หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้งมีหนังสือเป็นทางราชการไปยังรักษาการนายกรัฐมนตรีให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไป เพราะเห็นว่าการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญแล้ว ก็มีการคาดหมายกันว่ารัฐบาลรักษาการจะยอมเลื่อนหรือว่าจะเดินหน้าต่อไป
เพราะถ้ามีการเลื่อนการเลือกตั้ง รัฐบาลรักษาการก็จะรักษาการต่อไปอีกนาน กปปส.ก็จะเหนื่อยยากลำบาก บ้านเมืองก็จะพินาศวายวอดมากขึ้น
แต่ถ้าดึงดันเดินหน้าเลือกตั้งต่อไป บรรดาผลแห่งการกระทำทั้งหลายก็จะถูกดำเนินการผิดถูกกันไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย แม้ความขัดแย้งที่ถ้าหากถึงขั้นที่สุดก็จะได้แตกหักกันไปสักข้างหนึ่ง
ในที่สุดสิ่งที่เรียกว่าระบอบประชาธิปไตยของคนคนเดียว ที่ทุกอย่างขึ้นกับคนคนเดียว โดยขี้ข้าทั้งหลายเพื่อคนคนเดียว และครอบครัว ก็สำแดงความจริงให้ปรากฏอีกครั้งหนึ่ง
นั่นคือการดึงดันเดินหน้าให้มีการเลือกตั้งต่อไป ทั้งๆ ที่รู้ว่าการเลือกตั้งนั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญ และจะเกิดภัยพิบัติร้ายแรงกับบ้านเมือง แต่เพราะถือว่ายังเป็นรัฐบาลรักษาการอยู่ ย่อมมีความได้เปรียบ และคิดว่าถ้ายิ่งมีความรุนแรงมากขึ้นก็จะเกิดความหวาดกลัวแก่มวลมหาประชาชน แล้วยอมเลิกราให้ยึดบ้านยึดเมืองต่อไป
นี่แหละคือสัจธรรมที่มีอันเป็นไปตามพระพุทธวจนะที่เคยทรงแสดงไว้ว่า วินาศกาเล วิปริตพุทธิ ซึ่งแปลว่าเมื่อถึงกาลพินาศฉิบหายเข้าแล้ว สติปัญญาย่อมวิปลาสผันแปรไป
การเดินหน้าเลือกตั้งจึงเป็นการเดินสู่หนทางนรกของระบอบเผด็จการทรราชอย่างมิพักต้องสงสัย
ประการแรก เดินหน้าเลือกตั้งต่อไป บรรดาการกระทำผิดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายทั้งหลายของพรรคการเมืองและนักการเมืองไม่ว่าการแอบไปลักหลับตอนตีสามเพื่อสมัครรับเลือกตั้งกันนอกเวลาและนอกสถานที่ที่กำหนด ตลอดจนพฤติกรรมใช้อำนาจหน้าที่อันฝ่าฝืนต่อรัฐธรรมนูญก็จะถูก กกต. ดำเนินการต่อไปตามกฎหมาย หรือถูกผู้มีส่วนได้เสียอื่นดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งอาจถึงขั้นยุบพรรคหรือแจกใบแดงหรือใบเหลืองตามควรแก่กรณี
ประการที่สอง การเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 จะเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อรัฐธรรมนูญ โดยจงใจเพื่อแสวงหาอำนาจที่มิใช่วิถีทางแห่งรัฐธรรมนูญ เพราะรู้ดีกันอยู่แล้วว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่พร้อมกันทั่วราชอาณาจักร แต่ทั้ง กกต. ทั้งพรรคการเมือง และทั้งรัฐบาลรักษาการ ยังดึงดันจัดให้มีการกระทำที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญนี้ ซึ่ง กกต.เองก็ดี หรือผู้มีส่วนได้เสียใดๆ ก็ดี อาจร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ให้ยุบพรรคการเมืองที่กระทำความผิด และให้ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคการเมืองต่อไป ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดขึ้นในช่วงก่อนหลังการเลือกตั้งไม่นานนัก และอาจจะเป็นการปิดฉากพรรคการเมืองและการรักษาการของรัฐบาลรักษาการนี้ไปพร้อมกันด้วย
ประการที่สาม ถึงแม้จะมีการเลือกตั้งก็ไม่มีผลเป็นการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ที่สำคัญคือ
(1) ไม่มีวันได้ ส.ส.ครบ 95% ไม่สามารถเปิดสภาฯ ได้ ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้
(2) เพราะเหตุที่การเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 108 วรรคสอง จึงไม่ใช่การเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญนี้ ดังนั้นไม่ว่าจะได้ ส.ส. มากี่คนก็ตาม ก็ไม่ใช่ ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญนี้ ไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินเดือนและสวัสดิการตามที่กฎหมายบัญญัติ
(3) ใครไม่ไปเลือกตั้งก็ไม่ถูกตัดสิทธิ์ใดๆ เพราะในที่สุดก็ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ และสามารถไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญได้
ดังนั้น สำหรับพรรคการเมืองหรือรัฐบาลรักษาการ การดึงดันเดินหน้าเลือกตั้งต่อไปจึงไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ ไม่ได้รับผลดีใดๆ มีแต่ความเสียหายใหญ่หลวงเป็นเบื้องหน้า และนี่ก็คือวิบากกรรม
ความวิบัติเหล่านี้เป็นสิ่งที่สุจริตชนและสาธุชนพึงเห็นได้ เข้าใจได้ แต่ทำไมพรรคการเมืองและนักการเมืองที่ยังมีอำนาจยังคงดึงดันต่อไป?
ข้อแรก เป็นเพราะถึงกาลพินาศฉิบหาย สติปัญญาจึงวิปริตวิปลาสไปดังพระพุทธวจนะ ซึ่งเป็นวิบากของกรรม ดังนั้นเมื่อความพินาศฉิบหายวางอยู่เบื้องหน้า กลับมองไม่เห็นและวิ่งเข้าหา โดยไม่ต้องมีใครผลัก และย่อมได้รับผลแห่งกรรมนั้นตามกฎแห่งกรรมโดยไม่ต้องสงสัยใดๆ เลย
ข้อสอง เพราะหลงผิดคิดเอาเองว่าถึงการเลือกตั้งจะไม่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ก็ยังคงมีอำนาจรักษาการอยู่ หแต่แท้จริงแล้วกระบวนการแห่งอำนาจนั้น ขณะนี้มีอยู่สองกระบวนการ คือกระบวนการยื้ออำนาจรักษาการให้นานที่สุดและกระบวนการกลับมามีอำนาจใหม่โดยอาศัยการเลือกตั้งฟอกตัว
กระบวนการยื้ออำนาจรักษาการให้นานที่สุดกำลังสูญเสียความชอบธรรมอย่างรุนแรงและกว้างขวาง ยิ่งทำผิดคิดชั่วมากเท่าใด ยิ่งใช้ความรุนแรงมากเท่าใด ประชาชนชาวไทยก็ลุกฮือขึ้นต่อสู้มากขึ้นเท่านั้น แม้กระทั่งข้าราชการซึ่งเป็นฐานอำนาจรัฐก็ลุกฮือขึ้นขับไล่อย่างกว้างขวางมากขึ้นทุกที จนกระทั่งฐานอำนาจเหลืออยู่เพียงตำรวจบางส่วนเท่านั้น และต้องร่อนเร่เป็นสัมภเวสี แต่ละค่ำแต่ละคืนก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ที่ไหน นอนที่ไหน จะไปไหนก็ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ไม่ต่างกับโจรร้ายที่ต้องหลบหนีเจ้าหน้าที่บ้านเมือง
กระบวนการยื้ออำนาจแบบนี้ยังถูกรุกไล่ด้วยอำนาจแห่งความยุติธรรมจากทุกสารทิศ ตามผลกรรมที่ทำไว้ และกงล้อแห่งกรรมกำลังบดขยี้ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์อยู่ในขณะนี้แล้ว
ความพยายามที่จะยื้ออำนาจด้วยการใช้ความรุนแรงกำลังจมดิ่งลงไปสู่ความเป็นกบฏและความเป็นอริราชศัตรู ที่อาจถูกจัดการด้วยอำนาจแห่งกฎหมายอย่างรุนแรง
การใช้อันธพาล ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจบางส่วน และการเอาเขมรรับจ้างเข้ามาทำร้ายสังหารประชาชนถึงใจกลางเมืองหลวงทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างต่อเนื่อง ถึงขั้นบังอาจเหยียบหน้ากองทัพบกโดยการยิงผู้ชุมนุมที่หน้าสโมสรทหารบก โดยไม่เกรงใจฝ่ายทหารแม้แต่น้อย ทำให้ความเป็นกบฏและความเป็นอริราชศัตรูเด่นชัดขึ้น และถึงจุดหนึ่งก็จะถูกอำนาจรัฐที่แท้จริงเข้าระงับยับยั้งและจัดการอย่างแน่นอน
เพราะย่อมไม่มีใครที่จะยอมให้พวกกบฏที่คบคิดกับกองกำลังต่างชาติเข้ามากระทำกับบ้านเมืองและคนไทยถึงใจกลางพระนครเป็นแน่นอน! คงเหลือแต่วันเวลาใดเท่านั้น ซึ่งกล่าวได้แต่บัดนี้ว่าผู้ก่อกรรมจงเตรียมรับชะตากรรมเถิด
กระบวนการที่จะกลับมามีอำนาจอย่างถาวรโดยอาศัยการเลือกตั้งฟอกตัวกำลังถูกปิดตายลงอย่างแน่นหนาและอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
การเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 ไม่มีทางเปิดประตูให้กลับมามีอำนาจได้อย่างแน่นอนแล้ว
แม้หลังวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 จะเลื่อนหรือจะเลือกตั้งกันอย่างไร ก็ไม่มีทางที่ทำให้ความเป็นโมฆะของการเลือกตั้งที่เริ่มกระบวนการมาตั้งแต่การรับสมัครเลือกตั้งเลือด ฟื้นคืนเป็นความชอบด้วยรัฐธรรมนูญได้เลย ประตูนี้จึงปิดตายไปแล้ว
ดังนั้น จึงคงเหลือกระบวนการยื้ออยู่ในอำนาจเพียงกระบวนการเดียว ที่กำลังอาศัยเลือดเนื้อชีวิตของประชาชนและความพังพินาศของประเทศชาติเป็นเดิมพันกันอยู่
พระสยามเทวาธิราชและประชาชาติไทยทั้งปวงคงไม่ยอมทนให้ความพินาศฉิบหายวายวอดเหล่านี้ดำรงอยู่นานเกินไป และคงไม่มีใครยินยอมให้พวกกบฏทรยศชาติซึ่งเป็นอริราชศัตรูกระทำกับบ้านเมืองและคนไทยต่อไปอีกแล้ว!
เพราะถ้ามีการเลื่อนการเลือกตั้ง รัฐบาลรักษาการก็จะรักษาการต่อไปอีกนาน กปปส.ก็จะเหนื่อยยากลำบาก บ้านเมืองก็จะพินาศวายวอดมากขึ้น
แต่ถ้าดึงดันเดินหน้าเลือกตั้งต่อไป บรรดาผลแห่งการกระทำทั้งหลายก็จะถูกดำเนินการผิดถูกกันไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย แม้ความขัดแย้งที่ถ้าหากถึงขั้นที่สุดก็จะได้แตกหักกันไปสักข้างหนึ่ง
ในที่สุดสิ่งที่เรียกว่าระบอบประชาธิปไตยของคนคนเดียว ที่ทุกอย่างขึ้นกับคนคนเดียว โดยขี้ข้าทั้งหลายเพื่อคนคนเดียว และครอบครัว ก็สำแดงความจริงให้ปรากฏอีกครั้งหนึ่ง
นั่นคือการดึงดันเดินหน้าให้มีการเลือกตั้งต่อไป ทั้งๆ ที่รู้ว่าการเลือกตั้งนั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญ และจะเกิดภัยพิบัติร้ายแรงกับบ้านเมือง แต่เพราะถือว่ายังเป็นรัฐบาลรักษาการอยู่ ย่อมมีความได้เปรียบ และคิดว่าถ้ายิ่งมีความรุนแรงมากขึ้นก็จะเกิดความหวาดกลัวแก่มวลมหาประชาชน แล้วยอมเลิกราให้ยึดบ้านยึดเมืองต่อไป
นี่แหละคือสัจธรรมที่มีอันเป็นไปตามพระพุทธวจนะที่เคยทรงแสดงไว้ว่า วินาศกาเล วิปริตพุทธิ ซึ่งแปลว่าเมื่อถึงกาลพินาศฉิบหายเข้าแล้ว สติปัญญาย่อมวิปลาสผันแปรไป
การเดินหน้าเลือกตั้งจึงเป็นการเดินสู่หนทางนรกของระบอบเผด็จการทรราชอย่างมิพักต้องสงสัย
ประการแรก เดินหน้าเลือกตั้งต่อไป บรรดาการกระทำผิดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายทั้งหลายของพรรคการเมืองและนักการเมืองไม่ว่าการแอบไปลักหลับตอนตีสามเพื่อสมัครรับเลือกตั้งกันนอกเวลาและนอกสถานที่ที่กำหนด ตลอดจนพฤติกรรมใช้อำนาจหน้าที่อันฝ่าฝืนต่อรัฐธรรมนูญก็จะถูก กกต. ดำเนินการต่อไปตามกฎหมาย หรือถูกผู้มีส่วนได้เสียอื่นดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งอาจถึงขั้นยุบพรรคหรือแจกใบแดงหรือใบเหลืองตามควรแก่กรณี
ประการที่สอง การเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 จะเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อรัฐธรรมนูญ โดยจงใจเพื่อแสวงหาอำนาจที่มิใช่วิถีทางแห่งรัฐธรรมนูญ เพราะรู้ดีกันอยู่แล้วว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่พร้อมกันทั่วราชอาณาจักร แต่ทั้ง กกต. ทั้งพรรคการเมือง และทั้งรัฐบาลรักษาการ ยังดึงดันจัดให้มีการกระทำที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญนี้ ซึ่ง กกต.เองก็ดี หรือผู้มีส่วนได้เสียใดๆ ก็ดี อาจร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ให้ยุบพรรคการเมืองที่กระทำความผิด และให้ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคการเมืองต่อไป ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดขึ้นในช่วงก่อนหลังการเลือกตั้งไม่นานนัก และอาจจะเป็นการปิดฉากพรรคการเมืองและการรักษาการของรัฐบาลรักษาการนี้ไปพร้อมกันด้วย
ประการที่สาม ถึงแม้จะมีการเลือกตั้งก็ไม่มีผลเป็นการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ที่สำคัญคือ
(1) ไม่มีวันได้ ส.ส.ครบ 95% ไม่สามารถเปิดสภาฯ ได้ ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้
(2) เพราะเหตุที่การเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 108 วรรคสอง จึงไม่ใช่การเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญนี้ ดังนั้นไม่ว่าจะได้ ส.ส. มากี่คนก็ตาม ก็ไม่ใช่ ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญนี้ ไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินเดือนและสวัสดิการตามที่กฎหมายบัญญัติ
(3) ใครไม่ไปเลือกตั้งก็ไม่ถูกตัดสิทธิ์ใดๆ เพราะในที่สุดก็ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ และสามารถไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญได้
ดังนั้น สำหรับพรรคการเมืองหรือรัฐบาลรักษาการ การดึงดันเดินหน้าเลือกตั้งต่อไปจึงไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ ไม่ได้รับผลดีใดๆ มีแต่ความเสียหายใหญ่หลวงเป็นเบื้องหน้า และนี่ก็คือวิบากกรรม
ความวิบัติเหล่านี้เป็นสิ่งที่สุจริตชนและสาธุชนพึงเห็นได้ เข้าใจได้ แต่ทำไมพรรคการเมืองและนักการเมืองที่ยังมีอำนาจยังคงดึงดันต่อไป?
ข้อแรก เป็นเพราะถึงกาลพินาศฉิบหาย สติปัญญาจึงวิปริตวิปลาสไปดังพระพุทธวจนะ ซึ่งเป็นวิบากของกรรม ดังนั้นเมื่อความพินาศฉิบหายวางอยู่เบื้องหน้า กลับมองไม่เห็นและวิ่งเข้าหา โดยไม่ต้องมีใครผลัก และย่อมได้รับผลแห่งกรรมนั้นตามกฎแห่งกรรมโดยไม่ต้องสงสัยใดๆ เลย
ข้อสอง เพราะหลงผิดคิดเอาเองว่าถึงการเลือกตั้งจะไม่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ก็ยังคงมีอำนาจรักษาการอยู่ หแต่แท้จริงแล้วกระบวนการแห่งอำนาจนั้น ขณะนี้มีอยู่สองกระบวนการ คือกระบวนการยื้ออำนาจรักษาการให้นานที่สุดและกระบวนการกลับมามีอำนาจใหม่โดยอาศัยการเลือกตั้งฟอกตัว
กระบวนการยื้ออำนาจรักษาการให้นานที่สุดกำลังสูญเสียความชอบธรรมอย่างรุนแรงและกว้างขวาง ยิ่งทำผิดคิดชั่วมากเท่าใด ยิ่งใช้ความรุนแรงมากเท่าใด ประชาชนชาวไทยก็ลุกฮือขึ้นต่อสู้มากขึ้นเท่านั้น แม้กระทั่งข้าราชการซึ่งเป็นฐานอำนาจรัฐก็ลุกฮือขึ้นขับไล่อย่างกว้างขวางมากขึ้นทุกที จนกระทั่งฐานอำนาจเหลืออยู่เพียงตำรวจบางส่วนเท่านั้น และต้องร่อนเร่เป็นสัมภเวสี แต่ละค่ำแต่ละคืนก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ที่ไหน นอนที่ไหน จะไปไหนก็ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ไม่ต่างกับโจรร้ายที่ต้องหลบหนีเจ้าหน้าที่บ้านเมือง
กระบวนการยื้ออำนาจแบบนี้ยังถูกรุกไล่ด้วยอำนาจแห่งความยุติธรรมจากทุกสารทิศ ตามผลกรรมที่ทำไว้ และกงล้อแห่งกรรมกำลังบดขยี้ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์อยู่ในขณะนี้แล้ว
ความพยายามที่จะยื้ออำนาจด้วยการใช้ความรุนแรงกำลังจมดิ่งลงไปสู่ความเป็นกบฏและความเป็นอริราชศัตรู ที่อาจถูกจัดการด้วยอำนาจแห่งกฎหมายอย่างรุนแรง
การใช้อันธพาล ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจบางส่วน และการเอาเขมรรับจ้างเข้ามาทำร้ายสังหารประชาชนถึงใจกลางเมืองหลวงทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างต่อเนื่อง ถึงขั้นบังอาจเหยียบหน้ากองทัพบกโดยการยิงผู้ชุมนุมที่หน้าสโมสรทหารบก โดยไม่เกรงใจฝ่ายทหารแม้แต่น้อย ทำให้ความเป็นกบฏและความเป็นอริราชศัตรูเด่นชัดขึ้น และถึงจุดหนึ่งก็จะถูกอำนาจรัฐที่แท้จริงเข้าระงับยับยั้งและจัดการอย่างแน่นอน
เพราะย่อมไม่มีใครที่จะยอมให้พวกกบฏที่คบคิดกับกองกำลังต่างชาติเข้ามากระทำกับบ้านเมืองและคนไทยถึงใจกลางพระนครเป็นแน่นอน! คงเหลือแต่วันเวลาใดเท่านั้น ซึ่งกล่าวได้แต่บัดนี้ว่าผู้ก่อกรรมจงเตรียมรับชะตากรรมเถิด
กระบวนการที่จะกลับมามีอำนาจอย่างถาวรโดยอาศัยการเลือกตั้งฟอกตัวกำลังถูกปิดตายลงอย่างแน่นหนาและอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
การเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 ไม่มีทางเปิดประตูให้กลับมามีอำนาจได้อย่างแน่นอนแล้ว
แม้หลังวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 จะเลื่อนหรือจะเลือกตั้งกันอย่างไร ก็ไม่มีทางที่ทำให้ความเป็นโมฆะของการเลือกตั้งที่เริ่มกระบวนการมาตั้งแต่การรับสมัครเลือกตั้งเลือด ฟื้นคืนเป็นความชอบด้วยรัฐธรรมนูญได้เลย ประตูนี้จึงปิดตายไปแล้ว
ดังนั้น จึงคงเหลือกระบวนการยื้ออยู่ในอำนาจเพียงกระบวนการเดียว ที่กำลังอาศัยเลือดเนื้อชีวิตของประชาชนและความพังพินาศของประเทศชาติเป็นเดิมพันกันอยู่
พระสยามเทวาธิราชและประชาชาติไทยทั้งปวงคงไม่ยอมทนให้ความพินาศฉิบหายวายวอดเหล่านี้ดำรงอยู่นานเกินไป และคงไม่มีใครยินยอมให้พวกกบฏทรยศชาติซึ่งเป็นอริราชศัตรูกระทำกับบ้านเมืองและคนไทยต่อไปอีกแล้ว!