วานนี้ (21ม.ค.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ซ.สรรหา และ ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการติดตามข่าวสารในเว็บไซต์ของพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ธ.ค.56 ถึงปัจจุบัน พบกรณีที่มีเนื้อหาข่าว 8 ชิ้น เข้าข่ายใส่ร้ายป้ายสีพรรคเพื่อไทย เป็นการกระทำของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ 2 ชิ้น และของนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 6 ชิ้น อาทิ กรณีนายชวนนท์ ระบุเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ว่า พรรคเพื่อไทย หากินบนคราบน้ำตาเกษตรกร มุ่งล้างผิดไม่คิดปฏิรูป หรือกรณีนายอภิสิทธิ์ ระบุถึงพฤติกรรมนายกฯรักษาการ ใช้สถานะนายกรัฐมนตรี ทำกิจกรรมบริหารราชการแผ่นดิน มุ่งสู่ความได้เปรียบ หรือคะแนนนิยมในการเลือกตั้ง ข้อความเหล่านี้ได้ปรากฏอยู่ในเว็บไซด์ พรรคประชาธิปัตย์ ที่เข้าข่ายใส่ร้ายป้ายสีพรรคเพื่อไทย ตามมาตรา 53 (5) ตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่งส.ว. มีโทษยุบพรรค และตัดสิทธิ์การเมืองกรรมการบริหารพรรค 5 ปี
ดังนั้น จะส่งเรื่องให้กกต.ตรวจสอบยุบพรรคประชาธิปัตย์ โดยให้กกต. นำคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง กรณีการแจกใบแดง นายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย มาเทียบเคียงเป็นแนวทางปฏิบัติ
** จี้เอาผิด"สุเทพ-ถาวร"ขัดขวางเลือกตั้ง
เวลา 10.00 น. วันเดียวกันนี้ ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ชั่วคราว จ.ชลบุรี นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือต่อกกต.กรณี นายถาวร เสนเนียม กับพวกขัดขวางการปฏิบัติงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ตามที่มี พ.ร.ฎ.ยุบสภา และกำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. 57 กกต.มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย ในการควบคุม และดำเนินการจัด หรือจัดให้มีการเลือกตั้ง และวันเลือกตั้งที่จะมีการลงคะแนนเลือกตั้ง ตามที่พ.ร.ฎ.กำหนดนั้น กกต. มีหน้าที่จัดทำ “บัตรเลือกตั้ง”เพื่อให้มีผู้สิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งตามที่กฎหมายกำหนด ในเรื่องการลงคะแนนเลือกตั้ง
ดังนั้นบัตรเลือกตั้งที่ กกต.ต้องจัดทำขึ้นเพื่อดำเนินการเลือกตั้ง จึงถือเป็นสาระสำคัญในวันเลือกตั้งที่ กกต. มีหน้าที่ต้องจัดให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งในการลงคะแนนในวันเลือกตั้ง หากไม่มีบัตรเลือกตั้ง การจัดการเลือกตั้ง การลงคะแนนเลือกตั้ง ตามที่กฎหมายกำหนด กกต.จะไม่สามารถดำเนินการได้ จึงถือเป็นงาน และการปฏิบัติตามหน้าที่ กกต.
แต่เมื่อวันที่ 17 ม.ค.57 เวลาประมาณ 13.20 น. นายถาวร เสนเนียม ร่วมกับพวกหลายร้อยคน มีเจตนาพิเศษขัดขวางการเลือกตั้ง โดยมีพฤติการณ์นำบุคคลหลายร้อยคน เข้าไปในโรงพิมพ์องค์การค้าของคุรุสภา ซึ่งเป็นสถานที่ที่ กกต. จัดให้พิมพ์บัตรเลือกตั้ง เพื่อใช้ในการลงคะแนน ในวันเลือกตั้ง กระทำการข่มขู่พนักงาน องค์การค้า ให้ยุติการพิมพ์บัตรเลือกตั้ง เข้าไปทำลายทรัพย์สิน และลักทรัพย์ ที่เกี่ยวข้องกับการพิมพ์บัตรเลือกตั้ง จนได้รับความเสียหาย โดยมีเจตนาเพื่อให้การพิมพ์บัตรเลือกตั้ง ไม่สามารถดำเนินได้ตามกำหนดในวันเลือกตั้ง รายละเอียดปรากฏตามรายงานประจำวัน เกี่ยวกับคดีที่ส่งมาด้วย จากนั้นต่อมา ในวันที่ 18 - 20 ม.ค. 57 ต่อเนื่องกัน กลุ่มบุคคลดังกล่าว ก็เดินทางมาขัดขวางการพิมพ์บัตรเลือกตั้ง ที่องค์การค้าคุรุสภา ในลักษณะข่มขู่ไม่ให้พิมพ์บัตรเลือกตั้ง ดังที่ได้กระทำในวันที่ 17 ม.ค. ทำให้นับแต่วันที่17 ม.ค. จนถึงวันที่ 20 ม.ค. องค์การค้าคุรุสภาไม่สามารถพิมพ์บัตรเลือกตั้งตามที่ กกต.กำหนดได้
ทั้งนี้พฤติการณ์ของนายถาวร เสนเนียม กับพวก มีพฤติการณ์การกระทำที่สอดคล้องกับการกระทำของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ที่มิให้มีการเลือกตั้ง ถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของกกต. จึงขอให้กกต.ดำเนินการทางกฎหมายตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ เพื่อมิให้ผู้ใดขัดขวางการปฏิบัติงานของกกต. ในการจัดทำบัตรเลือกตั้ง เพื่อใช้ลงคะแนนเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. 57
** ยื่นยุบปชป.อ้างมีอดีตส.ส.ขึ้นเวทีกปปส.
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณี นายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีก 16 คน กระทำการขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 กรณีร่วมกันออกมติ ครม. ขยาย พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ช่วงเลือกตั้ง เป็นเพียงข้อกล่าวหาที่จะอ้างใช้ในการยุบพรรคเพื่อไทย เพื่อลดความเชื่อถือในตัวนายกฯ หรือพรรค และเป็นการลดคะแนนเสียง ถือว่าเป็นการกระทำที่ต่ำช้าสามานย์ ซึ่งนายกฯ และครม.ไม่มีความผิดทางกฎหมาย พ.ร.บ.มั่นคงฯ แต่เป็นการดูแลความปลอดภัยของประชาชน ที่จะขยายเวลาของ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ถ้าไม่มีก็จะเกิดเหตุการณ์บานปลายได้
ทั้งนี้ ตนได้รวมหลักฐานของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ขึ้นเวทีชุมนุมร่วมกับกลุ่ม กปปส. พร้อมยื่น กกต.เพื่อยุบพรรคประชาธิปัตย์ จากการที่ได้มีการเรียกร้องตามกฎหมาย ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. โดนข้อกล่าวหาเป็นกบฏ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องมีสิทธิ์ที่จะห้ามปรามสมาชิกพรรคได้ ตนได้มีการรวบรวมเอกสารหลักฐานเกือบพันหน้า พร้อมภาพและคลิปวีดีโอ จะยื่นต่อกกต. ในสัปดาห์หน้า
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ ที่เสนอแนะให้ กกต.เอาผิดพรรคเพื่อไทย กรณีการทุจริตโครงการจำนำข้าว ทางพรรคเพื่อไทยนั้นได้เสียคะแนนนิยมในระหว่างที่มีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง ในวันที่ 2 ก.พ. ได้ทำลายพรรค และคะแนนเสียงพรรค ทั้งที่พรรคประชาธิปัตย์เองได้บอยคอตการเลือกตั้ง เปรียบเหมือนกับจระเข้ขวางคลอง ขวางประชาธิปไตย เป็นการเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทย เสนอแก้อุปสรรคที่ กกต.มีความกังวล คือ 1. กกต.ต้องดำเนินการเอาผิดกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณและ พวก กปปส. ที่ได้ขัดขวางการสมัครรับเลือกตั้งส.ส.บัญชีรายชื่อ ระบบเขต การบุกรุกโรงพิมพ์คุรุสภา ที่จัดทำบัตรเลือกตั้ง 2. การเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัด เสนอ ให้ใช้พื้นที่ค่ายทหาร 3. การลงคะแนนเสียงประจำหน่วยเลือกตั้งใน 14 จังหวัดภาคใต้ และ 8 จังหวัดที่มีการขัดขวางให้ใช้พื้นที่ค่ายทหาร และการเก็บรักษาหีบบัตรเลือกตั้งนั้นในวันที่ 26 ม.ค. ให้เก็บไว้ในสถานีตำรวจ หรือค่ายทหาร ที่มีเจ้าหน้าที่ดูแลเข้มงวด และ มีกล้องวงจรปิด 24 ชม. หาก กกต.ไม่ดำเนินการก็จะเอาผิดกับ กกต.ด้วย ทั้งทางกฎหมาย ทางแพ่งและอาญา ว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต. ที่จะต้องรับผิดชอบและดูแลในการจัดการการเลือกตั้ง
**ชงกกต.เอาผิดพรรคหาเสียงเกินจริง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง นโยบายการหาเสียงของพรรคการเมืองที่เมื่อมาเป็นรัฐบาลแล้วทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ เช่น กรณีโครงการจำนำข้าว ว่า มีหลายเรื่องซึ่ง สมควรที่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต. ) จะสามารถใช้อำนาจตาม มาตรา 10 (2) ออกระเบียบ หรือ (5) ออกระเบียบเกี่ยวกับการหาเสียงว่า จะต้องเป็นอย่างไร เพื่อให้เกิดความสุจริต เที่ยงธรรม โดยพรรคเสนอว่า นโยบายต่างๆ ที่มีการนำเสนอในการเลือกตั้ง ควรจะมีระเบียบที่กำหนดเอาไว้
1. ว่าจะต้องมีรายละเอียดอะไร เช่น แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า จะใช้เงินเท่าไร 2. มีผลกระทบทางด้านการเงินการคลังอะไร อย่างไร และ 3. สำคัญที่สุดก็คือ ถ้าเป็นการหลอกลวง หรือทำไม่ได้ หรือเข้าไปทำแล้วมันไม่ได้อย่างที่โฆษณาไว้ ให้ถือว่าเป็นการกระทำผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง เพราะกฎหมายเลือกตั้งปัจจุบัน มีอยู่มาตราหนึ่งที่บอกว่า การหลอกลวง เพื่อให้ได้คะแนนเสียงนั้น เป็นความผิด แต่ที่ผ่านมามีการตีความกันเฉพาะในแง่ว่า ผู้สมัครแต่ละคนไป หลอกลวง เช่น เรื่องวุฒิการศึกษา แต่ว่าไม่มีใครจับเรื่องนโยบาย
“พูดง่ายๆ ก็คือว่า สักแต่ว่าหาเสียงกันไปก่อน ทำได้หรือไม่ได้ ไม่รู้ เดี๋ยวเข้าไปแล้วค่อยว่ากัน ถ้าเข้าไปแล้ว ก็ทำไม่ได้ แล้วเห็นได้ชัดว่า ความจริง ก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่า ทำไม่ได้ ก็ถือว่าเป็นความผิดทางกฎหมาย เช่น อยากจะให้เบี้ยยังชีพ 3,000 บาท แปลว่าใช้เงิน 2 แสนกว่าล้านต่อปี หากพรรคนั้นปรากฏว่ามีนโยบายซึ่งรวมกันแล้วใช้เงินเกินงบประมาณ แล้วไม่มีนโยบายขึ้นภาษี ต้องถือว่าหลอกลวงแล้ว อย่างคราวที่แล้ว พรรคเพื่อไทย ก็หาเสียงเอาไว้ว่า ไม่กู้เงินแม้แต่ บาทเดียว แต่พอเข้าไปแล้วกู้มากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ และโดยที่นโยบายพรรคการเมือง ก็ต้องผ่านความเห็นชอบของกรรมการบริหารพรรคการเมือง ก็จะทำให้มีประเด็นการยุบพรรคตามเข้ามาด้วย นี่เป็นตัวอย่างของเรื่องที่เรากำลังรวบรวมอยู่ ”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ด้านนายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอบโต้ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาโวยวาย กรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นเรื่องต่อ กกต.เพื่อให้ใบแดงก่อนการเลือกตั้ง กับ 17 รัฐมนตรี รวมนายกฯ ที่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ขัดรัฐธรรมนูญ และยุบพรรค โดยอ้างว่าเป็นเกมการเมืองนั้น ขอให้นายพร้อมพงศ์ ไปศึกษากฎหมายให้ดีก่อน ค่อยออกมาพูด เพราะการกระทำของ 17 รัฐมนตรี เป็นการทำผิดกฎหมาย ไม่แตกต่างจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ทำผิดแล้วหนีคำพิพากษาไปอยู่ต่างประเทศ
นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าจะมีพฤติกรรมการกระทำผิดเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทยอีก จึงขอให้ประชาชนที่มีเบาะแสการกระทำผิดดังกล่าว ส่งมาให้ตน ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อช่วยให้ประเทศไทยรักษากฎหมาย โดยให้ช่วยกันดูแลว่า ที่ใดมีความพยายามซื้อเสียง เอาเปรียบในการเลือกตั้ง รักษาการรัฐมนตรี ทำผิดกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ก็จะเป็นตัวแทนประชาชนสอดส่องให้การเลือกตั้งที่พรรคเพื่อไทย ผลักดันต้องเกิดขึ้นอย่างสุจริต ยุติธรรมด้วย และร้องเรียนต่อกกต.เพื่อตรวจสอบทันทีที่พบว่ามีการกระทำความผิด
ดังนั้น จะส่งเรื่องให้กกต.ตรวจสอบยุบพรรคประชาธิปัตย์ โดยให้กกต. นำคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง กรณีการแจกใบแดง นายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย มาเทียบเคียงเป็นแนวทางปฏิบัติ
** จี้เอาผิด"สุเทพ-ถาวร"ขัดขวางเลือกตั้ง
เวลา 10.00 น. วันเดียวกันนี้ ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ชั่วคราว จ.ชลบุรี นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือต่อกกต.กรณี นายถาวร เสนเนียม กับพวกขัดขวางการปฏิบัติงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ตามที่มี พ.ร.ฎ.ยุบสภา และกำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. 57 กกต.มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย ในการควบคุม และดำเนินการจัด หรือจัดให้มีการเลือกตั้ง และวันเลือกตั้งที่จะมีการลงคะแนนเลือกตั้ง ตามที่พ.ร.ฎ.กำหนดนั้น กกต. มีหน้าที่จัดทำ “บัตรเลือกตั้ง”เพื่อให้มีผู้สิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งตามที่กฎหมายกำหนด ในเรื่องการลงคะแนนเลือกตั้ง
ดังนั้นบัตรเลือกตั้งที่ กกต.ต้องจัดทำขึ้นเพื่อดำเนินการเลือกตั้ง จึงถือเป็นสาระสำคัญในวันเลือกตั้งที่ กกต. มีหน้าที่ต้องจัดให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งในการลงคะแนนในวันเลือกตั้ง หากไม่มีบัตรเลือกตั้ง การจัดการเลือกตั้ง การลงคะแนนเลือกตั้ง ตามที่กฎหมายกำหนด กกต.จะไม่สามารถดำเนินการได้ จึงถือเป็นงาน และการปฏิบัติตามหน้าที่ กกต.
แต่เมื่อวันที่ 17 ม.ค.57 เวลาประมาณ 13.20 น. นายถาวร เสนเนียม ร่วมกับพวกหลายร้อยคน มีเจตนาพิเศษขัดขวางการเลือกตั้ง โดยมีพฤติการณ์นำบุคคลหลายร้อยคน เข้าไปในโรงพิมพ์องค์การค้าของคุรุสภา ซึ่งเป็นสถานที่ที่ กกต. จัดให้พิมพ์บัตรเลือกตั้ง เพื่อใช้ในการลงคะแนน ในวันเลือกตั้ง กระทำการข่มขู่พนักงาน องค์การค้า ให้ยุติการพิมพ์บัตรเลือกตั้ง เข้าไปทำลายทรัพย์สิน และลักทรัพย์ ที่เกี่ยวข้องกับการพิมพ์บัตรเลือกตั้ง จนได้รับความเสียหาย โดยมีเจตนาเพื่อให้การพิมพ์บัตรเลือกตั้ง ไม่สามารถดำเนินได้ตามกำหนดในวันเลือกตั้ง รายละเอียดปรากฏตามรายงานประจำวัน เกี่ยวกับคดีที่ส่งมาด้วย จากนั้นต่อมา ในวันที่ 18 - 20 ม.ค. 57 ต่อเนื่องกัน กลุ่มบุคคลดังกล่าว ก็เดินทางมาขัดขวางการพิมพ์บัตรเลือกตั้ง ที่องค์การค้าคุรุสภา ในลักษณะข่มขู่ไม่ให้พิมพ์บัตรเลือกตั้ง ดังที่ได้กระทำในวันที่ 17 ม.ค. ทำให้นับแต่วันที่17 ม.ค. จนถึงวันที่ 20 ม.ค. องค์การค้าคุรุสภาไม่สามารถพิมพ์บัตรเลือกตั้งตามที่ กกต.กำหนดได้
ทั้งนี้พฤติการณ์ของนายถาวร เสนเนียม กับพวก มีพฤติการณ์การกระทำที่สอดคล้องกับการกระทำของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ที่มิให้มีการเลือกตั้ง ถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของกกต. จึงขอให้กกต.ดำเนินการทางกฎหมายตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ เพื่อมิให้ผู้ใดขัดขวางการปฏิบัติงานของกกต. ในการจัดทำบัตรเลือกตั้ง เพื่อใช้ลงคะแนนเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. 57
** ยื่นยุบปชป.อ้างมีอดีตส.ส.ขึ้นเวทีกปปส.
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณี นายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีก 16 คน กระทำการขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 กรณีร่วมกันออกมติ ครม. ขยาย พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ช่วงเลือกตั้ง เป็นเพียงข้อกล่าวหาที่จะอ้างใช้ในการยุบพรรคเพื่อไทย เพื่อลดความเชื่อถือในตัวนายกฯ หรือพรรค และเป็นการลดคะแนนเสียง ถือว่าเป็นการกระทำที่ต่ำช้าสามานย์ ซึ่งนายกฯ และครม.ไม่มีความผิดทางกฎหมาย พ.ร.บ.มั่นคงฯ แต่เป็นการดูแลความปลอดภัยของประชาชน ที่จะขยายเวลาของ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ถ้าไม่มีก็จะเกิดเหตุการณ์บานปลายได้
ทั้งนี้ ตนได้รวมหลักฐานของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ขึ้นเวทีชุมนุมร่วมกับกลุ่ม กปปส. พร้อมยื่น กกต.เพื่อยุบพรรคประชาธิปัตย์ จากการที่ได้มีการเรียกร้องตามกฎหมาย ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. โดนข้อกล่าวหาเป็นกบฏ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องมีสิทธิ์ที่จะห้ามปรามสมาชิกพรรคได้ ตนได้มีการรวบรวมเอกสารหลักฐานเกือบพันหน้า พร้อมภาพและคลิปวีดีโอ จะยื่นต่อกกต. ในสัปดาห์หน้า
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ ที่เสนอแนะให้ กกต.เอาผิดพรรคเพื่อไทย กรณีการทุจริตโครงการจำนำข้าว ทางพรรคเพื่อไทยนั้นได้เสียคะแนนนิยมในระหว่างที่มีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง ในวันที่ 2 ก.พ. ได้ทำลายพรรค และคะแนนเสียงพรรค ทั้งที่พรรคประชาธิปัตย์เองได้บอยคอตการเลือกตั้ง เปรียบเหมือนกับจระเข้ขวางคลอง ขวางประชาธิปไตย เป็นการเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทย เสนอแก้อุปสรรคที่ กกต.มีความกังวล คือ 1. กกต.ต้องดำเนินการเอาผิดกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณและ พวก กปปส. ที่ได้ขัดขวางการสมัครรับเลือกตั้งส.ส.บัญชีรายชื่อ ระบบเขต การบุกรุกโรงพิมพ์คุรุสภา ที่จัดทำบัตรเลือกตั้ง 2. การเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัด เสนอ ให้ใช้พื้นที่ค่ายทหาร 3. การลงคะแนนเสียงประจำหน่วยเลือกตั้งใน 14 จังหวัดภาคใต้ และ 8 จังหวัดที่มีการขัดขวางให้ใช้พื้นที่ค่ายทหาร และการเก็บรักษาหีบบัตรเลือกตั้งนั้นในวันที่ 26 ม.ค. ให้เก็บไว้ในสถานีตำรวจ หรือค่ายทหาร ที่มีเจ้าหน้าที่ดูแลเข้มงวด และ มีกล้องวงจรปิด 24 ชม. หาก กกต.ไม่ดำเนินการก็จะเอาผิดกับ กกต.ด้วย ทั้งทางกฎหมาย ทางแพ่งและอาญา ว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต. ที่จะต้องรับผิดชอบและดูแลในการจัดการการเลือกตั้ง
**ชงกกต.เอาผิดพรรคหาเสียงเกินจริง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง นโยบายการหาเสียงของพรรคการเมืองที่เมื่อมาเป็นรัฐบาลแล้วทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ เช่น กรณีโครงการจำนำข้าว ว่า มีหลายเรื่องซึ่ง สมควรที่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต. ) จะสามารถใช้อำนาจตาม มาตรา 10 (2) ออกระเบียบ หรือ (5) ออกระเบียบเกี่ยวกับการหาเสียงว่า จะต้องเป็นอย่างไร เพื่อให้เกิดความสุจริต เที่ยงธรรม โดยพรรคเสนอว่า นโยบายต่างๆ ที่มีการนำเสนอในการเลือกตั้ง ควรจะมีระเบียบที่กำหนดเอาไว้
1. ว่าจะต้องมีรายละเอียดอะไร เช่น แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า จะใช้เงินเท่าไร 2. มีผลกระทบทางด้านการเงินการคลังอะไร อย่างไร และ 3. สำคัญที่สุดก็คือ ถ้าเป็นการหลอกลวง หรือทำไม่ได้ หรือเข้าไปทำแล้วมันไม่ได้อย่างที่โฆษณาไว้ ให้ถือว่าเป็นการกระทำผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง เพราะกฎหมายเลือกตั้งปัจจุบัน มีอยู่มาตราหนึ่งที่บอกว่า การหลอกลวง เพื่อให้ได้คะแนนเสียงนั้น เป็นความผิด แต่ที่ผ่านมามีการตีความกันเฉพาะในแง่ว่า ผู้สมัครแต่ละคนไป หลอกลวง เช่น เรื่องวุฒิการศึกษา แต่ว่าไม่มีใครจับเรื่องนโยบาย
“พูดง่ายๆ ก็คือว่า สักแต่ว่าหาเสียงกันไปก่อน ทำได้หรือไม่ได้ ไม่รู้ เดี๋ยวเข้าไปแล้วค่อยว่ากัน ถ้าเข้าไปแล้ว ก็ทำไม่ได้ แล้วเห็นได้ชัดว่า ความจริง ก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่า ทำไม่ได้ ก็ถือว่าเป็นความผิดทางกฎหมาย เช่น อยากจะให้เบี้ยยังชีพ 3,000 บาท แปลว่าใช้เงิน 2 แสนกว่าล้านต่อปี หากพรรคนั้นปรากฏว่ามีนโยบายซึ่งรวมกันแล้วใช้เงินเกินงบประมาณ แล้วไม่มีนโยบายขึ้นภาษี ต้องถือว่าหลอกลวงแล้ว อย่างคราวที่แล้ว พรรคเพื่อไทย ก็หาเสียงเอาไว้ว่า ไม่กู้เงินแม้แต่ บาทเดียว แต่พอเข้าไปแล้วกู้มากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ และโดยที่นโยบายพรรคการเมือง ก็ต้องผ่านความเห็นชอบของกรรมการบริหารพรรคการเมือง ก็จะทำให้มีประเด็นการยุบพรรคตามเข้ามาด้วย นี่เป็นตัวอย่างของเรื่องที่เรากำลังรวบรวมอยู่ ”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ด้านนายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอบโต้ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาโวยวาย กรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นเรื่องต่อ กกต.เพื่อให้ใบแดงก่อนการเลือกตั้ง กับ 17 รัฐมนตรี รวมนายกฯ ที่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ขัดรัฐธรรมนูญ และยุบพรรค โดยอ้างว่าเป็นเกมการเมืองนั้น ขอให้นายพร้อมพงศ์ ไปศึกษากฎหมายให้ดีก่อน ค่อยออกมาพูด เพราะการกระทำของ 17 รัฐมนตรี เป็นการทำผิดกฎหมาย ไม่แตกต่างจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ทำผิดแล้วหนีคำพิพากษาไปอยู่ต่างประเทศ
นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าจะมีพฤติกรรมการกระทำผิดเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทยอีก จึงขอให้ประชาชนที่มีเบาะแสการกระทำผิดดังกล่าว ส่งมาให้ตน ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อช่วยให้ประเทศไทยรักษากฎหมาย โดยให้ช่วยกันดูแลว่า ที่ใดมีความพยายามซื้อเสียง เอาเปรียบในการเลือกตั้ง รักษาการรัฐมนตรี ทำผิดกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ก็จะเป็นตัวแทนประชาชนสอดส่องให้การเลือกตั้งที่พรรคเพื่อไทย ผลักดันต้องเกิดขึ้นอย่างสุจริต ยุติธรรมด้วย และร้องเรียนต่อกกต.เพื่อตรวจสอบทันทีที่พบว่ามีการกระทำความผิด