**รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ใช้วิชาโจร งัดพ.ร.ก.ฉุกเฉินมาใช้จนได้ ประกาศใช้ 60วัน ยาวนานเลยการเลือกตั้ง 2 ก.พ. ออกไปไกลเลย !!!
หลังจากนั่งคุม ศอ.รส. แถลงข่าวไปวันๆ ชักเหมือนไม่มีอะไรในกอไผ่ พูดไปพูดมาก็เหมือนคลื่นกระทบฝั่ง ไม่มีใครอยากฟังอีกแล้ว คนนั่งดูทีวีอยู่บ้านเจอแถลงการณ์คั่นเวลาตลอด เห็นแล้วรำคาญออกมาพูดพล่ามไร้สาระ
รัฐบาลยกระดับความเข้มข้นของกฎหมาย หลังจากที่ผ่านมาดูเหมือนจะใช้มาตราการข่มขู่อะไรอะไรไม่ได้ผล การเคลื่อนไหวชุมนุมของมวลมหาประชาชนของ กปปส. กลับยิ่งเข้มข้น แข็งกร้าว บ่อนเซาะรัฐบาลเข้าไปทุกวันๆ
แว่วแผนการคือ เอาดาบมาไว้ในมือ เพราะที่ผ่านมาจะทำอะไร จะขออนุมัติหมายจับ ต้องไปขอจากศาลยุติธรรม และส่วนใหญ่ได้รับการปฏิเสธ ฉะนั้นจึงใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กระชับอำนาจไว้ในมือ สามารถจับกุมตัวซึ่งหน้า มีอำนาจควบคุมตัวไว้ 7 วัน หากไม่พอ ขออนุมัติศาลต่อเวลาควบคุมตัวไปได้อีก
ชัดเจนว่า กำลังจะเดินหมากเขียนเสือให้วัวกลัว และจะลงมือทำกันในเร็ววันนี้ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล เพราะสิ้นเสียงคำประกาศ มวลมหาประชาชน นำโดย กปปส. ประกาศเดินหน้าเขย่ารัฐบาลต่อไปทันที ด้วยการเดินทางไปปิดล้อมสถานที่ราชการต่างๆ พร้อมทั้งเพิ่มดีกรีความรุนแรง ลุยถึงตัวคนมากกว่าสถานที่กันแล้ว
**คปท.ประกาศลั่นทุ่ง ขีดเส้น 3 วัน จับตัว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. และ "เป็ดเหลิม" ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่เสนอหน้าสอพลอ มาเป็นคนควบคุม ศรส. ตามคำสั่งใหม่
**แรงมาก็แรงไป ประกาศแตกหักกันโดยเฉียบพลันแบบนี้มีได้เสียแน่ !!!
กระนั้นก็ตาม เมื่อสืบค้นความเห็นของการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินครั้งนี้แล้ว หลายฝ่ายเห็นเหมือนกับที่องค์กร ฮิวแมน ไรท์ วอชต์ จู่ๆ ก็ประกาศโพล่งมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไม่สมด้วยเหตุและผล เหตุการณ์บ้านเมืองยังไม่ถึงขั้นที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมไม่ได้ ซึ่งนั่นก็สอดรับกับข้อมูลวงในที่ตำรวจเองก็บอกกับรัฐบาลว่า เอาอยู่ แล้วจะประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินทำไม จึงมีคำถามดังขึ้นมาว่า เป็นเรื่องการเมืองหรือการใช้แผนกระทำการบางอย่างที่วางแผนมาไว้ตั้งแต่ต้นหรือไม่
ก่อนหน้านี้เหมือนมีความพยายาม งัดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกมาใช้นานแล้ว แต่ดูเหมือนจะติดขัดเงื่อนไขภายในบางอย่าง ยิ่งลักษณ์ ก็ออกมาตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ อยู่เนืองๆว่า ไม่มีความต้องการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วจู่ๆ ก็ประกาศโพล่งออกมาประจานความตอแหล
สาเหตุสำคัญที่งัดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกมาใช้ไม่ได้ เพราะแว่วว่าทางทหาร ทางกองทัพ ไม่เห็นด้วย ไม่ไฟเขียวให้ทำอย่างนั้น เพราะยังไม่เห็นเหตุผลความจำเป็น นั่นเป็นสิ่งที่รัฐบาลรู้สึกอึดอัดโดนบีบกันภายใน มีอำนาจก็เหมือนไม่มี ใช้กฎหมายก็ไม่ได้ จะโดนทัดทาน 2 ถึง 3 ชั้น ตลอด นั่นไม่ใช่อะไร หลายฝ่ายกลัวรัฐบาลเอาอำนาจไปใช้ย่ามใจ ทำร้ายประชาชนตามสันดานดิบ ถ่อยเถื่อน
วันนี้ การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แบบไม่สมเหตุผล รัฐบาลก็อ้างว่าเหตุการณ์ทวีความรุนแรงต่อเนื่อง มีเหตุระเบิดรุนแรง อุกอาจ เกิดขึ้นหลายครั้งหลายครา กลางวันแสกๆ จึงจำเป็นต้องงัดกฎหมายพิเศษมาใช้ นั่นตอกย้ำข้อสังเกตสมมติฐานของบางฝ่ายว่า
**การสร้างความรุนแรงมาจากฝ่ายใด และใครได้ประโยชน์ จนวันนี้สามารถนำไปอ้างประกาศใช้กฎหมายตามที่ตัวเองต้องการ
อย่างไรก็ตาม ชัดเจนว่า การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินครั้งนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของบรรดาแม่ทัพนายกอง ขาใหญ่ระดับผู้บัญชาการเหล่าทัพ ท่าทีที่เห็นชัดเจนว่า ไม่เข้าร่วม หรือเข้าร่วมแบบเสียไม่ได้ ใช้วิธีส่งตัวแทนเข้ามา นั่นก็จะเป็นสัญญาณให้รัฐบาลยังเก้ๆ กังๆ ละล้าละลัง ต่อไป
น่าสนใจว่า ถ้าทหารเกิดไม่เอาด้วยขึ้นมาจริงๆ ไม่เห็นด้วยกับแนวทางรัฐบาลอย่างสิ้นเชิง อาจงัดกฎอัยการศึกขึ้นมาใช้เอง เข้ามาควบคุมสถานการณ์เหมือนปฏิวัติย่อมๆ และหากไม่ไหวจริงๆ อาจถึงคราวต้องเคลื่อนรถถังออกมายึดอำนาจให้มันจบๆ เบ็ดเสร็จกันไป เสียที
การออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินของรัฐบาลวันนี้ ดูมีเงื่อนงำและการเอา "เหลิม บางบอน" มานั่งบงการ ถือเป็นเรื่องที่น่าติดตามแกะรอยอย่างยิ่ง บนสถานการณ์ที่แม้แต่เสนาบดีของฝ่ายรัฐบาลเองหลายคนไม่อยากเปลืองตัว จะเอาเฉลิมเข้ามาทำอะไร เฉลิมขี้ข้าทักษิณ เมื่อได้รับบทบาทเด่นอีกครั้งจึงรีบตะครุบไว้ทันที เพราะนั่งอยู่หลังฉากไม่มีอำนาจ ไม่มีบทให้เล่นมัน รู้สึกเสียหายมากกว่าออกหน้าลุยทำเรื่องเสี่ยงๆ
ตอนอยู่หลังฉากก็สุมหัวหารือกับหัวขบวนตำรวจตลอดทั้ง วรพงษ์ ชิวปรีชา และ คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง คงคิดแผนการไว้ลุล่วงก่อนนำเสนอหน่วยเหนือ ออกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และแต่งตั้งตนเองไปบัญชาการ
จะมีเกมตีโต้ของรัฐบาลอะไรออกมาหลังจากนี้ จะรุนแรงแข็งกร้าวตาต่อตาฟันต่อฟันหรือไม่ ที่สำคัญต้องประเมินให้ดีว่า มันจะเป็นผลเสียหรือผลดีกับรัฐบาลมากกว่า ทักษิณและยิ่งลักษณ์ พร้อมรับกรรมชั่วหรือยัง
**สถานการณ์ใกล้เดินมาถึงจุดแตกหัก ใกล้ถึงจุดเปลี่ยนเต็มที สถานการณ์ความรุนแรง การยกระดับเหตุการณ์การเคลื่อนไหวต่างๆ ต้องจับตาใกล้ชิดทุกระยะ
แต่ในเรื่องที่คาบเกี่ยวกับการเมืองสืบเนื่องจากการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินครั้งนี้ รัฐบาลต้องเตรียมตัวรับมืออีกเช่นเดียวกัน เรื่องต้องถึงหูองค์กรอิสระแน่ การออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินระหว่างที่เป็นรัฐบาลรักษาการ มันก็เหมือนกับการต่อ พ.ร.บ.ความมั่นคง ที่ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นเรื่องเอาผิดไปก่อนหน้านี้คราวนี้ก็เหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน ดังนั้นไม่รอดถูกจับขึ้นเขียงอีก ยิ่งเมื่อสืบค้นเหตุผลความจำเป็น ยิ่งร้ายกว่าการต่อ พ.ร.บ.ความมั่นคงสนองการเมือง ไม่ได้สนอง บ้านเมือง ฉะนั้นดูแล้วรอดยาก
เหนืออื่นใด การออกกฎหมายติดดาบสุ่มเสี่ยงต่อความเชื่อมั่น เชื่อถือ เสี่ยงต่อภาพลักษณ์ประเทศเยี่ยงนี้ควบคู่ไปกับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จะหาคำตอบอะไรไปอธิบายสังคม หรืออธิบายคนทั่วโลก
จะไปบอกเขาได้อย่างไรว่า การเลือกตั้ง 2 ก.พ. เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง เปิดโอกาสให้ทุกคน ทุกฝ่ายใช้สิทธิ์เลือกตั้งอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะแสดงออกในรูปแบบใด เพราะการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เหมือนการควบคุมประชาชน ตัดสิทธิขั้นพื้นฐานไปหลายประการ เปรียบก็เหมือนกำลังมัดมือมัดเท้าคนเข้าไปคูหาเลือกตั้ง กาบัตรให้มันจบๆ กันไป
**การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วมีเลือกตั้งแบบนี้ไม่มีใครหน้าไหนเขาทำกัน สรุปแล้วรัฐบาลเองนั่นแหละ ที่กำลังทำให้การเลือกตั้ง 2 ก.พ.มีปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ !!!
หลังจากนั่งคุม ศอ.รส. แถลงข่าวไปวันๆ ชักเหมือนไม่มีอะไรในกอไผ่ พูดไปพูดมาก็เหมือนคลื่นกระทบฝั่ง ไม่มีใครอยากฟังอีกแล้ว คนนั่งดูทีวีอยู่บ้านเจอแถลงการณ์คั่นเวลาตลอด เห็นแล้วรำคาญออกมาพูดพล่ามไร้สาระ
รัฐบาลยกระดับความเข้มข้นของกฎหมาย หลังจากที่ผ่านมาดูเหมือนจะใช้มาตราการข่มขู่อะไรอะไรไม่ได้ผล การเคลื่อนไหวชุมนุมของมวลมหาประชาชนของ กปปส. กลับยิ่งเข้มข้น แข็งกร้าว บ่อนเซาะรัฐบาลเข้าไปทุกวันๆ
แว่วแผนการคือ เอาดาบมาไว้ในมือ เพราะที่ผ่านมาจะทำอะไร จะขออนุมัติหมายจับ ต้องไปขอจากศาลยุติธรรม และส่วนใหญ่ได้รับการปฏิเสธ ฉะนั้นจึงใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กระชับอำนาจไว้ในมือ สามารถจับกุมตัวซึ่งหน้า มีอำนาจควบคุมตัวไว้ 7 วัน หากไม่พอ ขออนุมัติศาลต่อเวลาควบคุมตัวไปได้อีก
ชัดเจนว่า กำลังจะเดินหมากเขียนเสือให้วัวกลัว และจะลงมือทำกันในเร็ววันนี้ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล เพราะสิ้นเสียงคำประกาศ มวลมหาประชาชน นำโดย กปปส. ประกาศเดินหน้าเขย่ารัฐบาลต่อไปทันที ด้วยการเดินทางไปปิดล้อมสถานที่ราชการต่างๆ พร้อมทั้งเพิ่มดีกรีความรุนแรง ลุยถึงตัวคนมากกว่าสถานที่กันแล้ว
**คปท.ประกาศลั่นทุ่ง ขีดเส้น 3 วัน จับตัว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. และ "เป็ดเหลิม" ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่เสนอหน้าสอพลอ มาเป็นคนควบคุม ศรส. ตามคำสั่งใหม่
**แรงมาก็แรงไป ประกาศแตกหักกันโดยเฉียบพลันแบบนี้มีได้เสียแน่ !!!
กระนั้นก็ตาม เมื่อสืบค้นความเห็นของการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินครั้งนี้แล้ว หลายฝ่ายเห็นเหมือนกับที่องค์กร ฮิวแมน ไรท์ วอชต์ จู่ๆ ก็ประกาศโพล่งมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไม่สมด้วยเหตุและผล เหตุการณ์บ้านเมืองยังไม่ถึงขั้นที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมไม่ได้ ซึ่งนั่นก็สอดรับกับข้อมูลวงในที่ตำรวจเองก็บอกกับรัฐบาลว่า เอาอยู่ แล้วจะประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินทำไม จึงมีคำถามดังขึ้นมาว่า เป็นเรื่องการเมืองหรือการใช้แผนกระทำการบางอย่างที่วางแผนมาไว้ตั้งแต่ต้นหรือไม่
ก่อนหน้านี้เหมือนมีความพยายาม งัดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกมาใช้นานแล้ว แต่ดูเหมือนจะติดขัดเงื่อนไขภายในบางอย่าง ยิ่งลักษณ์ ก็ออกมาตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ อยู่เนืองๆว่า ไม่มีความต้องการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วจู่ๆ ก็ประกาศโพล่งออกมาประจานความตอแหล
สาเหตุสำคัญที่งัดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกมาใช้ไม่ได้ เพราะแว่วว่าทางทหาร ทางกองทัพ ไม่เห็นด้วย ไม่ไฟเขียวให้ทำอย่างนั้น เพราะยังไม่เห็นเหตุผลความจำเป็น นั่นเป็นสิ่งที่รัฐบาลรู้สึกอึดอัดโดนบีบกันภายใน มีอำนาจก็เหมือนไม่มี ใช้กฎหมายก็ไม่ได้ จะโดนทัดทาน 2 ถึง 3 ชั้น ตลอด นั่นไม่ใช่อะไร หลายฝ่ายกลัวรัฐบาลเอาอำนาจไปใช้ย่ามใจ ทำร้ายประชาชนตามสันดานดิบ ถ่อยเถื่อน
วันนี้ การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แบบไม่สมเหตุผล รัฐบาลก็อ้างว่าเหตุการณ์ทวีความรุนแรงต่อเนื่อง มีเหตุระเบิดรุนแรง อุกอาจ เกิดขึ้นหลายครั้งหลายครา กลางวันแสกๆ จึงจำเป็นต้องงัดกฎหมายพิเศษมาใช้ นั่นตอกย้ำข้อสังเกตสมมติฐานของบางฝ่ายว่า
**การสร้างความรุนแรงมาจากฝ่ายใด และใครได้ประโยชน์ จนวันนี้สามารถนำไปอ้างประกาศใช้กฎหมายตามที่ตัวเองต้องการ
อย่างไรก็ตาม ชัดเจนว่า การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินครั้งนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของบรรดาแม่ทัพนายกอง ขาใหญ่ระดับผู้บัญชาการเหล่าทัพ ท่าทีที่เห็นชัดเจนว่า ไม่เข้าร่วม หรือเข้าร่วมแบบเสียไม่ได้ ใช้วิธีส่งตัวแทนเข้ามา นั่นก็จะเป็นสัญญาณให้รัฐบาลยังเก้ๆ กังๆ ละล้าละลัง ต่อไป
น่าสนใจว่า ถ้าทหารเกิดไม่เอาด้วยขึ้นมาจริงๆ ไม่เห็นด้วยกับแนวทางรัฐบาลอย่างสิ้นเชิง อาจงัดกฎอัยการศึกขึ้นมาใช้เอง เข้ามาควบคุมสถานการณ์เหมือนปฏิวัติย่อมๆ และหากไม่ไหวจริงๆ อาจถึงคราวต้องเคลื่อนรถถังออกมายึดอำนาจให้มันจบๆ เบ็ดเสร็จกันไป เสียที
การออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินของรัฐบาลวันนี้ ดูมีเงื่อนงำและการเอา "เหลิม บางบอน" มานั่งบงการ ถือเป็นเรื่องที่น่าติดตามแกะรอยอย่างยิ่ง บนสถานการณ์ที่แม้แต่เสนาบดีของฝ่ายรัฐบาลเองหลายคนไม่อยากเปลืองตัว จะเอาเฉลิมเข้ามาทำอะไร เฉลิมขี้ข้าทักษิณ เมื่อได้รับบทบาทเด่นอีกครั้งจึงรีบตะครุบไว้ทันที เพราะนั่งอยู่หลังฉากไม่มีอำนาจ ไม่มีบทให้เล่นมัน รู้สึกเสียหายมากกว่าออกหน้าลุยทำเรื่องเสี่ยงๆ
ตอนอยู่หลังฉากก็สุมหัวหารือกับหัวขบวนตำรวจตลอดทั้ง วรพงษ์ ชิวปรีชา และ คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง คงคิดแผนการไว้ลุล่วงก่อนนำเสนอหน่วยเหนือ ออกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และแต่งตั้งตนเองไปบัญชาการ
จะมีเกมตีโต้ของรัฐบาลอะไรออกมาหลังจากนี้ จะรุนแรงแข็งกร้าวตาต่อตาฟันต่อฟันหรือไม่ ที่สำคัญต้องประเมินให้ดีว่า มันจะเป็นผลเสียหรือผลดีกับรัฐบาลมากกว่า ทักษิณและยิ่งลักษณ์ พร้อมรับกรรมชั่วหรือยัง
**สถานการณ์ใกล้เดินมาถึงจุดแตกหัก ใกล้ถึงจุดเปลี่ยนเต็มที สถานการณ์ความรุนแรง การยกระดับเหตุการณ์การเคลื่อนไหวต่างๆ ต้องจับตาใกล้ชิดทุกระยะ
แต่ในเรื่องที่คาบเกี่ยวกับการเมืองสืบเนื่องจากการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินครั้งนี้ รัฐบาลต้องเตรียมตัวรับมืออีกเช่นเดียวกัน เรื่องต้องถึงหูองค์กรอิสระแน่ การออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินระหว่างที่เป็นรัฐบาลรักษาการ มันก็เหมือนกับการต่อ พ.ร.บ.ความมั่นคง ที่ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นเรื่องเอาผิดไปก่อนหน้านี้คราวนี้ก็เหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน ดังนั้นไม่รอดถูกจับขึ้นเขียงอีก ยิ่งเมื่อสืบค้นเหตุผลความจำเป็น ยิ่งร้ายกว่าการต่อ พ.ร.บ.ความมั่นคงสนองการเมือง ไม่ได้สนอง บ้านเมือง ฉะนั้นดูแล้วรอดยาก
เหนืออื่นใด การออกกฎหมายติดดาบสุ่มเสี่ยงต่อความเชื่อมั่น เชื่อถือ เสี่ยงต่อภาพลักษณ์ประเทศเยี่ยงนี้ควบคู่ไปกับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จะหาคำตอบอะไรไปอธิบายสังคม หรืออธิบายคนทั่วโลก
จะไปบอกเขาได้อย่างไรว่า การเลือกตั้ง 2 ก.พ. เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง เปิดโอกาสให้ทุกคน ทุกฝ่ายใช้สิทธิ์เลือกตั้งอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะแสดงออกในรูปแบบใด เพราะการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เหมือนการควบคุมประชาชน ตัดสิทธิขั้นพื้นฐานไปหลายประการ เปรียบก็เหมือนกำลังมัดมือมัดเท้าคนเข้าไปคูหาเลือกตั้ง กาบัตรให้มันจบๆ กันไป
**การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วมีเลือกตั้งแบบนี้ไม่มีใครหน้าไหนเขาทำกัน สรุปแล้วรัฐบาลเองนั่นแหละ ที่กำลังทำให้การเลือกตั้ง 2 ก.พ.มีปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ !!!