ASTVผู้จัดการรายวัน- พบเบาะแสเถ้ากระดูกและเบ้าฟันเด็กเสียชีวิตที่ จ.เลย ที่ไอ้ติ๊งต่างให้การรับสารภาพ กองปราบรับโอน 8 คดี ทั้งในกทม.-ตจว.มาทำต่อ ผลตรวจดีเอ็นเอชิ้นส่วนมนุษย์ยันเป็นน้องการ์ตูนจริง ล่าสุดพบโครงกระดูก "น้องหญิง" ในป่ารกแล้ว ด้านสถาบันกัลยาณ์ฯ ชี้ไม่ได้ป่วยทางจิต แต่เป็นพวกกามวิตถาร
วานนี้ (18 ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีฆ่า ด.ญ.อธิตยา เพ็ชรดอน หรือน้องการ์ตูน วัย 6 ขวบ ว่า จากการสอบสวนนายหนุ่ย หรือติ๊งต่าง ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุกระทำชำเราและฆ่าน้องการ์ตูนสารภาพว่าเคยทำผิดลักษณะนี้มาก่อนในหลายพื้นที่ ล่าสุดได้แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเพื่อเร่งรัดคดี ขณะที่ พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา (สบ 10) ในฐานะประธานศูนย์บริหารคนหายและจัดการศพนิรนาม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะดูแลเรื่องการตรวจพิสูจน์ยืนยันเหยื่อ
พล.ต.อ.จรัมพรกล่าวว่า ผู้ต้องหาอ้างว่าเคยก่อเหตุในพื้นที่ จ.เลย จึงประสานกับ บก.ภ.จ.เลย ให้ตรวจสอบในพื้นที่ อ.เมืองเลย และ อ.วังสะพุง จนพบซากเถ้ากระดูก ฟัน และเบ้าฟัน ใกล้เคียงกับสถานที่ที่ผู้ต้องหาให้การไว้ โดยการเอกซเรย์ฟันเบื้องต้น พบว่าเป็นฟันน้ำนม อายุ 3-5 ขวบ จากการระบุตำแหน่งผังของฟันเป็นฟันกราม พร้อมเก็บดีเอ็นเอของแม่ เพื่อตรวจดีเอ็นเอยืนยันเปรียบเทียบ เพราะขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าผู้ต้องหาจะให้การอย่างไร ตำรวจจะตรวจสอบไปตามพยานหลักฐาน
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.กล่าวถึงความคืบหน้าว่า จากการสอบสวนพบว่านายหนุ่ยก่อเหตุมาหลายพื้นที่ ถือเป็นบุคคลอันตราย ซึ่งขณะนี้นายหนุ่ยได้ถูกส่งตัวไปฝากขังที่ศาลแล้ว โดยพนักงานสอบสวนได้ยื่นเรื่องต่อศาลขอนำตัวกลับมาควบคุมเพื่อที่จะสอบปากคำ และขยายผลต่อ แต่ทางศาลไม่อนุมัติ หลังจากนี้จึงต้องประสานไปตามท้องที่ๆ ผู้ต้องหาเคยให้การไว้ว่าก่อเหตุที่ใดมาบ้าง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด ต้องดำเนินการตามอำนาจที่ตำรวจมีอยู่ คดีของนายหนุ่ย เกิดขึ้นหลายท้องที่จึงมีแนวโน้มว่าคดีของนายหนุ่ยอาจจะถูกโอนให้กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เป็นผู้ดำเนินการต่อทั้งหมด
ด้านพล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รองผบช.น. ดูแลงานสืบสวน กล่าวว่า ตำรวจนครบาลได้ประสานทางบช.ภ.4 ให้ปูพรมติดตามเส้นทางที่วงดนตรีตระเวน แสดงคอนเสิร์ตและรับนายหนุ่ยมาร่วมวงตั้งแต่วันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา รวมถึงต้องตรวจสอบวงหมอลำ 2 วง ที่นายหนุ่ยรับว่าเคยทำงานด้วยก่อนหน้าที่จะมาร่วมวงดนตรี ในส่วนของกรุงเทพฯ พื้นที่ สน.ดอนเมือง ที่ผู้ต้องหาอ้างว่าก่อเหตุ ยังไม่พบผู้มาแจ้งความ รวมถึงย่านบางบอน ก็ยังไม่พบ ซึ่งฝ่ายสืบสวนยังวิเคราะห์ไปด้วยว่า เด็กที่ถูกก่อเหตุ อาจไม่ใช่คนไทย แต่เป็นชาวต่างด้าวก็เป็นได้ จึงอาจไม่กล้าแจ้งความ รวมถึงคดีตามต่างจังหวัด ที่บางครั้งพ่อแม่ผู้ปกครอง อาจจะเป็นผู้มาเที่ยวงานหรือเป็นผู้มาขายของขายสินค้า ทำให้บางครั้งรายละเอียดเรื่องการแจ้งความอาจไม่ชัดเจน เช่นเดียวกับบางส่วนก็ต้องยอมรับว่า ตำรวจในพื้นที่บางแห่งอาจปล่อยปละละเลยไม่รับแจ้งความ เพราะเห็นเป็นคดีธรรมดาทั้งที่ต้องให้ความสำคัญ
ด้าน พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. กล่าวภายหลัง พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ บก.ป.เข้าร่วมประชุมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยในที่ประชุมได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ต้องหาได้ก่อคดีขึ้นในหลายพื้นที่ทั้งใน กทม.และจังหวัดต่างๆ รวม 8 คดี จึงมีการตั้งคณะพนักงานสอบสวน โดยมีผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าคณะ มีพนักงานสอบสวนทั้งจาก บช.น.และ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)
ทั้งนี้ ในส่วนของ บก.ป. ได้พิจารณาตั้งคณะทำงานจาก กก.1-6 บก.ป. รวมประมาณ 20 คน มีทั้งพนักงานสอบสวนและฝ่ายสืบสวน โดยมีตนเป็นหัวหน้าคณะ ซึ่งหลังจากนี้จะประสานข้อมูลและทำงานร่วมกับทาง บช.น.เพื่อเร่งสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ในการพิจารณาดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้ต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.พรชัย สุธีรคุณ ผบก.สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตร. กล่าวถึงกรณีผลการตรวจสพิสูจน์ชิ้นส่วนมนุษย์ที่พบในพื้นที่รกร้างข้างสถานนีรถไฟฟ้าบางนาว่า ผลการตรวจเส้นผมและคราบเลือดเป็นของน้องการ์ตูนจริง เนื่องจากตรงกับดีเอ็นเอเอกลักษณ์บุคคลของพ่อแม่ของน้องการ์ตูน ส่วนผลการตรวจพิสูจน์กะโหลกมนุษย์ ต้องรออีกสักระยะ เนื่องจากการตรวจ ต้องผ่านขั้นตอนกระบวนการย่อยสลายกะโหลกบางส่วนก่อนจะนํามาตรวจหาดีเอ็นเอได้ ทางเจ้าหน้าที่กําลังเร่งตรวจสอบอยู่ คาดว่าน่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1-2 วัน
ที่ป้อมตำรวจ สภ.วังสะพุง จ.เลย บริเวณสี่แยกเลย-อุดรธานี พ.ต.อ.สมชาย สีคำแดง ผกก.สภ.วังสะพุง ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาสาสมัครมูลนิธิหน่วยกู้ภัย และเจ้าหน้าที่แขวงการทางเลยที่ 1 กว่า 200 คน พร้อมเครื่องตัดหญ้า เข้าทำการค้นหาร่าง ด.ช.ศรันย์ หรือน้องแม็ค อินแถลง อายุ 7 ขวบ ที่นายหนุ่ยหรือติ๊งต่างสารภาพว่าเคยหลอกเด็กชายมาจากงานกฐินวัดศรีอุดมวงค์ อ.วังสะพุง เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา จากนั้นได้กระทำชำเราและฆ่า แล้วนำศพเด็กไปทิ้งไว้บริเวณป่าสักตรงข้ามโรงเรียนประชานุเคราะห์ อ.วังสะพุง กม.2-3 โดยระหว่างการค้นหา มีญาติของน้องแม็คมาร่วมให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ด้วย
สำหรับการค้นหาครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้พบเสื้อยืดเด็กแขนสั้นสีแดงทิ้งอยู่ในป่าริมไร่ข้าวโพด จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยการค้นหาใช้เวลาหลายชั่วโมงยังไม่พบเบาะแสชิ้นส่วนของน้องแม็คแต่อย่างใด ซึ่งขณะนี้กำลังประสานงานกับ สน.บางนา เพื่อนำตัวนายหนุ่ยมาชี้จุดก่อเหตุ แต่ยังติดปัญหาที่ศาลยังไม่อนุญาต
ล่าสุด พล.ต.ท.เอกรัตน์ มีปรีชา ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป.5) ลงตรวจพื้นที่ จ.เลย และได้รับรายงานจาก พล.ต.ต.ศักดา วงศ์ศิริยานนท์ ผบก.ภ.จว.เลย ว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองเลย ค้นพบศพของ ด.ญ.มนัสนันท์ คงโสภาดี หรือน้องหญิง อายุ 4 ขวบที่ได้หายไปบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดเลยในช่วงงานดอกฝ้ายบานเมืองเลยเมื่อต้นปี 2556 ที่บริเวณทางเข้าหมู่บ้านเอกธานี ด้านหลังการประปาส่วนภูมิภาคเลย
ที่เกิดเหตุเป็นทุ่งหญ้ากว้าง ห่างจากถนนทางเข้าหมู่บ้านประมาณ 150 เมตร โดยบริเวณดังกล่าวมีต้นจามจุรี ห่างมาไม่มากนัก พบโครงกระดูกมนุษย์ลักษณะนอนหงาย ข้างกระดูกพบรองเท้าเตะสีแดงวางห่างจากโครงกระดูกประมาณ 1 เมตร เสื้อที่น้องใส่ถูกถลกขึ้นมา ส่วนกะโหลกมีเทปพันสายไฟสีดำพันรอบปากและตา รองเท้าที่พบตรงกับคำให้การของแม่เด็กว่าวันที่น้องหญิงหายไปได้ใส่รองเท้าแตะสีแดง
พล.ต.ต.ศักดา กล่าวว่า ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนเมฆา 20 นายค้นตรวจบริเวณหลังการประปาส่วนภูมิภาคเลยจากคำให้การของนายหนุ่มที่ได้สารภาพ และบอกจุดบริเวณนี้โดยจำได้ว่าได้ทำการข่มขืนใกล้ๆ ต้นจามจุรีใหญ่ จึงให้ทางตำรวจเข้าตรวจค้นให้ละเอียดจนมาพบเป็นโครงกระดูกแล้ว
ทั้งนี้ หลังการค้นพบโครงกระดูกเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน สภ.เมืองเลย ได้เข้าไปตรวจสอบพลิกศพ พร้อมกับแพทย์เวรโรงพยาบาลเมืองเลย จากนั้นญาติได้นำโครงกระดูกไปบำเพ็ญกุศลต่อไป
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กล่าวว่า กรณีนายหนุ่ย เข้าข่ายผู้เป็นโรคบุคลิกภาพผิดปกติแบบต่อต้านสังคม และเป็นคนที่อยู่ในกลุ่มหนึ่งของกามวิตถาร อาจเกิดจากการถูกทอดทิ้งตั้งแต่วัยเด็ก ไม่มีพ่อแม่เลี้ยงดู ไม่ได้รับความรัก ทำให้ขาดมโนสำนึก มีภาวะอันธพาล ไม่มีความยับยั้งชั่งใจ เมื่อเกิดแรงจูงใจ คือ อารมณ์ทางเพศ มีเหยื่อ ก็จะลงมือก่อเหตุโดยที่ยังมีสติรู้ตัวทุกอย่าง ถือว่าเป็นอาชญากร ไม่ใช่ผู้ป่วยจิตเภท เพราะผู้ป่วยจิตเภท มักเกิดจากความผิดปกติในสมอง เกิดจากอาการหูแว่ว ประสาทหลอน ทำให้ไม่มีความยับยั้งชั่งใจและไม่รู้ตัวในการกระทำต่างๆ
ทั้งนี้ ขอฝากถึงพ่อแม่ ผู้ปกครอง ไม่ควรปล่อยบุตรหลานให้คลาดสายตา โดยยึดหลักว่าต้องไม่ปล่อยให้เด็กเล็กไปกับคนแปลกหน้า ไม่ให้รับของจากคนแปลกหน้า และต้องสังเกตคนที่มีพฤติกรรมขัดบุคลิกภาพ หรือชอบไปอยู่กับเด็กโดยแบบผิดปกติหรือขัดต่อบุคลิกของตัวเอง เช่น ชอบกอดรัดมากกว่าปกติ โดยที่เด็กคนนั้นๆ ไม่ใช่ลูกหลาน หรือชอบให้เด็กเล่นด้วยในลักษณะที่ผิดปกติโดยเฉพาะการสัมผัสตัว การกอดรัด สังคมควรเฝ้าระวังคนเหล่านี้ และกันไม่ให้ลูกหลานอยู่ไกลจากสายตา
วานนี้ (18 ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีฆ่า ด.ญ.อธิตยา เพ็ชรดอน หรือน้องการ์ตูน วัย 6 ขวบ ว่า จากการสอบสวนนายหนุ่ย หรือติ๊งต่าง ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุกระทำชำเราและฆ่าน้องการ์ตูนสารภาพว่าเคยทำผิดลักษณะนี้มาก่อนในหลายพื้นที่ ล่าสุดได้แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเพื่อเร่งรัดคดี ขณะที่ พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา (สบ 10) ในฐานะประธานศูนย์บริหารคนหายและจัดการศพนิรนาม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะดูแลเรื่องการตรวจพิสูจน์ยืนยันเหยื่อ
พล.ต.อ.จรัมพรกล่าวว่า ผู้ต้องหาอ้างว่าเคยก่อเหตุในพื้นที่ จ.เลย จึงประสานกับ บก.ภ.จ.เลย ให้ตรวจสอบในพื้นที่ อ.เมืองเลย และ อ.วังสะพุง จนพบซากเถ้ากระดูก ฟัน และเบ้าฟัน ใกล้เคียงกับสถานที่ที่ผู้ต้องหาให้การไว้ โดยการเอกซเรย์ฟันเบื้องต้น พบว่าเป็นฟันน้ำนม อายุ 3-5 ขวบ จากการระบุตำแหน่งผังของฟันเป็นฟันกราม พร้อมเก็บดีเอ็นเอของแม่ เพื่อตรวจดีเอ็นเอยืนยันเปรียบเทียบ เพราะขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าผู้ต้องหาจะให้การอย่างไร ตำรวจจะตรวจสอบไปตามพยานหลักฐาน
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.กล่าวถึงความคืบหน้าว่า จากการสอบสวนพบว่านายหนุ่ยก่อเหตุมาหลายพื้นที่ ถือเป็นบุคคลอันตราย ซึ่งขณะนี้นายหนุ่ยได้ถูกส่งตัวไปฝากขังที่ศาลแล้ว โดยพนักงานสอบสวนได้ยื่นเรื่องต่อศาลขอนำตัวกลับมาควบคุมเพื่อที่จะสอบปากคำ และขยายผลต่อ แต่ทางศาลไม่อนุมัติ หลังจากนี้จึงต้องประสานไปตามท้องที่ๆ ผู้ต้องหาเคยให้การไว้ว่าก่อเหตุที่ใดมาบ้าง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด ต้องดำเนินการตามอำนาจที่ตำรวจมีอยู่ คดีของนายหนุ่ย เกิดขึ้นหลายท้องที่จึงมีแนวโน้มว่าคดีของนายหนุ่ยอาจจะถูกโอนให้กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เป็นผู้ดำเนินการต่อทั้งหมด
ด้านพล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รองผบช.น. ดูแลงานสืบสวน กล่าวว่า ตำรวจนครบาลได้ประสานทางบช.ภ.4 ให้ปูพรมติดตามเส้นทางที่วงดนตรีตระเวน แสดงคอนเสิร์ตและรับนายหนุ่ยมาร่วมวงตั้งแต่วันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา รวมถึงต้องตรวจสอบวงหมอลำ 2 วง ที่นายหนุ่ยรับว่าเคยทำงานด้วยก่อนหน้าที่จะมาร่วมวงดนตรี ในส่วนของกรุงเทพฯ พื้นที่ สน.ดอนเมือง ที่ผู้ต้องหาอ้างว่าก่อเหตุ ยังไม่พบผู้มาแจ้งความ รวมถึงย่านบางบอน ก็ยังไม่พบ ซึ่งฝ่ายสืบสวนยังวิเคราะห์ไปด้วยว่า เด็กที่ถูกก่อเหตุ อาจไม่ใช่คนไทย แต่เป็นชาวต่างด้าวก็เป็นได้ จึงอาจไม่กล้าแจ้งความ รวมถึงคดีตามต่างจังหวัด ที่บางครั้งพ่อแม่ผู้ปกครอง อาจจะเป็นผู้มาเที่ยวงานหรือเป็นผู้มาขายของขายสินค้า ทำให้บางครั้งรายละเอียดเรื่องการแจ้งความอาจไม่ชัดเจน เช่นเดียวกับบางส่วนก็ต้องยอมรับว่า ตำรวจในพื้นที่บางแห่งอาจปล่อยปละละเลยไม่รับแจ้งความ เพราะเห็นเป็นคดีธรรมดาทั้งที่ต้องให้ความสำคัญ
ด้าน พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. กล่าวภายหลัง พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ บก.ป.เข้าร่วมประชุมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยในที่ประชุมได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ต้องหาได้ก่อคดีขึ้นในหลายพื้นที่ทั้งใน กทม.และจังหวัดต่างๆ รวม 8 คดี จึงมีการตั้งคณะพนักงานสอบสวน โดยมีผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าคณะ มีพนักงานสอบสวนทั้งจาก บช.น.และ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)
ทั้งนี้ ในส่วนของ บก.ป. ได้พิจารณาตั้งคณะทำงานจาก กก.1-6 บก.ป. รวมประมาณ 20 คน มีทั้งพนักงานสอบสวนและฝ่ายสืบสวน โดยมีตนเป็นหัวหน้าคณะ ซึ่งหลังจากนี้จะประสานข้อมูลและทำงานร่วมกับทาง บช.น.เพื่อเร่งสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ในการพิจารณาดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้ต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.พรชัย สุธีรคุณ ผบก.สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตร. กล่าวถึงกรณีผลการตรวจสพิสูจน์ชิ้นส่วนมนุษย์ที่พบในพื้นที่รกร้างข้างสถานนีรถไฟฟ้าบางนาว่า ผลการตรวจเส้นผมและคราบเลือดเป็นของน้องการ์ตูนจริง เนื่องจากตรงกับดีเอ็นเอเอกลักษณ์บุคคลของพ่อแม่ของน้องการ์ตูน ส่วนผลการตรวจพิสูจน์กะโหลกมนุษย์ ต้องรออีกสักระยะ เนื่องจากการตรวจ ต้องผ่านขั้นตอนกระบวนการย่อยสลายกะโหลกบางส่วนก่อนจะนํามาตรวจหาดีเอ็นเอได้ ทางเจ้าหน้าที่กําลังเร่งตรวจสอบอยู่ คาดว่าน่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1-2 วัน
ที่ป้อมตำรวจ สภ.วังสะพุง จ.เลย บริเวณสี่แยกเลย-อุดรธานี พ.ต.อ.สมชาย สีคำแดง ผกก.สภ.วังสะพุง ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาสาสมัครมูลนิธิหน่วยกู้ภัย และเจ้าหน้าที่แขวงการทางเลยที่ 1 กว่า 200 คน พร้อมเครื่องตัดหญ้า เข้าทำการค้นหาร่าง ด.ช.ศรันย์ หรือน้องแม็ค อินแถลง อายุ 7 ขวบ ที่นายหนุ่ยหรือติ๊งต่างสารภาพว่าเคยหลอกเด็กชายมาจากงานกฐินวัดศรีอุดมวงค์ อ.วังสะพุง เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา จากนั้นได้กระทำชำเราและฆ่า แล้วนำศพเด็กไปทิ้งไว้บริเวณป่าสักตรงข้ามโรงเรียนประชานุเคราะห์ อ.วังสะพุง กม.2-3 โดยระหว่างการค้นหา มีญาติของน้องแม็คมาร่วมให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ด้วย
สำหรับการค้นหาครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้พบเสื้อยืดเด็กแขนสั้นสีแดงทิ้งอยู่ในป่าริมไร่ข้าวโพด จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยการค้นหาใช้เวลาหลายชั่วโมงยังไม่พบเบาะแสชิ้นส่วนของน้องแม็คแต่อย่างใด ซึ่งขณะนี้กำลังประสานงานกับ สน.บางนา เพื่อนำตัวนายหนุ่ยมาชี้จุดก่อเหตุ แต่ยังติดปัญหาที่ศาลยังไม่อนุญาต
ล่าสุด พล.ต.ท.เอกรัตน์ มีปรีชา ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป.5) ลงตรวจพื้นที่ จ.เลย และได้รับรายงานจาก พล.ต.ต.ศักดา วงศ์ศิริยานนท์ ผบก.ภ.จว.เลย ว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองเลย ค้นพบศพของ ด.ญ.มนัสนันท์ คงโสภาดี หรือน้องหญิง อายุ 4 ขวบที่ได้หายไปบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดเลยในช่วงงานดอกฝ้ายบานเมืองเลยเมื่อต้นปี 2556 ที่บริเวณทางเข้าหมู่บ้านเอกธานี ด้านหลังการประปาส่วนภูมิภาคเลย
ที่เกิดเหตุเป็นทุ่งหญ้ากว้าง ห่างจากถนนทางเข้าหมู่บ้านประมาณ 150 เมตร โดยบริเวณดังกล่าวมีต้นจามจุรี ห่างมาไม่มากนัก พบโครงกระดูกมนุษย์ลักษณะนอนหงาย ข้างกระดูกพบรองเท้าเตะสีแดงวางห่างจากโครงกระดูกประมาณ 1 เมตร เสื้อที่น้องใส่ถูกถลกขึ้นมา ส่วนกะโหลกมีเทปพันสายไฟสีดำพันรอบปากและตา รองเท้าที่พบตรงกับคำให้การของแม่เด็กว่าวันที่น้องหญิงหายไปได้ใส่รองเท้าแตะสีแดง
พล.ต.ต.ศักดา กล่าวว่า ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนเมฆา 20 นายค้นตรวจบริเวณหลังการประปาส่วนภูมิภาคเลยจากคำให้การของนายหนุ่มที่ได้สารภาพ และบอกจุดบริเวณนี้โดยจำได้ว่าได้ทำการข่มขืนใกล้ๆ ต้นจามจุรีใหญ่ จึงให้ทางตำรวจเข้าตรวจค้นให้ละเอียดจนมาพบเป็นโครงกระดูกแล้ว
ทั้งนี้ หลังการค้นพบโครงกระดูกเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน สภ.เมืองเลย ได้เข้าไปตรวจสอบพลิกศพ พร้อมกับแพทย์เวรโรงพยาบาลเมืองเลย จากนั้นญาติได้นำโครงกระดูกไปบำเพ็ญกุศลต่อไป
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กล่าวว่า กรณีนายหนุ่ย เข้าข่ายผู้เป็นโรคบุคลิกภาพผิดปกติแบบต่อต้านสังคม และเป็นคนที่อยู่ในกลุ่มหนึ่งของกามวิตถาร อาจเกิดจากการถูกทอดทิ้งตั้งแต่วัยเด็ก ไม่มีพ่อแม่เลี้ยงดู ไม่ได้รับความรัก ทำให้ขาดมโนสำนึก มีภาวะอันธพาล ไม่มีความยับยั้งชั่งใจ เมื่อเกิดแรงจูงใจ คือ อารมณ์ทางเพศ มีเหยื่อ ก็จะลงมือก่อเหตุโดยที่ยังมีสติรู้ตัวทุกอย่าง ถือว่าเป็นอาชญากร ไม่ใช่ผู้ป่วยจิตเภท เพราะผู้ป่วยจิตเภท มักเกิดจากความผิดปกติในสมอง เกิดจากอาการหูแว่ว ประสาทหลอน ทำให้ไม่มีความยับยั้งชั่งใจและไม่รู้ตัวในการกระทำต่างๆ
ทั้งนี้ ขอฝากถึงพ่อแม่ ผู้ปกครอง ไม่ควรปล่อยบุตรหลานให้คลาดสายตา โดยยึดหลักว่าต้องไม่ปล่อยให้เด็กเล็กไปกับคนแปลกหน้า ไม่ให้รับของจากคนแปลกหน้า และต้องสังเกตคนที่มีพฤติกรรมขัดบุคลิกภาพ หรือชอบไปอยู่กับเด็กโดยแบบผิดปกติหรือขัดต่อบุคลิกของตัวเอง เช่น ชอบกอดรัดมากกว่าปกติ โดยที่เด็กคนนั้นๆ ไม่ใช่ลูกหลาน หรือชอบให้เด็กเล่นด้วยในลักษณะที่ผิดปกติโดยเฉพาะการสัมผัสตัว การกอดรัด สังคมควรเฝ้าระวังคนเหล่านี้ และกันไม่ให้ลูกหลานอยู่ไกลจากสายตา
