ASTVผู้จัดการรายวัน - ส.ว.กทม.ย้อน สภาปชช.เหล่าทัพ นายกฯ ดูแล ปชช.ไม่ไว้ใจ “นช.แม้ว”ชักใย งัดคลิปถั่งเช่ามีอิทธิพลดันล้างผิด ลุอำนาจผ่านสภา แลกประโยชน์กลืนกองทัพ ไม่มีใครแจง ดัก “ปู”ตีมึนไม่ได้ ให้นช.คุมกองทัพควบรัฐ รับหนักกว่าคดีวอเตอร์เกต ใช้พิธีกรรมเลือกตั้งคุมอำนาจ ยกชาติสอบเข้มแข็งไม่ลอยหน้าในตำแหน่ง แนะขจัดระบอบแม้ว ผู้นำกองทัพปชช.ต้องไว้ใจ ปฏิรูปเลือกตั้ง เตือนโจรติดสินบนได้ ปชช.อยู่ยังไง ชู ปชช.ลุกขึ้นสู้คำปรามาสคลิปถั่งเช่า
วานนี้( 23 ธ.ค.) น.ส.รสนา โตสิตระกูล สมาชิกวุฒิสภา กทม. โพตส์เฟซบุ๊ก เป็นจดหมายเปิดผนึกถึงผู้นำในกระทรวงกลาโหม (รมว.กลาโหม, ผบ.สส., ปลัดกระทรวงกลาโหม, ผบ.ทบ., ผบ.ทร., ผบ.ทอ.) ฉบับที่ 6 มีใจความว่า
สืบเนื่องจากข่าวการประชุมของสภากลาโหมเมื่อวันที่20ธ.ค.ที่ผ่านมา มีการนำเสนอโดยฝ่าย ผบ.เหล่าทัพให้มีการตั้ง " สภาประชาชน" ขึ้นมา โดยยังมีนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกลาโหมรักษาการเป็นผู้กำกับดูแล ทั้งที่ในขณะนี้ประชาชนไม่มีความไว้วางใจในตัวของนายกรัฐมนตรีรักษาการ และที่สำคัญที่สุดของความไม่ไว้วางใจคือการมี พ.ต.ท ทักษิณ ชินวัตร อยู่เบื้องหลังในการกุมบังเหียนรัฐบาลและมีอิทธิพลต่อผู้นำเหล่าทัพในกองทัพไทย
สิ่งที่ยังค้างคาใจสังคมไทยมาถึงทุกวันนี้คือ เสียงพูดคุยของชาย2คน ในเทปเสียงที่รู้จักกันในชื่อ " คลิปถั่งเช่า" ที่ปรากฏต่อสังคมเมื่อปลายเดือนมิ.ย.56 นี้เอง เสียงพูดคุยในเทปเสียงนั้น เป็นการพูดถึงการวางแผนที่จะนำพ.ต.ท ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้านโดยอาศัยการออกกฎหมายนิรโทษกรรม และอาศัยสภากลาโหมเป็นที่รองรับ
แผนการที่มีการพูดคุยกันในคลิปเสียงได้ปรากฎเป็นจริง เป็นกฎหมายนิรโทษกรรมเหมาเข่งสุดซอยที่นิรโทษความผิดทุกคดีที่เกี่ยวกับการทุจริตทั้งของ พ.ต.ท ทักษิณ ชินวัตร และนักการเมืองทุจริตตลอดระยะเวลา 9ปี ตั้งแต่มกราคม 2547 - 8 สิงหาคม 2556 และผ่านสภาผู้แทนราษฎรในเวลาตี 4ครึ่ง ของวันที่ 1พฤศจิกายน 2556 ซึ่งเป็นการกระทำที่เหิมเกริมในอำนาจเสียงข้างมากของรัฐบาล " ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ" ที่คุมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร และกำลังเจรจาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์เพืี่อรุกคืบมากลืนกินกองทัพ ดังคำพูดในคลิปเสียงของชายคนที่2 ที่ได้พูดถึงว่า ถ้าออกกฎหมายนิรโทษกรรมแล้วก็ไม่กลัวคนต่อต้าน ขอเพียงแต่ทหารไม่ปฏิวัติก็พอแล้ว และชายคนที่1 ในคลิปเสียงก็เสนอแผนการว่า ต้องไปเอาทหารไว้ก่อน จะได้ไม่ปฎิวัติ โดยมีการระบุไว้ว่า บรรดา ผบ.เหล่าทัพทั้งหมด จะเกษียณในปี 2557
ซึ่งคำพูดดังกล่าว หากเป็นจริง ก็เป็นการคอร์รัปชันที่ร้ายแรงในกองทัพไทย และเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของบ้านเมืองอย่างสูงสุด เพราะกองทัพเป็นของประชาชน ผู้เสียภาษีบำรุงกองทัพ ไม่ใช่เป็นกองกำลังของนักการเมืองตระกูลใด ตระกูลหนึ่ง แต่จากเดือนมิถุนายน จนถึง วันนี้ ยังไม่การออกมาชี้แจง หรือการออกมาแถลงปฏิเสธของผบ.เหล่าทัพที่ถูกกล่าวอ้าวถึงในคลิปเสียงนั้นเลยว่า แผนการที่พูดถึงในคลิปเสียงนั้นเป็นเรื่อง " จริงหรือเท็จ "
หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในประเทศที่มีประชาธิปไตยก้าวหน้ากว่าประเทศไทย นายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีกลาโหม รองนายกรัฐมนตรีกลาโหม และรัฐบาลอยู่ไม่ได้แล้ว รวมถึงบรรดา ผบ.เหล่าทัพ ต้องถูกสอบสวนทั้งหมดว่าแผนร้ายในคลิปเสียงนั้นเป็นจริงหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบว่า ไม่รู้ ไม่เห็นได้ เพราะแผนการร้ายในการยึดกองทัพ ก็เพื่อช่วย พ.ต.ท ทักษิณ พี่ชายของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ นั้นระบุชัดเจนว่า นายกฯยิ่งลักษณ์รั รับรู้จากการรายงานตลอดเวลา ตัวอย่างเหตุการณ์ในทำนองเดียวกันนี้ คือ คดีวอเตอร์เกต ที่ นายริชาร์ด นิกสัน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ถูกอัดคลิปเสียงแบบนี้ ทำให้ได้รู้ถึงการสั่งการให้มีการดักฟังเสียงของคู่แข่งทางการเมือง คดีวอเตอร์เกต อันฉาวโฉ่ทำให้ประธานาธิบดี นิกสัน ต้องลาออกจากประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะถูกถอดถอน
หากเปรียบเทียบความร้ายแรงของ คลิปถั่งเช่า กับคดี วอเตอร์เกต ต้องบอกว่าคลิปถั่งเช่ามีความร้ายแรงกว่า เพราะได้บอกถึงแผนการยึดกองทัพของนักการเมือง และการติดสินบนผู้บริหารระดับสูงของเหล่าทัพ ซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อระบอบประชาธิปไตย ดังที่คำสนทนาในคลิปได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าภายในปี2557 จะสามารถคุมกองทัพทั้งหมดอยู่ในมือของนักโทษหนีคุกได้อย่างเบ็ดเสร็จ เมื่อผนวกกับการที่รัฐบาลหุ่นเชิดของน้องสาวนักโทษหนีคุกสามารถคุมเสียงข้างมากในสภานิติบัญญัติ ทำให้มีความเหิมเกริมในอำนาจเสียงข้างมากของตนเอง ดังปรากฎให้เห็นอย่างชัดเจนในการเสนอและผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมคดีทุจริตคอรัปชั่นของนักโทษหนีคุก และนักการเมืองในเครือข่ายของตน และยังได้เสนอกฎหมายอีกหลายฉบับเพื่อกระชับอำนาจของฝ่ายการเมืองอยู่ในมือ
การที่ระบอบทักษิณที่เข้าสู่อำนาจทางการเมืองโดยใช้พิธีกรรมการเลือกตั้งในระบบการเลือกตั้งที่เป็นการขายตรงทางเมือง อาศัยประชานิยม และอุปถัมน์นิยมเป็นเครื่องมือ สามารถควบรวมอำนาจบริหาร อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจตำรวจ อำนาจทางเศรษฐกิจ และกำลังจะควบรวมอำนาจของกองทัพเข้ามาอยู่ในมือ ซึ่งคือการควบรวมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จโดยอาศัยพิธีกรรมเลือกตั้งที่เร่งรัดให้มีขึ้นในวันที่ 2ก.พ.57
ในประเทศที่มีการตรวจสอบที่เข้มแข็ง และผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งที่มีความตื่นตัวอย่างสูง และสื่อที่ทำหน้าที่อย่างมืออาชีพ ถ้าเกิดกรณีเช่นนี้ขึ้น หัวหน้ารัฐบาล และผู้นำเหล่าทัพ ไม่สามารถดำรงตำแหน่งอยู่ได้ โดยไม่ถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้น แต่ในประเทศไทยที่กลไกการตรวจสอบอ่อนแอ มาตรฐานทางจริยธรรมของนักการเมือง และข้าราชการตกต่ำ ทำให้คนเหล่านี้ลอยนวลอยู่ได้อย่างมีหน้ามีตาในสังคม
ถ้าต้องการให้การเลือกตั้งเป็นทางออกที่ตอบสนองต่อการแก้ปัญหาการเข้ามาผูกขาดอำนาจรัฐ และการใช้อำนาจรัฐอย่างฉ้อฉลของนักการเมือง สิ่งที่จะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนก่อนการเลือกตั้งคือ
1) ต้องขจัดอิทธิพลของระบอบทักษิณออกจากการเมืองไทย โดยเหตุผลจากแผนการร้ายที่จะยึดกองทัพเพื่อประโยชน์ของตนเอง ที่ปรากฎในบทสนทนาในคลิปถั่งเช่า นายกรัฐมนตรีรักษาการจะต้องลาออก เพราะไม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้ดูแลการเลือกตั้ง และเข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือมีบทบาททางการเมืองในการจัดตั้งสภาปฏิรูป หรือสภาประชาชนดังที่ผู้นำเหล่าทัพได้นำเสนอ
2) ผู้นำกองทัพต้องดำรงตนอยู่ในความไว้วางใจของประชาชน เพื่อรักษาสถาบันกองทัพในการรับใช้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนในระบอบประชาธิปไตย ไม่ให้ตกเป็นกองกำลังส่วนตัวของนักการเมือง ดังนั้นเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ดังกล่าว จึงเห็นสมควรให้มีการปฏิรูปกองทัพที่ไม่ให้นักการเมืองเข้ามาแทรกแซง แต่งตั้งโยกย้าย ติดสินบนนายทหารระดับสูงเพื่อประโยชน์ของนักการเมืองก่อนการเลือกตั้ง
3) ปฏิรูประบบการเลือกตั้งโดยเปิดโอกาสให้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจเข้ามารื้อสร้างระบบ กลไกการเลือกตั้งให้มีประสิทธิภาพในการคัดเลือกคนดี มีความสามารถเข้าสู่สภา เพื่อไม่ให้การเลือกตั้งเป็นเพียงพิธีกรรมที่ให้นักเลือกตั้งเข้ามาลงทุนและถอนทุนในธุรกิจการเมืองอีกต่อไป
พระมหากษัตริย์ และประชาชน เป็นเจ้าของบ้าน ในขณะที่ทหาร ตำรวจ คือ ร.ป.ภ มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับเจ้าของบ้าน หากมีโจร หรืออาชญากรเข้ามาติดสินบน ร.ป.ภ ได้สำเร็จ เจ้าของบ้านจะอยู่อย่างปลอดภัย และร่มเย็นเป็นสุขได้อย่างไร
สิ่งที่ชายคนที่ 2 ในคลิปถั่งเช่า ได้กล่าวปรามาสว่า ไม่กลัวประชาชนมาต่อต้าน ขอเพียงให้ทหารอยู่ข้างชายคนที่ 2 ก็จบแล้ว มาบัดนี้ประชาชนเจ้าของบ้านได้ลุกขึ้นมาลบคำปรามาสนั้นแล้ว และจะออกมาปกบ้านป้องเมือง และปกป้องกองทัพและตำรวจให้ดำรงตนอยู่ในหน้าที่อย่างมีวินัยและซื่อสัตย์สุจริต ไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองที่เข้ามาฉกฉวยผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง และทำร้ายประเทศ โดยผ่านระบบการเลือกตั้งที่อ่อนแอ ไร้ประสิทธิภาพที่จะต่อสู้กับอำนาจอันทรงอิทธิพลของนักลงทุนทางการเมืองดังที่เห็นและเป็นอยู่ในเวลานี้
วานนี้( 23 ธ.ค.) น.ส.รสนา โตสิตระกูล สมาชิกวุฒิสภา กทม. โพตส์เฟซบุ๊ก เป็นจดหมายเปิดผนึกถึงผู้นำในกระทรวงกลาโหม (รมว.กลาโหม, ผบ.สส., ปลัดกระทรวงกลาโหม, ผบ.ทบ., ผบ.ทร., ผบ.ทอ.) ฉบับที่ 6 มีใจความว่า
สืบเนื่องจากข่าวการประชุมของสภากลาโหมเมื่อวันที่20ธ.ค.ที่ผ่านมา มีการนำเสนอโดยฝ่าย ผบ.เหล่าทัพให้มีการตั้ง " สภาประชาชน" ขึ้นมา โดยยังมีนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกลาโหมรักษาการเป็นผู้กำกับดูแล ทั้งที่ในขณะนี้ประชาชนไม่มีความไว้วางใจในตัวของนายกรัฐมนตรีรักษาการ และที่สำคัญที่สุดของความไม่ไว้วางใจคือการมี พ.ต.ท ทักษิณ ชินวัตร อยู่เบื้องหลังในการกุมบังเหียนรัฐบาลและมีอิทธิพลต่อผู้นำเหล่าทัพในกองทัพไทย
สิ่งที่ยังค้างคาใจสังคมไทยมาถึงทุกวันนี้คือ เสียงพูดคุยของชาย2คน ในเทปเสียงที่รู้จักกันในชื่อ " คลิปถั่งเช่า" ที่ปรากฏต่อสังคมเมื่อปลายเดือนมิ.ย.56 นี้เอง เสียงพูดคุยในเทปเสียงนั้น เป็นการพูดถึงการวางแผนที่จะนำพ.ต.ท ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้านโดยอาศัยการออกกฎหมายนิรโทษกรรม และอาศัยสภากลาโหมเป็นที่รองรับ
แผนการที่มีการพูดคุยกันในคลิปเสียงได้ปรากฎเป็นจริง เป็นกฎหมายนิรโทษกรรมเหมาเข่งสุดซอยที่นิรโทษความผิดทุกคดีที่เกี่ยวกับการทุจริตทั้งของ พ.ต.ท ทักษิณ ชินวัตร และนักการเมืองทุจริตตลอดระยะเวลา 9ปี ตั้งแต่มกราคม 2547 - 8 สิงหาคม 2556 และผ่านสภาผู้แทนราษฎรในเวลาตี 4ครึ่ง ของวันที่ 1พฤศจิกายน 2556 ซึ่งเป็นการกระทำที่เหิมเกริมในอำนาจเสียงข้างมากของรัฐบาล " ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ" ที่คุมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร และกำลังเจรจาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์เพืี่อรุกคืบมากลืนกินกองทัพ ดังคำพูดในคลิปเสียงของชายคนที่2 ที่ได้พูดถึงว่า ถ้าออกกฎหมายนิรโทษกรรมแล้วก็ไม่กลัวคนต่อต้าน ขอเพียงแต่ทหารไม่ปฏิวัติก็พอแล้ว และชายคนที่1 ในคลิปเสียงก็เสนอแผนการว่า ต้องไปเอาทหารไว้ก่อน จะได้ไม่ปฎิวัติ โดยมีการระบุไว้ว่า บรรดา ผบ.เหล่าทัพทั้งหมด จะเกษียณในปี 2557
ซึ่งคำพูดดังกล่าว หากเป็นจริง ก็เป็นการคอร์รัปชันที่ร้ายแรงในกองทัพไทย และเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของบ้านเมืองอย่างสูงสุด เพราะกองทัพเป็นของประชาชน ผู้เสียภาษีบำรุงกองทัพ ไม่ใช่เป็นกองกำลังของนักการเมืองตระกูลใด ตระกูลหนึ่ง แต่จากเดือนมิถุนายน จนถึง วันนี้ ยังไม่การออกมาชี้แจง หรือการออกมาแถลงปฏิเสธของผบ.เหล่าทัพที่ถูกกล่าวอ้าวถึงในคลิปเสียงนั้นเลยว่า แผนการที่พูดถึงในคลิปเสียงนั้นเป็นเรื่อง " จริงหรือเท็จ "
หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในประเทศที่มีประชาธิปไตยก้าวหน้ากว่าประเทศไทย นายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีกลาโหม รองนายกรัฐมนตรีกลาโหม และรัฐบาลอยู่ไม่ได้แล้ว รวมถึงบรรดา ผบ.เหล่าทัพ ต้องถูกสอบสวนทั้งหมดว่าแผนร้ายในคลิปเสียงนั้นเป็นจริงหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบว่า ไม่รู้ ไม่เห็นได้ เพราะแผนการร้ายในการยึดกองทัพ ก็เพื่อช่วย พ.ต.ท ทักษิณ พี่ชายของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ นั้นระบุชัดเจนว่า นายกฯยิ่งลักษณ์รั รับรู้จากการรายงานตลอดเวลา ตัวอย่างเหตุการณ์ในทำนองเดียวกันนี้ คือ คดีวอเตอร์เกต ที่ นายริชาร์ด นิกสัน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ถูกอัดคลิปเสียงแบบนี้ ทำให้ได้รู้ถึงการสั่งการให้มีการดักฟังเสียงของคู่แข่งทางการเมือง คดีวอเตอร์เกต อันฉาวโฉ่ทำให้ประธานาธิบดี นิกสัน ต้องลาออกจากประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะถูกถอดถอน
หากเปรียบเทียบความร้ายแรงของ คลิปถั่งเช่า กับคดี วอเตอร์เกต ต้องบอกว่าคลิปถั่งเช่ามีความร้ายแรงกว่า เพราะได้บอกถึงแผนการยึดกองทัพของนักการเมือง และการติดสินบนผู้บริหารระดับสูงของเหล่าทัพ ซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อระบอบประชาธิปไตย ดังที่คำสนทนาในคลิปได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าภายในปี2557 จะสามารถคุมกองทัพทั้งหมดอยู่ในมือของนักโทษหนีคุกได้อย่างเบ็ดเสร็จ เมื่อผนวกกับการที่รัฐบาลหุ่นเชิดของน้องสาวนักโทษหนีคุกสามารถคุมเสียงข้างมากในสภานิติบัญญัติ ทำให้มีความเหิมเกริมในอำนาจเสียงข้างมากของตนเอง ดังปรากฎให้เห็นอย่างชัดเจนในการเสนอและผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมคดีทุจริตคอรัปชั่นของนักโทษหนีคุก และนักการเมืองในเครือข่ายของตน และยังได้เสนอกฎหมายอีกหลายฉบับเพื่อกระชับอำนาจของฝ่ายการเมืองอยู่ในมือ
การที่ระบอบทักษิณที่เข้าสู่อำนาจทางการเมืองโดยใช้พิธีกรรมการเลือกตั้งในระบบการเลือกตั้งที่เป็นการขายตรงทางเมือง อาศัยประชานิยม และอุปถัมน์นิยมเป็นเครื่องมือ สามารถควบรวมอำนาจบริหาร อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจตำรวจ อำนาจทางเศรษฐกิจ และกำลังจะควบรวมอำนาจของกองทัพเข้ามาอยู่ในมือ ซึ่งคือการควบรวมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จโดยอาศัยพิธีกรรมเลือกตั้งที่เร่งรัดให้มีขึ้นในวันที่ 2ก.พ.57
ในประเทศที่มีการตรวจสอบที่เข้มแข็ง และผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งที่มีความตื่นตัวอย่างสูง และสื่อที่ทำหน้าที่อย่างมืออาชีพ ถ้าเกิดกรณีเช่นนี้ขึ้น หัวหน้ารัฐบาล และผู้นำเหล่าทัพ ไม่สามารถดำรงตำแหน่งอยู่ได้ โดยไม่ถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้น แต่ในประเทศไทยที่กลไกการตรวจสอบอ่อนแอ มาตรฐานทางจริยธรรมของนักการเมือง และข้าราชการตกต่ำ ทำให้คนเหล่านี้ลอยนวลอยู่ได้อย่างมีหน้ามีตาในสังคม
ถ้าต้องการให้การเลือกตั้งเป็นทางออกที่ตอบสนองต่อการแก้ปัญหาการเข้ามาผูกขาดอำนาจรัฐ และการใช้อำนาจรัฐอย่างฉ้อฉลของนักการเมือง สิ่งที่จะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนก่อนการเลือกตั้งคือ
1) ต้องขจัดอิทธิพลของระบอบทักษิณออกจากการเมืองไทย โดยเหตุผลจากแผนการร้ายที่จะยึดกองทัพเพื่อประโยชน์ของตนเอง ที่ปรากฎในบทสนทนาในคลิปถั่งเช่า นายกรัฐมนตรีรักษาการจะต้องลาออก เพราะไม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้ดูแลการเลือกตั้ง และเข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือมีบทบาททางการเมืองในการจัดตั้งสภาปฏิรูป หรือสภาประชาชนดังที่ผู้นำเหล่าทัพได้นำเสนอ
2) ผู้นำกองทัพต้องดำรงตนอยู่ในความไว้วางใจของประชาชน เพื่อรักษาสถาบันกองทัพในการรับใช้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนในระบอบประชาธิปไตย ไม่ให้ตกเป็นกองกำลังส่วนตัวของนักการเมือง ดังนั้นเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ดังกล่าว จึงเห็นสมควรให้มีการปฏิรูปกองทัพที่ไม่ให้นักการเมืองเข้ามาแทรกแซง แต่งตั้งโยกย้าย ติดสินบนนายทหารระดับสูงเพื่อประโยชน์ของนักการเมืองก่อนการเลือกตั้ง
3) ปฏิรูประบบการเลือกตั้งโดยเปิดโอกาสให้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจเข้ามารื้อสร้างระบบ กลไกการเลือกตั้งให้มีประสิทธิภาพในการคัดเลือกคนดี มีความสามารถเข้าสู่สภา เพื่อไม่ให้การเลือกตั้งเป็นเพียงพิธีกรรมที่ให้นักเลือกตั้งเข้ามาลงทุนและถอนทุนในธุรกิจการเมืองอีกต่อไป
พระมหากษัตริย์ และประชาชน เป็นเจ้าของบ้าน ในขณะที่ทหาร ตำรวจ คือ ร.ป.ภ มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับเจ้าของบ้าน หากมีโจร หรืออาชญากรเข้ามาติดสินบน ร.ป.ภ ได้สำเร็จ เจ้าของบ้านจะอยู่อย่างปลอดภัย และร่มเย็นเป็นสุขได้อย่างไร
สิ่งที่ชายคนที่ 2 ในคลิปถั่งเช่า ได้กล่าวปรามาสว่า ไม่กลัวประชาชนมาต่อต้าน ขอเพียงให้ทหารอยู่ข้างชายคนที่ 2 ก็จบแล้ว มาบัดนี้ประชาชนเจ้าของบ้านได้ลุกขึ้นมาลบคำปรามาสนั้นแล้ว และจะออกมาปกบ้านป้องเมือง และปกป้องกองทัพและตำรวจให้ดำรงตนอยู่ในหน้าที่อย่างมีวินัยและซื่อสัตย์สุจริต ไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองที่เข้ามาฉกฉวยผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง และทำร้ายประเทศ โดยผ่านระบบการเลือกตั้งที่อ่อนแอ ไร้ประสิทธิภาพที่จะต่อสู้กับอำนาจอันทรงอิทธิพลของนักลงทุนทางการเมืองดังที่เห็นและเป็นอยู่ในเวลานี้