ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ดื้อด้านดึงดันไม่ฟังเสียงใครสุดท้ายก็ไปไม่รอด ต้องกลับลำมาตั้งเวทีถกหาทางออกจากวิกฤตเลือกตั้ง และแล้วก็เหลวดังคาดเพราะนาทีนี้ต้องบอกว่าสายเกินแก้มีแต่ต้องลาออกจากตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรีเท่านั้น เป็นทางเลือกทางเดียวที่เหลืออยู่ของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเป็นอีกครั้งที่อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้อยู่เบื้องหลังต้องสำนึกรู้ว่าผืนแผ่นดินนี้ไม่มีที่ทางสำหรับพวกโคตรโกง ความหวังจะใช้การเลือกตั้งฟอกความอัปยศฝันสลายไปได้เลย
เวที 15 ม.ค. 2557 ถกใหญ่ทุกฝ่ายหาทางออกการเลือกตั้งก็เป็นแค่ปาหี่ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้หลายเสียงขอให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ใคร่ครวญให้ดีเพราะรู้ทั้งรู้ว่าไม่มีทางที่การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ ตราบใดที่ความขัดแย้งยังคงอยู่ เมื่อไม่มีการเจรจา ไม่มีข้อตกลง ไม่มีฉันทามติร่วมกัน ทางฟากรัฐบาลยืนยันต้องเลือกตั้งก่อนปฏิรูปประเทศซึ่งไม่รู้ว่าถึงเวลานั้นจะเขี่ยทิ้งหรือไม่ ขณะที่อีกฝ่ายคือ มวลมหาประชาชน กปปส. นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยืนกรานต้องปฏิรูปประเทศ กำหนดกติการ่วมกันก่อนเลือกตั้ง และถึงตอนนี้ก็จะไม่คุยอะไรอีกแล้ว นอกจากรักษาการนายกรัฐมนตรีต้องลาออกเท่านั้น
ทางที่มีให้เดิน แต่ไม่เลือกเดินออกจากกับดัก ดันเลือกเดินสู่ทางตัน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว การงัดมารยาสาไถยมาขอความเห็นใจจากสังคมของนางสาวยิ่งลักษณ์ จึงไม่มีความหมาย ไม่มีราคาค่างวดอะไร และหลังฉากมารยานี้ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าความต้องการลากตั้งสร้างความชอบธรรม ไม่ได้มีความคิดอ่านจะปฏิรูปประเทศในหัวสมองไม่ว่าจะก่อนหรือหลังเลือกตั้งอะไรทั้งนั้น เพราะหากมีความคิดจะปฏิรูปประเทศให้ไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างจริงจัง ก็ต้องเห็นตั้งแต่เข้ามาบริหารแผ่นดินแล้ว และคณะกรรมการปฏิรูปฯ ไม่รู้กี่ชุดต่อกี่ชุดที่ตั้งขึ้นมาก็ต้องมีผลงานให้เห็นกันบ้างไม่ใช่มีแต่สร้างภาพเท่านั้น
ความพยายามของรักษาการนายกฯจนตรอกยังถูกศอกกลับหน้าแหกชนิดหมอไม่รับเย็บจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อีกด้วย โดยเฉพาะจากนายสมชัย ศรีสุทธิยากร หนึ่งในห้าเสือ กกต. ที่ยักไหล่บอกตรงๆ แบบไม่เกรงใจ ไม่มีประโยชน์ที่จะเข้าร่วม และเชื่อว่าไม่มีข้อยุติที่เป็นทางออกประเทศได้ เป็นการตอบกลับได้เจ็บแสบสาสมกับที่พรรคเพื่อไทยพากันดาหน้าออกมาจะฟ้องร้องเอาผิดทั้งแพ่งและอาญาหาก กกต.ไม่จัดการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.นี้ ทั้งที่ กกต. เสนอให้ทุกฝ่ายหาข้อตกลงกันให้ได้ก่อนแล้วกำหนดวันเลือกตั้งใหม่จะดีกว่าเพราะดันทุรังเลือกตั้งไปก็จะมีปัญหาไม่จบสิ้น
ความจริงแล้ว กกต. เอากะไดไปล่อให้รักษาการนายกรัฐมนตรีลง ตั้งแต่ปลายปี 2556 แล้ว หากจำกันได้ กกต.ได้เสนอไปแล้วว่าหากเลื่อนการเลือกตั้งออกไปได้ก็จะดีเพราะการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. 2557 ภายใต้สถานการณ์เผชิญหน้ากันอย่างรุนแรงระหว่างรัฐบาลกับ กปปส. นั้นจบไม่สวยแน่ แต่นางสาวยิ่งลักษณ์ เชื่อพี่ชายมากเกินกว่าจะฟังเสียงใคร จึงโยนทิ้งข้อเสนอจาก กกต. อย่างไม่ใยดี แถมใช้เงินงบประมาณแผ่นดินตระเวนลงพื้นที่หาเสียงโดยอ้างออกตรวจงานบังหน้า
ขณะเดียวกัน ก็สั่งเครือข่ายมวลชนคนเสื้อแดงที่ยังเป็นข้าทาสรับใช้ให้ออกมารณรงค์เลือกตั้งโดยท่องคาถามหานิยมเพื่อรักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตย แต่ภาพของมวลชนคนเสื้อแดงที่เน่าเฟะทำให้พวกกลางกลวง โลกสวย ไม่กล้าโดดเข้าร่วมขบวน กระทั่งหัวเรือใหญ่ “ป้าธิดา ถาวรเศรษฐ” สั่งถอดเสื้อแดงสวมใส่เสื้อขาวกลายเป็นเสื้อแดงแปลงร่าง ตั้งขบวนหนุนเลือกตั้ง เพียงแต่ว่าคราวนี้ไม่อุ่นหนาฝาคั่งดังคาด เพราะหลายพื้นที่มีเสียงเตือน “เงินคุณหมดแล้ว เติมเงินด่วน ๆๆๆๆ” และเมื่อมีกลุ่มนักวิชาการ “2 เอา 2 ไม่เอา” ออกมาจุดเทียนให้เดินหน้าเลือกตั้ง 2 ก.พ. 2557 กลุ่มเสื้อแดงแปลงร่างที่มีกระหรอมกระแหรมจึงสบโอกาสร่วมจุดเทียนผสมโรงแถต้องเลือกตั้ง 2 ก.พ. 2557 เท่านั้นจึงจะเป็นประชาธิปไตย พวก กปปส.ที่เสนอให้ปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้งเป็นพวกไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง
แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร สถานการณ์ก็ยังเลวร้ายลงเกินกว่าที่คาด นับเนื่องจากกรณีการคัดค้านกระบวนการรับเลือกการเลือกตั้งทั้งกรุงเทพฯ และสนามเลือกตั้งในต่างจังหวัดโดยเฉพาะในเขตภาคใต้ 8 จังหวัด ที่มี 28 เขตเลือกตั้งดำเนินการรับสมัครส.ส.ระบบเขตไม่ได้ และเมื่อผู้สมัครไปร้องต่อศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้ง ศาลฯ ก็ยกคำร้องเพราะไม่อยู่ในอำนาจศาล
คำสั่งศาลฯ ที่คาดว่าจะเป็นทางรอดก็กลับเป็นทางตันอีกเช่นเคย ทำให้ กกต.พยายามหาทางออกจากวิกฤตอีกครั้ง พร้อมกับโยนเผือกร้อนใส่มือนางสาวยิ่งลักษณ์ หากยังยืนยันจะให้มีการเลือกตั้งต่อไป กกต. ก็จะทำให้แต่ไม่รับผิดชอบว่าอะไรจะเกิดขึ้น การโยนกันไปมาทำให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) อดรนทนไม่ได้ จึงออกมาตั้งคำถามว่าจะพากันผลาญเงินภาษีประชาชนเพื่อเลือกตั้งเกือบ 4,000 ล้านบาทเพื่ออะไร ทั้งที่รู้ว่ามีปัญหารออยู่เบื้องหน้า เป็นการเรียกสติ ทั้ง กกต. และนางสาวยิ่งลักษณ์ ให้กลับมาใช้สมองไตร่ตรองปัญหาอย่างคนมีปัญญา ไม่ใช่ เสแสร้งแกล้งหูหนวก ตาบอด พาประเทศชาติลงเหว อย่างที่กำลังกระทำกันอยู่
หลังจากตั้งหลักได้ 5 เสือ กกต. ก็ทำหนังสือแจ้งอุปสรรคในการเลือกตั้งและข้อเสนอแนะ 6 ข้อ ถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2557 เพื่อขอให้รัฐบาลเสนอพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งใหม่ สรุปความได้ ดังนี้
1. การรับสมัครรับเลือกตั้งทั้งระบบแบ่งเขตและระบบบัญชีรายชื่อ มีผู้ชุมนุมประท้วงขัดขวางการรับสมัครเลือกตั้ง ทำให้ไม่สามารถรับสมัครเลือกตั้งได้ในบางเขตเลือกตั้งจำนวน 8 จังหวัด รวม 28 เขตเลือกตั้ง และยังมี 16 เขตเลือกตั้ง ที่มีผู้สมัครรับเลือกตั้งเพียงคนเดียวจากพรรคการเมืองเดียว ซึ่งอาจจะต้องมีการเลือกตั้งหลายครั้งอันจะเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณไปโดยเปล่าประโยชน์
2.จากกรณีการรับสมัครเลือกตั้งส.ส.มีเหตุผู้ชุมนุมปิดล้อมสถานที่รับสมัครและมีการใช้ความรุนแรงทำให้สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและทางราชการ เกิดกรณีเจ้าพนักงานไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติ ทำให้เล็งเห็นว่าการจัดการเลือกตั้งในอนาคตน่าจะมีเหตุการณ์ที่มีความขัดแย้งรุนแรง อาจมีการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอีก
3.การสรรหาและแต่งตั้งเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งประจำหน่วยเลือกตั้งในหลายพื้นที่ไม่ได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในการร่วมเป็นกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง โดยเฉพาะในเขตภาคใต้ ซึ่งต้องมีกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งที่มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งจำนวนเกือบหนึ่งแสนคน
4.มีประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฯ ม.108 ที่บัญญัติให้วันเลือกตั้งต้องกำหนดให้เป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร จากการที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งได้มีคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ ลต 1/2557 ให้ยกคำร้อง กรณีที่มีผู้ยื่นคำร้องให้ศาลวินิจฉัยกรณีไม่สามารถยื่นใบสมัครรับเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เนื่องจากมีเหตุผู้ชุมนุมประท้วงขัดขวางการรับสมัครเลือกตั้ง ทำให้ใน 28 เขตเลือกตั้ง ไม่มีผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จึงไม่สามารถจัดการเลือกตั้งพร้อมกับ 347 เขตเลือกตั้งที่มีผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง
5.การลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งที่จะมีขึ้นวันที่ 26 ม.ค. 2557 อาจจะเกิดเหตุความไม่สงบเรียบร้อยในวันเลือกตั้ง
6.สตง.ได้มีหนังสือตรวจสอบใช้จ่ายเงินในการดำเนินการจัดการเลือกตั้งส.ส.เป็นการทั่วไป ครั้งที่ 25 ของกกต. โดยมีความกังวลและห่วงใยต่อการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินจำนวน 3,885,000 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งในและต่างประเทศ โดยเห็นว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดความสูญเปล่า ไม่ได้ผลตามเป้าหมายของการเลือกตั้งส.ส. และอาจต้องจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปหลายครั้งในระยะเวลาใกล้เคียงกัน จึงมีข้อเสนอแนะให้ กกต.พิจารณาทบทวนการจัดการเลือกตั้ง ในวันที่ 2 ก.พ. 2557 ทั้งนี้ เพื่อให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินเกิดประโยชน์สูงสุด
กกต.มีหนังสือไปยังนางสาวยิ่งลักษณ์ ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ม.ค. รักษาการนายกรัฐมนตรี จึงสั่งการให้นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รักษาการรองนายกรัฐมนตรี ส่งหนังสือไปถึงหัวหน้าพรรคการเมือง หัวหน้าส่วนราชการ ตัวแทนองค์กรอิสระและแกนนำผู้ชุมนุม รวม 70 คน เชิญเข้าประชุมวันที่ 15 ม.ค. เพื่อหารือกรณี กกต.เสนอต่อรักษาการนายกรัฐมนตรีให้เลื่อนวันเลือกตั้งออกไป ซึ่งคำตอบก็ชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลจะดันทุรังต่อไป ส่วน กกต.ที่ขอคุยกับรัฐบาลเป็นการส่วนตัวก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
“เราเห็นแล้วว่าหากยังดันทุรังเดินหน้าเลือกตั้งโดยไม่หาคิดวิธีป้องกันแก้ไขไปตายเอาดาบหน้า มันตายจริง การจัดการเลือกตั้งจะถูกขัดขวาง หน่วยเลือกตั้ง สถานที่เลือกตั้งจะถูกปิดล้อม หีบบัตรต้องหาย บัตรต้องถูกฉีก เรื่องที่เกิดขึ้นกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวได้แน่นอน หากฉีกบัตรเลือกตั้ง 5,000 คนจะจับหรือไม่ ถ้าไม่จับตอนบ่ายจะฉีกเป็นแสน ฉีกเสร็จถ่ายลงเฟซบุ๊ก ส่วนการนับคะแนนถ้านับไม่ได้ผมไม่อยากพูด ถ้าพูดไปแล้วรัฐบาลจะหนาว เพราะหากคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ไม่สามารถนับได้แม้แต่หน่วยเดียวเท่านั้นในประเทศไทย บล็อกแค่หน่วยเดียว ทราบหรือไม่ว่าคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ประกาศไม่ได้ ส.ส.125 คนไม่สามารถประกาศรายชื่อได้ 28 เขตเลือกตั้งที่ไม่สามารถรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตได้กลายเป็นเรื่องเล็กไปเลย นอกจาก 28 เขตเลือกตั้งแล้วยังมี 22 เขตที่มีผู้สมัครเพียงรายเดียวที่ต้องได้คะแนนเสียงเกิน 20% และต้องได้คะแนนมากกว่าโนโหวต ดังนั้นสภาฯ ยังจะเปิดไม่ได้จนกว่าจะได้ส.ส.เกิน 95% ถ้าเดินหน้าต่อไปกว่าจะเปิดสภาฯ ตั้งรัฐบาลได้ เชื่อว่า พ.ค.รัฐบาลยังต้องรักษาการต่อไป บรรยากาศจากนี้ยังเป็นความขัดแย้ง เป็นไฟ และมีโอกาสพัฒนากลายเป็นความรุนแรงได้ตลอดเวลา ดังนั้นคิดใหม่ กำหนดวันเลือกตั้งในเดือน พ.ค.ทุกพรรคมีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง และต้องลงสัตยาบันร่วมกัน ส่วนกลุ่มที่ขัดแย้งต้องมาพูดคุยกัน นี่คือสันติภาพ แต่รัฐบาลเลือกสงคราม”สมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้งวิเคราะห์และแจงแจกสถานการณ์ ซึ่งสุดท้ายจุดจบของเรื่องนี้ ก็อาจเป็นไปอย่างที่ กกต.ประกาศเอาไว้ นั่นคือยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ตัดสิน