ASTVผู้จัดการรายวัน - “อิมพีเรียล” ปรับใหญ่สาขาสำโรง ทุ่มงบก้อนโต 1,300 ล้านบาท รีโนเวต ถึงปี 2560 รับศึกค้าปลีกย่านกรุงเทพตะวันออกดุเดือด และรับการขยายตัวของชุมชนเมือง เร่งขยายฐานลูกค้ากลุ่มบนมากขึ้น หวังอัพเกรดศูนย์ฯ
นายโอฬาร กิจเลิศไพโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์สำโรง บริษัท อิมพีเรียล พลาซ่า จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนที่จะปรับปรุงอิมพีเรียลเวิลด์สำโรงครั้งใหญ่ภายในปี 2560 ซึ่งปัจจุบันสาขานี้มีอายุ 31 ปีแล้ว โดยคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณมากกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นช่วงที่ผู้เช่ารายย่อยในศูนย์ครบกำหนดสัญญาเช่าพอดี เพื่อสร้างความสมบูรณ์ให้กับศูนย์ฯและรองรับกับการแข่งขันในธุรกิจค้าปลีกย่านตะวันออกของกรุงเทพฯที่อนาคตจะมีการแข่งขันที่สูงมากขึ้น และรองรับการขยายตัวของชุมชนที่มีกำลังซื้อที่จะออกมาอยู่ชานเมืองรอบนอกกรุงเทพฯมากขึ้นตามการขยายตัวของพื้นที่และเศรษฐกิจ
โดยจะมีการปรับโซนนิ่งใหม่ รวมทั้งแผนการต่อเชื่อมกับตัวสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสำโรงด้วย ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ของศูนย์ฯมีทั้งหมด 220,000 ตารางเมตร และพื้นที่จอดรถ 80,000 ตารางเมตร นอกจากนั้นยังมีแผนที่จะปรับปรุงพื้นที่ที่อยู่รายล้อมที่เป็นแลนด์แบงก์ของบริษัทฯเองอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แผนงานระยะสั้น 3 ปีนี้คือ 2557 -2559 บริษัทฯจะใช้งบประมาณรวม 300 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 100 ล้านบาท ไม่ได้รวมอยู่ในงบใหญ่ 1,000 ล้านบาท ทำการปรับปรุงพื้นที่แต่ละส่วน เนื่องจากสามารถดำเนินการได้ไม่ต้องรอให้ครบอายุสัญญาเช่าจากผู้เช่าแต่อย่างใด
ทั้งนี้บริษัทฯคาดหวังว่า หลังจากที่มีปรับปรุงแบบเมเจอร์เชนจ์ใหม่ทั้งหมดแล้วเสร็จ จะทำให้สามารถขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ได้ 20% โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้ระดับ 30,000 - 40,000 บาทต่อเดือน ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วน 20% โดยสัดส่วนกลุ่มลูกค้าแบ่งเป็น เงินเดือนต่ำกว่า 10,000 บาทต่อเดือน สัดส่วน 10% รายได้ 10,000-20,000 บาท สัดส่วน 20% รายได้ 20,000 - 30,000 บาท สัดส่วน 40% และมากกว่า 50,000 บาท สัดส่วน 10% จากที่ในอดีตลูกค้าหลักจะเป็นกลุ่มโรงงาน
ก่อนหน้านี้ทางศูนย์ได้ทยอยปรับมาบ้างแล้ว โดยมีการเพิ่มร้านค้าแบรนด์เนมทั้งอาหาร แฟชั่น เข้ามาเสริมมากขึ้น ทำให้สามารถดึงฐานลูกค้าเดิมกลุ่มบีบวกขึ้นไปกลับมาได้บ้าง หลับจากที่ต้องสูญเสียให้กับผู้ประกอบการค้าปลีกในย่านสำโรง ศรีนครินทร์ แต่ยอมรับว่าถ้าเป็นแบรนด์ระดับสูงเลยก็คงอาจจะยังไม่มีมากเท่าใด เพราต้องยอมรับว่าคงไม่สามารถแข่งกับคู่แข่งย่านี้เช่นเซ็นทรัลบางนาได้ เพราะเราเป็นศูนย์การค้าชุมชน จับลูกค้ารัศมี 3-5 กิโลเมตร
โดยที่ผ่านมามีคนเข้าศูนย์ฯวันละประมาณ 140,000 - 160,000 คนต่อวันโดยเฉลี่ย ปัจจุบันชขั้น 1-2 เป็นบิ๊กซีซูเปอรฺเซ็นเตอร์ รวม 15,000 ตร.ม. ชั้น3เป็นห้างอิมพีเรียล พื้นทื่ 5,000 ตร.ม. ชั้น4เป็นศูนย์ไอที 10,000 ตร.ม. ชั้น5เป็นเมเจอร์กับไอซ์สเก็ต ชน6เป็นคอนเวนชั่น โดยจากนี้จะทยอยปรับพื้นที่ชั้น3ที่เหลืออีก 2,500 ตร.ม. เป็นโซนเอดดูเคชันและคิดส์โซน ส่วนศูนย์ไอทีอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้เช่ารายใหญ่เพื่อปรับพื้นที่ ส่วนห้องคอนเวชั่นจะปรับให้สามารถจัดงานได้หลากหลาย ส่วนชั้นที่7ปัจจุบันเป็นสวนน้ำ มีแผนจะปรับใหม่เป็นสปอร์ตคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่พื้นที่ 5,000 ตร.ม.
นายโอฬารกล่าวต่อว่า ปัจจุบันบริษัทฯมีรายได้จากห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลประมาณ 400 ล้านบาท ต่อปี และมีรายได้จากการเก็บค่าเช่าพื้นที่ทั้งศูนย์ฯ 500 ล้านบาทต่อปี รวมเป็น 900 ล้านบาทต่อปี คาดว่าหลังจากที่มีการปรับศูนย์ฯเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะทำให้รายได้ของห้างฯเพิ่มเป็น 500 ล้านบาทต่อปี และรายได้จากค่าเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นตามสัดส่วนที่มีการปรับราคาค่าเช่าขึ้นมา โดยคาดหวังรายได้รวมเติบโตเฉลี่ย 20% ส่วนอิมพีเรียลเวิลด์ที่ลาดพร้าวน้น นายโอฬารกล่าวว่าเป็นคนละทีมงานบริหาร
นายโอฬาร กิจเลิศไพโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์สำโรง บริษัท อิมพีเรียล พลาซ่า จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนที่จะปรับปรุงอิมพีเรียลเวิลด์สำโรงครั้งใหญ่ภายในปี 2560 ซึ่งปัจจุบันสาขานี้มีอายุ 31 ปีแล้ว โดยคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณมากกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นช่วงที่ผู้เช่ารายย่อยในศูนย์ครบกำหนดสัญญาเช่าพอดี เพื่อสร้างความสมบูรณ์ให้กับศูนย์ฯและรองรับกับการแข่งขันในธุรกิจค้าปลีกย่านตะวันออกของกรุงเทพฯที่อนาคตจะมีการแข่งขันที่สูงมากขึ้น และรองรับการขยายตัวของชุมชนที่มีกำลังซื้อที่จะออกมาอยู่ชานเมืองรอบนอกกรุงเทพฯมากขึ้นตามการขยายตัวของพื้นที่และเศรษฐกิจ
โดยจะมีการปรับโซนนิ่งใหม่ รวมทั้งแผนการต่อเชื่อมกับตัวสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสำโรงด้วย ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ของศูนย์ฯมีทั้งหมด 220,000 ตารางเมตร และพื้นที่จอดรถ 80,000 ตารางเมตร นอกจากนั้นยังมีแผนที่จะปรับปรุงพื้นที่ที่อยู่รายล้อมที่เป็นแลนด์แบงก์ของบริษัทฯเองอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แผนงานระยะสั้น 3 ปีนี้คือ 2557 -2559 บริษัทฯจะใช้งบประมาณรวม 300 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 100 ล้านบาท ไม่ได้รวมอยู่ในงบใหญ่ 1,000 ล้านบาท ทำการปรับปรุงพื้นที่แต่ละส่วน เนื่องจากสามารถดำเนินการได้ไม่ต้องรอให้ครบอายุสัญญาเช่าจากผู้เช่าแต่อย่างใด
ทั้งนี้บริษัทฯคาดหวังว่า หลังจากที่มีปรับปรุงแบบเมเจอร์เชนจ์ใหม่ทั้งหมดแล้วเสร็จ จะทำให้สามารถขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ได้ 20% โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้ระดับ 30,000 - 40,000 บาทต่อเดือน ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วน 20% โดยสัดส่วนกลุ่มลูกค้าแบ่งเป็น เงินเดือนต่ำกว่า 10,000 บาทต่อเดือน สัดส่วน 10% รายได้ 10,000-20,000 บาท สัดส่วน 20% รายได้ 20,000 - 30,000 บาท สัดส่วน 40% และมากกว่า 50,000 บาท สัดส่วน 10% จากที่ในอดีตลูกค้าหลักจะเป็นกลุ่มโรงงาน
ก่อนหน้านี้ทางศูนย์ได้ทยอยปรับมาบ้างแล้ว โดยมีการเพิ่มร้านค้าแบรนด์เนมทั้งอาหาร แฟชั่น เข้ามาเสริมมากขึ้น ทำให้สามารถดึงฐานลูกค้าเดิมกลุ่มบีบวกขึ้นไปกลับมาได้บ้าง หลับจากที่ต้องสูญเสียให้กับผู้ประกอบการค้าปลีกในย่านสำโรง ศรีนครินทร์ แต่ยอมรับว่าถ้าเป็นแบรนด์ระดับสูงเลยก็คงอาจจะยังไม่มีมากเท่าใด เพราต้องยอมรับว่าคงไม่สามารถแข่งกับคู่แข่งย่านี้เช่นเซ็นทรัลบางนาได้ เพราะเราเป็นศูนย์การค้าชุมชน จับลูกค้ารัศมี 3-5 กิโลเมตร
โดยที่ผ่านมามีคนเข้าศูนย์ฯวันละประมาณ 140,000 - 160,000 คนต่อวันโดยเฉลี่ย ปัจจุบันชขั้น 1-2 เป็นบิ๊กซีซูเปอรฺเซ็นเตอร์ รวม 15,000 ตร.ม. ชั้น3เป็นห้างอิมพีเรียล พื้นทื่ 5,000 ตร.ม. ชั้น4เป็นศูนย์ไอที 10,000 ตร.ม. ชั้น5เป็นเมเจอร์กับไอซ์สเก็ต ชน6เป็นคอนเวนชั่น โดยจากนี้จะทยอยปรับพื้นที่ชั้น3ที่เหลืออีก 2,500 ตร.ม. เป็นโซนเอดดูเคชันและคิดส์โซน ส่วนศูนย์ไอทีอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้เช่ารายใหญ่เพื่อปรับพื้นที่ ส่วนห้องคอนเวชั่นจะปรับให้สามารถจัดงานได้หลากหลาย ส่วนชั้นที่7ปัจจุบันเป็นสวนน้ำ มีแผนจะปรับใหม่เป็นสปอร์ตคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่พื้นที่ 5,000 ตร.ม.
นายโอฬารกล่าวต่อว่า ปัจจุบันบริษัทฯมีรายได้จากห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลประมาณ 400 ล้านบาท ต่อปี และมีรายได้จากการเก็บค่าเช่าพื้นที่ทั้งศูนย์ฯ 500 ล้านบาทต่อปี รวมเป็น 900 ล้านบาทต่อปี คาดว่าหลังจากที่มีการปรับศูนย์ฯเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะทำให้รายได้ของห้างฯเพิ่มเป็น 500 ล้านบาทต่อปี และรายได้จากค่าเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นตามสัดส่วนที่มีการปรับราคาค่าเช่าขึ้นมา โดยคาดหวังรายได้รวมเติบโตเฉลี่ย 20% ส่วนอิมพีเรียลเวิลด์ที่ลาดพร้าวน้น นายโอฬารกล่าวว่าเป็นคนละทีมงานบริหาร