หน.ปชป.แนะ กกต.มีระเบียบนโยบายหาเสียง ต้องมีรายละเอียด แจงใช้เงินให้ชัด กระทบการเงินคลังอย่างไร ทำไม่ได้ตามที่โฆษณาถือว่าผิด กม.เลือกตั้ง ที่ผ่านมาตีความเฉพาะผู้สมัคร แก้เผ็ดสักแต่โม้หาเสียง ย้อน พท.หาเสียงไม่กู้ เป็น รบ.กู้มากสุดในประวัติศาสตร์ ขู่ถึงยุบพรรคเหตุนโยบายพรรคต้องผ่านความเห็นชอบ กก.บริหาร
วันนี้ (21 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงนโยบายการหาเสียงของพรรคการเมือง ที่เมื่อมาเป็นรัฐบาลแล้วทำให้เกิดความเสียหาย เช่น กรณีโครงการจำนำข้าวว่า มีหลายเรื่องซึ่งสมควรที่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะสามารถใช้อำนาจตามมาตรา 10 (2) ออกระเบียบ หรือ (5) ออกระเบียบเกี่ยวกับการหาเสียงว่าจะต้องเป็นอย่างไร เพื่อให้เกิดความสุจริต เที่ยงธรรม โดยพรรคเสนอว่า นโยบายต่างๆ ที่มีการนำเสนอในการเลือกตั้ง ควรจะมีระเบียบที่กำหนดเอาไว้ 1. ว่าจะต้องมีรายละเอียดอะไร เช่นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าจะใช้เงินเท่าไหร่ 2. มีผลกระทบทางด้านการเงินการคลังอะไรอย่างไร และ 3. สำคัญที่สุดก็คือว่าถ้าเป็นการหลอกลวง หรือทำไม่ได้ หรือเข้าไปทำแล้วมันไม่ได้อย่างที่โฆษณาไว้ ให้ถือว่าเป็นการกระทำผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง เพราะว่ากฎหมายเลือกตั้งปัจจุบันมีอยู่มาตรานึงที่บอกว่าการหลอกลวง เพื่อให้ได้คะแนนเสียงนั้นเป็นความผิด แต่ที่ผ่านมา มีการตีความกันเฉพาะในแง่ว่าผู้สมัครแต่ละคนไปหลอกลวง เช่น เรื่องวุฒิการศึกษา แต่ว่าไม่ได้มีใครจับเรื่องนโยบาย
“พูดง่ายๆ ก็คือว่า สักแต่ว่าหาเสียงกันไปก่อน ทำได้ไม่ได้ไม่รู้ เดี๋ยวเข้าไปค่อยว่ากัน ถ้าเข้าไปแล้ว แล้วก็ทำไม่ได้ แล้วเห็นได้ชัดว่าความจริงก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าทำไม่ได้ ก็ถือว่าเป็นความผิดทางกฎหมาย เช่น อยากจะให้เบี้ยยังชีพ 3,000 บาท แปลว่าใช้เงิน 2 แสนกว่าล้านต่อปี หากพรรคนั้นปรากฏว่ามีนโยบายซึ่งรวมกันแล้วใช้เงินเกินงบประมาณ แล้วไม่มีนโยบายขึ้นภาษี ต้องถือว่าหลอกลวงแล้ว อย่างคราวที่แล้วพรรคเพื่อไทยก็หาเสียงเอาไว้ว่าไม่กู้เงินแม้แต่บาทเดียว แต่พอเข้าไปแล้วกู้มากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ และโดยที่นโยบายพรรคการเมืองก็ต้องผ่านความเห็นชอบของกรรมการบริหารพรรคการเมือง ก็จะทำให้มีประเด็นการยุบพรรคตามเข้ามาด้วย นี่เป็นตัวอย่างของเรื่องที่เรากำลังรวบรวมอยู่” นายอภิสิทธิ์กล่าว