xs
xsm
sm
md
lg

“เติ้ง” เข้า ชทพ.ชี้ปมการเมืองพูดลำบาก แนะเดินสายกลาง หนุนยุบสภา ติงแตะ ม.7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“บรรหาร” นำ 13 ลูกพรรคชาติไทย สมัครเข้าชาติไทยพัฒนาหลังพ้นแบน บอกรอมานานแล้ว รับการเมืองพูดลำบาก แนะเดินสายกลางปัญหาคลี่คลาย ไม่เป็นคนกลางระบุบารมีไม่พอ ติง ม.7 ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท หนุนยุบสภา



วันนี้ (4 ธ.ค.) ที่พรรคชาติไทยพัฒนา เมื่อเวลา 09.30 น. นายบรรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย ได้นำอดีตกรรมการบริหารพรรคชาติไทยทีเพิ่งพ้นจากการถูกตัดสิทธิการเมือง 5 ปีจำนวน 14 คนจากทั้งหมด 43 คนเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) มีนายธีระ วงศ์สมุทร หัวหน้าพรรรคชาติไทยพัฒนา เป็นผู้ให้การต้อนรับ ด้านนายประภัตร โพธสุธน ได้มอบกระเช้าผลไม้มงคล ทั้งมะม่วง, ทับทิม, น้อยหน่า และกล้วย ให้แก่นายบรรหารเพื่อเป็นกำลังใจ พร้อมกับกล่าวว่าขอให้นายบรรหารมีสุขภาพแข็งแรงและนำพาหัวหน้าพรรค สมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาให้มีความมั่นคงเจริญก้าวหน้าต่อไป

โดย 14 คนที่เดินทางสมัคร ประกอบด้วย นายจองชัย เที่ยงธรรม, นายประภัตร โพธสุธน, นายอนุรักษ์​ จุรีมาศ, นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล, นายนิกร จำนง, น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา, นายสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง, นายธรรมา ปิ่นสุกาญจนะ, นายนพดล พลเสน, นายเสมอกัน เที่ยงธรรม, นายกูเฮง ยาวอหะซัน, นายรัฐกิตติ์ ผาลีพัฒน์ นายศักดิ์ชัย จินตะเวช และนายเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล

ด้านนายบรรหารกล่าวภายหลังรับผลไม้ว่า พวกเรารอมานานหลังจากที่ถูกเว้นวรรควันนี้ท้องฟ้าใสสว่างแล้ว หลุดพ้นจาก 5 ปี วันนี้ก็เป็นไทแก่ตัวเอง ทุกคนร่วมใจมาสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาที่มีนายธีระเป็นหัวหน้าพรรค ตนขอให้วันนี้เป็นวันดี เหตุการณ์บ้านเมืองสงบเรียบร้อยให้ทำความเข้าใจกันได้ ไม่มีปัญหาใดๆ เกิดขึ้น ต้องการให้ประเทศไทยเดินไปสู่ความเจริญก้าวหน้าโดยที่พวกเราทุกคนและพรรคชาติไทยพัฒนาจะต้องให้ความร่วมมือนำพาประเทศไทยให้ไปตลอดรอดฝั่ง

จากนั้นนายบรรหารให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ทางการเมืองว่า สถานการณ์ขณะนี้เป็นเรื่องที่พูดลำบากมากแต่เท่าที่ดูคิดว่ากำลังอยู่ในช่วงหยุดพักเท่านั้น และเมื่อพ้นวันเฉลิมพระชนมพรรษาอะไรจะเกิดก็คงพูดและตอบได้ยาก การทำงานของฝ่ายการเมืองเป็นไปได้ยากเพราะเหตุที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นเพราะฝ่ายการเมือง ดังนั้น หากนักการเมืองทุกคนเดินสายกลางปัญหาก็คงไม่เกิดขึ้น ขอว่าอย่าให้หนักไปข้างใดข้างหนึ่ง ถ้าเดินสายกลางได้ปัญหาก็คลี่คลาย ควรยึดคำสายกลางดังคำพระที่ว่ามัชฌิมาปฏิปทา

“การเดินทางสายกลางจะเดินแบบใดนั้น คำตอบก็มีอยู่ในตัวแล้วว่าจะเดินอย่างไร ผมพูดได้เพียงเท่านี้ไม่สามารถลงลึกได้ว่าอะไรเป็นอะไร เพราะถ้าพูดมากกว่านี้หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาคงจะลำบากในการรับรองผมเป็นสมาชิกพรรค เดินทางสายกลางแล้วประเทศไทยจะอยู่รอด ไม่หนักไปข้างใดข้างหนึ่ง ควรถ้อยทีถ้อยอาศัยแต่ผมคงจะไม่เข้ามาเป็นคนกลางเพราะอย่างผมคงเป็นไม่ได้ บารมีไม่พอ ส่วนคณะกรรมการปฎิรูปประเทศก็ยังทำอะไรไม่ได้ในตอนนี้ต้องหยุดไปชั่วคราว การทำงานการเมืองหากยึดสายกลางปัญหาก็จะไม่เกิดแต่เข้าใจดีวาการเดินสายกลางนั้นไม่ง่ายอยู่ที่ใจที่จะรู้ดีว่าการเดินสายกลางนั้นควรจะทำอย่างไร จะต้องเอาตัวของเราเองถอยออกไปจากตัวตนที่มีกิเลสแล้วละวางทำจิตให้ว่างมองว่าอะไรคือสิ่งถูกต้องอะไรคือสิ่งที่ควรทำอย่างนี้ก็จะไปได้” นายบรรหารกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การยุบสภาผู้แทนราษฎรจะเป็นทางออกที่ดีได้หรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า การยุบสภาก็จะมีปัญหาว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมแล้วจะทำอย่างไรเพราะเขาไม่เอาทั้งยุบสภาและลาออก ดังนั้น ตนจึงไม่มีคำตอบในเรื่องนี้ ตนเชื่อว่าทุกคนคงหาคำตอบกันได้เองว่าทางสายกลางคืออะไรแต่จะทำได้อีกหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่งเพราะถ้าทุกฝ่ายทำได้ประเทศก็จะไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้อยู่ในภาวะที่จะชี้แนะแนวทางการแก้ไขปัญหาในขณะนี้ เพราะคนที่จะชี้แนะนั้นจะต้องมีคนรับฟังเพราะถ้าไม่มีคนฟังก็ชี้แนะไม่ได้ และตนไม่อยู่ในฐานะนี้เพราะมีบารมีไม่พอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้เคยมีการระบุว่าหากพ้นจากการถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองจะมีการเสนอแนวทางปรองดอง นายบรรหารกล่าวว่า ตอนนี้ไม่รู้จะพูดอย่างไร เพราะไม่มีบารมีเพียงพอทั้งๆที่มีคำตอบอยู่ในใจแล้ว เพราะถ้าพูดไปในขณะที่หลายฝ่ายยังไม่เดินสายกลางก็คงจะโดนม็อบมาเยี่ยมถึงบ้านแน่ๆ จึงพูดอะไรไม่ได้ เหมือนอย่างที่ตนเคยโดนไม่ว่าจะเป็นม็อบเสื้อแดงหรือเสื้อเหลือง ขอไม่พูดมากไปกว่านี้ ถ้าเหตุการณ์ไม่เป็นเช่นนี้ตนคงพูดอะไรได้มากกว่านี้ขอให้เห็นใจตนบ้าง

เมื่อถามว่าในสถานการณ์นี้มองว่ารัฐบาลชุดนี้ยังเดินต่อไปได้หรือไม่ นายบรรหารถึงกับนิ่งเงียบก่อนจะตอบว่า “เอาเป็นว่าคงไปได้ก็แล้วกัน”

เมื่อถามย้ำว่า คิดว่ารัฐบาลจะอยู่ครบเทอมหรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า “เป็นเรื่องอนาคต ใครจะตอบได้”

เมื่อถามถึงข้อเสนอของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) ที่ขอให้ใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 7 นายบรรหารกล่าวว่า คิดว่าอย่าไปรบกวนเบื้องพระยุคลบาทจะดีกว่า

“อยากให้ประเทศไทยเหมือนญี่ปุ่นเพราะเมื่อมีปัญหาก็ตัดสินใจยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ ญี่ปุ่นเลือกตั้งปีหนึ่งสามครั้ง เลือกให้คนดีเข้ามาให้ได้ ไปหาวิธีสู้กันในการเลือกตั้งใครที่สู้ไม่ได้ก็ต้องสู้ให้ได้ การยุบสภาเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่บางฝ่ายก็ไม่ยอมรับ จึงไม่รู้จะทำอย่างไร” นายบรรหารกล่าว

เมื่อถามว่า ได้กลิ่นยุบสภาเลือกตั้งใหม่หรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า เอาไว้สิ้นเดือน ธ.ค.ไปก่อนแล้วค่อยมาวิเคราะห์สถานการณ์กันอีกทีว่าบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ถึงตอนนั้นตนจะตอบได้ว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่











กำลังโหลดความคิดเห็น