ASTVผู้จัดการรายวัน - มวลชนปิดล้อมศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง จนทำให้ไม่สามารถรับสมัครส.ส.ปาร์ตีลิสต์ในวันที่สองได้ ก่อนจะถอยทัพในช่วงบ่าย คาดเพื่อเปิดทางให้ "พรรคเพื่อฟ้าดิน" ส่งผู้สมัคร หวังเป็นผู้มีส่วนได้เสีย แล้วใช้สิทธิยื่นล้มเลือกตั้งภายหลัง ด้าน กกต.ยันใช้ที่เดิมในการเปิดรับสมัคร พร้อมเตรียมหาที่สำรองไว้แล้ว ด้านเพื่อไทยปรับเกม หาช่องปฏิรูปฯ คู่ขนานกับการเลือกตั้ง "เติ้ง" ชูโมเดลสภาสนามม้าผ่าทางตัน
เมื่อวานนี้ (24 ธ.ค. ) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่บริเวณประตูด้านหน้าศูนย์เยาวชน กรุงเทพมหานคร ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ซึ่งเป็นสถานที่รับสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่ช่วงเช้า กลุ่มผู้ชุมนุมกปปส. ที่ยังคงปักหลักอยู่บริเวณด้านหน้าประตูทุกด้าน พร้อมทั้งปิดถนนตั้งแต่บริเวณ ถนนพระราม 9 ด้านข้างกระทรวงแรงงาน จนถึงถนนวิภาวดีรังสิต บริเวณฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลทหารผ่านศึก โดยนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ แกนนำผู้ชุมนุม กปปส. ได้ทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนว่า จะไม่เกิดเหตุการณ์ปิดล้อมจนทำให้มีสื่อมวลชนติดค้างอยู่ภายใน สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นฯ รวมทั้งการคุกคามการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนอีกต่อไป โดยผู้ชุมนุมจะไม่ได้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ กกต. นอกจากนี้ ยืนยันว่าพรรคการเมืองที่ไปแจ้งความว่าถูกขัดขวางการเข้าสมัครเลือกตั้ง ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ถือเป็นการแจ้งความเท็จ
ต่อมานายสมศักดิ์ สุริยมงคล รองเลขาธิการด้านงานบริหารเลือกตั้ง และ นายเมธา ศิลาพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารการเลือกตั้ง ได้เดินทางมาถึงสนามกีฬา ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง และได้มาพูดคุยเจรจา ขอเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในการเปิดรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ภายในอาคารกีฬาเวสน์ 2 กับ ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ร.ต.แซมดิน กล่าวว่า หาก กกต. เข้าไปในอาคาร อาจจะออกมาได้ยาก
อย่างไรก็ตาม ทีมงานของกกต. ได้ขอเข้าไปตรวจสอบอุปกรณ์การเลือกตั้ง ในเวลาประมาณ 10.00 น. ส่วนเรื่องการรับสมัคร ส.ส. นั้น กกต. ชุดใหญ่จะประชุมหารือแนวทางกันต่อไป ที่สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะอีกครั้ง ว่าจะตัดสินใจ ต้องย้ายสถานที่รับสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งทาง กกต. ยังสั่งให้เจ้าหน้าที่ไปแจ้งความที่ สน.ดินแดงไว้เป็นหลักฐานด้วย
** ยังไม่จับสลาก ไม่ย้ายที่รับสมัคร
ส่วนที่สำนักงานกกต. นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงว่า ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นมาได้มีบุคคลโทรศัพท์ไปที่สำนักงานของ 35 พรรคเมือง ที่แสดงความจำนงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ แจ้งว่า เวลา 14.00 น.(24ธ.ค.) จะมีการจับฉลากที่สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการฯ ตนขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง จะยังไม่มีการจับฉลากในวันดังกล่าว และยืนยันว่าสถานที่รับสมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ยังคงเป็นอาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนไทยญี่ปุ่นดินแดง เหมือนเดิม
เลขาธิการกกต. กล่าวด้วยว่า ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ทาง กกต.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ส่วนหน้าเข้าไปดูสถานที่รับสมัคร พบว่า มีการใช้เต้นท์ มีบุคคล ปิดประตู 1-5 ทุกประตู จากนั้นในเวลา 08.30 น. เจ้าหน้าที่ กกต.ได้ไปที่ประตู 3 เพื่อเจรจาขอเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ แต่ปรากฏว่ากลุ่มและแกนนำผู้ชุมนุมไม่อนุญาตให้เข้า และแจ้งว่าถ้าแอบเข้าไป ก็ออกไม่ได้ ทาง ผอ.สำนักสนับสนุนการเลือกตั้ง ประเมินสถานการณ์แล้ว ก็กลับมาที่สำนักงาน กกต. เมื่อไม่ให้เข้าตนก็ให้เจ้าหน้าที่ กกต.ทั้งหมดกลับ และได้ไปลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สน.ดินแดง ว่าเวลา 08.30 น.ได้เดินทางไปแล้วแต่ไม่สามารถปฏิบัติงานได้ ทั้งนี้จะพิจารณาสถานการณ์ทุกชั่วโมง
ส่วนการจับสลากหมายเลขประจำพรรค กกต.ต้องดำเนินการให้เสร็จภายในวันที่ 27 ธ.ค.นี้ โดยกกต.จับเองไม่ได้ ต้องเชิญหัวหน้าพรรคการเมืองมาจับสลากต่อหน้าสื่อมวลชนเป็นสักขีพยาน ถ้าจับสลากไม่ได้ กกต.ต้องพิจารณาว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป เรามีแนวทางอยู่แล้ว แต่คงไม่สามารถพูดไปก่อนได้ เพราะยังไม่เกิด ซึ่งก็อาจจะมีการพิจารณาเลื่อนวันสมัครก็ได้ แต่ทั้งนี้ ก็จะกระทบกับการสมัครในระบบบัญชีรายชี่อ การตรวจสอบสิทธิการเป็นผู้สมัคร การแจ้งเจ้าบ้าน ซึ่งกรณีเหล่านี้ กกต.คงได้มีการหารือกัน เมื่อถึงเวลาแล้วปัญหาเกิดขึ้นจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าว มีพรรคการเมืองขนาดเล็กหลายพรรค เดินทางมาที่กกต.โดยอ้างว่าได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ว่า กกต.จะมีการจับสลากหมายเลขผู้สมัคร ซึ่งนายนภดล ไชยฤทธิเดช หัวหน้าพรรคชาติสามัคคี ถามว่า 26 พรรค ที่ไปแจ้งความจะได้รับสิทธิในการจับสลากหมายเลข เท่ากับ 9 พรรคที่เข้าไปในอาคารกีฬาเวสน์ 2 หรือไม่ นายภุชงค์ กล่าวว่า เป็นอำนาจของกกต. ซึ่ง กกต.พยายามที่จะให้สิทธิทุกพรรคอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งนี้พรรคเล็กได้มีการเสนอว่า หากมีการใช้อาคารกีฬาเวสน์ 2 จับสลาก กกต.ควรมีมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับหัวหน้าพรรคที่จะเข้าไปจับฉลาก
ผู้สื่อขาวรายงานด้วยว่า การรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ วันที่สอง เมื่อมีการปิดล้อมอาคารกีฬาเวสน์จนกกต.ไม่สามารถเปิดสมัครส.ส.บัญชีรายชื่อได้ ทำให้ในวันนี้มีพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวที่เดินทางไปแจ้งความที่สน.ดินแดง เพื่อแสดงความประสงค์ในการลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ถือเป็นพรรคการเมืองที่ 35 คือพรรคประชาธรรม
**กปปส.เลิกปิดล้อมกีฬาเวสน์
ต่อมา นายภุชงค์ นุตราวงศ์ แถลงภายหลังการประชุม กกต. ว่า ขณะนี้ทราบว่า กปปส. ได้ออกจากหน้าศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดงแล้ว ซึ่งวันที่ 25 ธ.ค.นี้ เจ้าหน้าที่สำนักงาน กกต. กว่า 200คน จะเข้าปฏิบัติหน้าที่ก่อนเวลา 08.30 น. เพื่อตรวจสอบอุปกรณ์และเตรียมความพร้อมรอรับผู้สมัคร เนื่องจากภารกิจของ กกต. ยังคงต้องดำเนินการต่อไปในการรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในวันที่ 23-27 ธ.ค.
** คาด"เพื่อฟ้าดิน"ส่งผู้สมัครเพื่อยื่นล้มเลือกตั้ง
รายงานข่าวแจ้งว่า ว่าการที่กลุ่ม กปปส. เลิกชุมนุมปิดล้อมอาคารกีฬาเวสน์ ศูนย์เยาวชนไทยญี่ปุ่นดินแดง ซึ่งเป็นสถานที่รับสมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และจะเป็นสถานที่รับสมัครส.ส.ในระบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ของกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 28ธ.ค.56 -1 ม.ค. 57 อาจเป็นเพราะต้องการเปิดทางให้พรรคการเมืองขนาดเล็ก ที่แกนนำ กปปส. สนับสนุนอยู่ ได้ยื่นสมัครรับเลือกตั้ง อย่างเช่น พรรคเพื่อฟ้าดิน ของกลุ่มกองทัพธรรม หรือกลุ่มสันติอโศกเป็นต้น เนื่องจากเห็นว่า การจะล้มการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนใด รวมถึงการฟ้องร้องหลังการเลือกตั้ง จำเป็นที่ผู้ดำเนินการจะต้องเป็นผู้ที่มีส่วนได้เสีย กับกระบวนการเลือกตั้ง เพราะที่ผ่านมาศาลฎีกา ได้มีคำพิพากษายกฟ้องไว้เป็นบรรทัดฐานแล้ว ในกรณีที่ นายถาวร เสนเนียม อดีตส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นฟ้อง กกต.ชุด พล.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานกกต. ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบจากการเลือกตั้งเมื่อ 2 เม.ย. 49 โดยศาลฎีกามองว่า นายถาวร ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะไม่ได้เป็นผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง
ด้าน ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ เลขาธิการพรรคเพื่อฟ้าดิน หนึ่งในแกนนำ กปปส. กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อฟ้าดิน อาจจะส่งตัวเองลงสมัครรับเลือกตั้งว่า “ทำไมรู้ก่อน ผมยังไม่รู้เลย ยังไม่ได้คุยเรื่องนี้เลย มีแต่คุยว่าจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง” ร.ต.แซมดินกล่าว พร้อมกับหัวเราะ
เมื่อถามว่า มีข่าวว่าจะสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อเข้าไปสิทธิต่างๆ ในกระบวนการเลือกตั้ง ร.ต.แซมดิน กล่าวว่า ก็มีส่วน แต่ตอนนี้ยังไม่ได้คุยเรื่องนี้ เมื่อถามว่ายืนยันว่า ไม่สมัครได้หรือไม่ ร.ต.แซมดิน กล่าวว่า เบื้องต้นยังยืนยันว่าไม่สมัคร แต่ถ้ามีข่าวมาอย่างนี้ ขอไปตรวจสอบข่าวก่อน ไม่รู้ใครปล่อยอะไร อย่างไร เมื่อถามย้ำว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่า จะไม่ลงสมัคร ร.ต.แซมดิน กล่าวว่า ตนไม่ยืนยัน ขอไปตรวจสอบก่อน วันที่ 25 ธ.ค.ก็คงรู้แล้ว
ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า มีการมองว่าเหตุที่ กปปส. ถอยจากการปิดล้อมอาคารกีฬาเวสน์ ก็เพื่อเปิดให้ ร.ต.แซมดิน ลงสมัคร เลขาธิการพรรคเพื่อฟ้าดิน หัวเราะตอบว่า มันพ้องกันพอดี บอกได้แค่ว่า ยังไม่มีความจริง เป็นข่าวปล่อย ยังไม่มีมูล ตนโกหกไม่ได้ เราได้ตัดสินใจไปแล้วว่า ไม่ลงสมัคร แต่ตนไม่รู้ใครปล่อยข่าว ขอตรวจสอบก่อน
**พท.ปรับเกมหาช่องปฏิรูปคู่ขนานเลือกตั้ง
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อเสนอของ 7 องค์กรภาคเอกชน เสนอให้ออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) จัดตั้งองค์กรทำหน้าที่ปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง ว่า ประเด็นการปฏิรูป ประชาชน และพรรคการเมืองเห็นพ้องว่า ต้องปฏิรูปอีกครั้ง แต่การตั้งสภาปฏิรูปการเมือง โดยออก พ.ร.ก. นั้นทำไม่ง่ายนัก เพราะมีเงื่อนไขมากมาย ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ
“เรื่องแบบนี้ไม่ใช่อยากออกก็ออกได้ ต้องมีความจำเป็นเร่งด่วน ตามที่กฏหมายกำหนด อีกทั้งอำนาจของรัฐบาลรักษาการ ค่อนข้างมีจำกัด จึงเป็นไปได้ยาก แต่มีกลไกที่สามารถทำได้ในรูปแบบอื่น ซึ่งจะมีการประชุม เพื่อกำหนดแนวทางที่ทำได้ตามรัฐธรรมนูญ ก่อนนำเสนอครม.ในวันที่ 25 ธ.ค.” นายพงศ์เทพ กล่าว
ด้านนายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกฯ และรมช.เกษตรฯ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การออก พ.ร.ก.จะกระทำในช่วงเป็นรัฐบาล และมีสภาผู้แทนราษฎร แต่การออกในขณะที่เป็นรัฐบาลรักษาการ ยังไม่เคยเห็น ไม่แน่ใจว่าในอดีตเคยเกิดขึ้นหรือไม่ ถ้าออกไปแล้ว มีคนท้วงติง หรือไปยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ก็จะยุ่งไปกันใหญ่ จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
ส่วนข้อเสนอที่จะมีองค์กรขึ้นมา ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่รัฐบาลพร้อมรับฟังข้อเสนอต่างๆ เมื่อสามารถตกผลึกได้หลายๆ แนวทางแล้ว น่าจะความชัดเจนมากขึ้น หลังปิดรับสมัครรับเลือกตั้ง
“กระแสข่าวที่ว่ารัฐบาลเตรียมออก พระราชกฤษฎีกา ตั้งสภาปฏิรูปนั้น ส่วนตัวไม่ทราบเรื่อง แต่การออก พ.ร.ฏ.ต้องเสนอเข้าครม. และยังไม่เห็นหน่วยงานใดเสนอ อาจเป็นการแสดงความเห็นเบื้องต้นมากกว่า แต่ตามกฏหมาย ไม่น่าจะทำได้เร็วขนาดนั้น เพราะการออกพ.ร.ฎ. ต้องมีความชัดเจน ในเนื้อหาสาระ ว่า ออกมาแล้วมีโครงสร้าง องค์ประกอบอะไร ดังนั้นส่วนตัวเชื่อว่า ยังไม่พร้อมดำเนินการ”นายวราเทพ กล่าว
** "เติ้ง'ชูโมเดลสภาสนามม้าปฏิรูปประเทศ
นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา มีความเห็นว่าน่าจะหยิบยกเรื่องสภาสนามม้าในอดีตที่ผ่านมามาปรับใช้ ซึ่งก็ได้ผล โดยประกอบด้วยตัวแทนทุกจังหวัดตามความเหมาะสม แล้วจากสาขาอาชีพ จะ 5 หรือ10 คนก็แล้วแต่ รวมแล้วประมาณ 3,000 คน มาเลือก โหวตกันให้เหลือ 300 หรือ 350 แล้วมาตั้งเป็นสภา เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามความต้องการของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ให้เสร็จภายใน 1 ปี น่าจะเป็นแนวทางที่ดีและเป็นไปได้ด้วย
"โอ๊ค"เย้ยอยากไล่"ปู"ต้องลงเลือกตั้ง
นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพวก “ขี้แพ้ชวนตี” เพราะการไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น ไม่มีใครว่า แต่การขัดขวางการเลือกตั้ง ถือเป็นการกระทำที่ชั่วร้ายที่สุด
นอกจากนี้ยังมีข้อความอีกว่า ขอแนะนำแนวทางตามระบอบประชาธิปไตย ที่ปราศจากความวุ่นวายว่า วิธีไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ได้ผลชะงักที่สุด คือพรรคประชาธิปัตย์ และผู้สนับสนุนเลิกชุมนุมเสีย แล้วไปสมัครรับเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.57 มวลมหาประชาชน ที่รักชาติรักแผ่นดินทั้งหลายก็ออกไปเลือกตั้ง หากประชาชนไม่นิยมพรรคเพื่อไทย อย่างที่ กปปส. กล่าวหาแล้วน.ส.ยิ่งลักษณ์ ย่อมหมดสิทธิ์ที่จะเป็นนายกฯ โดยที่ไม่ต้องออกมาชุมนุมให้ชาวบ้านเขาเดือดร้อน
**เตือนกกต.ซ้ำรอยยุค"สามหนาห้าห่วง"
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ความไม่เรียบร้อย ในการสมัครรับเลือกตั้งส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ที่ผ่านมาว่า กกต. ต้องระวังว่า ในหลายๆ กรณีที่เกิดขึ้น ส่อจะขัดกับกฎหมาย และระเบียบของ กกต. เอง ที่สำคัญก็คือ การเปิดโอกาสให้ 8 พรรคการเมือง มาแสดงเจตจำนงว่ามาลงชื่อก่อนเวลารับสมัคร ตั้งแต่เวลา 03.00 น. ในคืนวันอาทิตย์ที่ 22 ธ.ค. ซึ่งตนสงสัยว่า เหตุใดมีเจ้าหน้าที่ของกกต. มาปฏิบัติหน้าที่ในสถานที่รับสมัคร คืออาคารกีฬาเวสน์ 2 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ทั้งๆ ที่เวลาดังกล่าวเป็นช่วงยามวิกาล
และกรณีที่ทางกกต. ใช้สถานีตำรวจนครบาลดินแดง เป็นที่แสดงเจตนารมณ์ของพรรคการเมืองว่า จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งครั้งนี้นั้น ขัดกับระเบียบกกต. เองอีกด้วย
ดังนั้น จึงไม่อยากให้ กกต.ทั้ง 5 คน ทำผิดกฎหมายเสียเอง ซึ่งตนไม่อยากให้มีชะตากรรมเหมือน กกต. ชุดที่จัดการเลือกตั้งในปี 2549
** จี้กกต.เอาผิดแกนนำกปปส.-ปชป.
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณี กปปส. ปิดล้อมอาคารกีฬาเวสน์ 2 ซึ่งเป็นสถานที่รับสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ว่า เป็นการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ในการจัดการเลือกตั้ง ถือว่าผิดกฎหมายอย่างชัดเจน จึงของให้ กกต. ดำเนินการตามกฎหมาย เพราะหากไม่ดำเนินการ จะทำให้ผู้ชุมนุมเหิมเกริมมากขึ้น รวมทั้งขอให้ กกต.ตรวจสอบว่า แกนนำ กปปส. ทั้ง 9 คน ยังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อยู่หรือไม่ และการขัดขวางการเลือกตั้ง หากกรรมการบริหารพรรคมีส่วนรู้เห็น นายทะเบียนพรรคการเมืองสามารถดำเนินการยุบพรรคได้
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณี นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ด้านกิจการบริหารการเลือกตั้ง เสนอให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไป ว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 108 กำหนดไว้ชัดเจนให้จัดการเลือกตั้งภายใน 45-60 วัน หลังจากมีการยุบสภา ทั้งนี้หากนายกฯ และครม.เสนอกกต.ให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปตามที่กปปส. เสนอ ก็จะมีผู้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า กระทำผิดรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจจะทำให้มีการตัดสิทธิ์ทางการเมืองน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ และหากพรรคการเมืองเสนอให้มีการเลื่อนการเลือกตั้ง ก็อาจจะถูกร้องเช่นเดียวกัน ส่งผลให้มีการยุบพรรคการเมือง ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้
**คปท.บุกสน.นางเลิ้งทวงความคืบหน้าคดี
วานนี้ (24 ธ.ค.) นายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงานเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) พร้อม น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความ คปท.และมวลชนจำนวนหนึ่ง เดินทางรวมตัวที่สถานีตำรวจนครบาล (สน.) นางเลิ้ง เพื่อมาติดตามทวงถามความคืบหน้าในคดีที่เกี่ยวข้องกับ สน.นางเลิ้ง ได้แก่ คดีที่แจ้งความดำเนินคดีกรณีกองบัญชาการตำรวจนครบาลมีคำสั่งให้จับกุมรถที่ติดธงชาติ พร้อมทั้งติดตามขอคืนรถน้ำมันปั่นไฟของ คปท. ซึ่งถูกตำรวจยึดไปก่อนหน้านี้ และกรณีพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดข้างรถของนายรัชต์ชยุต ศรีโยธินศักดิ์ ที่จอดบริเวณถนนนพระสุเมรุ เมื่อกลางดึกวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา
โดยมี พ.ต.ท.นันท์ธวัชชัย ฉวีสุข พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ได้เป็นผู้รับเรื่อง และชี้แจงว่า ขณะนี้เรื่องธงชาติได้ส่งเรื่องที่แกนนำ คปท. มาแจ้งความให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลแล้ว (บช.น.) ซึ่งหลังจากนี้ต้องรอให้ทาง บช.น.ให้คำตอบมาอีกครั้ง
สำหรับกรณีรถพร้อมน้ำมันเติมเครื่องปั่นไฟ กลุ่มผู้ชุมนุมสามารถยื่นเรื่องขอคืนได้ภายในวันนี้ ส่วนกรณีพบวัตถุต้องสงสัยที่รถของนายรชต์ชยุต ทางหน่วยอีโอดีจะส่งรายงานอย่างเป็นทางการให้พนักงานสอบสวนอีกครั้ง รวมถึงจะมีการเรียกพยานมาสอบปากคำทั้งหมด
***สุเทพ รุกฆาต ไล่ ยิ่งลักษณ์ ให้จบก่อน 2 ก.พ.
สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ช่วงค่ำวานนี้ (24) ได้ประกาศยกระดับความเคลื่อนไหว โดยการประกาศติดตามไล่รักษาการ นายกรัฐมนตรีทุกที่ โดยขอความร่วมมือประชาชน แจ้งเบาะแสความเคลื่อนไหว หากยังไม่ยอมลาออก หลังปีใหม่ จะเคลื่อน"ปฎิวัติโดยประชาชน"แน่นอน โดยจะเคลื่อนไหวให้จบในเดือนมกราคม โดยจะไม่รอให้ถึงวันเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57
ก่อนหน้านี้ นายสุเทพ ได้เล่าย้อนหลังถึงเหตุการยุบพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน มาจากการทุจริตการเลือกตั้ง การหาพรรคเล็กลงเลื่อกตั้งเพื่อหนีเกณฑ์ ร้อยละ 20 โดยได้รับความร่วมมือจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง
เมื่อวานนี้ (24 ธ.ค. ) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่บริเวณประตูด้านหน้าศูนย์เยาวชน กรุงเทพมหานคร ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ซึ่งเป็นสถานที่รับสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่ช่วงเช้า กลุ่มผู้ชุมนุมกปปส. ที่ยังคงปักหลักอยู่บริเวณด้านหน้าประตูทุกด้าน พร้อมทั้งปิดถนนตั้งแต่บริเวณ ถนนพระราม 9 ด้านข้างกระทรวงแรงงาน จนถึงถนนวิภาวดีรังสิต บริเวณฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลทหารผ่านศึก โดยนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ แกนนำผู้ชุมนุม กปปส. ได้ทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนว่า จะไม่เกิดเหตุการณ์ปิดล้อมจนทำให้มีสื่อมวลชนติดค้างอยู่ภายใน สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นฯ รวมทั้งการคุกคามการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนอีกต่อไป โดยผู้ชุมนุมจะไม่ได้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ กกต. นอกจากนี้ ยืนยันว่าพรรคการเมืองที่ไปแจ้งความว่าถูกขัดขวางการเข้าสมัครเลือกตั้ง ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ถือเป็นการแจ้งความเท็จ
ต่อมานายสมศักดิ์ สุริยมงคล รองเลขาธิการด้านงานบริหารเลือกตั้ง และ นายเมธา ศิลาพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารการเลือกตั้ง ได้เดินทางมาถึงสนามกีฬา ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง และได้มาพูดคุยเจรจา ขอเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในการเปิดรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ภายในอาคารกีฬาเวสน์ 2 กับ ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ร.ต.แซมดิน กล่าวว่า หาก กกต. เข้าไปในอาคาร อาจจะออกมาได้ยาก
อย่างไรก็ตาม ทีมงานของกกต. ได้ขอเข้าไปตรวจสอบอุปกรณ์การเลือกตั้ง ในเวลาประมาณ 10.00 น. ส่วนเรื่องการรับสมัคร ส.ส. นั้น กกต. ชุดใหญ่จะประชุมหารือแนวทางกันต่อไป ที่สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะอีกครั้ง ว่าจะตัดสินใจ ต้องย้ายสถานที่รับสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งทาง กกต. ยังสั่งให้เจ้าหน้าที่ไปแจ้งความที่ สน.ดินแดงไว้เป็นหลักฐานด้วย
** ยังไม่จับสลาก ไม่ย้ายที่รับสมัคร
ส่วนที่สำนักงานกกต. นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงว่า ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นมาได้มีบุคคลโทรศัพท์ไปที่สำนักงานของ 35 พรรคเมือง ที่แสดงความจำนงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ แจ้งว่า เวลา 14.00 น.(24ธ.ค.) จะมีการจับฉลากที่สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการฯ ตนขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง จะยังไม่มีการจับฉลากในวันดังกล่าว และยืนยันว่าสถานที่รับสมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ยังคงเป็นอาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนไทยญี่ปุ่นดินแดง เหมือนเดิม
เลขาธิการกกต. กล่าวด้วยว่า ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ทาง กกต.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ส่วนหน้าเข้าไปดูสถานที่รับสมัคร พบว่า มีการใช้เต้นท์ มีบุคคล ปิดประตู 1-5 ทุกประตู จากนั้นในเวลา 08.30 น. เจ้าหน้าที่ กกต.ได้ไปที่ประตู 3 เพื่อเจรจาขอเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ แต่ปรากฏว่ากลุ่มและแกนนำผู้ชุมนุมไม่อนุญาตให้เข้า และแจ้งว่าถ้าแอบเข้าไป ก็ออกไม่ได้ ทาง ผอ.สำนักสนับสนุนการเลือกตั้ง ประเมินสถานการณ์แล้ว ก็กลับมาที่สำนักงาน กกต. เมื่อไม่ให้เข้าตนก็ให้เจ้าหน้าที่ กกต.ทั้งหมดกลับ และได้ไปลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สน.ดินแดง ว่าเวลา 08.30 น.ได้เดินทางไปแล้วแต่ไม่สามารถปฏิบัติงานได้ ทั้งนี้จะพิจารณาสถานการณ์ทุกชั่วโมง
ส่วนการจับสลากหมายเลขประจำพรรค กกต.ต้องดำเนินการให้เสร็จภายในวันที่ 27 ธ.ค.นี้ โดยกกต.จับเองไม่ได้ ต้องเชิญหัวหน้าพรรคการเมืองมาจับสลากต่อหน้าสื่อมวลชนเป็นสักขีพยาน ถ้าจับสลากไม่ได้ กกต.ต้องพิจารณาว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป เรามีแนวทางอยู่แล้ว แต่คงไม่สามารถพูดไปก่อนได้ เพราะยังไม่เกิด ซึ่งก็อาจจะมีการพิจารณาเลื่อนวันสมัครก็ได้ แต่ทั้งนี้ ก็จะกระทบกับการสมัครในระบบบัญชีรายชี่อ การตรวจสอบสิทธิการเป็นผู้สมัคร การแจ้งเจ้าบ้าน ซึ่งกรณีเหล่านี้ กกต.คงได้มีการหารือกัน เมื่อถึงเวลาแล้วปัญหาเกิดขึ้นจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าว มีพรรคการเมืองขนาดเล็กหลายพรรค เดินทางมาที่กกต.โดยอ้างว่าได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ว่า กกต.จะมีการจับสลากหมายเลขผู้สมัคร ซึ่งนายนภดล ไชยฤทธิเดช หัวหน้าพรรคชาติสามัคคี ถามว่า 26 พรรค ที่ไปแจ้งความจะได้รับสิทธิในการจับสลากหมายเลข เท่ากับ 9 พรรคที่เข้าไปในอาคารกีฬาเวสน์ 2 หรือไม่ นายภุชงค์ กล่าวว่า เป็นอำนาจของกกต. ซึ่ง กกต.พยายามที่จะให้สิทธิทุกพรรคอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งนี้พรรคเล็กได้มีการเสนอว่า หากมีการใช้อาคารกีฬาเวสน์ 2 จับสลาก กกต.ควรมีมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับหัวหน้าพรรคที่จะเข้าไปจับฉลาก
ผู้สื่อขาวรายงานด้วยว่า การรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ วันที่สอง เมื่อมีการปิดล้อมอาคารกีฬาเวสน์จนกกต.ไม่สามารถเปิดสมัครส.ส.บัญชีรายชื่อได้ ทำให้ในวันนี้มีพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวที่เดินทางไปแจ้งความที่สน.ดินแดง เพื่อแสดงความประสงค์ในการลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ถือเป็นพรรคการเมืองที่ 35 คือพรรคประชาธรรม
**กปปส.เลิกปิดล้อมกีฬาเวสน์
ต่อมา นายภุชงค์ นุตราวงศ์ แถลงภายหลังการประชุม กกต. ว่า ขณะนี้ทราบว่า กปปส. ได้ออกจากหน้าศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดงแล้ว ซึ่งวันที่ 25 ธ.ค.นี้ เจ้าหน้าที่สำนักงาน กกต. กว่า 200คน จะเข้าปฏิบัติหน้าที่ก่อนเวลา 08.30 น. เพื่อตรวจสอบอุปกรณ์และเตรียมความพร้อมรอรับผู้สมัคร เนื่องจากภารกิจของ กกต. ยังคงต้องดำเนินการต่อไปในการรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในวันที่ 23-27 ธ.ค.
** คาด"เพื่อฟ้าดิน"ส่งผู้สมัครเพื่อยื่นล้มเลือกตั้ง
รายงานข่าวแจ้งว่า ว่าการที่กลุ่ม กปปส. เลิกชุมนุมปิดล้อมอาคารกีฬาเวสน์ ศูนย์เยาวชนไทยญี่ปุ่นดินแดง ซึ่งเป็นสถานที่รับสมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และจะเป็นสถานที่รับสมัครส.ส.ในระบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ของกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 28ธ.ค.56 -1 ม.ค. 57 อาจเป็นเพราะต้องการเปิดทางให้พรรคการเมืองขนาดเล็ก ที่แกนนำ กปปส. สนับสนุนอยู่ ได้ยื่นสมัครรับเลือกตั้ง อย่างเช่น พรรคเพื่อฟ้าดิน ของกลุ่มกองทัพธรรม หรือกลุ่มสันติอโศกเป็นต้น เนื่องจากเห็นว่า การจะล้มการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนใด รวมถึงการฟ้องร้องหลังการเลือกตั้ง จำเป็นที่ผู้ดำเนินการจะต้องเป็นผู้ที่มีส่วนได้เสีย กับกระบวนการเลือกตั้ง เพราะที่ผ่านมาศาลฎีกา ได้มีคำพิพากษายกฟ้องไว้เป็นบรรทัดฐานแล้ว ในกรณีที่ นายถาวร เสนเนียม อดีตส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นฟ้อง กกต.ชุด พล.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานกกต. ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบจากการเลือกตั้งเมื่อ 2 เม.ย. 49 โดยศาลฎีกามองว่า นายถาวร ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะไม่ได้เป็นผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง
ด้าน ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ เลขาธิการพรรคเพื่อฟ้าดิน หนึ่งในแกนนำ กปปส. กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อฟ้าดิน อาจจะส่งตัวเองลงสมัครรับเลือกตั้งว่า “ทำไมรู้ก่อน ผมยังไม่รู้เลย ยังไม่ได้คุยเรื่องนี้เลย มีแต่คุยว่าจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง” ร.ต.แซมดินกล่าว พร้อมกับหัวเราะ
เมื่อถามว่า มีข่าวว่าจะสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อเข้าไปสิทธิต่างๆ ในกระบวนการเลือกตั้ง ร.ต.แซมดิน กล่าวว่า ก็มีส่วน แต่ตอนนี้ยังไม่ได้คุยเรื่องนี้ เมื่อถามว่ายืนยันว่า ไม่สมัครได้หรือไม่ ร.ต.แซมดิน กล่าวว่า เบื้องต้นยังยืนยันว่าไม่สมัคร แต่ถ้ามีข่าวมาอย่างนี้ ขอไปตรวจสอบข่าวก่อน ไม่รู้ใครปล่อยอะไร อย่างไร เมื่อถามย้ำว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่า จะไม่ลงสมัคร ร.ต.แซมดิน กล่าวว่า ตนไม่ยืนยัน ขอไปตรวจสอบก่อน วันที่ 25 ธ.ค.ก็คงรู้แล้ว
ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า มีการมองว่าเหตุที่ กปปส. ถอยจากการปิดล้อมอาคารกีฬาเวสน์ ก็เพื่อเปิดให้ ร.ต.แซมดิน ลงสมัคร เลขาธิการพรรคเพื่อฟ้าดิน หัวเราะตอบว่า มันพ้องกันพอดี บอกได้แค่ว่า ยังไม่มีความจริง เป็นข่าวปล่อย ยังไม่มีมูล ตนโกหกไม่ได้ เราได้ตัดสินใจไปแล้วว่า ไม่ลงสมัคร แต่ตนไม่รู้ใครปล่อยข่าว ขอตรวจสอบก่อน
**พท.ปรับเกมหาช่องปฏิรูปคู่ขนานเลือกตั้ง
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อเสนอของ 7 องค์กรภาคเอกชน เสนอให้ออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) จัดตั้งองค์กรทำหน้าที่ปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง ว่า ประเด็นการปฏิรูป ประชาชน และพรรคการเมืองเห็นพ้องว่า ต้องปฏิรูปอีกครั้ง แต่การตั้งสภาปฏิรูปการเมือง โดยออก พ.ร.ก. นั้นทำไม่ง่ายนัก เพราะมีเงื่อนไขมากมาย ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ
“เรื่องแบบนี้ไม่ใช่อยากออกก็ออกได้ ต้องมีความจำเป็นเร่งด่วน ตามที่กฏหมายกำหนด อีกทั้งอำนาจของรัฐบาลรักษาการ ค่อนข้างมีจำกัด จึงเป็นไปได้ยาก แต่มีกลไกที่สามารถทำได้ในรูปแบบอื่น ซึ่งจะมีการประชุม เพื่อกำหนดแนวทางที่ทำได้ตามรัฐธรรมนูญ ก่อนนำเสนอครม.ในวันที่ 25 ธ.ค.” นายพงศ์เทพ กล่าว
ด้านนายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกฯ และรมช.เกษตรฯ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การออก พ.ร.ก.จะกระทำในช่วงเป็นรัฐบาล และมีสภาผู้แทนราษฎร แต่การออกในขณะที่เป็นรัฐบาลรักษาการ ยังไม่เคยเห็น ไม่แน่ใจว่าในอดีตเคยเกิดขึ้นหรือไม่ ถ้าออกไปแล้ว มีคนท้วงติง หรือไปยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ก็จะยุ่งไปกันใหญ่ จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
ส่วนข้อเสนอที่จะมีองค์กรขึ้นมา ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่รัฐบาลพร้อมรับฟังข้อเสนอต่างๆ เมื่อสามารถตกผลึกได้หลายๆ แนวทางแล้ว น่าจะความชัดเจนมากขึ้น หลังปิดรับสมัครรับเลือกตั้ง
“กระแสข่าวที่ว่ารัฐบาลเตรียมออก พระราชกฤษฎีกา ตั้งสภาปฏิรูปนั้น ส่วนตัวไม่ทราบเรื่อง แต่การออก พ.ร.ฏ.ต้องเสนอเข้าครม. และยังไม่เห็นหน่วยงานใดเสนอ อาจเป็นการแสดงความเห็นเบื้องต้นมากกว่า แต่ตามกฏหมาย ไม่น่าจะทำได้เร็วขนาดนั้น เพราะการออกพ.ร.ฎ. ต้องมีความชัดเจน ในเนื้อหาสาระ ว่า ออกมาแล้วมีโครงสร้าง องค์ประกอบอะไร ดังนั้นส่วนตัวเชื่อว่า ยังไม่พร้อมดำเนินการ”นายวราเทพ กล่าว
** "เติ้ง'ชูโมเดลสภาสนามม้าปฏิรูปประเทศ
นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา มีความเห็นว่าน่าจะหยิบยกเรื่องสภาสนามม้าในอดีตที่ผ่านมามาปรับใช้ ซึ่งก็ได้ผล โดยประกอบด้วยตัวแทนทุกจังหวัดตามความเหมาะสม แล้วจากสาขาอาชีพ จะ 5 หรือ10 คนก็แล้วแต่ รวมแล้วประมาณ 3,000 คน มาเลือก โหวตกันให้เหลือ 300 หรือ 350 แล้วมาตั้งเป็นสภา เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามความต้องการของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ให้เสร็จภายใน 1 ปี น่าจะเป็นแนวทางที่ดีและเป็นไปได้ด้วย
"โอ๊ค"เย้ยอยากไล่"ปู"ต้องลงเลือกตั้ง
นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพวก “ขี้แพ้ชวนตี” เพราะการไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น ไม่มีใครว่า แต่การขัดขวางการเลือกตั้ง ถือเป็นการกระทำที่ชั่วร้ายที่สุด
นอกจากนี้ยังมีข้อความอีกว่า ขอแนะนำแนวทางตามระบอบประชาธิปไตย ที่ปราศจากความวุ่นวายว่า วิธีไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ได้ผลชะงักที่สุด คือพรรคประชาธิปัตย์ และผู้สนับสนุนเลิกชุมนุมเสีย แล้วไปสมัครรับเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.57 มวลมหาประชาชน ที่รักชาติรักแผ่นดินทั้งหลายก็ออกไปเลือกตั้ง หากประชาชนไม่นิยมพรรคเพื่อไทย อย่างที่ กปปส. กล่าวหาแล้วน.ส.ยิ่งลักษณ์ ย่อมหมดสิทธิ์ที่จะเป็นนายกฯ โดยที่ไม่ต้องออกมาชุมนุมให้ชาวบ้านเขาเดือดร้อน
**เตือนกกต.ซ้ำรอยยุค"สามหนาห้าห่วง"
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ความไม่เรียบร้อย ในการสมัครรับเลือกตั้งส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ที่ผ่านมาว่า กกต. ต้องระวังว่า ในหลายๆ กรณีที่เกิดขึ้น ส่อจะขัดกับกฎหมาย และระเบียบของ กกต. เอง ที่สำคัญก็คือ การเปิดโอกาสให้ 8 พรรคการเมือง มาแสดงเจตจำนงว่ามาลงชื่อก่อนเวลารับสมัคร ตั้งแต่เวลา 03.00 น. ในคืนวันอาทิตย์ที่ 22 ธ.ค. ซึ่งตนสงสัยว่า เหตุใดมีเจ้าหน้าที่ของกกต. มาปฏิบัติหน้าที่ในสถานที่รับสมัคร คืออาคารกีฬาเวสน์ 2 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ทั้งๆ ที่เวลาดังกล่าวเป็นช่วงยามวิกาล
และกรณีที่ทางกกต. ใช้สถานีตำรวจนครบาลดินแดง เป็นที่แสดงเจตนารมณ์ของพรรคการเมืองว่า จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งครั้งนี้นั้น ขัดกับระเบียบกกต. เองอีกด้วย
ดังนั้น จึงไม่อยากให้ กกต.ทั้ง 5 คน ทำผิดกฎหมายเสียเอง ซึ่งตนไม่อยากให้มีชะตากรรมเหมือน กกต. ชุดที่จัดการเลือกตั้งในปี 2549
** จี้กกต.เอาผิดแกนนำกปปส.-ปชป.
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณี กปปส. ปิดล้อมอาคารกีฬาเวสน์ 2 ซึ่งเป็นสถานที่รับสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ว่า เป็นการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ในการจัดการเลือกตั้ง ถือว่าผิดกฎหมายอย่างชัดเจน จึงของให้ กกต. ดำเนินการตามกฎหมาย เพราะหากไม่ดำเนินการ จะทำให้ผู้ชุมนุมเหิมเกริมมากขึ้น รวมทั้งขอให้ กกต.ตรวจสอบว่า แกนนำ กปปส. ทั้ง 9 คน ยังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อยู่หรือไม่ และการขัดขวางการเลือกตั้ง หากกรรมการบริหารพรรคมีส่วนรู้เห็น นายทะเบียนพรรคการเมืองสามารถดำเนินการยุบพรรคได้
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณี นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ด้านกิจการบริหารการเลือกตั้ง เสนอให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไป ว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 108 กำหนดไว้ชัดเจนให้จัดการเลือกตั้งภายใน 45-60 วัน หลังจากมีการยุบสภา ทั้งนี้หากนายกฯ และครม.เสนอกกต.ให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปตามที่กปปส. เสนอ ก็จะมีผู้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า กระทำผิดรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจจะทำให้มีการตัดสิทธิ์ทางการเมืองน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ และหากพรรคการเมืองเสนอให้มีการเลื่อนการเลือกตั้ง ก็อาจจะถูกร้องเช่นเดียวกัน ส่งผลให้มีการยุบพรรคการเมือง ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้
**คปท.บุกสน.นางเลิ้งทวงความคืบหน้าคดี
วานนี้ (24 ธ.ค.) นายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงานเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) พร้อม น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความ คปท.และมวลชนจำนวนหนึ่ง เดินทางรวมตัวที่สถานีตำรวจนครบาล (สน.) นางเลิ้ง เพื่อมาติดตามทวงถามความคืบหน้าในคดีที่เกี่ยวข้องกับ สน.นางเลิ้ง ได้แก่ คดีที่แจ้งความดำเนินคดีกรณีกองบัญชาการตำรวจนครบาลมีคำสั่งให้จับกุมรถที่ติดธงชาติ พร้อมทั้งติดตามขอคืนรถน้ำมันปั่นไฟของ คปท. ซึ่งถูกตำรวจยึดไปก่อนหน้านี้ และกรณีพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดข้างรถของนายรัชต์ชยุต ศรีโยธินศักดิ์ ที่จอดบริเวณถนนนพระสุเมรุ เมื่อกลางดึกวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา
โดยมี พ.ต.ท.นันท์ธวัชชัย ฉวีสุข พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ได้เป็นผู้รับเรื่อง และชี้แจงว่า ขณะนี้เรื่องธงชาติได้ส่งเรื่องที่แกนนำ คปท. มาแจ้งความให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลแล้ว (บช.น.) ซึ่งหลังจากนี้ต้องรอให้ทาง บช.น.ให้คำตอบมาอีกครั้ง
สำหรับกรณีรถพร้อมน้ำมันเติมเครื่องปั่นไฟ กลุ่มผู้ชุมนุมสามารถยื่นเรื่องขอคืนได้ภายในวันนี้ ส่วนกรณีพบวัตถุต้องสงสัยที่รถของนายรชต์ชยุต ทางหน่วยอีโอดีจะส่งรายงานอย่างเป็นทางการให้พนักงานสอบสวนอีกครั้ง รวมถึงจะมีการเรียกพยานมาสอบปากคำทั้งหมด
***สุเทพ รุกฆาต ไล่ ยิ่งลักษณ์ ให้จบก่อน 2 ก.พ.
สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ช่วงค่ำวานนี้ (24) ได้ประกาศยกระดับความเคลื่อนไหว โดยการประกาศติดตามไล่รักษาการ นายกรัฐมนตรีทุกที่ โดยขอความร่วมมือประชาชน แจ้งเบาะแสความเคลื่อนไหว หากยังไม่ยอมลาออก หลังปีใหม่ จะเคลื่อน"ปฎิวัติโดยประชาชน"แน่นอน โดยจะเคลื่อนไหวให้จบในเดือนมกราคม โดยจะไม่รอให้ถึงวันเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57
ก่อนหน้านี้ นายสุเทพ ได้เล่าย้อนหลังถึงเหตุการยุบพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน มาจากการทุจริตการเลือกตั้ง การหาพรรคเล็กลงเลื่อกตั้งเพื่อหนีเกณฑ์ ร้อยละ 20 โดยได้รับความร่วมมือจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง