xs
xsm
sm
md
lg

พบผบ.เหล่าทัพ "สุเทพ"ชวนตัดหางรัฐบาล"ปู" ดึงเลือกข้างปฏิรูปประเทศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน-"สุเทพ"เตรียมเข้าพบ ผบ.สส.-ผู้นำเหล่าทัพ-ผบ.ตร. แจงแนวทางปฏิรูปประเทศ และขอให้ตัดสินใจเข้าร่วม ย้ำรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์" หมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศแล้ว

เมื่อเช้าวานนี้ (11ธ.ค.) นายเอกณัฐ พร้อมพันธ์ โฆษกคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) กล่าวชี้แจงว่า ขณะนี้มีขบวนการสมรู้ร่วมคิดในระบอบทักษิณ โดยใช้นักวิชาการ และนักกฎหมาย ออกมาให้ร้ายประชาชน เพื่อบั่นทอนการเคลื่อนไหวของมวลมหาประชานชน ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตว่า นักวิชาการกลุ่มนี้ ไม่มีการต่อว่าการกระทำในระบอบทักษิณ ทั้งที่มีการออกมาปฎิเสธอำนาจศาลรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน แต่กลับมาให้ร้ายผู้ชุมนุมที่อยากเปลี่ยนแปลงประเทศ โดยนายฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรัก นักวิชาการ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ เป็นฉากบังหน้า และมีสถาบันมาเกี่ยวข้องในการอยู่เบื้องหลัง โดยขอยืนยันว่า ทั้งหมดการเคลื่อนไหวเป็นของประชาชน ขออย่าให้นำสถาบันมาข้องเกี่ยว และพรรคการเมืองมาข้องเกี่ยว

ทั้งนี้ ขอเปรียบเทียบระหว่างระบอบประชาชนกับระบอบทักษิณที่มีความแตกต่างกันในเรื่องของการเคลื่อนไหว โดยระบอบทักษิณมีแต่การหาผลประโยชน์ให้พวกพ้อง แต่ กปปส. ต้องการเคลื่อนไหวเพื่อการเปลี่ยนแปลงประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างแท้จริง ส่วนเรื่องโครงสร้างระบอบทักษิณ มีศูนย์บัญชาการอยู่ที่ดูไบ และสั่งการมาที่รัฐบาลหุ่นเชิด ส่วนมวลชน กปปส. เป็นผู้กำหนดทิศทางเอง โดยขอปฎิเสธว่าไม่มี "ระบอบสุเทพ" เพราะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการเคลื่อนไหวเท่านั้น และปฏิเสธชัดว่าหากสำเร็จ จะไม่รับตำแหน่งใดๆ ส่วนวิธีการเคลื่อนไหวของระบอบทักษิณ ใช้อิทธิพลและผลประโยชน์ในกลุ่มการเมือง แต่ประชาชนแสดงเจตจำนงค์ร่วมกัน แสดงออกด้วยสันติวิธี อหิงสา ซึ่งแตกต่างจากระบอบทักษิณอย่างสิ้นเชิง

ทั้งนี้ ขอประชาชนอย่าสับสนกับการให้ข้อมูลของนักวิชาการ ที่บิดเบือนใส่ร้าย หวังบั่นทอนกำลังใจมวลชน ที่ออกมาต่อสู้และคาดว่าจะสำเร็จในไม่ช้านี้

** เตรียมกดดัน ผบ.ตร.ที่ไม่รับคำสั่ง

โฆษกกปปส. ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. แสดงความชัดเจนแล้วว่า ไม่ยอมถอนกำลังทั้งหมด กลับไปสู่ที่ตั้งตามปกติ และปฎิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย และทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ตามปกติ ภายใน 12 ชั่วโมง ตามที่ กปปส.ได้สั่งการไว้ ซึ่งขณะนี้เกินกำหนดเวลา10.30 น. แล้ว ทาง ผบ.ตร. ยังไม่มีความเคลื่อนไหวแต่อย่างใด ทำให้ทาง กปปส. จะเรียกประชุมคณะกรรมการ เพื่อกำหนดท่าทีในการกดดันต่อไป และมีความเป็นไปได้ว่า จะมีการเคลื่อนไหวไปกดดัน ผบ.ตร. ทั้งนี้ จะไม่มีการยืดเวลาให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว เนื่องจากได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่า เลือกอยู่ข้างระบอบทักษิณ

นายเอกณัฐยังกล่าวยืนยันว่า นายสุเทพไม่ได้มีการเข้าพบกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เพื่อหารือถึงปัญหาของประเทศ ตามที่มีกระแสข่าว ส่วนกรณี ศอ.รส. แถลงความเสียหายที่เกิดขึ้น ภายหลังผู้ชุมนุมออกไปจากศูนย์ราชการ และกระทรวงการคลังนั้น อยากขอความเป็นธรรมว่า หลักการตรวจสอบ ควรมีตัวแทนจากฝ่ายผุ้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่เข้าไปพร้อมกัน ไม่ใช่ ศอ.รส. ออกมาแถลงแต่เพียงฝ่ายเดียว

**“เทือก”นัดผบ.เหล่าทัพ-ผบ.ตร.ให้เลือกข้าง

ต่อมาเวลา 15.20 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. แถลงถึงกรณีที่ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ยังไม่มีท่าทีในการตอบรับคำสั่งกปปส.อย่างเป็นรูปธรรม ว่า คณะกรรมการ กปปส. มีมติ ขอพบหน่วยงานของรัฐที่ดูแลความมั่นคง คือ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก่อนเวลา 20.00 น.ของวันนี้ (12 ธ.ค.) เพื่อชี้แจงจุดยืนแนวทางการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศ และเปิดโอกาสให้สอบถามจุดยืน แนวทาง เพื่อที่จะตัดสินใจเข้าร่วมหรือไม่ และจะได้นัดพบองค์กรภาคเอกชน เช่น องค์กรวิชาชีพและองค์กรทางสังคมอื่นๆ ที่สนับสนุนแนวทางอีกด้วย หวังว่าแนวทางเคลื่อนไหวอย่างสงบ สันติ ปราศจากอาวุธตามรัฐธรรมนูญ จะทำให้ประสบความสำเร็จสูงสุดตามเจตนารมณ์

"วันนี้ยังมีข้าราชการที่อาจจะยังไม่ชัดเจน ยังไม่เข้าใจว่า เป้าหมายที่แท้จริง คือ การเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยเพื่ออนาคตที่ดีกว่า จึงไม่ได้เข้าพบกรรมการ กปปส. อย่างเป็นทางการ จึงเห็นว่า มีความจำเป็นที่คณะกรรมการ กปปส. จะได้ชี้แจงต่อผู้มีอำนาจเพื่อให้ซักถาม สอบถาม ให้ชัดเจน เพื่อประกอบการตัดสินใจได้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ารัฐบาลยังคงดึงดันอยู่ ข้าราชการจึงมีความลังเลใจ ส่วนการออกหมายจับในคดีกบฏนั้น ผมไม่ได้กังวลใจ เพราะคำสั่งใดๆ ที่รัฐบาลสั่งการใดๆ ย่อมไม่ชอบธรรมตามกฎหมาย" นายสุเทพกล่าว

ทั้งนี้ นายสุเทพ ยังได้ปฏิเสธ กระแสข่าวที่ว่าได้มีการพบ เพื่อหารือกับ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ อดีต รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผบ.ทบ. และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ถึงทางออกของบ้านเมือง โดยจะนัดพบครั้งแรกอย่างเป็นทางการวันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 12.00 น. นายสุเทพ พร้อมแกนนำประกอบด้วย นายวิทยา แก้วภราดัย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายถาวร เสนเนียม นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ นายจุมพล จุลใส นายณัฐพล ทีปสุวรรณ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. นายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำ คปท. ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ แกนนำ กปท. ได้ร่วมรับประทานอาหารที่ห้องทวีวงศ์ ภายในสโมสรราชตฤณมัยสมาคม (สนามม้านางเลิ้ง) จากนั้นเวลา 13.30 น. แกนนำทั้งหมด ได้เข้าประชุมหารือเป็นการส่วนตัว ภายในห้องกระจก เพื่อวางแผนการเคลื่อนไหว ยกระดับกดดดันรัฐบาล และกำหนดทิศทาง ท่าทีของการกัดดันให้รัฐบาลลาออก ห้ามรักษาการ ตามที่ กปปส. มีมติให้จัดตั้งสภาประชาชน

** "เทือก"จวก"ปู"เลิกตะแบงรักษาการ

เวลา 19.40 น. นายสุเทพ ขึ้นเวทีปราศรัยอีกครั้งว่า วันนี้นายกฯ ยังเถียงข้างๆ คูๆ ว่ายังเป็นนายกฯ อยู่ และมาจากการเลือกตั้ง 15 ล้านคน แต่เราบอกว่า คนที่ออกมาเดินขบวนต่อต้านรัฐบาล 5 ล้านคน เป็นตัวแทนคนกว่า 20-30 ล้านคน ดังนั้นคนจำนวนมากไม่เอาอำนาจรัฐบาล ทำให้รัฐบาลหมดความชอบธรรมแล้ว

"วันนี้ นายกฯ ไม่เถียงเรื่องความชอบธรรม แต่เถียงว่า ออกจากตำแหน่งไม่ได้ เนื่องจากจะผิดกฎหมาย จึงขอยกตัวอย่างว่า หากคณะรัฐมนตรี เดินทางโดยขึ้นเครื่องบินทั้งหมด และเครื่องบินตกทำให้ตาย ประเทศไทยก็อยู่ได้ จึงขอให้เลิกตะแบง คนไทยให้โอกาสมาร่วมกันแก้ปัญหาบ้านเมืองอย่างละมุนละม่อม และเสนอแนวทางไปแล้ว"

ส่วนการที่คณะกรรมการ กปปส. มีมติว่า ขอเข้าพบผู้บัญชาการเหล่าทัพ และ ผบ.ตร. เพื่อให้มีโอกาสซักถามสิ่งที่ยังไม่ชัดเจน โดยไปพบทั้งคณะ 40 คน และพร้อมตอบทุกข้อทุกประเด็น แต่เรื่องนี้ไม่ใช่การกดดัน หวังว่า ถ้าแม่ทัพนายกองรวมทั้ง ผบ.ตร. ได้ฟังและซักถามจนเข้าใจแล้ว จะได้ตัดสินใจว่าสมควรแล้วหรือไม่ที่จะย้ายข้างมาอยู่ข้างประชาชน หากตัดสินใจอย่างอื่น ก็จะได้รู้ นอกจากนี้ จะมีการพบกับองค์กรภาคเอกชน โดยตั้งใจจะให้เสร็จก่อนเวลา 20.00 น. วันที่ 12ธ.ค.

นายสุเทพกล่าวต่อว่า ได้ติดต่อไปยัง ผบ.สส., ผบ.ทบ. และ ผบ.ตร. ขณะนี้ยังติดต่อ ผบ.สส. ไม่ได้ แต่พูดโทรศัพท์กับ ผบ.ทบ.แล้ว และยืนดีที่จะพูดคุย แต่ให้ติดต่อ ผบ.สส. ก่อน เนื่องจากเป็นผู้บังคับบัญชา และให้เรียกพบกันครั้งเดียวทั้งหมด รวมทั้งโทรศัพท์ไปยัง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ว่า ขอนำคณะกรรมการ กปปส. เข้าพบอย่างเป็นทางการ เพื่อชี้แจงว่าประชาชนคิดอะไรอยู่ ซึ่งพล.ต.อ.อดุลย์ ก็ยินดี แต่ให้ติดต่อ ผบ.สส. เพื่อพบครั้งเดียวกัน ขณะนี้จึงรอคำตอบจาก ผบ.สส. เพียงคนเดียว จึงต้องขออนุญาตว่า วันนี้พยายามติดต่อมากว่าครึ่งวัน ไม่สามารถติดต่อได้ หาก ผบ.สส. ทราบแล้ว ขอให้รับทราบว่า คณะกรรมการ กปปส. เห็นว่ามีความจำเป็น ที่จะพบกันเป็นทางการก่อน 20.00 น. ขอให้จัดการพบกับผบ.เหล่าทัพ และผบ.ตร. ด้วย ทั้งนี้ จะไม่ละความพยายาม จะติดต่อ ผบ.สส. ต่อเนื่อง เพราะต้องการพบจริง เพราะสิ่งที่ประชาชนกำลังต่อสู้ครั้งนี้ เพื่อประเทศไทย เพื่อคนไทยทั้งแผ่นดิน ไม่มีประโยชน์อื่นแน่นอน

**ผบ.เหล่าทัพโยน ผบ.สส. ตัดสินใจ

แหล่งข่าวนายทหารระดับสูง กล่าวว่า หลังจากที่นายสุเทพ ระบุว่า จะขอเข้าพบกับ ผบ.เหล่าทัพนั้น ขณะนี้ทาง ผบ.เหล่าทัพ ยังไม่ได้รับหนังสือของนายสุเทพ ซึ่งในส่วนของ ผบ.เหล่าทัพ ยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เนื่องจากต้องรอ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้ตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป และจะมีการนัด ผบ.เหล่าทัพ หารือกันก่อนหรือไม่ เนื่องจากผบ.เหล่าทัพ ไม่มีอำนาจตัดสินเองได้

** ตท.1-9 รวมตัวต้านระบอบทักษิณวันนี้

พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานเตรียมทหารรุ่นที่ 1 (ตท.1) กล่าวว่า วันนี้ (12ธ.ค.) เวลา 13.30 น. ที่สโมสรเทเวศร์ ตนจะนำ ตท.1-9 แถลงข่าวท่าทีของทหาร ในการสนับสนุนการชุมนุมของนายสุเทพ และ กปปส. พร้อมร่วมกันกดดันรัฐบาลรักษาการ ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และระบอบทักษิณ ให้หมดไปจากประเทศไทย

** ปัด"เทือก"ดอดพบ"บูรพาพยัคฆ์" ที่ร.1รอ.

พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวชี้แจงถึงกระแสข่าวว่า นายสุเทพ ได้เข้ามาหารือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว และทั้ง 3 ท่านที่ถูกกล่าวถึงนั้น ไม่มีใครอยู่ในพื้นที่ ร.1 รอ. อีกทั้งไม่มีเหตุผลความจำเป็นจะต้องมีการพบปะกัน และยืนยันว่ากระแสข่าวที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายสุเทพ จะเข้ามาหารือกับ ผบ.เหล่าทัพเพื่อหาทางออกภายใน ร.1รอ. ก็ไม่เป็นความจริง

**แนะนัดศาล-บิ๊กขรก.รับรองอำนาจ

รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวฝากถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ หลังประกาศให้ข้าราชการมารายงานตัว โดยมีรายละเอียดดังนี้

"ฝากถึงท่านกำนันสุเทพ ในฐานะเลขาธิการ กปปส. ผมคิดว่าหากยังทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะรัฐมนตรี รักษาการลาออกไม่ได้เย็นวันนี้ ผมขอเสนอให้ทาง กปปส. เรียนเชิญ ผู้นำเหล่าทัพ ประธานศาลฎีกา ประธาน รองประธานวุฒิสภา ประธานองค์กรอิสระ ปลัดกระทรวง ผบ.ตร. ผู้แทนภาคธุรกิจ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยเก่าแก่ของรัฐ ในกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมประชุม เพื่อรับรองอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ของ กปปส. การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ การจัดตั้งสภาประชาชน และเจตจำนงค์ในการปฏิรูปประเทศ จากนั้น จัดแถลงข่าวให้สาธารณะทราบโดยทั่วกัน ส่วนสถานที่ถ้าจะให้เหมาะน่าจะเป็นทำเนียบรัฐบาล"

**"เทือก"ส่งทนายเลื่อนนัดศาล

นายถาวร เสนเนียม แกนนำกลุ่ม กปปส. กล่าวว่า วันนี้ (12ธ.ค.) ที่อัยการนัดส่งตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เพื่อนำตัวไปส่งฟ้องต่อศาลในคดีสั่งสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 นั้น ในส่วนของนายสุเทพ จะส่งทีมทนายความ ไปขอเลื่อนการส่งฟ้องต่อศาลออกไปก่อน เนื่องจากให้เหตุผลว่า ติดภารกิจในการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.

ด้านนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ในฐานะแกนนำ นปช. กล่าวว่า เตรียมร้องขอให้ศาลคัดค้านการขอประกันตัวนายสุเทพ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เนื่องจากหากปล่อยให้บุคคลดังกล่าวกลับมามีอำนาจ หรือเคลื่อนไหวในขณะนี้ อาจจะใช้อำนาจดังกล่าวนั้นไปเข่นฆ่าประชาชนกลุ่ม นปช. อีก

**ยื่นตีความตั้งสภาประชาชน

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมานูญไทย นายวุฒิพร เดี่ยวพานิช นายกสมาคมสิทธิผู้บริโภคและเครือข่าย เข้ายื่นหนังสือต่อกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติผ่าน น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิฯ ขอให้พิจารณาส่งเรื่องความพร้อมเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยว่า การที่มวลชนหรือปวงชนชาวไทยใช้สิทธิเรียกคืนอำนาจการปกครองแผ่นดินคืนกลับสู่อำนาจของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจสูงสุดตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 นั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ และการที่มวลชน หรือปวงชนชาวไทยใช้สิทธิประกาศจัดตั้งสภาประชาชน เพื่ออภิวัฒน์ให้เป็นไปตาม มาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ ในยามที่ไม่มีรัฐบาล หรือมีแต่รัฐบาลรักษาการแล้วนั้น ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่

หลังจากนั้นนายศรีสุวรรณ และคณะ ได้เข้ายื่นเรื่องดังกล่าวต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย โฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้ผู้ตรวจการฯ เสนอเรื่องพร้อมความเห็นให้ศาลปกครองพิจารณาวินิจฉัยโดยไม่ชักช้าว่าการที่นายกฯ นำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มีปัญหาขึ้นทูลเกล้าฯ และประธานสภา ประธานวุฒิสภา และรมว.มหาดไทย ประกาศไม่ยอมปฏิบัติตามคำวินิจฉัยดังกล่าว เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย และรัฐธรรมนูญหรือไม่ อีกทั้งการที่กลุ่ม กปปส. ใช้สิทธิพิทักษ์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 69 การเรียกคืนอำนาจการปกครองกลับสู่อำนาจของประชาชนนั้น เป็นการประชาภิวัฒน์ เพื่อปฏิรูปประเทศ ขจัดอันตรายคอร์รัปชัน และดำเนินการบ้านเมืองให้เกิดประโยชน์แท้จริงต่อทุกภาคส่วน ตามเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 และที่มีการประกาศจัดตั้งสภาประชาชน เพื่ออภิวัฒน์ให้รองรับหรือสอดคล้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 7 ยามที่ไม่มีรัฐบาลหรือรัฐบาลรักษาการแล้ว มีความชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายหรือไม่

***ยันข้อเสนอทปอ.อยู่ในกรอบรัฐธรรมนูญ

ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาในที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ได้พูดถึงข้อเสนอที่ให้รัฐบาลยุบสภา ลาออก และตั้งรัฐบาลรักษาการที่เป็นกลาง รวมทั้งขอให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาปฏิรูปการเมืองของประเทศไทย ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้ยุบสภาแล้ว แต่ยังไม่ได้ลาออก หรือตั้งรัฐบาลรักษาการขึ้นมา ในประเด็นนี้กำลังมีข้อถกเถียงกันมากว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่ ตนยืนยันว่าสามารถดำเนินการได้ และอยู่ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ โดยกรณีดังกล่าวก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว

"ทปอ. ยืนยันว่าไม่ได้เสนอมาตรา 7 เพื่อขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน แต่ ทปอ. เสนอว่าเมื่อไม่มีรัฐบาลก็ต้องตั้งรัฐบาลรักษาการขึ้นมา ซึ่งสามารถดำเนินการได้ตามกฎหมาย โดยประธานวุฒิสภาสามารถนำรายชื่อเสนอโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรีได้ ซึ่งเป็นไปตามจารีตประเพณีของรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งทปอ. คงไม่เสนออะไรอีก เพราะได้ยื่นข้อเสนอไปหมดแล้ว ทางออกจะเป็นอย่างไร ต้องให้รัฐบาลเป็นผู้ตัดสินใจ"

***หมอชนบทจี้ "ปู-พวก" ลาออก

นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท ได้ออกแถลงการณ์สนับสนุนการเคลื่อนไหวของมวลมหาประชาชนที่ต้องการเห็นระบอบประชาธิปไตยที่ดีกว่า ก้าวข้ามความขัดแย้งสองขั้วและระบบการเมืองที่ถูกครอบงำโดยคนกลุ่มน้อย และได้เรียกร้องต่อรัฐบาลรักษาการของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้ลาออกจากการเป็นรัฐบาลรักษาการ เพื่อเปิดทางสู่การปฏิรูปการเมือง
กำลังโหลดความคิดเห็น