“สมชัย”ฟันธง เดินหน้าเลือกตั้งเจอนรกแน่! ปัญหาตามมาอีกเพียบ ระบุกกต.พยายามดึงฟืนออกจากไฟ แต่รัฐกลับเลือกสงคราม ยันไม่คิดลาออกเพื่อให้เลือกตั้งไม่ได้ เชื่อหลัง 2 ก.พ. มีสิทธิถูกฟ้องเลือกตั้งเป็นโมฆะ เผยเชิญนายกฯมาหารือแต่ถูกบ่ายเบี่ยงแต่จะเชิญต่อไป ประชดจะให้พบที่โฟร์ซีซันส์ก็ได้ ด้าน"สุรนันทน์" ยันนายกฯไม่มีกำหนดการพบ กกต.ชี้อยากพบ ต้องมาทั้ง 5 เสือกกต. หรือแค่ประธานกับนายกฯ เท่านั้น "พงศ์เทพ" ยันยังไม่ได้รับหนังสือเชิญนายกฯคุยกกต. ปัดเล่นแง่ พร้อมย้ำ 2 ก.พ.ต้องมีเลือกตั้ง
วานนี้ ( 16 ม.ค.) ที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวในการอภิปรายเรื่อง “การเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 กับการปฏิรูปการเมืองไทย”ตอนหนึ่งว่า การจัดการเลือกตั้งครั้งที่ยากที่สุดนับตั้งแต่มีการเลือกตั้งมา เนื่องจากกกต.มีจำนวน 4 ชุดแต่ไม่มีชุดใดโดนแจ๊กพ็อตเท่า กกต.ชุดนี้ เพราะเข้ามาทำงานเพียงหนึ่งเดือนดูเหมือนว่าแต่ละวันช่างยาวนาน ยอมรับเลยว่าเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยมีความสุขมาก มีความสบายใจกว่า
** ชี้เลือกตั้งต่อไปตายแน่
สำหรับสถานการณ์การเมืองขณะนี้ มองว่าไม่ปกติ หลายคนสงสัยว่า กกต.มีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง แต่ทำไมไม่เดินหน้าจัดการเลือกตั้ง กลับมาทำหน้าที่เป็นตัวกลาง ต้องชี้แจงว่า ถ้าจัดการเลือกตั้งในสภาวะการณ์ปกติมันไม่ใช่เรื่องยาก แต่เราเห็นถึงนรก เห็นถึงสภาพการณ์ที่อยู่ข้างหน้าว่าอะไรจะเกิดขึ้น
กกต.ไม่อยากเห็นฟืนเข้าไปในกองไฟ อะไรก็ตามที่สามารถดึงฟืนออกจากไฟได้ เราพร้อมที่จะทำ แต่ขณะนี้เป็นการจัดการเลือกตั้งภายใต้ความขัดแย้งของคนจำนวนมหึมา คนกลุ่มใหญ่ซึ่งไม่เห็นด้วยกับการให้มีการเลือกตั้ง ดังนั้นอารมณ์ของคนที่พร้อมทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะถูกหรือผิดกฎหมาย ก็มักจะเกิดขึ้นได้เสมอ
บรรยากาศการหาเสียงขณะนี้ไม่คึกคัก ยังไม่เกิดปรากฏการณ์อะไรมากมาย ยังไม่มีพวกซื้อสิทธิขายเสียง หรือจ่ายเงินเลย อาจเป็นเพราะกลัวจ่ายเงินแล้วไม่มีเลือกตั้ง แต่ถ้ามีการหาเสียงอย่างจริงจัง ก็จะเกิดกระบวนการคัดค้าน นกหวีดเป่า ตีนตบ มือตบ แน่นอน หากยังดันทุรังเดินหน้าเลือกตั้งโดยไม่หาคิดวิธีป้องกันแก้ไข ไปตายเอาดาบหน้า มันตายจริง
การจัดการเลือกตั้งจะถูกขัดขวาง หน่วยเลือกตั้ง สถานที่เลือกตั้งจะถูกปิดล้อม หีบบัตรต้องหาย บัตรต้องถูกฉีก เรื่องที่เกิดขึ้นกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวได้แน่นอน หากฉีกบัตรเลือกตั้ง 5,000 คน จะจับหรือไม่ ถ้าไม่จับตอนบ่าย จะฉีกเป็นแสน ฉีกเสร็จถ่ายลงเฟซบุ๊ก
ส่วนการนับคะแนนถ้านับไม่ได้ ตนไม่อยากพูด ถ้าพูดไปแล้วรัฐบาลจะหนาว เพราะหากคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ไม่สามารถนับได้แม้แต่หน่วยเดียวเท่านั้นในประเทศไทย บล็อกแค่หน่วยเดียว ทราบหรือไม่ว่า คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ประกาศไม่ได้ ส.ส. 125 คน ไม่สามารถประกาศรายชื่อได้ 28 เขตเลือกตั้งที่ไม่สามารรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตได้กลายเป็นเรื่องเล็กไปเลย
“นอกจาก 28 เขตเลือกตั้งแล้ว ยังมี 22 เขต ที่มีผู้สมัครเพียงรายเดียว ที่ต้องได้คะแนนเสียงเกิน 20 % และต้องได้คะแนนมากกว่าโนโหวต ดังนั้นสภาฯ ยังจะเปิดไม่ได้จนกว่าจะได้ส.ส.เกิน 95% ถ้าเดินหน้าต่อไปกว่าจะเปิดสภาฯ ตั้งรัฐบาลได้ เชื่อว่าพ.ค.รัฐบาลยังต้องรักษาการต่อไป บรรยากาศจากนี้ยังเป็นความขัดแย้ง เป็นไฟ และมีโอกาสพัฒนากลายเป็นความรุนแรงได้ตลอดเวลา ดังนั้นคิดใหม่ กำหนดวันเลือกตั้งในเดือนพ.ค. ทุกพรรคมีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้ง และต้องลงสัตยาบันร่วมกัน ส่วนกลุ่มที่ขัดแย้งต้องมาพูดคุยกัน สิ่งที่เรียกร้องคือ การปฏิรูป ตัว ป. ต้องเล็กลงหน่อย แล้วทุกคนเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง นี่คือสันติภาพ แต่รัฐบาลเลือกสงคราม”นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย กล่าวด้วยว่า ตอนนี้เราอยู่ภายใต้ภาวะที่นักวิชาการที่ไม่กล้าพูดอะไร พอเข้าทางก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายนั้น ฝ่ายนี้ เมื่อถูกตอบโต้กลับมาเกินกว่านักวิชาการคนหนึ่งจะรับได้ ตนไม่ใช่นักวิชาการ จึงไม่สนใจ ตนคิดว่า กปปส. เป็นกลุ่มคนที่ปรารถนาจะเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น และหมดความศรัทธาต่อระบบการเมืองปัจจุบัน หมดความไว้วางใจต่อนักการเมืองเกือบทุกคน กระบวนการคิดอาจจะเร็ว นอกกรอบ รูปแบบสภาประชาชน อาจจะดูดีในแนวคิดเขา แต่ 100 คนมาจาก กปปส. สรรหาคัดเลือกเอง อีก 300 คนมาจากสภาวิชาชีพ ไม่น่าจะยอมรับได้ในสังคมระบอบประชาธิปไตย
**รัฐบาลผลักประชาชนลงถนน
นายสมชัย กล่าวว่า ประชาชน คือพลังสำคัญที่สุด ถ้าประชาชนนิ่งเฉย จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นประชาชนต้องตื่นตัว สร้างกระแส แต่ต้องมีขอบเขต หลายอย่างที่เกินเลยขอบเขต ตนไม่เห็นด้วย ตนคิดว่ารัฐบาลต้องไม่ผลักประชาชนลงถนน ถ้ามีข้อเรียกร้องที่ไม่เห็นด้วย ควรรับไปปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ถ้าประชาชนลงถนนแล้วไม่สำเร็จ อย่าผลักให้ประชาชนทำผิดกฎหมายอีก วันนี้ท่านมีโอกาสทำให้ไม่เกิดความรุนแรงในสังคม ทำซะ ”นายสมชัย กล่าว
นอกจากนี้เห็นว่า สังคมไทยขาดความเป็นสุภาพชน คือ ความเห็นทางการเมืองแตกต่างได้ แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ถ้อยคำรุนแรง กล่าวหากัน ด่าทอกัน เมื่อใดก็ตามที่ใช้ถ้อยคำรุนแรง สังคมดำดิ่ง ไร้อารยะธรรม เราต้องการวัฒนธรรมทางการเมืองที่ดี เถียงกันได้ แต่ทำไมใช้ถ้อยคำแบบนี้ น่าเสียใจ สังคมไทยเป็นแบบนี้มากขึ้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้น่าเสียดาย พอขาดการส่งเสริมความคิดในเชิงบวก ขาดการรับฟังความเห็นคนอื่น ความขัดแย้งจะขยายตัวรุนแรงมากขึ้น เพื่อนกับเพื่อนไม่คุยกัน สามีภรรยาแยกกันกี่คู่ พี่น้องคิดไม่เหมือนกับเกือบจะไม่คบกัน เราต้องการภาพสังคมไทยแบบนี้หรือ นี่คือสิ่งที่เป็นอันตราย ถ้าสังคมอยู่ด้วยความรุนแรง เกลียดชัง สงบยาก
“ผมตอบโจทย์ว่า ทำไมไม่ลาออก คนที่ยุผมทั้งหลาย ขอเรียนว่าการลาออกเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ไม่ใช่สิทธิทั้งหมด การใช้สิทธิส่วนบุคคลไม่ใช่การลาออกอย่างเดียว เมื่อใดคนอยากให้ผมลาออกเยอะๆ เช่น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง บอกให้ผมลาออก ผมไม่ออก ถามว่าการลาออกของกกต.จะเกิดผลอย่างไร ให้กลับไปคิดให้ดี รัฐบาลรักษาการไม่สามารถแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงได้ การใช้งบกลางอนุมัติไม่ได้ การทำสัญญาที่มีผลผูกพันรัฐบาลชุดต่อไปทำไม่ได้ และการใช้งบประมาณแผ่นดินถ้ากระทบต่อการเลือกตั้ง ใช้ไม่ได้ คิดใหม่ ไม่ได้ขู่ อย่างกรณีน้ำมันดีเซล รัฐบาลต้องขอกกต.ในการลดภาษี ถ้าขอไม่ทัน กกต.ป่วยไม่สบาย กกต.ช้ำใจโดนวิจารณ์เยอะ กกต.งอน 1 ก.พ. น้ำมันดีเซลขึ้นไป 41 บาทไม่ฉิบหายทั้งประเทศหรือครับ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่การมาพูดโจมตีกระแนะกระแหนกัน ดังนั้นที่บอกว่าให้ลาออก ไปคิดใหม่” นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย ยังกล่าวถึงโครงการรับจำนำข้าว ที่รัฐขอให้กกต.อนุมัติการกู้เงิน 1.3 แสนล้านว่า ในวันอังคารที่ 21 ม.ค. จะเชิญ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง มาให้ข้อมูลกกต. กรณีที่จะขยายกรอบเงินกู้ 1.3 แสนล้านบาทไปช่วยชาวนา เรื่องเหล่านี้กระทบทุกฝ่าย ตนยังนึกใจว่า ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ไม่มาเจอ กกต.อีก ในวันที่ 21 ม.ค. ที่จะมีการชี้แจงเรื่องข้าว กกต.อาจจะขอให้นายกฯ มาเป็นผู้ชี้แจงเองดีหรือไม่จะได้เจอนายกฯ เสียที
** หลัง 2 ก.พ.มีฟ้องเลือกตั้งโมฆะ
นายสมชัย กล่าวอีกว่า หากมีการเลือกตั้งแล้วมีการฟ้องให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ เพราะหลังวันที่ 2 ก.พ. ซึ่งจะต้องมีการเลือกตั้งในอีก 28 เขต ทั้งที่กฎหมายระบุว่า การเลือกตั้งจะเป็นวันเดียวกันพร้อมกันทั่วราชอาณาจักร ที่มีการหาเสียงเลือกตั้ง ค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งทุกอย่างจบ เมื่อเห็นโจทย์แบบนี้ จึงต้องการคุยกับรัฐบาล ถ้าท่านคิดว่าเดินหน้า เราจัดการเลือกตั้งให้ได้ ถ้าเกิดเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นรัฐบาลไม่สามารถโทษเราได้ ตรงนี้เป็นความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นไปจนถึงพ.ค.
ดังนั้นเมื่อเห็นเส้นทางว่าเสี่ยงจะต้องถูกฟ้องให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ เสี่ยงจะต้องจัดการเลือกตั้งซ้ำ เสี่ยงไม่มีประชาธิปไตยไปอีกสักระยะ ตอนนี้เสี่ยงทุกวัน ตื่นมาตอนเช้าทุกวัน ตนนั่งเช็กข่าวรัฐประหาร ความเสี่ยงทั้งหมดคือ ความเสี่ยงที่ลดให้น้อยลงได้ ถ้าคิดใหม่ ไหนๆไปจนถึง พ.ค. จะเป็นอย่างนั้นแล้ว ทุกพรรคทำสัตยาบัน ลงเลือกตั้งทั้งหมด ให้ธงการเลือกตั้งพ.ค.เป็นทางออกสังคม หลังจากนั้นใครชนะเลือกตั้ง ต้องยอมรับ หรือมีข้อตกลงจะปฏิรูปกี่วัน กี่เดือน กปปส. หรือ นปช. เชื่อว่าเขามีเหตุผลระดับหนึ่งที่ยอมรับข้อเสนอที่ดีต่อสังคมได้
นายสมชัย ยังกล่าวด้วยว่า กกต.ยังไม่ได้รับการตอบรับจากนายกฯ ในการเข้าหารือกับ กกต.ในการแก้ไขปัญหาการเลือกตั้ง ดังนั้นจะส่งหนังสือเชิญไปเรื่อยๆ จนกว่านายกฯจะตอบรับ หากไม่สะดวกจะเปลี่ยนโรงแรมไปเรื่อย ๆ จนกว่านายกฯจะสะดวก หรือที่สุดท้ายอาจจะเป็นที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์
**ทำหนังสือเชิญนายกฯหารือวันนี้
ต่อมานายสมชัย ให้สัมภาษณ์ว่า วานนี้ (16ม.ค.) ได้ทำหนังสือไปยังนายกรัฐมนตรี ขอให้มาหารือกับกกต.ในวันที่ 17ม.ค. เวลา 10.00 น. ที่หอประชุมกองทัพเรือ หากไม่สะดวก ขอให้แจ้งกลับมาเพื่อนัดหมายในวันจันทร์ และ วันอังคาร ต่อไป แต่ทั้งนี้ถ้านายกฯจะมอบหมายให้บุคคลอื่นมาหารือแทน ต้องเป็นบุคคลที่มีอำนาจตัดสินใจ ไม่เช่นนั้น กกต. ขอสงวนสิทธิไม่เจรจาด้วย ทั้งนี้ประเด็นที่จะหารือกับนายกฯ เป็นประเด็นข้อกฎหมายสำคัญอย่างน้อย 3 เรื่อง ซึ่งจะขอเปิดเผยเมื่อได้หารือกับนายกฯแล้ว และการหารือ ก็อยากให้นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ได้มาร่วมหารือด้วย
นายสมชัย ยังกล่าวด้วยว่าการขอพบนายกฯ เป็นความเห็นร่วมกันของกกต.ทั้ง 5 คน ไม่ใช่ของตนเพียงคนเดียว โดยกกต.ทำงานและตัดสินใจร่วมกัน ซึ่งการที่นายกฯหลบหน้า ไม่ยอมคุย แล้วใช้วิธีให้สัมภาษณ์สื่อ ไม่เกิดประโยชน์กับสังคม ประเทศชาติไม่ใช่ของเล่น ต้องช่วยกันดูแลให้เกิดความสงบสุข และรัฐบาลต้องให้เกียรติประธานกกต. ในฐานะเป็นผู้ร่วมรักษาการตาม พ.ร.ฎ.ยุบสภา ติดขัดอะไรก็ควรได้มาคุยกัน
** "ปุ้ม"อัด"สมชัย"จ้อความเห็นส่วนตัว
นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี กกต. ส่งหนังสือเชิญให้นายกรัฐมนตรีไปพบว่า เอาให้ชัดก่อนว่าจริงแล้ว นายสมชัย ติดต่อมา หรือว่า กกต.ทั้ง 5 คน ติดต่อมาขอพบนายกรัฐมนตรี ซึ่งวานนี้ (16ม.ค.) นายกฯมีภารกิจตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะในช่วงบ่าย มีการประชุมปฏิรูปเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชน ดังนั้นจึงไม่มีกำหนดการพบ กกต.และ นายกฯได้มอบหมายให้ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกฯ เป็นผู้ประสานงานกับ กกต.เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า สิ่งที่ปรากฏหน้าสื่อ เพราะเวลานี้เห็นแต่นายสมชัย ออกมาพูด จึงไม่แน่ใจว่า สิ่งที่นายสมชัย ออกมาพูดเป็นข้อคิดเห็นความรู้สึกตนเอง หรือพูดในนามมติกกต. และหากจะพบกันจริงๆ ต้องเป็นการพบกันระหว่าง นายกฯ กับ ประธานกกต. หรือ กกต.ทั้ง 5 คน เป็นฝ่ายต้องมาพบนายกฯ
"ขอให้นายสมชัย นึกถึงตัวเองดีๆว่าไม่ได้อยู่ในตำแหน่งในมูลนิธิองค์กรกลางอีกต่อไปแล้ว ไม่ใช่นักการเมืองด้วย วันนี้เป็นหนึ่งในกกต. ให้หารือกับกกต.ให้ดีก่อน คนอื่นที่เขาทำตามกติกา จะได้ทำถูก มีพรรคการเมืองอีก 50 กว่าพรรค นายสมชัย ต้องดูแลพรรคการเมืองให้เท่าเทียมกัน" นายสุรนันทน์ กล่าว
**ยันไม่ได้รับหนังสือเชิญจากกกต.
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่ กกต.ระบุว่า พยายามติดต่อคนในรัฐบาลหลายคน แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ว่า ต้องถามว่า กกต.คนที่ติดต่อ หมายถึงใคร เพราะกกต.มี 5 คน ขณะนี้ที่ กกต.บางคนได้แดสงความคิดเห็นมา รัฐบาลไม่ค่อยแน่ใจว่าเป็นความเห็นของกกต.ทั้งหมดหรือไม่ แต่ที่ผ่านมารัฐบาลติดต่อกับประธานกกต. มาตลอด เพราะคิดว่าน่าจะเป็นการติดต่อที่เป็นข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด
เมื่อถามว่า ขณะนี้กกต.และรัฐบาลกำลังเล่นแง่กันอยู่ นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่ได้เล่นแง่ และรัฐบาลได้ทำหนังสือเชิญกกต.แล้ว แต่กกต.ไม่ได้มาร่วม ถามอีกว่า ถ้าเดินหน้าที่จะเลือกตั้งล่วงหน้าไปแล้ว จะถือว่าการเลือกตั้งสมบูรณ์หรือไม่ นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ขณะนี้ใกล้ถึงวันเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. แล้ว ซึ่งแนวทางการแก้ไขปัญหา กฎหมายก็ได้กำหนดไว้หมดแล้ว ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของกกต. ที่จะดำเนินการ และรัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุนทุกอย่าง ทั้งบุคคลากร และสถานที่ ส่วนความมั่นใจว่า กกต.จะสามารถจัดการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.นั้น คงต้องถามกกต.ว่า จะทำหน้าที่นี้ได้หรือไม่
เมื่อถามว่า รัฐบาลเดินหน้าที่จัดการเลือกตั้ง หากเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุรุนแรงขึ้น ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ รองนายกฯกล่าวว่า การจัดการเลือกตั้งเป็นหน้าที่ กกต. ถ้ามีคนพยายามที่ขัดขวาง ทำให้เกิดปัญหา รัฐบาลได้พยายามอย่างเต็มที่ และคิดว่า กกต.คงจะมีความพยายามอย่างเต็มที่ ในการแก้ปัญหาเช่นกัน และถ้ากกต.ได้ทำเต็มที่แล้ว ก็ถือว่าไม่ใช่ความผิดกกต. แต่เป็นความผิดของผู้ก่อเหตุ มากกว่า
แหล่งข่าวจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่าในสัปดาห์หน้ากระทรวงมหาดไทย ได้เรียกประชุมผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอทั่วประเทศ โดยเชิญผู้บริหาร กกต. ระดับรองเลขาธิการไปร่วมชี้แจงขั้นตอนการจัดการเลือกตั้ง เพื่อประสานความร่วมมือ โดยมีเป้าหมายหลักคือการสนับสนุนการจัดการเลือกตั้งในส่วนที่ กกต. ยังประสบปัญหาอยู่ คือเรื่องขาดกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง( กปน.) และสถานที่ตั้งหน่วยเลือกตั้ง
** ผู้สมัครพท.แจ้งเอาผิด 5 กกต.
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก สน.ทุ่งสองห้อง ว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (16 ม.ค.) นายทนายเสือธนพล สุขปาน ว่าที่ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 พรรคเพื่อไทย พร้อมพรรคพวก เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ กกต.ทั้ง 5 คน ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 รวมทั้งการกระทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 235 และ 236 ประกอบกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง มาตรา 10 และกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่งส.ว.มาตรา 7, 20 และ มาตรา 37
**ชวนนท์ย้อน"แดง"แปลง"ขาว"
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กระบวนการแดงแปลงเป็นขาว ใช้คำว่า "Respect My Vote"รณรงค์โจมตีผู้ที่เรียกร้องให้มีการปฏิรูปก่อนเลือกตั้้ง ว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมากว่า ผู้ที่ไม่เคารพเสียงประชาชน คือ รัฐบาลเพื่อไทย นำเสียงประชาชนไปบิดเบือน ออกกฎหมายล้างผิด แก้รัฐธรรมนูญ ทำตัวเหนือกฎหมาย จนมีหลายกระแสอยากให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ “Respect My Vote no” หรือ No Vote ด้วยเพราะเป็นสิทธิของประชาชน แต่ละคน แต่คนที่ไม่เคารพสิทธิของคนอื่น คือรัฐบาลที่ส่งลูกสมุนไปคุกคามผู้เห็นต่างไม่เว้นแต่ละวัน โดยล่าสุดมีการปาระเบิดใส่บ้านพักของ นายอิสสระ สมชัย แกนนำกปปส. และพื้นที่ชุมนุมบริเวณห้าแยกลาดพร้าว รวมถึงที่อโศกด้วย ดังนั้นหากต้องการให้คนอื่นเคารพสิทธิของตัวเองนายกฯต้องรูจักที่จะเคารพสิทธิของผู้อื่นก่อนเป็นอันดับแรก
วานนี้ ( 16 ม.ค.) ที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวในการอภิปรายเรื่อง “การเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 กับการปฏิรูปการเมืองไทย”ตอนหนึ่งว่า การจัดการเลือกตั้งครั้งที่ยากที่สุดนับตั้งแต่มีการเลือกตั้งมา เนื่องจากกกต.มีจำนวน 4 ชุดแต่ไม่มีชุดใดโดนแจ๊กพ็อตเท่า กกต.ชุดนี้ เพราะเข้ามาทำงานเพียงหนึ่งเดือนดูเหมือนว่าแต่ละวันช่างยาวนาน ยอมรับเลยว่าเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยมีความสุขมาก มีความสบายใจกว่า
** ชี้เลือกตั้งต่อไปตายแน่
สำหรับสถานการณ์การเมืองขณะนี้ มองว่าไม่ปกติ หลายคนสงสัยว่า กกต.มีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง แต่ทำไมไม่เดินหน้าจัดการเลือกตั้ง กลับมาทำหน้าที่เป็นตัวกลาง ต้องชี้แจงว่า ถ้าจัดการเลือกตั้งในสภาวะการณ์ปกติมันไม่ใช่เรื่องยาก แต่เราเห็นถึงนรก เห็นถึงสภาพการณ์ที่อยู่ข้างหน้าว่าอะไรจะเกิดขึ้น
กกต.ไม่อยากเห็นฟืนเข้าไปในกองไฟ อะไรก็ตามที่สามารถดึงฟืนออกจากไฟได้ เราพร้อมที่จะทำ แต่ขณะนี้เป็นการจัดการเลือกตั้งภายใต้ความขัดแย้งของคนจำนวนมหึมา คนกลุ่มใหญ่ซึ่งไม่เห็นด้วยกับการให้มีการเลือกตั้ง ดังนั้นอารมณ์ของคนที่พร้อมทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะถูกหรือผิดกฎหมาย ก็มักจะเกิดขึ้นได้เสมอ
บรรยากาศการหาเสียงขณะนี้ไม่คึกคัก ยังไม่เกิดปรากฏการณ์อะไรมากมาย ยังไม่มีพวกซื้อสิทธิขายเสียง หรือจ่ายเงินเลย อาจเป็นเพราะกลัวจ่ายเงินแล้วไม่มีเลือกตั้ง แต่ถ้ามีการหาเสียงอย่างจริงจัง ก็จะเกิดกระบวนการคัดค้าน นกหวีดเป่า ตีนตบ มือตบ แน่นอน หากยังดันทุรังเดินหน้าเลือกตั้งโดยไม่หาคิดวิธีป้องกันแก้ไข ไปตายเอาดาบหน้า มันตายจริง
การจัดการเลือกตั้งจะถูกขัดขวาง หน่วยเลือกตั้ง สถานที่เลือกตั้งจะถูกปิดล้อม หีบบัตรต้องหาย บัตรต้องถูกฉีก เรื่องที่เกิดขึ้นกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวได้แน่นอน หากฉีกบัตรเลือกตั้ง 5,000 คน จะจับหรือไม่ ถ้าไม่จับตอนบ่าย จะฉีกเป็นแสน ฉีกเสร็จถ่ายลงเฟซบุ๊ก
ส่วนการนับคะแนนถ้านับไม่ได้ ตนไม่อยากพูด ถ้าพูดไปแล้วรัฐบาลจะหนาว เพราะหากคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ไม่สามารถนับได้แม้แต่หน่วยเดียวเท่านั้นในประเทศไทย บล็อกแค่หน่วยเดียว ทราบหรือไม่ว่า คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ประกาศไม่ได้ ส.ส. 125 คน ไม่สามารถประกาศรายชื่อได้ 28 เขตเลือกตั้งที่ไม่สามารรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตได้กลายเป็นเรื่องเล็กไปเลย
“นอกจาก 28 เขตเลือกตั้งแล้ว ยังมี 22 เขต ที่มีผู้สมัครเพียงรายเดียว ที่ต้องได้คะแนนเสียงเกิน 20 % และต้องได้คะแนนมากกว่าโนโหวต ดังนั้นสภาฯ ยังจะเปิดไม่ได้จนกว่าจะได้ส.ส.เกิน 95% ถ้าเดินหน้าต่อไปกว่าจะเปิดสภาฯ ตั้งรัฐบาลได้ เชื่อว่าพ.ค.รัฐบาลยังต้องรักษาการต่อไป บรรยากาศจากนี้ยังเป็นความขัดแย้ง เป็นไฟ และมีโอกาสพัฒนากลายเป็นความรุนแรงได้ตลอดเวลา ดังนั้นคิดใหม่ กำหนดวันเลือกตั้งในเดือนพ.ค. ทุกพรรคมีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้ง และต้องลงสัตยาบันร่วมกัน ส่วนกลุ่มที่ขัดแย้งต้องมาพูดคุยกัน สิ่งที่เรียกร้องคือ การปฏิรูป ตัว ป. ต้องเล็กลงหน่อย แล้วทุกคนเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง นี่คือสันติภาพ แต่รัฐบาลเลือกสงคราม”นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย กล่าวด้วยว่า ตอนนี้เราอยู่ภายใต้ภาวะที่นักวิชาการที่ไม่กล้าพูดอะไร พอเข้าทางก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายนั้น ฝ่ายนี้ เมื่อถูกตอบโต้กลับมาเกินกว่านักวิชาการคนหนึ่งจะรับได้ ตนไม่ใช่นักวิชาการ จึงไม่สนใจ ตนคิดว่า กปปส. เป็นกลุ่มคนที่ปรารถนาจะเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น และหมดความศรัทธาต่อระบบการเมืองปัจจุบัน หมดความไว้วางใจต่อนักการเมืองเกือบทุกคน กระบวนการคิดอาจจะเร็ว นอกกรอบ รูปแบบสภาประชาชน อาจจะดูดีในแนวคิดเขา แต่ 100 คนมาจาก กปปส. สรรหาคัดเลือกเอง อีก 300 คนมาจากสภาวิชาชีพ ไม่น่าจะยอมรับได้ในสังคมระบอบประชาธิปไตย
**รัฐบาลผลักประชาชนลงถนน
นายสมชัย กล่าวว่า ประชาชน คือพลังสำคัญที่สุด ถ้าประชาชนนิ่งเฉย จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นประชาชนต้องตื่นตัว สร้างกระแส แต่ต้องมีขอบเขต หลายอย่างที่เกินเลยขอบเขต ตนไม่เห็นด้วย ตนคิดว่ารัฐบาลต้องไม่ผลักประชาชนลงถนน ถ้ามีข้อเรียกร้องที่ไม่เห็นด้วย ควรรับไปปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ถ้าประชาชนลงถนนแล้วไม่สำเร็จ อย่าผลักให้ประชาชนทำผิดกฎหมายอีก วันนี้ท่านมีโอกาสทำให้ไม่เกิดความรุนแรงในสังคม ทำซะ ”นายสมชัย กล่าว
นอกจากนี้เห็นว่า สังคมไทยขาดความเป็นสุภาพชน คือ ความเห็นทางการเมืองแตกต่างได้ แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ถ้อยคำรุนแรง กล่าวหากัน ด่าทอกัน เมื่อใดก็ตามที่ใช้ถ้อยคำรุนแรง สังคมดำดิ่ง ไร้อารยะธรรม เราต้องการวัฒนธรรมทางการเมืองที่ดี เถียงกันได้ แต่ทำไมใช้ถ้อยคำแบบนี้ น่าเสียใจ สังคมไทยเป็นแบบนี้มากขึ้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้น่าเสียดาย พอขาดการส่งเสริมความคิดในเชิงบวก ขาดการรับฟังความเห็นคนอื่น ความขัดแย้งจะขยายตัวรุนแรงมากขึ้น เพื่อนกับเพื่อนไม่คุยกัน สามีภรรยาแยกกันกี่คู่ พี่น้องคิดไม่เหมือนกับเกือบจะไม่คบกัน เราต้องการภาพสังคมไทยแบบนี้หรือ นี่คือสิ่งที่เป็นอันตราย ถ้าสังคมอยู่ด้วยความรุนแรง เกลียดชัง สงบยาก
“ผมตอบโจทย์ว่า ทำไมไม่ลาออก คนที่ยุผมทั้งหลาย ขอเรียนว่าการลาออกเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ไม่ใช่สิทธิทั้งหมด การใช้สิทธิส่วนบุคคลไม่ใช่การลาออกอย่างเดียว เมื่อใดคนอยากให้ผมลาออกเยอะๆ เช่น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง บอกให้ผมลาออก ผมไม่ออก ถามว่าการลาออกของกกต.จะเกิดผลอย่างไร ให้กลับไปคิดให้ดี รัฐบาลรักษาการไม่สามารถแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงได้ การใช้งบกลางอนุมัติไม่ได้ การทำสัญญาที่มีผลผูกพันรัฐบาลชุดต่อไปทำไม่ได้ และการใช้งบประมาณแผ่นดินถ้ากระทบต่อการเลือกตั้ง ใช้ไม่ได้ คิดใหม่ ไม่ได้ขู่ อย่างกรณีน้ำมันดีเซล รัฐบาลต้องขอกกต.ในการลดภาษี ถ้าขอไม่ทัน กกต.ป่วยไม่สบาย กกต.ช้ำใจโดนวิจารณ์เยอะ กกต.งอน 1 ก.พ. น้ำมันดีเซลขึ้นไป 41 บาทไม่ฉิบหายทั้งประเทศหรือครับ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่การมาพูดโจมตีกระแนะกระแหนกัน ดังนั้นที่บอกว่าให้ลาออก ไปคิดใหม่” นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย ยังกล่าวถึงโครงการรับจำนำข้าว ที่รัฐขอให้กกต.อนุมัติการกู้เงิน 1.3 แสนล้านว่า ในวันอังคารที่ 21 ม.ค. จะเชิญ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง มาให้ข้อมูลกกต. กรณีที่จะขยายกรอบเงินกู้ 1.3 แสนล้านบาทไปช่วยชาวนา เรื่องเหล่านี้กระทบทุกฝ่าย ตนยังนึกใจว่า ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ไม่มาเจอ กกต.อีก ในวันที่ 21 ม.ค. ที่จะมีการชี้แจงเรื่องข้าว กกต.อาจจะขอให้นายกฯ มาเป็นผู้ชี้แจงเองดีหรือไม่จะได้เจอนายกฯ เสียที
** หลัง 2 ก.พ.มีฟ้องเลือกตั้งโมฆะ
นายสมชัย กล่าวอีกว่า หากมีการเลือกตั้งแล้วมีการฟ้องให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ เพราะหลังวันที่ 2 ก.พ. ซึ่งจะต้องมีการเลือกตั้งในอีก 28 เขต ทั้งที่กฎหมายระบุว่า การเลือกตั้งจะเป็นวันเดียวกันพร้อมกันทั่วราชอาณาจักร ที่มีการหาเสียงเลือกตั้ง ค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งทุกอย่างจบ เมื่อเห็นโจทย์แบบนี้ จึงต้องการคุยกับรัฐบาล ถ้าท่านคิดว่าเดินหน้า เราจัดการเลือกตั้งให้ได้ ถ้าเกิดเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นรัฐบาลไม่สามารถโทษเราได้ ตรงนี้เป็นความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นไปจนถึงพ.ค.
ดังนั้นเมื่อเห็นเส้นทางว่าเสี่ยงจะต้องถูกฟ้องให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ เสี่ยงจะต้องจัดการเลือกตั้งซ้ำ เสี่ยงไม่มีประชาธิปไตยไปอีกสักระยะ ตอนนี้เสี่ยงทุกวัน ตื่นมาตอนเช้าทุกวัน ตนนั่งเช็กข่าวรัฐประหาร ความเสี่ยงทั้งหมดคือ ความเสี่ยงที่ลดให้น้อยลงได้ ถ้าคิดใหม่ ไหนๆไปจนถึง พ.ค. จะเป็นอย่างนั้นแล้ว ทุกพรรคทำสัตยาบัน ลงเลือกตั้งทั้งหมด ให้ธงการเลือกตั้งพ.ค.เป็นทางออกสังคม หลังจากนั้นใครชนะเลือกตั้ง ต้องยอมรับ หรือมีข้อตกลงจะปฏิรูปกี่วัน กี่เดือน กปปส. หรือ นปช. เชื่อว่าเขามีเหตุผลระดับหนึ่งที่ยอมรับข้อเสนอที่ดีต่อสังคมได้
นายสมชัย ยังกล่าวด้วยว่า กกต.ยังไม่ได้รับการตอบรับจากนายกฯ ในการเข้าหารือกับ กกต.ในการแก้ไขปัญหาการเลือกตั้ง ดังนั้นจะส่งหนังสือเชิญไปเรื่อยๆ จนกว่านายกฯจะตอบรับ หากไม่สะดวกจะเปลี่ยนโรงแรมไปเรื่อย ๆ จนกว่านายกฯจะสะดวก หรือที่สุดท้ายอาจจะเป็นที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์
**ทำหนังสือเชิญนายกฯหารือวันนี้
ต่อมานายสมชัย ให้สัมภาษณ์ว่า วานนี้ (16ม.ค.) ได้ทำหนังสือไปยังนายกรัฐมนตรี ขอให้มาหารือกับกกต.ในวันที่ 17ม.ค. เวลา 10.00 น. ที่หอประชุมกองทัพเรือ หากไม่สะดวก ขอให้แจ้งกลับมาเพื่อนัดหมายในวันจันทร์ และ วันอังคาร ต่อไป แต่ทั้งนี้ถ้านายกฯจะมอบหมายให้บุคคลอื่นมาหารือแทน ต้องเป็นบุคคลที่มีอำนาจตัดสินใจ ไม่เช่นนั้น กกต. ขอสงวนสิทธิไม่เจรจาด้วย ทั้งนี้ประเด็นที่จะหารือกับนายกฯ เป็นประเด็นข้อกฎหมายสำคัญอย่างน้อย 3 เรื่อง ซึ่งจะขอเปิดเผยเมื่อได้หารือกับนายกฯแล้ว และการหารือ ก็อยากให้นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ได้มาร่วมหารือด้วย
นายสมชัย ยังกล่าวด้วยว่าการขอพบนายกฯ เป็นความเห็นร่วมกันของกกต.ทั้ง 5 คน ไม่ใช่ของตนเพียงคนเดียว โดยกกต.ทำงานและตัดสินใจร่วมกัน ซึ่งการที่นายกฯหลบหน้า ไม่ยอมคุย แล้วใช้วิธีให้สัมภาษณ์สื่อ ไม่เกิดประโยชน์กับสังคม ประเทศชาติไม่ใช่ของเล่น ต้องช่วยกันดูแลให้เกิดความสงบสุข และรัฐบาลต้องให้เกียรติประธานกกต. ในฐานะเป็นผู้ร่วมรักษาการตาม พ.ร.ฎ.ยุบสภา ติดขัดอะไรก็ควรได้มาคุยกัน
** "ปุ้ม"อัด"สมชัย"จ้อความเห็นส่วนตัว
นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี กกต. ส่งหนังสือเชิญให้นายกรัฐมนตรีไปพบว่า เอาให้ชัดก่อนว่าจริงแล้ว นายสมชัย ติดต่อมา หรือว่า กกต.ทั้ง 5 คน ติดต่อมาขอพบนายกรัฐมนตรี ซึ่งวานนี้ (16ม.ค.) นายกฯมีภารกิจตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะในช่วงบ่าย มีการประชุมปฏิรูปเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชน ดังนั้นจึงไม่มีกำหนดการพบ กกต.และ นายกฯได้มอบหมายให้ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกฯ เป็นผู้ประสานงานกับ กกต.เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า สิ่งที่ปรากฏหน้าสื่อ เพราะเวลานี้เห็นแต่นายสมชัย ออกมาพูด จึงไม่แน่ใจว่า สิ่งที่นายสมชัย ออกมาพูดเป็นข้อคิดเห็นความรู้สึกตนเอง หรือพูดในนามมติกกต. และหากจะพบกันจริงๆ ต้องเป็นการพบกันระหว่าง นายกฯ กับ ประธานกกต. หรือ กกต.ทั้ง 5 คน เป็นฝ่ายต้องมาพบนายกฯ
"ขอให้นายสมชัย นึกถึงตัวเองดีๆว่าไม่ได้อยู่ในตำแหน่งในมูลนิธิองค์กรกลางอีกต่อไปแล้ว ไม่ใช่นักการเมืองด้วย วันนี้เป็นหนึ่งในกกต. ให้หารือกับกกต.ให้ดีก่อน คนอื่นที่เขาทำตามกติกา จะได้ทำถูก มีพรรคการเมืองอีก 50 กว่าพรรค นายสมชัย ต้องดูแลพรรคการเมืองให้เท่าเทียมกัน" นายสุรนันทน์ กล่าว
**ยันไม่ได้รับหนังสือเชิญจากกกต.
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่ กกต.ระบุว่า พยายามติดต่อคนในรัฐบาลหลายคน แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ว่า ต้องถามว่า กกต.คนที่ติดต่อ หมายถึงใคร เพราะกกต.มี 5 คน ขณะนี้ที่ กกต.บางคนได้แดสงความคิดเห็นมา รัฐบาลไม่ค่อยแน่ใจว่าเป็นความเห็นของกกต.ทั้งหมดหรือไม่ แต่ที่ผ่านมารัฐบาลติดต่อกับประธานกกต. มาตลอด เพราะคิดว่าน่าจะเป็นการติดต่อที่เป็นข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด
เมื่อถามว่า ขณะนี้กกต.และรัฐบาลกำลังเล่นแง่กันอยู่ นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่ได้เล่นแง่ และรัฐบาลได้ทำหนังสือเชิญกกต.แล้ว แต่กกต.ไม่ได้มาร่วม ถามอีกว่า ถ้าเดินหน้าที่จะเลือกตั้งล่วงหน้าไปแล้ว จะถือว่าการเลือกตั้งสมบูรณ์หรือไม่ นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ขณะนี้ใกล้ถึงวันเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. แล้ว ซึ่งแนวทางการแก้ไขปัญหา กฎหมายก็ได้กำหนดไว้หมดแล้ว ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของกกต. ที่จะดำเนินการ และรัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุนทุกอย่าง ทั้งบุคคลากร และสถานที่ ส่วนความมั่นใจว่า กกต.จะสามารถจัดการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.นั้น คงต้องถามกกต.ว่า จะทำหน้าที่นี้ได้หรือไม่
เมื่อถามว่า รัฐบาลเดินหน้าที่จัดการเลือกตั้ง หากเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุรุนแรงขึ้น ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ รองนายกฯกล่าวว่า การจัดการเลือกตั้งเป็นหน้าที่ กกต. ถ้ามีคนพยายามที่ขัดขวาง ทำให้เกิดปัญหา รัฐบาลได้พยายามอย่างเต็มที่ และคิดว่า กกต.คงจะมีความพยายามอย่างเต็มที่ ในการแก้ปัญหาเช่นกัน และถ้ากกต.ได้ทำเต็มที่แล้ว ก็ถือว่าไม่ใช่ความผิดกกต. แต่เป็นความผิดของผู้ก่อเหตุ มากกว่า
แหล่งข่าวจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่าในสัปดาห์หน้ากระทรวงมหาดไทย ได้เรียกประชุมผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอทั่วประเทศ โดยเชิญผู้บริหาร กกต. ระดับรองเลขาธิการไปร่วมชี้แจงขั้นตอนการจัดการเลือกตั้ง เพื่อประสานความร่วมมือ โดยมีเป้าหมายหลักคือการสนับสนุนการจัดการเลือกตั้งในส่วนที่ กกต. ยังประสบปัญหาอยู่ คือเรื่องขาดกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง( กปน.) และสถานที่ตั้งหน่วยเลือกตั้ง
** ผู้สมัครพท.แจ้งเอาผิด 5 กกต.
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก สน.ทุ่งสองห้อง ว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (16 ม.ค.) นายทนายเสือธนพล สุขปาน ว่าที่ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 พรรคเพื่อไทย พร้อมพรรคพวก เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ กกต.ทั้ง 5 คน ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 รวมทั้งการกระทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 235 และ 236 ประกอบกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง มาตรา 10 และกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่งส.ว.มาตรา 7, 20 และ มาตรา 37
**ชวนนท์ย้อน"แดง"แปลง"ขาว"
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กระบวนการแดงแปลงเป็นขาว ใช้คำว่า "Respect My Vote"รณรงค์โจมตีผู้ที่เรียกร้องให้มีการปฏิรูปก่อนเลือกตั้้ง ว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมากว่า ผู้ที่ไม่เคารพเสียงประชาชน คือ รัฐบาลเพื่อไทย นำเสียงประชาชนไปบิดเบือน ออกกฎหมายล้างผิด แก้รัฐธรรมนูญ ทำตัวเหนือกฎหมาย จนมีหลายกระแสอยากให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ “Respect My Vote no” หรือ No Vote ด้วยเพราะเป็นสิทธิของประชาชน แต่ละคน แต่คนที่ไม่เคารพสิทธิของคนอื่น คือรัฐบาลที่ส่งลูกสมุนไปคุกคามผู้เห็นต่างไม่เว้นแต่ละวัน โดยล่าสุดมีการปาระเบิดใส่บ้านพักของ นายอิสสระ สมชัย แกนนำกปปส. และพื้นที่ชุมนุมบริเวณห้าแยกลาดพร้าว รวมถึงที่อโศกด้วย ดังนั้นหากต้องการให้คนอื่นเคารพสิทธิของตัวเองนายกฯต้องรูจักที่จะเคารพสิทธิของผู้อื่นก่อนเป็นอันดับแรก