ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ในกระแสการเมืองที่สุดร้อนแรง แถมยังเชี่ยวกรากด้วยพลานุภาพของมวลมหาประชาชนในนาม กปปส. ทำให้ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์”ต้องมะรุมมะตุ้มแก้ปัญหา “ม็อบนกหวีด”เพื่อหวังปักธงเอาชัยชนะเลือกตั้ง 2 ก.พ. ใช้เสียงโหวตจากสาวก ตีฝ่าวงล้อมของฝ่ายต่อต้านให้ได้
แต่แก้ไปแก้มา กลับยิ่งยุ่งเหมือนลิงแก้แห
ไม่เท่านั้น“กรรมเก่า”ก็เริ่มตามมาหลอกหลอนหลายเรื่อง หลายกรณี ทั้งในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ถูกตีตกพร้อมคาดโทษไปแล้ว ทั้งการแก้ไขที่มา วุฒิสภา และการแก้ไขมาตรา 190 การเจรจาต้าอวยกับต่างชาติ ตอนนี้ส่งต่อไปให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่แจ้งข้อกล่าวหา หรือง้างดาบรอฟันตามขั้นตอนไว้แล้ว
ทำให้บรรดา ส.ส.-ส.ว. ที่โวยวายไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ต้องโร่เดินเรียงแถวหน้าละห้อยไปรับข้อกล่าวหาจากป.ป.ช.ในเรื่องการสมรู้ร่วมคิดกระทำผิดรัฐธรรมนูญ มีฐานความผิดล้มล้างอำนาจการปกครองตามมาตรา 68 เลยทีเดียว
เพราะหากยังขึงขัง ไม่รับอำนาจ ป.ป.ช. ก็เท่ากับหมดสิทธิ์ให้ปากคำแก้ต่างในชั้นไต่สวน ดีไม่ดีมีแนวโน้มที่ป.ป.ช. จะพิพากษาตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นั่นเท่ากับบรรดาลิ่วล้อทักษิณต้องถูกประหารชีวิตทางการเมือง แถมมีโทษอาญาพ่วงอีกต่างหาก โดยที่ไม่ได้ปริปากแก้ตัว
ไม่เพียงเท่านั้น “กรรมเก่า”ที่ถูกจับตามองมากที่สุดของ“รัฐบาลยิ่งลักษณ์”ในเรื่อง“โครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ด”ที่ถูกตราหน้าว่าโกงตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ก็งวดเข้ามาอีกขั้น เมื่ออนุกรรมการของป.ป.ช.นำโดย“วิชา มหาคุณ”ออกแถลงว่า 9 อรหันต์ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์แจ้งข้อกล่าว“บุญทรง เตริยาภิรมย์ - ภูมิ สาระผล”อดีต รมว.พาณิชย์ และ อดีต รมช.พาณิชย์ พร้อมด้วยข้าราชการ และเอกชนที่เกี่ยวข้องรวม 15 ราย ฐานกระทำความผิด ทุจริตต่อหน้าที่ ตามประมวลอาญา มาตรา 157
เป็นความผิดในส่วนของสัญญาการซื้อขายข้าวแบบ “จีทูจี”หรือรัฐบาลต่อรัฐบาลกับประเทศจีน ที่เป็นเท็จ และยังไม่มีการส่งข้าวเข้า-ออกจริง อีกทั้งบริษัทเอกชน ที่นำมาเป็นตัวละครนั้น ก็ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจของจีนจริง ตามที่รัฐบาลพยายามกล่าวอ้างมาโดยตลอด
“วิชา”ระบุด้วยว่า จากการไต่สวนปรากฏชัดว่า การทำสัญญาไม่ชอบธรรม ไม่เป็นความจริง จำนวนข้าวที่ขายก็ไม่มีจริง
สรุปว่าเรื่องราวที่รัฐบาลปั้นแต่งขึ้นมาเป็นเท็จทั้งหมด
ส่วน“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”นายกรัฐมนตรี ก็ใช่ว่าจะพ้นบ่วงกรรม แม้ยังไม่ถูกแจ้งข้อหล่าวหา แต่ป.ป.ช. ก็ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่ปล่อยปละละเลยต่อการปรามปรามการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ที่มีข้อท้วงติงจากหลายฝ่าย แต่ก็เพิกเฉยไม่เคยคิดจะยับยั้ง ไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่มีมูลค่ามหาศาล
โดยเฉพาะเคยสารภาพออกสื่อเองว่า รู้เห็นกับการขายข้าวแบบจีทูจี กับประเทศจีน ที่ ป.ป.ช. สรุปแล้วว่า เป็นเท็จ
ในส่วนของ“ยิ่งลักษณ์”ยังไม่ถือว่าถูกแจ้งข้อกล่าวหา แต่“บุญทรง -ภูมิ”และพวกเปรียบเหมือนเดินเข้าสู่หลักประหารแล้ว หากถูกชี้มูลความผิดอีกก็เท่ากับเอาคอไปพาดเครื่องประหาร
แม้แอคชั่นของ ป.ป.ช.ครั้งนี้จะไม่เป็นที่ถูกอกถูกใจของ“สายฮาร์ดคอร์”ที่อยากเห็นบทสรุปของมหกรรมโกงระดับชาติ ผ่านโครงการรับจำนำข้าว เพราะต้องยอมรับว่า ต้องใช้เวลาที่นานโข กว่าจะรู้เช่นเห็นชาติ ชี้ว่า ใครผิดใครถูก อย่างไร
แต่อย่างน้อยก็ถือเป็นก้าวแรกในการลากคอคนผิดมาลงทัณฑ์
นักสืบโกงจำนำข้าวอย่าง “หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม”อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ก็ฟันธงก่อนหน้านี้แล้วว่า“บุญทรง”ต้องคอหลุดเรียบร้อย และกระชุ่นให้ ป.ป.ช. กล้าหาญในการแจ้งข้อหากับ “ยิ่งลักษณ์”ด้วย เพราะที่ผ่านมามีคลิปสัมภาษณ์ทั้งคู่ ที่ยอมรับชัดเจนว่า รับทราบเกี่ยวกับสัญญาจีทูจี กับประเทศจีน ซึ่งเบื้องต้น ป.ป.ช.ชี้ว่า เป็นเท็จ
“หมอวรงค์”ยังตอกย้ำความล้อเหลวในการบริหารโครงการนี้ของ“รัฐบาลยิ่งลักษณ์”ด้วยว่า 15 ม.ค. ที่ผ่านมาเป็นอีกครั้งที่รัฐบาลผิดสัญญากับชาวนา เพราะไม่สามารถจ่ายเงินค้างจำนำข้าวให้ครบได้ สาเหตุเพราะการกู้เงินรอบใหม่จำนวน 1.3 แสนล้านบาท โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ดำเนินการให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตกร (ธ.ก.ส.) มีกระทรวงการคลังค้ำประกันยังไม่ได้ดำเนินการ เนื่องจากข้าราชการ“เกียร์ว่าง”เพราะรู้ว่าทำไปจะติดลากแหเข้าตารางไปด้วย
ทำให้กุนซือรัฐบาลต้องปรับแผน เล่นแร่แปรธาตุให้ ธ.ก.ส. เป็นคนชงกู้เอง 1.3 แสนล้านบาทที่ว่า แต่ก็ถูกต่อต้านโดยสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ของ ธ.ก.ส. ที่ออกมาตีฆ้องร้องป่าว ฟ้องชาวบ้านว่า รัฐบาลกำลังเดินแผนชั่วอีกครั้ง
อีกทั้งเมื่อ ธ.ก.ส.ส่งหนังสือไปขออนุญาต คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการกู้เงินก้อนดังกล่าว ตามระเบียบในช่วงที่มีกฎหมายเลือกตั้ง ก็เกิดผิดคิว มีพิรุธอีก เมื่อ กกต.เรียกผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจง แต่ ธ.ก.ส. กลับเลือกที่จะดึงเรื่องกลับ เพราะดูแนวโน้มแล้วคงไม่รอดสันดอนตั้งแต่ชั้นกกต. แถมอาจมีการชงต่อองค์กรอิสระอื่น คาดโทษมีความผิดอีก จะไปกันใหญ่
ก็เท่ากับว่าตอนนี้รัฐบาล “ถังแตก”อย่างหนัก เป็นหนี้ชาวนาอยู่อย่างน้อย 1.3 แสนล้านบาท
ไม่เพียงแค่ข้อมูลของฝ่ายค้านอย่าง“หมอวรงค์”ล่าสุดเรื่องนี้ โกอินเตอร์ โด่งดังไปถึงเมืองนอก เมื่อสื่อนอก“วอลล์สตรีทเจอร์นัล”สำนักข่าวเก่าแก่ของสหรัฐฯรายงานว่า ตอนนี้ชาวนาไทยเริ่มทอดทิ้ง“รัฐบาลยิ่งลักษณ์”แล้ว เนื่องจากปัญหาความล่าช้าในการจ่ายเงินในโครงการรับจำนำข้าว
“วอลล์สตรีทเจอร์นัล”ระบุว่า ที่ผ่านมารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ใช้โครงการรับจำนำข้าวเป็น “ธงนำ”ในการสร้างคะแนนนิยมแก่กลุ่มชาวนาในประเทศ แต่ตอนนี้เริ่มส่งผลในทางตรงกันข้าม เมื่อรัฐบาลเข้าสู่ภาวะ“ถังแตก”ไม่เหลือเงินจ่ายแก่ชาวนาที่เข้าร่วมโครงการ
เรื่องนี้ฝ่ายรัฐบาลโดย“ทนุศักดิ์ เล็กอุทัย”รักษาการ รมช.คลัง ก็ยังออกมายอมรับว่า ไม่สามารถจ่ายเงินให้กับชาวนาในโครงการรับจำนำข้าวได้ภายในวันที่ 15 ม.ค.ตามที่เคยรับปากชาวนาไว้ อ้างว่าติดขัดเรื่องวิธีการ ซึ่งเอาจริงๆ ใครก็รู้ว่า รัฐบาลแค่แก้ผ่าเอาหน้ารอด เหมือนที่เคยอ้างว่าจ่ายเงินให้ชาวนาไม่ได้ก่อนสิ้นปี 2556 เพราะมีม็อบไปปิดกระทรวงการคลัง จึงขอผลัดมาเป็นวันที่ 15 ม.ค.57
สาเหตุที่แท้จริงก็เพราะที่ผ่านมา รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่เป็นผู้เป่าฟองสบู่รับซื้อข้าวจากชาวนาในราคาที่สูงกว่าตลาดเกือบเท่าตัว แต่กลับไม่สามารถขายข้าวได้เร็วพอที่จะมีเงินมาจ่ายชาวนา ทำให้ต้องใช้วิธีการกู้เงินมาโปะอยู่ตลอด 2 ปีที่เป็นรัฐบาลมา ความคาดหวังในโครงการรับจำนำข้าวที่เพิ่มสูงขึ้น แต่กลับเป็นภาระที่หนักอึ้งของรัฐบาล
จนสุดท้ายเมื่อรัฐบาลไม่มีเงินจ่ายชาวนา ฟองสบู่ที่เป่าไว้ก็แตกโพล๊ะ
“วอลล์สตรีทเจอร์นัล”ยังบอกด้วยว่า ความไม่พอใจครั้งนี้ทำให้ชาวนาบางกลุ่มถึงกับเดินทางมายังกรุงเทพฯ เพื่อเข้าร่วมการประท้วงต่อต้านรัฐบาล
สิ่งที่สื่อหัวนอกดังกล่าวอาจจะลืมพูดถึงไปก็คือ ในเรื่องความล้มเหลวของโครงการที่ไม่ใช่เฉพาะเพียงความไร้น้ำยาของรัฐบาลเท่านั้น แต่ยังมีปัญหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันในทุกขั้นตอนของคนในรัฐบาลเอง ดังที่ ป.ป.ช. กำลังต่อจิ๊กซอร์ ลากคอคนโกงมาลงโทษอยู่ในตอนนี้
คนที่ร้อนๆ หนาวๆ ตอนนี้คงไม่ใช้แค่“บุญทรง-ภูมิ”สองอดีตรัฐมนตรีที่ถูกแจ้งข้อหาไปแล้ว แต่ยังต้องนับรวม“ยิ่งลักษณ์”ที่อาจใช้มารยาเอาตัวรอดจากเรื่องอื่นได้ไปวันๆ แต่กับเรื่องโครงการรับจำนำข้าว กูรูหลายสำนึกฟันธงว่า รอดยาก ในฐานะประธาน กขช. ที่ตามกระบวนการต้องรู้เห็นทุกเรื่อง
โครงการที่ถลุงเงินแผ่นดินไปแล้วมากกว่า 6-7 แสนล้านบาท โดยที่ยากจะหาเจอว่าประเทศชาติได้อะไรกลับมา อีกทั้งชาวนาก็ไม่ได้ลืมตาอ้าปาก เพราะเงินที่ไปถึงไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยอย่างที่รัฐบาลพยายามอวดอ้าง
ก็เพราะรัฐบาลที่พะยี่ห้อ “ระบอบทักษิณ”นี้แหละที่ปล่อยให้โครงการมีปัญหาไร้ประสิทธิภาพ จงใจให้เกิดการรั่วไหล จนขาดความโปร่งใส หาช่องทุจริตโกงกินมโหฬาร
บทสรุปสุดท้ายหาก“ยิ่งลักษณ์”ติดร่างแห โดนลงทัณฑ์จาก“กรรมเก่า”หนนี้ไปด้วย ก็ไม่น่าแปลกประหลาดใจแต่ประการใด