xs
xsm
sm
md
lg

โค่นเหตุแห่งอัปรีย์จัญไรสู่ชัยชนะของปวงชน กปปส. จะเอาไหม

เผยแพร่:   โดย: ดร.ป. เพชรอริยะ

เรามาบอกความจริงว่า การเมืองปัจจุบันมันเป็นความขัดแย้งของพวกลัทธิรัฐธรรมนูญสองฝ่าย (แนวคิดคณะราษฎร ฝ่ายนายปรีดี (พรรคเพื่อไทยและแนวร่วม) กับ ฝ่ายนายควง อภัยวงศ์ (พรรคประชาธิปัตย์และแนวร่วม)

หากฝ่ายใด ผู้ใดรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อย่างแท้จริง ไม่หลอกลวงประชาชน พ้นจากลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ ก็จะต้องเสนอ อธิบาย และยึดถือหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 หรือไม่ก็เสนอหลักการปกครองแบบประชาธิปไตย หากการนำใดๆ ไม่ทำเช่นนี้ล้วนโกหกประชาชนทั้งสิ้น ไม่ได้นำประชาชนไปโค่นระบอบเผด็จการเหตุแห่งอัปรีย์จัญไรของชาติและประชาชนที่แท้จริง แต่ต่างฝ่ายต่างคิดโค่นฝ่ายตรงข้ามหากโค่นลงได้ระบอบเผด็จการก็ยังคงเดิม หายนะมา 81 ปีแล้ว ฉุกคิดกันบ้างเถิด

โค่นระบอบทักษิณ แต่ไม่โค่นระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญอันเป็นเหตุของระบอบทักษิณและเผด็จการรัฐสภา ต่อไปก็จะกลายเป็นระบอบเผด็จการ....

หากกำนันสุเทพและพวกโค่นระบอบทักษิณสำเร็จ ระบอบเผด็จการก็ยังอยู่เหมือนเดิมและมีความเป็นเผด็จการมากยิ่งขึ้น เพราะอะไร ก็เพราะกำนันสุเทพ มีความมุ่งมาดปรารถนา กระเหี้ยนกระหือรือที่จะปฏิรูปประเทศเพียงอย่างเดียว และเป็นการคิดปฏิรูปการปกครองภายใต้ระบอบเผด็จการ มันก็ยิ่งเป็นเผด็จการมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น พรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย ยิ่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ยิ่งเป็นเผด็จการมากยิ่งขึ้น แต่ปากของพวกเขาพูดว่าเพื่อให้เป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น แต่แท้ที่จริง ยิ่งกระชับความเป็นเผด็จการมากยิ่งขึ้นอันใครๆ ก็ทราบดีในประเด็นนี้

สภาพการณ์ที่แท้จริงการวิเคราะห์สภาพการณ์ที่แท้จริงของประเทศ คือการพิจารณาทุกส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมด เป็นการมองภาพรวม จะเห็นได้ว่าประเทศไทยมีความแตกแยก ระส่ำระสาย ต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างคิดและขยายความขัดแย้งมากขึ้นๆ อันเกิดจากเหตุคือผู้ปกครองใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญปกครองแล้วบิดเบือน โฆษณาชวนเชื่อว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย

ลูกศิษย์ทำแบบสอบถาม ไปถามพวกนักการเมือง นักวิชาการ ทั้งสองฝ่าย ถามว่า 1)ระหว่างจุดหมายกับวิธีการ สิ่งไหนมาก่อน 2)ระบอบประชาธิปไตยกับรัฐธรรมนูญมันเป็นคนละสิ่งหรือสิ่งเดียวกัน

ท่านผู้อ่านทราบไหมว่า นักวิชาการระดับ ดร. ผศ. รศ. และระดับศาสตราจารย์ และพวกนักการเมือง (อดีต ส.ส. อดีตรัฐมนตรี) ล้วนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ข้อหนึ่ง เขาตอบว่า วิธีการต้องมาก่อน ข้อสองเขาตอบว่า รัฐธรรมนูญกับระบอบประชาธิปไตยเป็นสิ่งเดียวกัน

นี่คือความโง่ หรือเป็นเพราะอะไร จากนั้นศิษย์ของเราจึงได้ไปถามคนที่มาชุมนุมทั้งสองฝ่าย แต่คำตอบตรงกันข้ามประชาชนมาชุมนุมกลับตอบข้อหนึ่งว่า จุดหมายต้องมาก่อนวิธีการเสมอไป และข้อสองตอบว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญกับระบอบคนละส่วนกัน แต่เป็นเหตุเป็นผลกัน

สรุปได้ว่า นักการเมือง นักวิชาการทั้งสองฝ่าย ต่างก็เรียนตำราเดียวกัน ติดยึดอยู่ในวิชาการของลัทธิรัฐธรรมนูญที่คณะราษฎรรุ่นหลังๆ บิดเบือนได้ทำไว้ อย่างเช่น จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นต้น

ส่วนชาวบ้าน ไม่ติดยึดลัทธิหรืออ่านตำราใดๆ ทางการเมืองที่มีอยู่ในประเทศไทยและไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง คิดตามธรรมชาติในชีวิตประจำวัน ไม่ได้มีฐานความคิดทางตำราลัทธิรัฐธรรมนูญ ชาวบ้าน ประชาชนต้องการเพียงความเป็นธรรม ความเสมอภาคทางโอกาสเท่านั้น

ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญมีองค์ประกอบได้แก่

1) กฎหมายรัฐธรรมนูญ อันเป็นเครื่องมือหรือวิธีการปกครอง ดุจดังยานพาหนะ จึงไม่ใช่ระบอบหรือหลักการปกครองหรือจุดหมายของปวงชน การเอากฎหมายรัฐธรรมนูญมาเป็นระบอบประชาธิปไตย คือความเห็นผิดอย่างร้ายแรงต่อชาติ

2) มีรูปการปกครองคือระบบรัฐสภา (parliamentary System) คือรูปการปกครองชนิดหนึ่ง ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย

3)สภาล่างมี ส.ส. สภาบนมี ส.ว. การมี ส.ส. ส.ว. มาจากการเลือกตั้งก็ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย

4) สมาชิกรัฐสภามาด้วยวิธีการเลือกตั้งและสรรหา ทั้งการเลือกตั้งและสรรหา ก็เป็นเพียงวิธีการหนึ่งเพื่อคัดสรรคนเข้าสู่อำนาจการเมือง แต่พวกเขาหลงเข้าใจผิดว่า การเลือกตั้งคือระบอบประชาธิปไตย

5) องค์กรอื่นๆ อันเป็นผลพวงของระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ


พี่น้องทั้งหลาย ทั้ง 5 ข้อดังกล่าวนี้ พี่น้องทั้งหลาย มันเป็นเพียงรูปแบบและวิธีการปกครองเท่านั้น เท่าที่ได้ยินได้ฟังทั้งอดีตนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ และยิ่งลักษณ์ ต่างก็พูดว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นระบอบประชาธิปไตย ทั้งๆ มันเป็นเพียงเรื่องของระบบรัฐสภา ส่วนจะเป็นระบอบอะไรนั้น มันต้องดูที่หลักการปกครอง หากไม่มีหลักการปกครองโดยธรรมหรือหลักการปกครองแบบประชาธิปไตย มันก็เป็นเผด็จการ เป็นเผด็จการอย่างไรเล่า

1) เขาถือรัฐธรรมนูญเป็นใหญ่ แต่ไม่มีหลักการปกครองโดยธรรมหรือการเมืองของปวงชน พรรคการเมืองและรัฐบาลนั้นๆ กลายเป็นตัวระบอบหรือหลักการปกครอง ซึ่งเป็นความหายนะของชาติอันยาวนานที่สุดของชาติและประชาชน

2) เขาถือระบบรัฐสภา

3) เขาถือการเลือกตั้งและสรรหา ระบอบเป็นเช่นไร การเลือกตั้งก็เป็นเช่นนั้น เพราะว่า วิธีการย่อมรับใช้ระบอบหรือหลักการเสมอไป

สภาพความเป็นจริงเช่นนี้ จึงเรียกว่า ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภา นี่คือความจริงที่สุด หากว่า ทั้งกำนันสุเทพ และนายถาวร เสนเนียม ยังหลงกันว่าเป็นประชาธิปไตยมาแล้ว 81 ปี มันจะไม่สามารถแก้ไขเหตุวิกฤตชาติได้เลย และกลายเป็นการหลอกลวงประชาชนให้ลุกขึ้นไล่อีกฝ่ายหนึ่งไปให้พ้นๆ เพื่อความสะใจ แล้วระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญก็ยังคงอยู่เช่นเดิม ระบอบทักษิณก็ยังอยู่เช่นเดิม พิจารณาอย่างรอบคอบเถิด

เราขอยืนยันว่า 81 ปี ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภาโดยนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลและคณะเพียงหยิบมือเดียว จึงเรียกว่าระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ

เมื่อไม่มีหลักการปกครองโดยธรรมนั้นก็คือไม่มีการเมืองของปวงชนนักการเมือง รัฐบาลนั้นๆ ก็กลายเป็นเอกภาพหรือศูนย์กลางของกฎหมายรัฐธรรมนูญ มันจึงเป็นการเมืองของนักการเมืองและทุนข้ามชาติสนับสนุนผู้ได้ประโยชน์จากการร่วมกันปล้นชาติเพียงหยิบมือเดียว ที่พวกเขาใช้นโยบาย ผ่านกฎหมายรัฐธรรมนูญ ทั้งกดขี่ ขูดรีดประชาชน ทุกรัฐบาลล้วนเอาแต่กู้ๆๆๆๆ และปล้นๆๆๆๆๆ ชาติ เป็นเช่นนี้ทุกรัฐบาล ผลคือประชาชนจนๆๆๆๆๆ ประเทศชาติหายนะๆๆๆๆๆๆ


ผลร้ายทั้งปวงอันสืบเนื่องมาจากแนวคิดของคณะราษฎรที่เอากฎหมายรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นเพียงวิธีการปกครองเท่านั้น ซึ่งเรียกว่าพวกลัทธิรัฐธรรมนูญ ซึ่งลัทธิรัฐธรรมนูญเป็นลัทธิเผด็จการชนิดหนึ่งที่แยบยลที่สุด ร้ายกาจที่สุด ที่ยึดเอาวิธีการมาเป็นหลักการ หรือเอาผลมาเป็นเหตุ


ดังนั้นลัทธินี้ เป็นลัทธิของผู้ปกครองหรือนักการเมืองเพียงฝ่ายเดียว แต่ประชาชนจะไม่มีจุดหมายทางการเมืองหรือไม่มีระบอบโดยธรรมหรือหลักการปกครองโดยธรรม ประชาชนจึงตกเป็นทาสทางการเมืองของเหล่าพรรคการเมือง ที่เขาบังคับตามกฎหมายที่พวกเขาบัญญัติขึ้น

ดังนั้น ในภาพรวมประชาชนไม่มีเอกภาพ ศักยภาพของชาติตกต่ำ ประชาชนดุจดังลักษณะดอกพิกุลที่เรี่ยราด หรือดุจดังลักษณะไม้จิ้มฟันกล่องหนึ่งถูกโยนลงบนโต๊ะ ประชาชนแตกแยก ตกเป็นทาสทางความคิดตามลมปากนักการเมืองชั่วๆ หรืออ่อนประสบการณ์หรืออ่อนวุฒิภาวะหรือปัญญาอ่อน

เมื่อมีมวลมหาประชาชนออกมาต่อต้านเพราะทนต่อความอยุติธรรมไม่ได้ ความเป็นเอกภาพทางด้านการเมืองของมวลมหาประชาชนก็ยังไม่มี มีแต่เอกภาพของการนำชั่วคราวเท่านั้น ทำไม ดร.ป. พูดอย่างนี้ ทั้งนี้ก็เพราะผู้นำไม่เสนอหลักการปกครองโดยธรรมหรือหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ให้เป็นทั้งยุทธศาสตร์และยุทธวิธีในการต่อสู้ หรือเป็นทั้งจุดหมายและวิธีการในการต่อสู้

ผู้นำที่แท้จริงจะต้องแปลเจตนารมณ์ของประชาชนที่ต้องการความเป็นธรรม ความเสมอภาคทางโอกาสให้เป็นรูปธรรม ยึดถือได้ เข้าถึงได้ ใช้ได้ อันเป็นหลักการสำคัญในทางการเมืองของปวงชน เป็นเอกภาพของปวงชน เป็นจุดหมายของปวงชน เป็นหลักนิติธรรมของปวงชน ปวงชนแตกต่างหลากหลายต่างก็มีจุดหมาย เป้าหมาย ยุทธศาสตร์เดียวกันคือหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9

เปรียบเทียบนรก กับ สวรรค์ นิพพาน

ขอผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ด้วยปัญญาอย่างแท้จริงเพียงหนึ่งหมื่นคนก็จะมีศักยภาพเหนือกว่าคน 14 ล้านที่ดุจดังไม้จิ้มฟันกระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะ และจะทำให้ประชาชนพ้นจากทาสทางการเมือง

เมื่อระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญถูกโค่นลงอันเป็นเหตุของระบอบเผด็จการทักษิณ ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ ก็จะหายไปอย่างเป็นไปเอง “ยิงปืนนัดเดียว” เอาก็ชนะกันทั้งประเทศ กองทัพก็รับรอง ข้าราชการทุกหมู่เหล่าก็รับรอง เหลือแต่ กปปส.จะว่าไง ติดต่อผู้เขียน 081-457-0115

กำลังโหลดความคิดเห็น