ASTVผู้จัดการรายวัน-"ธาริต"เบ่งกล้าม! เรียก 18 แกนนำ กปปส. รับทราบข้อหา พร้อมสั่งอายัดบัญชี ฟัดดะถึงนายทุน บริษัท ห้างร้าน เจ้าของรถ ที่ให้การสนับสนุน "ชัยเกษม"ขู่ฟ่อ ใครร่วมม็อบ ระวังเจอคดีพิเศษ ด้าน กปปส. ซัดดีเอสไอทำตัวเป็นทาส "ทักษิณ" แจงนานาชาติ ทำไมต้องไล่รัฐบาล "สุเทพ"ลั่น 22 ธ.ค. ปิดกทม.ถึง 6 โมงเย็น ย้ำ "ปู" ไม่ออก ไม่เลิกไล่ สมช.เย้ย ก็แค่อยากเช็กกระแส 7 องค์กรเอกชนถาม นปช. ทำไงถึงจะสงบ
วานนี้ (18 ธ.ค.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้แถลงข่าวภายหลังการประชุมพนักงานสอบสวนจากดีเอสไอ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และอัยการเพื่อวางแนวทางในการสอบสวนคดีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) พร้อมพวก ซึ่งเป็นการประชุมคณะพนักงานสอบสวนเป็นครั้งแรก เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องเร่งด่วนและจำเป็น
นายธาริตกล่าวว่า ที่ประชุมได้มีมติดำเนินการเร่งด่วนทันที โดยจะออกหมายเรียกแกนนำผู้ชุมนุมอีก 17 คน ให้มารับทราบข้อกล่าวหา โดยเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากที่พนักงานสอบสวนของ บชน. ได้ดำเนินการขอศาลออกหมายจับไว้ แต่ศาลได้สั่งให้ดำเนินการออกหมายเรียกก่อน โดยจะส่งหมายเรียกให้มีผลตามกฎหมายทันทีในวันนี้ หากไม่มาตามนัดจะขออนุมัติศาลออกหมายจับทันที ส่วนการจับกุมนายสุเทพที่ถูกออกหมายจับในคดีกบฏ จะพิจารณาความเหมาะสมตามสถานการณ์ที่เหมาะสม ตนไม่ห่วงเพราะคดีมีอายุความ 20 ปี
ทั้งนี้ ยังได้ออกคำสั่งอายัดบัญชีของแกนนำผู้ชุมนุมรวม 18 คน เนื่องจากศาลได้อนุมัติหมายจับนายสุเทพ และให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกแกนนำอีก 17 คน มารับทราบข้อกล่าวหา โดยบุคคลทั้ง 18 คน ดังกล่าวจึงอยู่ในข่ายผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด มีมูลเบื้องต้นจากการถูกออกหมายจับ และหมายเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหาและทำการสอบสวนแล้ว จึงมีพยานหลักฐานตามสมควรว่ามีเหตุน่าเชื่อว่าได้ร่วมกระทำความผิด เพื่อประโยชน์ในการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ในการจะใช้พิสูจน์ความผิดหรือบริสุทธิ์ของผู้ต้องหาทั้ง 18 คน ตามที่พนักงานสอบสวนของ สตช. ได้ดำเนินการเบื้องต้น ดีเอสไอจึงออกคำสั่งแจ้งไปยังธนาคารทุกแห่งให้อายัดบัญชีนายสุเทพ และแกนนำรวม 18 คน ในทุกบัญชี ทุกประเภท ทุกธนาคาร และให้ธนาคารนั้นๆ จัดส่งหลักฐานการเดินบัญชี (Statement) ย้อนหลัง 6 เดือน ให้ดีเอสไอโดยด่วนที่สุด โดยจะส่งหนังสือแจ้งคำสั่งไปยังธนาคารทุกธนาคารในวันนี้
"การสั่งอายัดบัญชีของแกนนำทั้ง 18 คนนี้ จะกระทำพร้อมกับสั่งอายัดบัญชีที่แกนนำ กปปส. ได้ประกาศไว้ให้เป็นบัญชีรับบริจาคเพื่อสนับสนุนการชุมนุม ขณะนี้พบมี 2 บัญชี"
สำหรับการอายัดบัญชีและตรวจสอบย้อนหลัง 6 เดือนนี้ เพื่อการตรวจสอบแสวงหาพยานหลักฐาน คาดว่าผลการตรวจสอบย้อนหลัง 6 เดือนในบัญชีจะทำให้เห็นความเคลื่อนไหวของกระแสเงิน และจะทำให้ทราบว่ามีผู้ให้การสนับสนุนในลักษณะท่อน้ำเลี้ยงที่ให้เงินผ่านบัญชีแกนนำและบัญชีรับบริจาคกี่คน กี่ครั้ง จำนวนเงินเท่าใดบ้าง จึงขอเตือนให้กลุ่มทุนหรือท่อน้ำเลี้ยงที่สนับสนุนการชุมนุมที่ผิดกฎหมายให้หยุดการสนับสนุนการกระทำผิดเสียทันที โดยเฉพาะเมื่อดีเอสไอได้ประกาศแจ้งเตือน หากยังฝ่าฝืนจะถือว่ามีเจตนาสนับสนุนหรือร่วมกระทำผิดกับบรรดาแกนนำอย่างเจตนาโดยชัดเจน
นอกจากนี้ ดีเอสไอจะออกหมายเรียกเจ้าของยานพาหนะ บริษัท ร้านค้า ที่ให้การสนับสนุนการชุมนุมมาสอบสวน เนื่องจากข้อมูลที่พนักงานสอบสวนของ สตช. ร่วมกับพนักงานสอบสวน ดีเอสไอ ได้ดำเนินการร่วมกันมา พบว่ามีเจ้าของยานพาหนะ บริษัท ร้านค้า ให้การสนับสนุนการชุมนุมที่ผิดกฎหมายจำนวนหนึ่ง เพื่อคัดกรองว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวเข้ามาร่วมให้การบริการ เพราะรับจ้างมาหรือจงใจสนับสนุนเป็นข้อเท็จจริงประการใด จึงจะได้ออกหมายเรียกบุคคลดังกล่าวมาสอบสวน เพื่อให้ได้ทราบความจริงประกอบการดำเนินคดีต่อไป ซึ่งจะเริ่มดำเนินการทันที
สำหรับรายชื่อดีเอสไอต้องทำการออกหมายเรียกรวม 17 คน ประกอบด้วย วันที่ 26 ธ.ค.เวลา 14.00 น. ประกอบด้วย 1.นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย 2.นายชุมพล จุลใส 3.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ 4.นายอิสสระ สมชัย 5.นายวิทยา แก้วภราดัย 6.นายถาวร เสนเนียม 7.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ 8.เอกนัฏ พร้อมพันธ์ 9.น.ส.อัญชลี ไพรีรัก
ส่วนวันที่ 27 ธ.ค.เวลา 14.00 น. ประกอบด้วย 10.นายนิติธร ล้ำเหลือ 11.นายอุทัย ยอดมณี 12.ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ 13.พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ 14.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 15.นายยศศักดิ์ โกไศยกานนท์ 16.พ.ต.ท.ศุภวัฒน์ สุปิยะพาณิชย์ และ17.นายสมบูรณ์ ทองบุราญ
**“ชัยเกษม”ขู่ใช้คดีพิเศษเล่นงานผู้ชุมนุม
นายชัยเกษม นิติสิริ รักษาการ รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงการนัดชุมนุมขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า ในส่วนของแกนนำ ไม่สามารถเตือนได้ ส่วนผู้ชุมนุมที่จะร่วมเดินขบวน ขอให้พิจารณาอย่างรอบคอบ ต้องคิดถึงบ้านเมือง และครอบครัว การเข้าร่วมเดินขบวนอาจนำความเดือดร้อนให้ตัวเองและครอบครัว เพราะดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษแล้ว
***ซัด"ธาริต"ทำผิดกฎหมาย-กลั่นแกล้ง
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำ กปปส. กล่าวว่า นายธาริตใช้อำนาจอะไรในการออกคำสั่ง เพราะการอายัดต้องชัดเจนว่าบัญชีนั้นได้มาจากการทุจริตหรือไม่ แต่บัญชีแกนนำทั้งหมดได้มาด้วยความสุจริต อีกทั้งก่อนลาออกจากการเป็น ส.ส. ก็ได้ยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำหน้าที่ตรวจสอบแล้ว การจะอายัดตาม พ.ร.บ.กรมสอบสวนคดีพิเศษ มาตรา 24 ต้องมีการเรียกธนาคารมาสอบถามถึงที่มาที่ไปของบัญชี และการอายัดบัญชีครัวราชดำเนิน ก็อยากถามว่าผิดตรงไหน การการออกคำสั่งอายัดครั้งนี้ ถือว่าทำผิดกฎหมาย และเป็นการใช้อำนาจกลั่นแกล้ง เป็นความเลวร้ายของข้าราชการในระบอบทักษิณ ทั้งนี้ ได้ให้ฝ่ายกฏหมายไปศึกษาเพื่อเพิกถอนคำสั่งแล้ว และจะมีการฟ้องกลับทางนายธาริต เนื่องจากมีการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ
***บุกสตช.ทวงความคืบหน้าคดียิงน.ศ.รามฯ
วันเดียวกันนี้ กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. นำโดยนายถาวร เสนเนียม ได้ไปชุมนุมที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนพระราม 1 เพื่อทวงถามความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของนศ. มหาวิทยาลัยรามคำแหง เนื่องจากเกรงว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเลือกปฏิบัติ โดยปราศรัยว่า ในคดีเผารถบัสของคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้าม สามารถจับกุมคนร้ายได้เร็ว แต่คดียิงนักศึกษายังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก กลุ่มผู้ชุมนุมได้เป่านกหวีด และโบกธงชาติไทย และยืนบนผิวการจราจร ส่งผลให้การจราจรถนนพระรามที่ 1 ฝั่งขาเข้า ต้องปิดไปโดยปริยาย
***กปปส.ระดมสมองหาทางออกประเทศ
ที่หอประชุมใหญ่ ตึกสุโขทัย มหาวิทยาลัยรามคำแหง กปปส. ได้ร่วมกับสภานักศึกษา และองค์การนักศึกษา ม.รามคำแหง จัดเวทีเสวนาสมัชชามวลมหาประชาชน ภายใต้หัวข้อ “ทางออกประเทศไทย ปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง”
นายสุเทพกล่าวว่า ประชาชนทุกภาคส่วนได้ยอมรับแล้วว่า เราต้องมีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง และขอยืนยันว่า สภาประชาชนไม่ใช่ระบอบคอมมิวนิสต์ แต่เป็นสภาที่มาจากประชาชนจริงๆ ไม่มีนักการเมืองมาเกี่ยวข้อง แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะต้องลาออกจากตำแหน่งเสียก่อน เพื่อให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง แล้วสามารถตั้งรัฐบาลเฉพาะการขึ้นมาแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง
นายเจษฎ์ โทณวนิก คณะบดีคณะนิติศาสตร์ ม.สยาม กล่าวถึงการได้มาถึงสภาประชาชนว่า มีช่องทางตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 187 เพื่อขยายกรอบเวลาการเลื่อนตั้งในวันที่ 2 ก.พ.ออกไปได้ แต่รัฐบาล และคณะรัฐมนตรีรักษาการชุดนี้ต้องลาออกเสียก่อน จากนั้นเอาวุฒิสภามาเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ หรือหาคนกลางมาเป็นนายกรัฐมนตรี ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ที่ให้อำนาจรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรี 1 ใน 5 สามารถเสนอแก้รัฐธรรมนูญได้ นอกจากนั้นรัฐธรรมนูญได้ระบุไว้ว่าให้อำนาจกับประชาชน 50,000 รายชื่อ สามารถเสนอให้วุฒิสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 171 ที่ระบุว่านายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น จากนั้นก็จะมีสภาประชาชนได้ และให้ทางรองประธานวุฒิสภานำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวนำขึ้นทูลเกล้าฯ และเราก็จะได้นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีที่เป็นหวังของประชาชนได้
ด้านนายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลยังยืนยันการเลือกตั้ง ตนขอเสนอให้ประชาชนต่อต้านการเลือกตั้ง และล้มการเลือกตั้ง เพราะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
นายคมสัน โพธิ์คง อดีต ส.ส.ร.2550 กล่าวว่า ประชาชนไม่ไว้ใจรัฐบาลในการบริหารประเทศ แต่รัฐธรรมนูญบอกว่าคนที่จะมาบริหารต้องมาจากการเลือกตั้ง แต่ในเมื่อรัฐบาลไม่เคารพประชาชน แล้วจะเลือกตั้งทำไม หากรัฐบาลยังมีจิตสำนึกแห่งความเป็นคน ก็ต้องดำเนินการให้มีปฏิรูป ก่อนการเลือกตั้ง
***กปปส.แจงนานาชาติต้องไล่รัฐบาล
รายงานแจ้งว่า เมื่อเวลา17.00 น. สถานเอกอัครราชทูตสวิสเซอร์แลนด์ และสถานเอกอัครราชทูตรัสเซีย ประจำประเทศไทย ได้ส่งตัวแทนเข้ารับฟังข้อเท็จจริงรวมถึงแนวทางการปฏิรูปประเทศและเจตนารมณ์การชุมนุมของ กปปส. รวมทั้งตัวแทนจากภาคเอ็นจีโอ อาทิ นายแททธิว วีเลอร์ นักวิจัยโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตัวแทนจากกาชาดสากล เข้าร่วม โดยมีนายสุเทพ ทำหน้าชี้แจง พร้อมด้วยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกกปปส. และมีนายเสรี วงศ์มณฑา ทำหน้าที่ล่ามแปลให้กับนานาชาติที่เข้าร่วมรับฟัง ขณะที่ ร.ต.แซมดิน เลิศบุตย์ และพล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี แกนนำกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ได้เข้าร่วมในงานดังกล่าวด้วย โดยใช้เวลาพูดคุยนานประมาณ 2 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ภายหลังหารือตัวแทนที่เข้าร่วมรับฟัง ไม่ได้ตอบข้อซักถามใดๆ กับสื่อมวลชน ขณะที่การ์ดได้นำตัวออกจากพื้นที่ชุมนุมทันที อีกทั้งการชี้แจงของกลุ่มกปปส.กับนานาชาติ ไม่อนุญาติให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังด้วย
มีรายงานแจ้งถึงบรรยากาศการชี้แจง ได้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้ซักถามอย่างเต็มที่ ซึ่งนายสุเทพ ชี้แจงว่า การชุมนุมของภาคประชาชน เป็นอำนาจตามมาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เนื่องด้วยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มีความชอบธรรม ทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรม พร้อมยืนยันว่า ปัญหาขณะนี้ไม่สามารถแก้ไขด้วยการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว ต้องปฏิรูปประเทศด้วย
***จี้ศอ.รส.แจง50ประเทศหนุนเลือกตั้ง
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกกปปส. กล่าวว่า กรณีนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รักษาการ รมว.ต่างประเทศ และผู้อำนวยการ ศอ.รส. พยายามอ้างแถลงการณ์ของต่างชาติในวันที่ 9 ธ.ค.ว่า มีกว่า 50 ประเทศ สนับสนุนให้มีการเลือกตั้ง เพื่อเป็นการสร้างความชอบธรรมให้กับรัฐบาล ก็อยากให้ชี้แจงว่ามีประเทศไหนบ้าง เพราะจากการติดตามมีแค่ 20 กว่าประเทศเท่านั้นที่ออกแถลงการณ์ โดย กปปส. จะทำการชี้แจงกับประเทศต่างๆ ถึงเหตุผลในการขับไล่รัฐบาลต่อไป
นอกจากนี้ กปปส. เตรียมเดินรณรงค์ในวันนี้ (19ธ.ค.) เพื่อให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง โดยเริ่มจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ผ่านถ.ผ่านฟ้า นางเลิ้ง เข้าถ.เพชรบุรี อโศก อีกทั้งยังได้จัดทำหนังสือพิมพ์ฉบับพิเศษจำนวนกว่าแสนฉบับ เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนตามเส้นทางที่ได้เดินไปด้วย
***"สุเทพ"ลั่น22ธ.ค.ปิดกทม.ชุมนุม
เมื่อเวลา 20.30 น. นายสุเทพ ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยว่า นายธาริต จะออกหมายเรียกพวกที่ร่วมเป็นคณะกรรมการ กปปส. และคนที่มาช่วยทำงาน โดยให้ไปรายงานตัววันที่ 26 ธ.ค. ตนบอกไว้เลยว่าไม่ไป เพราะยังไม่ว่าง กำลังต่อสู้เพื่อไล่ยิ่งลักษณ์ออกจากตำแหน่ง จะให้ทนายไปเลื่อน ไล่เสร็จวันไหนจะไปมอบตัวทุกคน ไม่หนี
ส่วนวันที่ 22 ธ.ค. จะเริ่มรายการบ่ายโมงตรง ใครอยู่ใกล้ตรงไหนออกมาสมทบตรงนั้น สถานที่ที่จะชวนมาสมทบ เริ่มตั้งแต่ราชดำเนิน อุรุพงษ์ ตลอดแนวถนนเพชรบุรี และมีเวทีย่อยที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สำหรับพี่น้องที่เดินทางมาทางตอนเหนือของกรุงเทพฯ โดยจะมีจอขนาดใหญ่ถ่ายทอดรายการจากเวทีราชดำเนิน ให้พี่น้องอยู่ตามที่ต่างๆ ได้มีส่วนร่วมกับเวที และยังมีที่ราชเทวี สี่แยกปทุมวัน สามย่าน สีลม ถนนสุขุมวิทจะมีจอใหญ่อยู่ที่สี่แยกปทุมวัน และมีจอใหญ่ที่สี่แยกราชประสงค์ และอโศก ถนนเพชรบุรี สุขุมวิท พระรามสี่
ทั้งนี้ ได้คำนวนไว้ว่า พื้นที่ชุมนุมทั้งหมดนี้มี 577,194 ตารางเมตร ชุมนุมได้ 3 คน ใน 1 ตารางเมตร ฉะนั้นอย่างน้อย 1,731,582 คน ถ้ามามากเบียดกันได้ 4 คน ใน 1 ตารางเมตร ฉะนั้นจะมีผู้มาชุมนุมถึง 2,308,776 คน
"รอดูกันเท่าไรกันแน่ 22 ธ.ค. นี้ ขอให้พี่น้องชาวไทยที่รักชาติรักแผ่นดิน อยู่บนถนนทุกสายที่กราบเรียนไปแล้ว เลือกวันอาทิตย์ เพระไม่อยากให้เดือดร้อนมาก แต่ต้องขอโทษล่วงหน้าที่ต้องปิดกรุงเทพฯ ครึ่งวัน ตั้งแต่บ่ายจนถึง 6 โมงเย็น เคารพธงชาติเสร็จแยกย้ายกลับบ้าน ให้ยิ่งลักษณ์เห็นพลังมวลมหาประชาชนว่าคนออกมาไล่มีเท่าไร ถ้ายังด้าน นัดใหม่ ออกมาจนมันไป ต้องชุมนุมแสดงพลังให้เห็นว่าคนที่ไม่สามารถทนระบอบทักษิณมีแต่เพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ออกมารวมพลังกัน"
**ผบ.สส.ยันไม่จำเป็นต้องเคลียร์ปลัดกห.
พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.นิพัทธิ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ออกมาระบุว่า ผบ.เหล่าทัพ สนับสนุนให้มีการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.2557 ว่า เดี๋ยวก็เจอกันในการประชุมสภากลาโหม ในวันศุกร์ที่ 20 ธ.ค.นี้ แต่ไม่จำเป็นต้องเคลียร์กัน ทุกคนเป็นผู้ใหญ่ ก็มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น งานก็เป็นงานของเขา จุดยืนของกองทัพก็ต้องอยู่ในระเบียบวินัย ส่วนใครจะรักใครชอบใครก็ทำไป ถึงเวลางานก็ต้องไปทำ ในส่วนปลัดกระทรวงกลาโหม อาจจะเป็นนโยบายของท่านที่ต้องสนับสนุนการเลือกตั้ง ท่านก็ดูในเรื่องกติกาอยู่ ท่านเป็นระดับนโยบายของกระทรวงกลาโหม
***สมช.ชี้ กปปส.แค่อยากเช็กกระแส
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงกำหนดการเคลื่อนไหวเดินขบวนของกลุ่ม กปปส. ในวันที่ 22 ธ.ค.ว่า เป็นเพราะกลุ่ม กปปส. ต้องการประเมินสถานการณ์ของตัวเองที่เป็นอยู่ โดยจัดกิจกรรมขึ้นมาเพื่อหยั่งกระแสสังคมว่าแปรเปลี่ยนไปทิศทางใดหรือไม่ จึงส่งสัญญาณเคลื่อนไหว วันที่ 19 -20 ธ.ค.นี้ก่อน เพื่อดูปฏิกิริยามวลชนต่อสถานการณ์ปัจจุบัน และยังสัมพันธ์กับพรรคประชาธิปัตย์ที่จะมีท่าทีต่อการเลือกตั้งในวันที่ 21 ธ.ค.ด้วย เพราะจะใช้การเคลื่อนไหวดังกล่าว เป็นข้อมูลตัดสินใจว่า จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือไม่
"การตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ จะส่งผลต่อวันที่ 22 ธ.ค. แน่นอน เพราะหากส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งจะทำให้มวลชนลดน้อยถอยลง เนื่องจาก กปปส. เองไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้งอยู่แล้ว แต่หากบอยคอต จะส่งผลให้ผู้ชุมนุมมีจำนวนมากขึ้น" พล.ท.ภราดร กล่าว
***"ปู"ยังหวัง กปปส. ยอมมาพูดคุย
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมประกาศจะเดินทางไปที่บ้านพัก เพื่อเรียกร้องให้ลาออกว่า แม้ผู้ชุมนุมจะมีสิทธิในการชุมนุมเรียกร้อง แต่ขอฝากให้คำนึงถึงกฎหมาย ซึ่งเรื่องต่างๆ ตนได้ชี้แจงไปหมดแล้ว และก็ไม่ใช่จะเป็นคนดื้อรั้น แต่เราก็ไม่อยากให้บ้านเมืองแหกกติกา ทุกคนต่างมีหน้าที่บทบาทของตัวเอง หวังว่าการพูดจากัน จะเป็นทางออกที่ดีของประเทศ และยังหวังที่ กปปส. จะเข้ามาพูดคุย แม้จะเพียงแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ เราก็มีความหวัง
***ซัดเป็นแผนล้มเลือกตั้ง-ล่อปฏิวัติ
พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายสุเทพ ประกาศเคลื่อนมวลชนไปบ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อกดดันให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ว่า เป็นแผนกดดันเพื่อไม่ให้มีการเลือกตั้ง และเพื่อให้เกิดการปฏิวัติ รู้เขารู้เรา ตำราเดียวกัน ทั้งนี้ นายกฯ ไม่ได้กลัว ขอเพียงแต่อย่ามีการปะทะจนมีการบาดเจ็บล้มตาย และเชื่อว่าจะไม่มีการปะทะกันระหว่างมวลชนเสื้อแดงกับมวลชนต่อต้านรัฐบาล พวกมวลชนเสื้อแดงไม่ได้เกเร
***ศาลไม่รับคำร้องสั่งให้ กปปส.เลิกชุมนุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่เอกสารผลการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า ได้มีมติ 6 ต่อ 3 เห็นว่า การชุมนุมของ กปปส. เป็นการใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ มีเหตุผลมาจากความไม่ไว้วางใจในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ถือเป็นการใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ และเป็นการเรียกร้องและแสดงพลังด้วยการสนับสนุนของประชาชนจำนวนมาก ประกอบกับสถานการณ์ตามคำร้องได้พัฒนาไปสู่การยุบสภาและเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งแล้ว จึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัย
***7องค์กรเอกชนพบแกนนำนปช.
วันเดียวกันมีการรับฟังความคิดเห็นระหว่างเครือข่าย 7 องค์กรภาคเอกชน และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ถึงสถานการณ์การเมืองที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีแกนนำนปช.เข้าร่วม เช่น นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รักษาการ รมช.พาณิชย์ และแกนนำ นปช. นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช.
โดยนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า โดยปกติเอกชนจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับภาคการเมือง แต่ครั้งนี้ถือว่าบ้านเมืองไม่ปกติ จึงพยายามรับฟังทุกภาคส่วน โดยหวังว่าประเทศไทยจะเดินไปในทางที่สันติและไม่มีความรุนแรง
จากนั้นนางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เริ่มข้อซักถามว่า ภาคเอกชนก็อยากช่วยหาทางออก แต่ก็อยากทราบว่าจะต้องทำอย่างไรให้คนไทยสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมที่เห็นต่างได้อย่างถาวร อะไรที่จะทำให้ไม่เกิดการออกมาชุมนุมและนำรอยยิ้มกลับมาสู่ประเทศไทยได้อย่างถาวร
นางธิดาตอบข้อซักถามว่า ประการแรก ต้องดูแลไม่ให้เกิดความรุนแรงโดยการระดมให้ประชาชนสองฝ่ายเกลียดชังกัน ประการที่ 2 ต้องดำเนินการทุกอย่างตามกระบวนการของกฎหมาย และประการที่ 3 ทหารควรรักษาความสงบด้วยการไม่รัฐประหาร แม้จะมีใครเรียกร้องให้รัฐประหารก็ตาม
จากนั้นนายณัฐวุฒิ ได้กล่าวเสริมว่า ในทุกสังคมมีความคิดเห็นต่างอยู่แล้ว ตอนนี้ ประกาศวันชกแล้ว คือ 2 ก.พ.2557 ถ้าระหว่างนี้ มีคนฉีกกติกา ล้มเวที นักมวยก็ไม่มีเวทีชก กองเชียร์ก็จะตีกันลั่นเวที ซึ่งตนไม่ได้เรียกร้องจนเกินเลย และให้พวกท่าน (7 องค์กรธุกิจ) เลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เราเรียกร้องให้ท่านแสดงท่าทีว่าบ้านเมืองต้องรักษากฎกติกาไว้ให้ได้
ด้าน นพ.เหวง กล่าวว่า อยากให้เอกชนแสดงท่าทีของความเป็นเจ้าของประเทศด้วยการส่งเสียงโดยไม่ต้องกลัวสูญเสียความเป็นกลางว่าอย่าให้มีรัฐประหารในประเทศไทยอีก
หลังจบการหารือ นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า การรับฟังความคิดเห็น ได้มีมุมมองเดียวกัน คือ ไม่ต้องการเห็นความแตกแยก และต้องการเห็นการเลือกตั้งเกิดขึ้นในประเทศไทย โดยเมื่อรับฟังความเห็นแล้วจะรวบรวมข้อมูลจากทุกฝ่ายเพื่อดูว่าความเห็นส่วนใหญ่นั้นเป็นอย่างไร เพื่อกำหนดเป็นความเห็นของภาคเอกชน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป ส่วนเอกชนจะจัดเวทีกลางอีกหรือไม่ คงต้องพิจารณาดูก่อนว่าจัดแล้วได้ประโยชน์หรือไม่ แต่เอกชนก็พร้อมจะคุยกับทุกฝ่าย
***บึ้มบ้าน "ตั้ง อาชีวะ" รอตรวจก่อน
พล.ต.ท.คํารณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. กล่าวถึงกรณีคนร้ายลอบปาระเบิดใส่ บ้านนายเอกภพ เหลือรา หรือ “ตั้ง อาชีวะ” อายุ22 ปี ผู้ ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่2429/2556 ลงวันที่ 13 ธ.ค.2556 ในข้อหาหมิ่นประมาทดูหมิ่นหรือแสดงความ อาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์พระราชชินี รัชทายาท ฯลฯตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า เหตุเกิดเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 18 ธ.ค. ภายในบ้านเลขที่ 9/279 หมู่ 2 หมู่บ้านทรัพย์เจริญ ซอย29 แขวงและเขตหนองจอก และเมื่อเวลา14.00 น. ได้มอบหมายให้พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวชรอง ผบช.น.เดินทาง ไปตรวจสอบและรับผิดชอบเรื่องการ สืบสวนสอบสวนเบื้องต้น เข้าใจว่าคงมีมือดีนําประทัดยักษ์ไปปาใส่ แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นของกองพิสูจน์หลักฐานพบว่ามีดินระเบิดปะปนอยู่ด้วยจึงต้องขอเวลาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่าเป็นระเบิดชนิดใด
ส่วนกรณีการระบุสาเหตุของเหตุการณ์นี้ต้องรอให้ผลการสอบสวนดําเนินไปสักระยะก่อน ยังไม่สามารถฟันธงได้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน อีกทั้งนายเอกภพเป็นผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง ซึ่งขณะนี้ตํารวจกําลังติดตามจับกุมตัว อยู่ซึ่งตอนเกิดเหตุนาย เอกภพก็ไม่ได้พักอาศัยในบ้านแต่อย่างใด
วานนี้ (18 ธ.ค.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้แถลงข่าวภายหลังการประชุมพนักงานสอบสวนจากดีเอสไอ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และอัยการเพื่อวางแนวทางในการสอบสวนคดีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) พร้อมพวก ซึ่งเป็นการประชุมคณะพนักงานสอบสวนเป็นครั้งแรก เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องเร่งด่วนและจำเป็น
นายธาริตกล่าวว่า ที่ประชุมได้มีมติดำเนินการเร่งด่วนทันที โดยจะออกหมายเรียกแกนนำผู้ชุมนุมอีก 17 คน ให้มารับทราบข้อกล่าวหา โดยเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากที่พนักงานสอบสวนของ บชน. ได้ดำเนินการขอศาลออกหมายจับไว้ แต่ศาลได้สั่งให้ดำเนินการออกหมายเรียกก่อน โดยจะส่งหมายเรียกให้มีผลตามกฎหมายทันทีในวันนี้ หากไม่มาตามนัดจะขออนุมัติศาลออกหมายจับทันที ส่วนการจับกุมนายสุเทพที่ถูกออกหมายจับในคดีกบฏ จะพิจารณาความเหมาะสมตามสถานการณ์ที่เหมาะสม ตนไม่ห่วงเพราะคดีมีอายุความ 20 ปี
ทั้งนี้ ยังได้ออกคำสั่งอายัดบัญชีของแกนนำผู้ชุมนุมรวม 18 คน เนื่องจากศาลได้อนุมัติหมายจับนายสุเทพ และให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกแกนนำอีก 17 คน มารับทราบข้อกล่าวหา โดยบุคคลทั้ง 18 คน ดังกล่าวจึงอยู่ในข่ายผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด มีมูลเบื้องต้นจากการถูกออกหมายจับ และหมายเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหาและทำการสอบสวนแล้ว จึงมีพยานหลักฐานตามสมควรว่ามีเหตุน่าเชื่อว่าได้ร่วมกระทำความผิด เพื่อประโยชน์ในการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ในการจะใช้พิสูจน์ความผิดหรือบริสุทธิ์ของผู้ต้องหาทั้ง 18 คน ตามที่พนักงานสอบสวนของ สตช. ได้ดำเนินการเบื้องต้น ดีเอสไอจึงออกคำสั่งแจ้งไปยังธนาคารทุกแห่งให้อายัดบัญชีนายสุเทพ และแกนนำรวม 18 คน ในทุกบัญชี ทุกประเภท ทุกธนาคาร และให้ธนาคารนั้นๆ จัดส่งหลักฐานการเดินบัญชี (Statement) ย้อนหลัง 6 เดือน ให้ดีเอสไอโดยด่วนที่สุด โดยจะส่งหนังสือแจ้งคำสั่งไปยังธนาคารทุกธนาคารในวันนี้
"การสั่งอายัดบัญชีของแกนนำทั้ง 18 คนนี้ จะกระทำพร้อมกับสั่งอายัดบัญชีที่แกนนำ กปปส. ได้ประกาศไว้ให้เป็นบัญชีรับบริจาคเพื่อสนับสนุนการชุมนุม ขณะนี้พบมี 2 บัญชี"
สำหรับการอายัดบัญชีและตรวจสอบย้อนหลัง 6 เดือนนี้ เพื่อการตรวจสอบแสวงหาพยานหลักฐาน คาดว่าผลการตรวจสอบย้อนหลัง 6 เดือนในบัญชีจะทำให้เห็นความเคลื่อนไหวของกระแสเงิน และจะทำให้ทราบว่ามีผู้ให้การสนับสนุนในลักษณะท่อน้ำเลี้ยงที่ให้เงินผ่านบัญชีแกนนำและบัญชีรับบริจาคกี่คน กี่ครั้ง จำนวนเงินเท่าใดบ้าง จึงขอเตือนให้กลุ่มทุนหรือท่อน้ำเลี้ยงที่สนับสนุนการชุมนุมที่ผิดกฎหมายให้หยุดการสนับสนุนการกระทำผิดเสียทันที โดยเฉพาะเมื่อดีเอสไอได้ประกาศแจ้งเตือน หากยังฝ่าฝืนจะถือว่ามีเจตนาสนับสนุนหรือร่วมกระทำผิดกับบรรดาแกนนำอย่างเจตนาโดยชัดเจน
นอกจากนี้ ดีเอสไอจะออกหมายเรียกเจ้าของยานพาหนะ บริษัท ร้านค้า ที่ให้การสนับสนุนการชุมนุมมาสอบสวน เนื่องจากข้อมูลที่พนักงานสอบสวนของ สตช. ร่วมกับพนักงานสอบสวน ดีเอสไอ ได้ดำเนินการร่วมกันมา พบว่ามีเจ้าของยานพาหนะ บริษัท ร้านค้า ให้การสนับสนุนการชุมนุมที่ผิดกฎหมายจำนวนหนึ่ง เพื่อคัดกรองว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวเข้ามาร่วมให้การบริการ เพราะรับจ้างมาหรือจงใจสนับสนุนเป็นข้อเท็จจริงประการใด จึงจะได้ออกหมายเรียกบุคคลดังกล่าวมาสอบสวน เพื่อให้ได้ทราบความจริงประกอบการดำเนินคดีต่อไป ซึ่งจะเริ่มดำเนินการทันที
สำหรับรายชื่อดีเอสไอต้องทำการออกหมายเรียกรวม 17 คน ประกอบด้วย วันที่ 26 ธ.ค.เวลา 14.00 น. ประกอบด้วย 1.นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย 2.นายชุมพล จุลใส 3.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ 4.นายอิสสระ สมชัย 5.นายวิทยา แก้วภราดัย 6.นายถาวร เสนเนียม 7.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ 8.เอกนัฏ พร้อมพันธ์ 9.น.ส.อัญชลี ไพรีรัก
ส่วนวันที่ 27 ธ.ค.เวลา 14.00 น. ประกอบด้วย 10.นายนิติธร ล้ำเหลือ 11.นายอุทัย ยอดมณี 12.ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ 13.พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ 14.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 15.นายยศศักดิ์ โกไศยกานนท์ 16.พ.ต.ท.ศุภวัฒน์ สุปิยะพาณิชย์ และ17.นายสมบูรณ์ ทองบุราญ
**“ชัยเกษม”ขู่ใช้คดีพิเศษเล่นงานผู้ชุมนุม
นายชัยเกษม นิติสิริ รักษาการ รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงการนัดชุมนุมขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า ในส่วนของแกนนำ ไม่สามารถเตือนได้ ส่วนผู้ชุมนุมที่จะร่วมเดินขบวน ขอให้พิจารณาอย่างรอบคอบ ต้องคิดถึงบ้านเมือง และครอบครัว การเข้าร่วมเดินขบวนอาจนำความเดือดร้อนให้ตัวเองและครอบครัว เพราะดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษแล้ว
***ซัด"ธาริต"ทำผิดกฎหมาย-กลั่นแกล้ง
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำ กปปส. กล่าวว่า นายธาริตใช้อำนาจอะไรในการออกคำสั่ง เพราะการอายัดต้องชัดเจนว่าบัญชีนั้นได้มาจากการทุจริตหรือไม่ แต่บัญชีแกนนำทั้งหมดได้มาด้วยความสุจริต อีกทั้งก่อนลาออกจากการเป็น ส.ส. ก็ได้ยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำหน้าที่ตรวจสอบแล้ว การจะอายัดตาม พ.ร.บ.กรมสอบสวนคดีพิเศษ มาตรา 24 ต้องมีการเรียกธนาคารมาสอบถามถึงที่มาที่ไปของบัญชี และการอายัดบัญชีครัวราชดำเนิน ก็อยากถามว่าผิดตรงไหน การการออกคำสั่งอายัดครั้งนี้ ถือว่าทำผิดกฎหมาย และเป็นการใช้อำนาจกลั่นแกล้ง เป็นความเลวร้ายของข้าราชการในระบอบทักษิณ ทั้งนี้ ได้ให้ฝ่ายกฏหมายไปศึกษาเพื่อเพิกถอนคำสั่งแล้ว และจะมีการฟ้องกลับทางนายธาริต เนื่องจากมีการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ
***บุกสตช.ทวงความคืบหน้าคดียิงน.ศ.รามฯ
วันเดียวกันนี้ กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. นำโดยนายถาวร เสนเนียม ได้ไปชุมนุมที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนพระราม 1 เพื่อทวงถามความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของนศ. มหาวิทยาลัยรามคำแหง เนื่องจากเกรงว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเลือกปฏิบัติ โดยปราศรัยว่า ในคดีเผารถบัสของคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้าม สามารถจับกุมคนร้ายได้เร็ว แต่คดียิงนักศึกษายังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก กลุ่มผู้ชุมนุมได้เป่านกหวีด และโบกธงชาติไทย และยืนบนผิวการจราจร ส่งผลให้การจราจรถนนพระรามที่ 1 ฝั่งขาเข้า ต้องปิดไปโดยปริยาย
***กปปส.ระดมสมองหาทางออกประเทศ
ที่หอประชุมใหญ่ ตึกสุโขทัย มหาวิทยาลัยรามคำแหง กปปส. ได้ร่วมกับสภานักศึกษา และองค์การนักศึกษา ม.รามคำแหง จัดเวทีเสวนาสมัชชามวลมหาประชาชน ภายใต้หัวข้อ “ทางออกประเทศไทย ปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง”
นายสุเทพกล่าวว่า ประชาชนทุกภาคส่วนได้ยอมรับแล้วว่า เราต้องมีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง และขอยืนยันว่า สภาประชาชนไม่ใช่ระบอบคอมมิวนิสต์ แต่เป็นสภาที่มาจากประชาชนจริงๆ ไม่มีนักการเมืองมาเกี่ยวข้อง แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะต้องลาออกจากตำแหน่งเสียก่อน เพื่อให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง แล้วสามารถตั้งรัฐบาลเฉพาะการขึ้นมาแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง
นายเจษฎ์ โทณวนิก คณะบดีคณะนิติศาสตร์ ม.สยาม กล่าวถึงการได้มาถึงสภาประชาชนว่า มีช่องทางตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 187 เพื่อขยายกรอบเวลาการเลื่อนตั้งในวันที่ 2 ก.พ.ออกไปได้ แต่รัฐบาล และคณะรัฐมนตรีรักษาการชุดนี้ต้องลาออกเสียก่อน จากนั้นเอาวุฒิสภามาเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ หรือหาคนกลางมาเป็นนายกรัฐมนตรี ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ที่ให้อำนาจรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรี 1 ใน 5 สามารถเสนอแก้รัฐธรรมนูญได้ นอกจากนั้นรัฐธรรมนูญได้ระบุไว้ว่าให้อำนาจกับประชาชน 50,000 รายชื่อ สามารถเสนอให้วุฒิสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 171 ที่ระบุว่านายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น จากนั้นก็จะมีสภาประชาชนได้ และให้ทางรองประธานวุฒิสภานำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวนำขึ้นทูลเกล้าฯ และเราก็จะได้นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีที่เป็นหวังของประชาชนได้
ด้านนายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลยังยืนยันการเลือกตั้ง ตนขอเสนอให้ประชาชนต่อต้านการเลือกตั้ง และล้มการเลือกตั้ง เพราะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
นายคมสัน โพธิ์คง อดีต ส.ส.ร.2550 กล่าวว่า ประชาชนไม่ไว้ใจรัฐบาลในการบริหารประเทศ แต่รัฐธรรมนูญบอกว่าคนที่จะมาบริหารต้องมาจากการเลือกตั้ง แต่ในเมื่อรัฐบาลไม่เคารพประชาชน แล้วจะเลือกตั้งทำไม หากรัฐบาลยังมีจิตสำนึกแห่งความเป็นคน ก็ต้องดำเนินการให้มีปฏิรูป ก่อนการเลือกตั้ง
***กปปส.แจงนานาชาติต้องไล่รัฐบาล
รายงานแจ้งว่า เมื่อเวลา17.00 น. สถานเอกอัครราชทูตสวิสเซอร์แลนด์ และสถานเอกอัครราชทูตรัสเซีย ประจำประเทศไทย ได้ส่งตัวแทนเข้ารับฟังข้อเท็จจริงรวมถึงแนวทางการปฏิรูปประเทศและเจตนารมณ์การชุมนุมของ กปปส. รวมทั้งตัวแทนจากภาคเอ็นจีโอ อาทิ นายแททธิว วีเลอร์ นักวิจัยโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตัวแทนจากกาชาดสากล เข้าร่วม โดยมีนายสุเทพ ทำหน้าชี้แจง พร้อมด้วยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกกปปส. และมีนายเสรี วงศ์มณฑา ทำหน้าที่ล่ามแปลให้กับนานาชาติที่เข้าร่วมรับฟัง ขณะที่ ร.ต.แซมดิน เลิศบุตย์ และพล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี แกนนำกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ได้เข้าร่วมในงานดังกล่าวด้วย โดยใช้เวลาพูดคุยนานประมาณ 2 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ภายหลังหารือตัวแทนที่เข้าร่วมรับฟัง ไม่ได้ตอบข้อซักถามใดๆ กับสื่อมวลชน ขณะที่การ์ดได้นำตัวออกจากพื้นที่ชุมนุมทันที อีกทั้งการชี้แจงของกลุ่มกปปส.กับนานาชาติ ไม่อนุญาติให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังด้วย
มีรายงานแจ้งถึงบรรยากาศการชี้แจง ได้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้ซักถามอย่างเต็มที่ ซึ่งนายสุเทพ ชี้แจงว่า การชุมนุมของภาคประชาชน เป็นอำนาจตามมาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เนื่องด้วยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มีความชอบธรรม ทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรม พร้อมยืนยันว่า ปัญหาขณะนี้ไม่สามารถแก้ไขด้วยการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว ต้องปฏิรูปประเทศด้วย
***จี้ศอ.รส.แจง50ประเทศหนุนเลือกตั้ง
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษกกปปส. กล่าวว่า กรณีนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รักษาการ รมว.ต่างประเทศ และผู้อำนวยการ ศอ.รส. พยายามอ้างแถลงการณ์ของต่างชาติในวันที่ 9 ธ.ค.ว่า มีกว่า 50 ประเทศ สนับสนุนให้มีการเลือกตั้ง เพื่อเป็นการสร้างความชอบธรรมให้กับรัฐบาล ก็อยากให้ชี้แจงว่ามีประเทศไหนบ้าง เพราะจากการติดตามมีแค่ 20 กว่าประเทศเท่านั้นที่ออกแถลงการณ์ โดย กปปส. จะทำการชี้แจงกับประเทศต่างๆ ถึงเหตุผลในการขับไล่รัฐบาลต่อไป
นอกจากนี้ กปปส. เตรียมเดินรณรงค์ในวันนี้ (19ธ.ค.) เพื่อให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง โดยเริ่มจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ผ่านถ.ผ่านฟ้า นางเลิ้ง เข้าถ.เพชรบุรี อโศก อีกทั้งยังได้จัดทำหนังสือพิมพ์ฉบับพิเศษจำนวนกว่าแสนฉบับ เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนตามเส้นทางที่ได้เดินไปด้วย
***"สุเทพ"ลั่น22ธ.ค.ปิดกทม.ชุมนุม
เมื่อเวลา 20.30 น. นายสุเทพ ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยว่า นายธาริต จะออกหมายเรียกพวกที่ร่วมเป็นคณะกรรมการ กปปส. และคนที่มาช่วยทำงาน โดยให้ไปรายงานตัววันที่ 26 ธ.ค. ตนบอกไว้เลยว่าไม่ไป เพราะยังไม่ว่าง กำลังต่อสู้เพื่อไล่ยิ่งลักษณ์ออกจากตำแหน่ง จะให้ทนายไปเลื่อน ไล่เสร็จวันไหนจะไปมอบตัวทุกคน ไม่หนี
ส่วนวันที่ 22 ธ.ค. จะเริ่มรายการบ่ายโมงตรง ใครอยู่ใกล้ตรงไหนออกมาสมทบตรงนั้น สถานที่ที่จะชวนมาสมทบ เริ่มตั้งแต่ราชดำเนิน อุรุพงษ์ ตลอดแนวถนนเพชรบุรี และมีเวทีย่อยที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สำหรับพี่น้องที่เดินทางมาทางตอนเหนือของกรุงเทพฯ โดยจะมีจอขนาดใหญ่ถ่ายทอดรายการจากเวทีราชดำเนิน ให้พี่น้องอยู่ตามที่ต่างๆ ได้มีส่วนร่วมกับเวที และยังมีที่ราชเทวี สี่แยกปทุมวัน สามย่าน สีลม ถนนสุขุมวิทจะมีจอใหญ่อยู่ที่สี่แยกปทุมวัน และมีจอใหญ่ที่สี่แยกราชประสงค์ และอโศก ถนนเพชรบุรี สุขุมวิท พระรามสี่
ทั้งนี้ ได้คำนวนไว้ว่า พื้นที่ชุมนุมทั้งหมดนี้มี 577,194 ตารางเมตร ชุมนุมได้ 3 คน ใน 1 ตารางเมตร ฉะนั้นอย่างน้อย 1,731,582 คน ถ้ามามากเบียดกันได้ 4 คน ใน 1 ตารางเมตร ฉะนั้นจะมีผู้มาชุมนุมถึง 2,308,776 คน
"รอดูกันเท่าไรกันแน่ 22 ธ.ค. นี้ ขอให้พี่น้องชาวไทยที่รักชาติรักแผ่นดิน อยู่บนถนนทุกสายที่กราบเรียนไปแล้ว เลือกวันอาทิตย์ เพระไม่อยากให้เดือดร้อนมาก แต่ต้องขอโทษล่วงหน้าที่ต้องปิดกรุงเทพฯ ครึ่งวัน ตั้งแต่บ่ายจนถึง 6 โมงเย็น เคารพธงชาติเสร็จแยกย้ายกลับบ้าน ให้ยิ่งลักษณ์เห็นพลังมวลมหาประชาชนว่าคนออกมาไล่มีเท่าไร ถ้ายังด้าน นัดใหม่ ออกมาจนมันไป ต้องชุมนุมแสดงพลังให้เห็นว่าคนที่ไม่สามารถทนระบอบทักษิณมีแต่เพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ออกมารวมพลังกัน"
**ผบ.สส.ยันไม่จำเป็นต้องเคลียร์ปลัดกห.
พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.นิพัทธิ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ออกมาระบุว่า ผบ.เหล่าทัพ สนับสนุนให้มีการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.2557 ว่า เดี๋ยวก็เจอกันในการประชุมสภากลาโหม ในวันศุกร์ที่ 20 ธ.ค.นี้ แต่ไม่จำเป็นต้องเคลียร์กัน ทุกคนเป็นผู้ใหญ่ ก็มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น งานก็เป็นงานของเขา จุดยืนของกองทัพก็ต้องอยู่ในระเบียบวินัย ส่วนใครจะรักใครชอบใครก็ทำไป ถึงเวลางานก็ต้องไปทำ ในส่วนปลัดกระทรวงกลาโหม อาจจะเป็นนโยบายของท่านที่ต้องสนับสนุนการเลือกตั้ง ท่านก็ดูในเรื่องกติกาอยู่ ท่านเป็นระดับนโยบายของกระทรวงกลาโหม
***สมช.ชี้ กปปส.แค่อยากเช็กกระแส
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงกำหนดการเคลื่อนไหวเดินขบวนของกลุ่ม กปปส. ในวันที่ 22 ธ.ค.ว่า เป็นเพราะกลุ่ม กปปส. ต้องการประเมินสถานการณ์ของตัวเองที่เป็นอยู่ โดยจัดกิจกรรมขึ้นมาเพื่อหยั่งกระแสสังคมว่าแปรเปลี่ยนไปทิศทางใดหรือไม่ จึงส่งสัญญาณเคลื่อนไหว วันที่ 19 -20 ธ.ค.นี้ก่อน เพื่อดูปฏิกิริยามวลชนต่อสถานการณ์ปัจจุบัน และยังสัมพันธ์กับพรรคประชาธิปัตย์ที่จะมีท่าทีต่อการเลือกตั้งในวันที่ 21 ธ.ค.ด้วย เพราะจะใช้การเคลื่อนไหวดังกล่าว เป็นข้อมูลตัดสินใจว่า จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือไม่
"การตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ จะส่งผลต่อวันที่ 22 ธ.ค. แน่นอน เพราะหากส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งจะทำให้มวลชนลดน้อยถอยลง เนื่องจาก กปปส. เองไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้งอยู่แล้ว แต่หากบอยคอต จะส่งผลให้ผู้ชุมนุมมีจำนวนมากขึ้น" พล.ท.ภราดร กล่าว
***"ปู"ยังหวัง กปปส. ยอมมาพูดคุย
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมประกาศจะเดินทางไปที่บ้านพัก เพื่อเรียกร้องให้ลาออกว่า แม้ผู้ชุมนุมจะมีสิทธิในการชุมนุมเรียกร้อง แต่ขอฝากให้คำนึงถึงกฎหมาย ซึ่งเรื่องต่างๆ ตนได้ชี้แจงไปหมดแล้ว และก็ไม่ใช่จะเป็นคนดื้อรั้น แต่เราก็ไม่อยากให้บ้านเมืองแหกกติกา ทุกคนต่างมีหน้าที่บทบาทของตัวเอง หวังว่าการพูดจากัน จะเป็นทางออกที่ดีของประเทศ และยังหวังที่ กปปส. จะเข้ามาพูดคุย แม้จะเพียงแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ เราก็มีความหวัง
***ซัดเป็นแผนล้มเลือกตั้ง-ล่อปฏิวัติ
พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายสุเทพ ประกาศเคลื่อนมวลชนไปบ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อกดดันให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ว่า เป็นแผนกดดันเพื่อไม่ให้มีการเลือกตั้ง และเพื่อให้เกิดการปฏิวัติ รู้เขารู้เรา ตำราเดียวกัน ทั้งนี้ นายกฯ ไม่ได้กลัว ขอเพียงแต่อย่ามีการปะทะจนมีการบาดเจ็บล้มตาย และเชื่อว่าจะไม่มีการปะทะกันระหว่างมวลชนเสื้อแดงกับมวลชนต่อต้านรัฐบาล พวกมวลชนเสื้อแดงไม่ได้เกเร
***ศาลไม่รับคำร้องสั่งให้ กปปส.เลิกชุมนุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่เอกสารผลการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า ได้มีมติ 6 ต่อ 3 เห็นว่า การชุมนุมของ กปปส. เป็นการใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ มีเหตุผลมาจากความไม่ไว้วางใจในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ถือเป็นการใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ และเป็นการเรียกร้องและแสดงพลังด้วยการสนับสนุนของประชาชนจำนวนมาก ประกอบกับสถานการณ์ตามคำร้องได้พัฒนาไปสู่การยุบสภาและเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งแล้ว จึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัย
***7องค์กรเอกชนพบแกนนำนปช.
วันเดียวกันมีการรับฟังความคิดเห็นระหว่างเครือข่าย 7 องค์กรภาคเอกชน และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ถึงสถานการณ์การเมืองที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีแกนนำนปช.เข้าร่วม เช่น นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รักษาการ รมช.พาณิชย์ และแกนนำ นปช. นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช.
โดยนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า โดยปกติเอกชนจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับภาคการเมือง แต่ครั้งนี้ถือว่าบ้านเมืองไม่ปกติ จึงพยายามรับฟังทุกภาคส่วน โดยหวังว่าประเทศไทยจะเดินไปในทางที่สันติและไม่มีความรุนแรง
จากนั้นนางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เริ่มข้อซักถามว่า ภาคเอกชนก็อยากช่วยหาทางออก แต่ก็อยากทราบว่าจะต้องทำอย่างไรให้คนไทยสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมที่เห็นต่างได้อย่างถาวร อะไรที่จะทำให้ไม่เกิดการออกมาชุมนุมและนำรอยยิ้มกลับมาสู่ประเทศไทยได้อย่างถาวร
นางธิดาตอบข้อซักถามว่า ประการแรก ต้องดูแลไม่ให้เกิดความรุนแรงโดยการระดมให้ประชาชนสองฝ่ายเกลียดชังกัน ประการที่ 2 ต้องดำเนินการทุกอย่างตามกระบวนการของกฎหมาย และประการที่ 3 ทหารควรรักษาความสงบด้วยการไม่รัฐประหาร แม้จะมีใครเรียกร้องให้รัฐประหารก็ตาม
จากนั้นนายณัฐวุฒิ ได้กล่าวเสริมว่า ในทุกสังคมมีความคิดเห็นต่างอยู่แล้ว ตอนนี้ ประกาศวันชกแล้ว คือ 2 ก.พ.2557 ถ้าระหว่างนี้ มีคนฉีกกติกา ล้มเวที นักมวยก็ไม่มีเวทีชก กองเชียร์ก็จะตีกันลั่นเวที ซึ่งตนไม่ได้เรียกร้องจนเกินเลย และให้พวกท่าน (7 องค์กรธุกิจ) เลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เราเรียกร้องให้ท่านแสดงท่าทีว่าบ้านเมืองต้องรักษากฎกติกาไว้ให้ได้
ด้าน นพ.เหวง กล่าวว่า อยากให้เอกชนแสดงท่าทีของความเป็นเจ้าของประเทศด้วยการส่งเสียงโดยไม่ต้องกลัวสูญเสียความเป็นกลางว่าอย่าให้มีรัฐประหารในประเทศไทยอีก
หลังจบการหารือ นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า การรับฟังความคิดเห็น ได้มีมุมมองเดียวกัน คือ ไม่ต้องการเห็นความแตกแยก และต้องการเห็นการเลือกตั้งเกิดขึ้นในประเทศไทย โดยเมื่อรับฟังความเห็นแล้วจะรวบรวมข้อมูลจากทุกฝ่ายเพื่อดูว่าความเห็นส่วนใหญ่นั้นเป็นอย่างไร เพื่อกำหนดเป็นความเห็นของภาคเอกชน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป ส่วนเอกชนจะจัดเวทีกลางอีกหรือไม่ คงต้องพิจารณาดูก่อนว่าจัดแล้วได้ประโยชน์หรือไม่ แต่เอกชนก็พร้อมจะคุยกับทุกฝ่าย
***บึ้มบ้าน "ตั้ง อาชีวะ" รอตรวจก่อน
พล.ต.ท.คํารณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. กล่าวถึงกรณีคนร้ายลอบปาระเบิดใส่ บ้านนายเอกภพ เหลือรา หรือ “ตั้ง อาชีวะ” อายุ22 ปี ผู้ ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่2429/2556 ลงวันที่ 13 ธ.ค.2556 ในข้อหาหมิ่นประมาทดูหมิ่นหรือแสดงความ อาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์พระราชชินี รัชทายาท ฯลฯตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า เหตุเกิดเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 18 ธ.ค. ภายในบ้านเลขที่ 9/279 หมู่ 2 หมู่บ้านทรัพย์เจริญ ซอย29 แขวงและเขตหนองจอก และเมื่อเวลา14.00 น. ได้มอบหมายให้พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวชรอง ผบช.น.เดินทาง ไปตรวจสอบและรับผิดชอบเรื่องการ สืบสวนสอบสวนเบื้องต้น เข้าใจว่าคงมีมือดีนําประทัดยักษ์ไปปาใส่ แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นของกองพิสูจน์หลักฐานพบว่ามีดินระเบิดปะปนอยู่ด้วยจึงต้องขอเวลาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่าเป็นระเบิดชนิดใด
ส่วนกรณีการระบุสาเหตุของเหตุการณ์นี้ต้องรอให้ผลการสอบสวนดําเนินไปสักระยะก่อน ยังไม่สามารถฟันธงได้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน อีกทั้งนายเอกภพเป็นผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง ซึ่งขณะนี้ตํารวจกําลังติดตามจับกุมตัว อยู่ซึ่งตอนเกิดเหตุนาย เอกภพก็ไม่ได้พักอาศัยในบ้านแต่อย่างใด