นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. แถลงว่า ยอดตัวเลขผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ที่หน่วยงานรัฐแถลงออกมามีการบิดเบือนตัวเลขมวลมหาประชาชนไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือสภาความมั่นคงแห่งชาติ
ทั้งนี้ กปปส.ได้ใช้หลักวิชาการคำนวนตัวเลขผู้มาชุมนุมแล้ว โดยมีนายขวัญสรวง อติโพธิ ผู้เชี่ยวชาญด้านผังเมืองเป็นผู้คำนวน ประเมินว่ามีผู้มาชุมนุมทั้งที่เวทีราชดำเนิน และ 5 เวทีใหญ่ทั่วกรุงเทพมหานคร ในเวลา 18.00 น.รวม 6 ล้านคน โดยการคำนวณแบ่งเป็นที่เวทีราชดำเนิน ซึ่งมีพื้นที่รวม 2.2 แสนตารางเมตร รวมถึงบริเวณฟุตบาท และข้างทาง มีประชาชนมาร่วมราว 4.8 ล้านคน ส่วนอีก 5 เวทีหลักก็มีการคำนวนในหลักเดียวกัน ประเมินมีผู้ชุมนุมราว 1.1 ล้านคน
อีกด้านนายสมชาย แสวงการ สว.สรรหา ได้โพสต์ตัวเลขแสดงยอดผู้ชุมนุมกลุ่มกปปส. เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ของ ศอ.รส. และ สตช. โดยระบุว่ามียอดผู้ชุมนุมอยู่ที่ 135,700 คนในเวลา 16.00 น.
"ดูตัวเลขศอ.รส.และ สตช.แล้วจะเข้าใจว่า ทำไมจึงควรถูกปฏิรูปสตช. และราชการไทย เราทุกคนที่ออกไปเดินกับมวลมหาประชาชน เห็นและสัมผัสได้ดีครับว่าจำนวนประชาชนมากกว่าที่สตช.และศอ.รส.รายงานหลายๆล้านคน"
สำหรับรายงานตัวเลขของ กปปส. ในช่วงเวลา 18.00-19.00 น. ซึ่งมีมวลชนเข้าร่วมมากที่สุด สรุปจำนวนคร่าวๆ อยู่ระหว่าง 4-6 ล้านคน เนื่องจากช่วงเวลา 17.00-18.00 น. มวลชนใน 5 เวที ซึ่งมีพื้นที่รวม 6.5 แสน ตร.ม. อยู่ที่ 4.8 ล้านคน
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำ กปปส. อธิบายว่า กปปส. เก็บสถิติ 3 แนวทาง ได้แก่ เฮลิคอปเตอร์ โดรน 6 ตัว และรูปถ่ายมุมสูง จากนั้นจึงนำมาคำนวณกับพื้นที่ด้วยสูตรคณิตศาสตร์
นายเอกนัฎ ยังกล่าวถึงกรณี มีกระแสข่าวว่า สหรัฐฯขึ้นบัญชีดำห้ามไม่ให้ 14 แกนนำ กปปส. เข้าประเทศว่า เป็นการปล่อยข่าวที่ไม่เป็นความจริง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กในการเผยแพร่ข่าวดังกล่าว ถือว่าเป็นการปั่นป่วนให้ประชาชนเข้าใจผิด
อย่างไรก็ตามลักษณะเช่นเดียวกันกับกรณีที่ตำรวจปล่อยข่าวว่า กปปส.ให้ตำรวจไปรายงานกับอบต. ทั้งนี้ยืนยันว่าแกนนำยังไม่ใช่ผู้กระทำความผิดและยังไม่มีหมายจับไม่เหมือนกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกศาลตัดสินและสั่งให้จำคุกแล้ว ขณะนี้แกนนำยังเป็นผู้บริสุทธิ์ และชุมนุมถูกต้องตามกฎหมาย
ด้านวอลเตอร์ บราวโนห์เลอร์ โฆษกสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ แถลงปฏิเสธข่าวที่ว่า สถานทูตสหรัฐฯ เสนอเรื่องไปยังกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯให้ขึ้นบัญชีดำ 14 แกนนำกปปส. โดยระบุว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง อย่างไรก็ดี ตามนโยบายของการออกวีซ่า ทางสถานทูตไม่สามารถออกความเห็น หรือให้รายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับผู้ขอรับวีซ่าได้
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้มีข่าวมาจากแฟนเพจของซีกรัฐบาล และทางตำรวจ เผยแพร่แหล่งข่าวทางการทูตระบุว่า ในขณะนี้สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้ทำรายงานเสนอไปยังกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อพิจารณาเป็นการภายใน และส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการนำเสนอชื่อแกนนำ กปปส. 14 คน ขึ้นบัญชีบุคคลต้องห้ามเข้าประเทศ ซึ่งจะทำให้แกนนำทั้ง 14 ราย จะไม่ได้รับอนุญาตเดินทางเข้าไปยังประเทศสหรัฐฯ ตามระยะเวลาที่ระบุตามประเภทแบล็กลิสต์นั้นๆ และอาจจะส่งผลให้ไม่สามารถเดินทางไปยังประเทศอื่น ๆ ที่เป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ ได้
ทั้งนี้ กปปส.ได้ใช้หลักวิชาการคำนวนตัวเลขผู้มาชุมนุมแล้ว โดยมีนายขวัญสรวง อติโพธิ ผู้เชี่ยวชาญด้านผังเมืองเป็นผู้คำนวน ประเมินว่ามีผู้มาชุมนุมทั้งที่เวทีราชดำเนิน และ 5 เวทีใหญ่ทั่วกรุงเทพมหานคร ในเวลา 18.00 น.รวม 6 ล้านคน โดยการคำนวณแบ่งเป็นที่เวทีราชดำเนิน ซึ่งมีพื้นที่รวม 2.2 แสนตารางเมตร รวมถึงบริเวณฟุตบาท และข้างทาง มีประชาชนมาร่วมราว 4.8 ล้านคน ส่วนอีก 5 เวทีหลักก็มีการคำนวนในหลักเดียวกัน ประเมินมีผู้ชุมนุมราว 1.1 ล้านคน
อีกด้านนายสมชาย แสวงการ สว.สรรหา ได้โพสต์ตัวเลขแสดงยอดผู้ชุมนุมกลุ่มกปปส. เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ของ ศอ.รส. และ สตช. โดยระบุว่ามียอดผู้ชุมนุมอยู่ที่ 135,700 คนในเวลา 16.00 น.
"ดูตัวเลขศอ.รส.และ สตช.แล้วจะเข้าใจว่า ทำไมจึงควรถูกปฏิรูปสตช. และราชการไทย เราทุกคนที่ออกไปเดินกับมวลมหาประชาชน เห็นและสัมผัสได้ดีครับว่าจำนวนประชาชนมากกว่าที่สตช.และศอ.รส.รายงานหลายๆล้านคน"
สำหรับรายงานตัวเลขของ กปปส. ในช่วงเวลา 18.00-19.00 น. ซึ่งมีมวลชนเข้าร่วมมากที่สุด สรุปจำนวนคร่าวๆ อยู่ระหว่าง 4-6 ล้านคน เนื่องจากช่วงเวลา 17.00-18.00 น. มวลชนใน 5 เวที ซึ่งมีพื้นที่รวม 6.5 แสน ตร.ม. อยู่ที่ 4.8 ล้านคน
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำ กปปส. อธิบายว่า กปปส. เก็บสถิติ 3 แนวทาง ได้แก่ เฮลิคอปเตอร์ โดรน 6 ตัว และรูปถ่ายมุมสูง จากนั้นจึงนำมาคำนวณกับพื้นที่ด้วยสูตรคณิตศาสตร์
นายเอกนัฎ ยังกล่าวถึงกรณี มีกระแสข่าวว่า สหรัฐฯขึ้นบัญชีดำห้ามไม่ให้ 14 แกนนำ กปปส. เข้าประเทศว่า เป็นการปล่อยข่าวที่ไม่เป็นความจริง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กในการเผยแพร่ข่าวดังกล่าว ถือว่าเป็นการปั่นป่วนให้ประชาชนเข้าใจผิด
อย่างไรก็ตามลักษณะเช่นเดียวกันกับกรณีที่ตำรวจปล่อยข่าวว่า กปปส.ให้ตำรวจไปรายงานกับอบต. ทั้งนี้ยืนยันว่าแกนนำยังไม่ใช่ผู้กระทำความผิดและยังไม่มีหมายจับไม่เหมือนกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกศาลตัดสินและสั่งให้จำคุกแล้ว ขณะนี้แกนนำยังเป็นผู้บริสุทธิ์ และชุมนุมถูกต้องตามกฎหมาย
ด้านวอลเตอร์ บราวโนห์เลอร์ โฆษกสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ แถลงปฏิเสธข่าวที่ว่า สถานทูตสหรัฐฯ เสนอเรื่องไปยังกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯให้ขึ้นบัญชีดำ 14 แกนนำกปปส. โดยระบุว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง อย่างไรก็ดี ตามนโยบายของการออกวีซ่า ทางสถานทูตไม่สามารถออกความเห็น หรือให้รายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับผู้ขอรับวีซ่าได้
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้มีข่าวมาจากแฟนเพจของซีกรัฐบาล และทางตำรวจ เผยแพร่แหล่งข่าวทางการทูตระบุว่า ในขณะนี้สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้ทำรายงานเสนอไปยังกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อพิจารณาเป็นการภายใน และส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการนำเสนอชื่อแกนนำ กปปส. 14 คน ขึ้นบัญชีบุคคลต้องห้ามเข้าประเทศ ซึ่งจะทำให้แกนนำทั้ง 14 ราย จะไม่ได้รับอนุญาตเดินทางเข้าไปยังประเทศสหรัฐฯ ตามระยะเวลาที่ระบุตามประเภทแบล็กลิสต์นั้นๆ และอาจจะส่งผลให้ไม่สามารถเดินทางไปยังประเทศอื่น ๆ ที่เป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ ได้