ที่อยู่ของตระกูลชิน

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-“ดิฉันไม่ใช่ไม่มีความรู้สึก ดิฉันได้ฟังมาตลอดกับการร้องขอกับผู้ชุมนุม การที่กล่าวถึงทั้งตระกูลนั้น ดิฉันก็ถือว่าเราเป็นคนไทยด้วยกัน จะถึงขนาดไม่ให้เหยียบอยู่ในแผ่นดินไทยเลยหรือ เราจะเป็นกันอย่างนี้หรือ ดิฉันถอยไม่รู้ว่าจะถอยอย่างไรแล้ว ก็ขอความเป็นธรรมด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ"

นั่นคือคำพูดของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและน้ำตาคลอเบ้าระหว่างการแถลงข่าวหลังการประชุม คณะรัฐมนตรีที่สโมสร ทบ.เมื่อวันรัฐธรรมนูญปี 2556 วันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา

งานนี้นายกฯ ปูของกระผมใช้ “น้ำตา” เป็นอาวุธในการ “ออดอ้อน” และ “เรียกคะแนนสงสาร” เพราะรู้ดีว่า คนไทยมีนิสัยอย่างไร

ความจริงต้องบอกว่า คนไทยขี้สงสัยและลืมง่ายจริงๆ ไม่งั้นคนชั่ว โดยเฉพาะนักการเมืองที่ทำความเลวระยำกับบ้านเมืองก่อนหน้านี้คงไม่มีทางเดินลอยหน้าลอยตาอยู่อย่างมีความสุขจนถึงทุกวันนี้ได้

แต่ก่อนที่จะจุดนั้นได้ นายกฯ ปูและพี่ชายที่ชื่อทักษิณจะต้องสะกดคำว่า “แพ้” ให้เป็น และต้องเอ่ยปากขอโทษต่อมวลมหาชนชาวไทยเสียก่อน ไม่ใช่ปากบอกว่าถอยจนสุดซอยแล้ว แต่ลิ่วล้อข้าทาสของตระกูลยังปากดีเห่าหอนกวนบ้านกวนเมืองอยู่ทุกวัน

นายกฯ ปู คิดถึงลูกบ้าง อย่าคิดถึงแต่พี่และเจ๊อย่างเดียว

นายกฯ ปู จะปล่อยให้ลูกโตมาโดยมีตราบาปติดตัวไปตลอดชีวิตหรือ

ไปที่เรื่องอื่นๆ กันบ้าง เริ่มจาก นางคริสตี้ เอ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย เป็นประธานมอบรางวัลองค์กรที่มีผลงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมดีเด่น ประจำปี 2556 จากหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย ให้แก่ นางกรรณิการ์ จรัสอุไรสิน ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัทพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง(ประเทศไทย) จำกัด ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ณ ห้องบอลรูม โรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพฯ สุขุมวิท

ตามต่อด้วย “โรงพยาบาลปิยะเวท” ที่เสนอทางเลือกใหม่ในการรักษาโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมยากด้วยการจี้เส้นประสาทอัตโนมัติ ควบคุมความดันเข้าสู่เกณฑ์ปกติทานยาน้อยลง หรืออาจไม่จำเป็นต้องทานยาควบคุมความดันอีกต่อไป โดยที พญ.ปิยะนาฏ ปรียานนท์ อายุรแพทย์หัวใจ สถาบันหัวใจเพอร์เฟคฮาร์ท โรงพยาบาลปิยะเวท เป็นผู้ให้ข้อมูลในงานสัมมนาด้านสุขภาพเรื่อง “ตัดเส้นประสาท กำราบความดันโลหิตสูง” เมื่อเร็วๆ นี้

และปิดท้ายกับ มร. โทมัส เจมส์ เบลล์ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายโรงงาน บริษัท อีเลคโทรลักซ์ ประเทศไทย จำกัด นำทีมพนักงานอีเลคโทรลักซ์ โรงงานระยอง ร่วมกิจกรรมชุมชนซึ่งทำเป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้ได้รวบรวมบริจาคหนังสือ ทำความสะอาดห้องสมุด ปรับปรุงภูมิทัศน์ และบริจาคอุปกรณ์คอมพิวเตอร์จำนวน 4 เครื่อง แก่โรงเรียนบ้านหนองละลอก จังหวัดระยอง ด้วยความมุ่งหวังที่จะปลูกฝังนิสัยรักการอ่านและสนับสนุนการเรียนรู้แก่เยาวชนไทย

พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ...

ลุงอ้วน

managerweekend@yahoo.com

คอลัมน์// หนังสือน่าอ่าน

เฟรนชี่ ลัคกี้ อินเลิฟ อลเวง

ในโลกแห่งความวุ่นวายอันเต็มไปด้วยการแก่งแย่ง แข่งขัน บางคนอาจจะท้อแท้ใจได้ง่าย รู้สึกหมดเรี่ยว หมดแรง เมื่อรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่พลังงานภายในตัวเองลดน้อย ถดถอยลงทุกขณะไปแล้ว ทำให้บางทีเราเกิดความต้องการเพื่อนในชีวิตสักคนหนึ่งที่จะพูดคุยได้อย่างสนิทใจ หรือใครสักคนหนึ่งที่จะนั่งอยู่เคียงข้างเราเพื่อช่วยสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย ให้ภาระที่หนักอึ้งจากการต่อสู้ตลอดทั้งวันได้บรรเทาลง

...ในอีกแง่มุมหนึ่ง ยังมีเพื่อนร่วมโลกอย่างเจ้าตูบน้อย เรียกได้ว่า หากใครได้ลองใกล้ชิดจนถึงขั้นผูกพันด้วยแล้ว คงรู้สึกราวกับว่าเขานั้นไม่ใช่สัตว์เลี้ยง หากแต่เป็นสมาชิกในครอบครัวเดียวกันกับเรา ที่จะร่วมทุกข์ ร่วมสุข ไปกับเรา ทันทีที่เรานั่งลง มองตาอันใสซื่อบริสุทธิ์นั้น และลูบตัวเขาเบาๆ ก็ถือว่าเราได้สื่อสารถึงกันแล้ว เกิดเป็นความรัก ความผูกพันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา ที่สนิทแนบแน่นในที่สุด

เหมือนดังเช่นผู้เขียนหนังสือ เฟรนชี่ ลัคกี้ อินเลิฟ อลเวง ที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวระหว่างเขากับสุนัขอันเป็นที่รัก นำมาเขียนเล่าเรื่องได้อย่างสนุก และน่าติดตาม ด้วยนิสัยทะเล้นทโมนของสุนัขของเขาเอง ที่ชื่อ “ลัคกี้” ที่เขาตั้งฉายาไว้ว่า วายร้ายตาโปน กับอีกตัวหนึ่งที่เขาได้นำมาเลี้ยงเพื่อช่วยชีวิตเจ้าลัคกี้ เพื่อดับฮอร์โมนวัยหนุ่มอันพลุ่งพล่าน ที่มีชื่อว่า “ลูซี่”

เรื่องราวสนุกๆจึงเกิดขึ้น มีความซุกซน ป่วนตลอดทั้งเรื่อง ทว่าแฝงไปด้วยความน่ารัก ที่ผู้เขียนได้บรรยายออกมาให้รับรู้ถึงครอบครัวที่น่ารัก อบอุ่น ดูมีความสุขจริงๆ

อีกทั้งผู้เขียนยังมีมุมมองยียวนกวนประสาท จึงทำให้อ่านหนังสือเล่มนี้ได้ไม่รู้เบื่อ เรียกรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะเบาๆทุกครั้งที่พลิกกระดาษผ่านสายตาไปแต่ละหน้า

หากใครที่ชื่นชอบสัตว์เลี้ยงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หรือใครที่ยังไม่เคยใช้ชีวิตอยู่กับเจ้าตูบ ก็ลองหาซื้อมาอ่านดู และจะทำให้รู้สึกว่า โลกใบนี้ยังมีสมาชิกอีกหนึ่ง ที่นั่งรอคอยคุณกลับจากที่ทำงาน และเหมือนนั่งจับเข่าเฝ้าสังเกตอากัปกิริยาเจ้าตูบที่ดูน่ารัก น่าชัง และอยากมีสุนัขสักตัวไว้ในบ้านเหมือนเจ้าของจริงๆ