00 นาทีนี้ไม่ต้องไม่สนใจใยดีกับบรรดา"ผู้นำกองทัพ"เลิกคาดหวังว่าคนพวกนี้จะมายืนข้างประชาชนอย่างเปิดเผย เพราะรู้แจ้งชัดแล้วว่า เขาเลือกยืนข้างผลประโยชน์เฉพาะหน้า นั่นคือ "อำนาจ" และผลประโยชน์ที่ตัวเองได้รับ และที่ผ่านมาหากพิจารณาจากการเคลื่อนไหวของ "ผู้นำกองทัพ" ในอดีตต่อเนื่องกัน ทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นการ "ก่อรัฐประหาร" ทั้งที่สำเร็จหรือล้มเหลวเป็นกบฎ คนพวกนี้ล้วนทำเพื่อ "ตัวเอง" ทั้งสิ้น เกือบทุกครั้งในการยึดอำนาจก็เป็นการ "ชิงลงมือ" เพราะรู้ตัวว่ากำลังจะ"ถูกปลด" นั่นคือต้องรู้ตัวว่า ถ้าตัวเอง "กำลังสูญเสีย" นั่นแหละถึงได้ลงมือตัดสินใจ อาจมีความคิดรักชาติ รักประชาชน แต่นั่นก็เป็นแค่ "นายทหารชั้นผู้น้อย" ขยับเขยื้อนไม่ได้ ถึงได้บอกว่า อย่าไปสนใจ และจะว่าไปแล้วลำดับต่อไปองค์กรที่ต้องปฏิรูปขนานใหญ่อีกแห่งก็คือ กองทัพนี่แหละ ว่าทำอย่างไรให้เป็น "ทหารอาชีพ" มีการใช้กำลังพล และตำแหน่งเท่าที่จำเป็น เท่านั้น !!
00 บางครั้งคนเราถ้าไม่ได้ยินคำพูด เราก็อาจไม่ได้เห็นวิธีคิด ได้เห็นสติปัญญาที่แท้จริงออกมา ยกตัวอย่างที่เพิ่งได้เห็นเมื่อวันก่อน วันที่ "กำนัน" สุเทพ เทือกสุบรรณ นำคณะไปพบกับ "ขุนทหาร" ในกองทัพนำโดย ผบ.สส. พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.ทบ.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นต้น เราก็ได้เห็นท่าทียืนยันหนักแน่นถึงแนวทางการ"ปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง" ของฝ่ายประชาชนผ่านทางกำนันสุเทพ ไปแล้ว อีกด้านหนึ่งเราก็ได้เห็นท่าทีอันน่า"ตลกขบขัน" ของพวกนายทหารพวกนี้ เพราะนอกจาก"ไร้สาระ" ไม่มีแก่นสาร สับสน นั่นคือเป็นอาการที่ "สะท้อนความกลัวระบอบทักษิณ" ขณะเดียวกัน ก็ไม่กล้าที่จะชนกับมวลมหาประชาชนโดยตรงๆ จนทำให้เกิดอาการคำพูดวกวน อ้างโน่นอ้างนี่ แบบ"หยุมหยิม" มารองรับความกลัวของตัวเอง เช่น คำพูดของ ผบ.สส. ที่พูดถึงเรื่อง "ธงชาติ" ที่ผู้ชุมนุมไปปิดล้อมทำเนียบฯ บอกว่าดูแล้วไม่สง่างาม อาจดูเอียงดูห้อยต่ำ อะไรประมาณนี้ ซึ่งก็อาจจะฟังได้ก็ได้ แต่อยากจะถามแบบไม่อยากฟังคำตอบให้รำคาญ ก็แล้วที มีพวกหมิ่นสถาบันฯในม็อบเสื้อแดงที่ได้รับการสนับสนุนจากคนในรัฐบาล และพรรคเพื่อไทยอย่างเปิดเผย มีการพูดจาจาบจ้วง จนใครได้ยินแล้วรับรองว่าทนไม่ได้ หรือการที่คนเสื้อแดงบางกลุ่มเอาธงที่มีเฉพาะสีแดงกับสีขาว แล้วตัดเอา"สีน้ำเงิน"ออกไป โบกสะบัดทั่วเมือง หรือมีวิทยุชุมชนที่ยังจาบจ้วงอยู่ทุกวันอย่างหยาบคาย ทำไมพวกเอ็ง"ไม่รู้สึกอะไร" บ้างวะ ทำเป็นดัจริต พูดไปเรื่อย
00 ถามว่าพวกผู้นำกองทัพเหล่านี้ได้เห็นความเคลื่อนไหวของมวลชนหรือเปล่า ก็ต้องบอกว่ารู้ แต่ในเมื่อยังเป็นสถานการณ์ที่ "พวกตัวเอง" ได้ประโยชน์ ยังได้ดุลต่อรอง ก็ไม่มีทางเลือกข้างอย่างเด็ดขาด เพราะตอนนี้ "เลือกข้างผลประโยชน์" เอาไว้ก่อน ดังนั้นนับตั้งแต่นี้ก็อย่าไปหวังพึ่งพา มวลมหาประชาชนต้องเดินหน้าปฏิรูปด้วยสองมือเท่านั้น อย่าวอกแวก เมื่อถึงเวลา "เป่านกหวีด" ครั้งใหม่ ก็พร้อมใจกันออกมาอีก ให้มากกว่าเก่า และไม่ต้องสนใจแล้วว่า จะจบในกี่วัน เอาเป็นว่า เป่าเมื่อไหร่ ก็ออกมาเมื่อนั้น เดินหน้าไม่มีวันถอยเด็ดขาด !!
00 พอพูดถึงกรณีหมิ่นสถาบันฯ ที่มีการออกหมายจับ "คนเสื้อแดง" คนหนึ่งที่อ้างว่าเป็นเด็กอาชีวะ ขึ้นเวทีคนเสื้อแดงที่สนามกีฬาราชมังคลาฯ ในวันที่คนเสื้อแดงของพรรคเพื่อไทย และภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาล มีการปล่อยให้มีการพูดจาบนเวทีจาบจ้วงสถาบันฯ อย่างรุนแรง ซึ่งในวันนั้นมีคนในรัฐบาลหลายคนอยู่บนเวทีดังกล่าวนั้นด้วย ไม่ว่าจะเป็น จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ที่เป็น มท.1 จาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาฯ ทำไมคนพวกนี้ไม่ห้ามปราม หรือจับกุมทันที หรือแม้แต่ตำรวจที่ยืนรักษาการอยู่ ทำไมไม่จับ ต้องไม่ลืมว่าการออกหมายจับครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะแรงกดดันจากสังคมล้วนๆ ที่มีการเปิดโปงหลักฐานในโลกโชเชียลฯ และจี้ให้ตำรวจดำเนินการ จนกระทั่งนำไปสู่การขอหมายจับดังกล่าว ซึ่งจะว่าไปแล้ว หลักฐานเรื่องนี้ก็น่าจะเป็นคำตอบให้พวกทหาร "ถั่งเช่า" ข้างต้นได้ตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกข้างไหน หากเป็นทหารที่ปฏิญาณว่า "เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน"จริงๆ
00 บางครั้งคนเราถ้าไม่ได้ยินคำพูด เราก็อาจไม่ได้เห็นวิธีคิด ได้เห็นสติปัญญาที่แท้จริงออกมา ยกตัวอย่างที่เพิ่งได้เห็นเมื่อวันก่อน วันที่ "กำนัน" สุเทพ เทือกสุบรรณ นำคณะไปพบกับ "ขุนทหาร" ในกองทัพนำโดย ผบ.สส. พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.ทบ.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นต้น เราก็ได้เห็นท่าทียืนยันหนักแน่นถึงแนวทางการ"ปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง" ของฝ่ายประชาชนผ่านทางกำนันสุเทพ ไปแล้ว อีกด้านหนึ่งเราก็ได้เห็นท่าทีอันน่า"ตลกขบขัน" ของพวกนายทหารพวกนี้ เพราะนอกจาก"ไร้สาระ" ไม่มีแก่นสาร สับสน นั่นคือเป็นอาการที่ "สะท้อนความกลัวระบอบทักษิณ" ขณะเดียวกัน ก็ไม่กล้าที่จะชนกับมวลมหาประชาชนโดยตรงๆ จนทำให้เกิดอาการคำพูดวกวน อ้างโน่นอ้างนี่ แบบ"หยุมหยิม" มารองรับความกลัวของตัวเอง เช่น คำพูดของ ผบ.สส. ที่พูดถึงเรื่อง "ธงชาติ" ที่ผู้ชุมนุมไปปิดล้อมทำเนียบฯ บอกว่าดูแล้วไม่สง่างาม อาจดูเอียงดูห้อยต่ำ อะไรประมาณนี้ ซึ่งก็อาจจะฟังได้ก็ได้ แต่อยากจะถามแบบไม่อยากฟังคำตอบให้รำคาญ ก็แล้วที มีพวกหมิ่นสถาบันฯในม็อบเสื้อแดงที่ได้รับการสนับสนุนจากคนในรัฐบาล และพรรคเพื่อไทยอย่างเปิดเผย มีการพูดจาจาบจ้วง จนใครได้ยินแล้วรับรองว่าทนไม่ได้ หรือการที่คนเสื้อแดงบางกลุ่มเอาธงที่มีเฉพาะสีแดงกับสีขาว แล้วตัดเอา"สีน้ำเงิน"ออกไป โบกสะบัดทั่วเมือง หรือมีวิทยุชุมชนที่ยังจาบจ้วงอยู่ทุกวันอย่างหยาบคาย ทำไมพวกเอ็ง"ไม่รู้สึกอะไร" บ้างวะ ทำเป็นดัจริต พูดไปเรื่อย
00 ถามว่าพวกผู้นำกองทัพเหล่านี้ได้เห็นความเคลื่อนไหวของมวลชนหรือเปล่า ก็ต้องบอกว่ารู้ แต่ในเมื่อยังเป็นสถานการณ์ที่ "พวกตัวเอง" ได้ประโยชน์ ยังได้ดุลต่อรอง ก็ไม่มีทางเลือกข้างอย่างเด็ดขาด เพราะตอนนี้ "เลือกข้างผลประโยชน์" เอาไว้ก่อน ดังนั้นนับตั้งแต่นี้ก็อย่าไปหวังพึ่งพา มวลมหาประชาชนต้องเดินหน้าปฏิรูปด้วยสองมือเท่านั้น อย่าวอกแวก เมื่อถึงเวลา "เป่านกหวีด" ครั้งใหม่ ก็พร้อมใจกันออกมาอีก ให้มากกว่าเก่า และไม่ต้องสนใจแล้วว่า จะจบในกี่วัน เอาเป็นว่า เป่าเมื่อไหร่ ก็ออกมาเมื่อนั้น เดินหน้าไม่มีวันถอยเด็ดขาด !!
00 พอพูดถึงกรณีหมิ่นสถาบันฯ ที่มีการออกหมายจับ "คนเสื้อแดง" คนหนึ่งที่อ้างว่าเป็นเด็กอาชีวะ ขึ้นเวทีคนเสื้อแดงที่สนามกีฬาราชมังคลาฯ ในวันที่คนเสื้อแดงของพรรคเพื่อไทย และภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาล มีการปล่อยให้มีการพูดจาบนเวทีจาบจ้วงสถาบันฯ อย่างรุนแรง ซึ่งในวันนั้นมีคนในรัฐบาลหลายคนอยู่บนเวทีดังกล่าวนั้นด้วย ไม่ว่าจะเป็น จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ที่เป็น มท.1 จาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาฯ ทำไมคนพวกนี้ไม่ห้ามปราม หรือจับกุมทันที หรือแม้แต่ตำรวจที่ยืนรักษาการอยู่ ทำไมไม่จับ ต้องไม่ลืมว่าการออกหมายจับครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะแรงกดดันจากสังคมล้วนๆ ที่มีการเปิดโปงหลักฐานในโลกโชเชียลฯ และจี้ให้ตำรวจดำเนินการ จนกระทั่งนำไปสู่การขอหมายจับดังกล่าว ซึ่งจะว่าไปแล้ว หลักฐานเรื่องนี้ก็น่าจะเป็นคำตอบให้พวกทหาร "ถั่งเช่า" ข้างต้นได้ตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกข้างไหน หากเป็นทหารที่ปฏิญาณว่า "เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน"จริงๆ