป็นเพราะการชุมนุมของมวลมหาประชาชน ที่นำโดย กำนัน สุเทพ เทือกสุบรรณ ต่างหาก
ล่าสุดกำลังทำให้เชื่อว่า เป็นเพราะถูกขัดขวางไม่ให้ธนาคารปล่อยกู้เพิ่มอีก 1.3 แสนล้านบาท ทั้งที่เป็นคนละเรื่อง เรื่องการชุมนุมก็เพิ่งเกิดขึ้น และหากบอกว่าสาเหตุมาจากการปิดล้อมกระทรวงการคลัง แต่คำถามคือ ทำไมเงินเดือนข้าราชกานยังออกครบ ส่วนเรื่องขัดขวางไม่ให้ปล่อยกู้เพิ่มนั้น คำถามคือ เป็นการกู้เกินจากกรอบวงเงินเดิมที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้ที่ 5 แสนล้านบาท และเป็นการก่อหนี้ผูกผันกับรัฐบาลใหม่ หมิ่นเหม่ต่อการทำผิดกฎหมาย เพราะเป็นการกู้มาใช้ "ผิดวัตถุประสงค์" และไม่มีอำนาจ ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ สาเหตุที่หลายธนาคารยังลังเลปล่อยกู้เพราะ "มีความเสี่ยง"
อย่างไรก็ดี ยิ่งเวลาผ่านไปสังคมได้ "ตาสว่าง"มากขึ้น แม้แต่ในชนบท ที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือ "ชาวนา" ที่มีไม่น้อยเริ่ม "ด่าทอ" รัฐบาลมากขึ้นทุกวัน และถือเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ ที่ระบอบทักษิณ เสื่อมทรุดได้ถึงเพียงนี้
แต่ถึงอย่างไร ทักษิณ ชินวัตร ยังมั่นใจว่ายังมีชาวนาอีกมากที่ยังหลงเชื่อ ยอมแห้งตายไปกับความหวังที่ว่า รัฐบาลไม่โกง อีกไม่นานหรือหลังเลือกตั้งต้องได้เงินแน่ ขณะเดียวกันก็โมโหม็อบกำนัน หาว่าขัดขวางการจ่ายเงิน ออกไปในรูปนั้นเสียอีก
เมื่อวกกลับมาพิจารณากันถึงเหตุผลว่าทำไม ทักษิณ ชินวัตร จึงต้องสั่งเดินหน้าให้มีการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ให้ได้ เพราะยิ่งทอดเวลานานออกไปก็ยิ่งแย่ ดังนั้นไม่แต่การเลือกตั้งให้เร็วที่สุด เพื่อต้องรีบพิสูจน์ให้เห็นว่าเขายังมีเสียงประชาชนข้างมากหนุนหลังอยู่ สิ่งที่ต้องการเพียงแค่ได้เห็นคะแนนเลือกตั้ง ได้เห็น ส.ส.ที่ไม่เป็นทางการ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
**เพราะจะได้นำไปอ้างว่า"นี่ไงเสียงข้างมาก" อีกทั้งยังอ้างต่อไปถึงการสร้างความชอบธรรมในการยื้อรักษาการออกไปเรื่อยๆ แม้ว่าการทำแบบนี้จะ"ปั่นป่วน" วุ่นวายเพียงใด เขาก็ไม่สนใจอยู่แล้ว ยื้อไปให้นานที่สุด เพื่อหวัง"ต่อรอง" บนโต๊ะเจรจาหากจะมีขึ้น จะกันพวกเขาออกไปไม่ได้เป็นอันขาด
ขณะเดียวกันหากมีความวุ่นวายจนเกิดการรัฐประหาร ก็ยิ่งเข้าทาง เพราะที่ผ่านมาได้ "สร้างโลกล้อมประเทศ" เอาไว้แล้ว มีโอกาสถูกแทรกแซงจากต่างชาติ ยิ่งมีพลังเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีโอกาสที่ทหาร"ถั่งเช่า" ก่อการเสียอีก โอกาส "เซ็ตซีโร่" มีสูง
** แต่อีกด้านหนึ่ง ในความเป็นจริงก็คือ ยิ่งยื้อ หน้าด้านดันทุรัง จงใจสร้างความฉิบหายให้กับบ้านเมืองแบบนี้ มันก็ยิ่งยั่วยุความเกลียดชังให้กับสังคมเพิ่มมากขึ้นได้เห็นธาตุแท้เร็วขึ้น จนอยู่ร่วมกันไม่ได้ เพราะตอนนี้ถือว่าเป็น "ทรราชเต็มขั้น" และบั้นปลายของทรราชแทบทั้งหมด มักถูกเนรเทศกันทั้งโคตร !!