วานนี้ (11ธ.ค.) นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ประชุมสมาชิกพรรค เพื่อเตรียมตัวสำหรับการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.57 โดยจะกำหนดตัวบุคคลเพื่อรับผิดชอบในแต่ละพรรค ทั้งนี้เบื้องต้นคาดว่าจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ 125 คน เหมือนครั้งที่ผ่านมา ส่วนส.ส.เขต คงส่งได้ไม่ครบ 250 คน เพราะในอดีตก็ไม่เคยส่งครบ ครั้งนี้ก็คงส่งได้เพียงประมาณ 200 เขต เพราะเวลาเหลือน้อย
ส่วนสถานการณ์การเมืองยังเป็นเช่นนี้ จะมีการเลือกตั้งได้หรือไม่นั้น นายบรรหาร กล่าวว่า กกต.กำหนดวันเลือกตั้งมาแล้ว ก็ต้องเชื่อมั่น เราก็ต้องเคารพ จะคิดนอกเหนือจากนี้คงไม่ได้ เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ หากพรรคประชาธิปัตย์ อาจจะไม่ส่งผู้สมัคร นายบรรหาร กล่าวว่า ตอบไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องอนาคต ยังไม่ถึงเวลา
ส่วนที่หลายฝ่ายเกรงว่าจะมีกระบวนการขัดขวางไม่ให้มีการเลือกตั้ง นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่ทราบ ตนไม่ได้ล้วงลึกถึงขนาดนั้น แต่เท่าที่ฟังนักวิชาการอิสระหลายคน มีความเห็นว่า รัฐธรรมนูญยังอยู่ ก็ต้องเดินไปตามกรอบรัฐธรรมนูญ ต้องเป็นอย่างนั้น
เมื่อถามว่าที่ผ่านมาได้คุยกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขากปปส. บ้างหรือไม่ นายบรรหาร ตอบว่า ก็ยังเป็นเพื่อนรักกันอยู่ เมื่อถามอีกว่า จะมีส.ส.ลาออกจากพรรคอีกหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่มี ก็มีแค่คนเดียว คนอื่นยังอยู่ครบ
ด้านนายนิกร จำนง แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาได้มีคำสั่งคณะกรรมการดูแลการเลือกตั้งเป็นรายภาค 4 ภาค ดังนี้ นายประภัตร โพธสุธน เป็นกรรมการดูแลการเลือกตั้งภาคกลาง 27 จังหวัด นายอนุรักษ์ จุรีมาศ ดูแลภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด ภาคใต้ 14 จังหวัดมี ตนเป็นผู้ดูแล และนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ ดูแลการเลือกตั้งภาคเหนือ 16 จังหวัด ส่วนนโยบายในการรณรงค์หาเสียงก็คงไว้ตามเดิมเหมือนครั้งที่แล้ว และปรับตามความเหมาะสมของสถานการณ์ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง โดยเฉพาะการเมืองเน้นเรื่องสามัคคีปรองดอง เกษตร และท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม คิดว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะช่วยปลดล็อกทางการเมือง และก้าวข้ามความขัดแย้งได้ ส่วนตัวยังเชื่อว่าจะมีการเลือกตั้ง โดยเฉพาะต่างประเทศก็ส่งสัญญาณชัดเจนว่าสังคมประชาธิปไตยจะต้องมีการเลือกตั้ง จึงขอเชิญชวนผู้ที่สนใจ มีความเห็นสายกลางๆ เข้าสมัครลงรับเลือกตั้งในนามของพรรคชาติไทยพัฒนา ได้จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. ส่วนผู้ที่ลาออกไปลงสมัครในนามพรรคอื่นก็มีเพียง 1-2 คน เนื่องจากมีปัญหาในเชิงพื้นที่ที่ลงสมัคร ส่วนที่อดีต ส.ส.พรรคอื่นย้ายมา ก็มี แต่ขณะนี้ตัวเลขยังไม่นิ่ง
ด้านนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ได้เรียกร้องให้ทุกพรรคการเมือง รวมถึงกลุ่ม กปปส. ยึดกติกาของรัฐธรรมนูญ และกติกาของประเทศ ด้วยการเดินเข้าสู่การเลือกตั้ง ในวันที่ 2 ก.พ. 57 และกำหนดแนวทางการปฏิรูปประเทศให้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง
ทั้งนี้พรรคชาติไทยพัฒนา สนับสนุนให้มีสภาประชาชนด้วยการใช้กระบวนการสรรหาให้บุคคลทุกสาขาอาชีพเข้ามามีส่วนร่วม แต่กรณีที่ กปปส. จะใช้ช่องทางของรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 เพื่อจัดตั้งสภาประชาชน หรือใช้รัฐธรรมนูญ มาตรา 7 เพื่อขอนายกรัฐมนตรีพระราชทานนั้น ตนกังวลว่าจะมีบุคคลอื่นนำไปฟ้องร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยว่า เป็นการกระทำที่เข้าข่ายรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ได้ เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ยังถูกยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ
"พรรคพร้อมลงสู่สนามการเลือกตั้งที่จะถึงนี้แน่นอน โดยชูประเด็นการปฏิรูปหลัก คือ 1. ก้าวข้ามความขัดแย้ง และ 2. สร้างการปรองดองเพื่อนำไปสู่ปฏิรูปสังคม ส่วนการที่พรรคประชาธิปัตย์ อาจจะไม่ส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็เป็นสิทธิ์ของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ผมมองว่าต้องมีคำตอบให้กับสังคมด้วย" นายสมศักดิ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่กลุ่มต่อต้าน ออกมาเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลโดดเดี่ยวพรรคเพื่อไทยนั้น ขอวิงวอนให้ประชาชนเข้าใจว่า พรรคชาติไทย พัฒนา ไม่สามารถทำตามข้อเรียกร้องได้ เพราะในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ไม่อาจละทิ้งความรับผิดชอบ หรือหนีเอาตัวรอดได้ อีกทั้งพรรคชาติไทยพัฒนายึดมั่นใจสัจจะของนักการเมือง จึงอยากให้ทุกฝ่ายหันหน้ามาเจรจากัน ก่อนการเลือกตั้งจะมีขึ้น
สำหรับความเคลื่อนไหวที่พรรคชาติไทยพัฒนา เมื่อวานนี้ (11 ธ.ค.) นางปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี เดินทางเข้ายื่นหนังสือลาออกจากพรรคชาติไทยพัฒนา โดยให้เหตุผลว่า จะไปสมัครเข้าสังกัดพรรคเพื่อไทย เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.เขตเดิม
ส่วนสถานการณ์การเมืองยังเป็นเช่นนี้ จะมีการเลือกตั้งได้หรือไม่นั้น นายบรรหาร กล่าวว่า กกต.กำหนดวันเลือกตั้งมาแล้ว ก็ต้องเชื่อมั่น เราก็ต้องเคารพ จะคิดนอกเหนือจากนี้คงไม่ได้ เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ หากพรรคประชาธิปัตย์ อาจจะไม่ส่งผู้สมัคร นายบรรหาร กล่าวว่า ตอบไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องอนาคต ยังไม่ถึงเวลา
ส่วนที่หลายฝ่ายเกรงว่าจะมีกระบวนการขัดขวางไม่ให้มีการเลือกตั้ง นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่ทราบ ตนไม่ได้ล้วงลึกถึงขนาดนั้น แต่เท่าที่ฟังนักวิชาการอิสระหลายคน มีความเห็นว่า รัฐธรรมนูญยังอยู่ ก็ต้องเดินไปตามกรอบรัฐธรรมนูญ ต้องเป็นอย่างนั้น
เมื่อถามว่าที่ผ่านมาได้คุยกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขากปปส. บ้างหรือไม่ นายบรรหาร ตอบว่า ก็ยังเป็นเพื่อนรักกันอยู่ เมื่อถามอีกว่า จะมีส.ส.ลาออกจากพรรคอีกหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่มี ก็มีแค่คนเดียว คนอื่นยังอยู่ครบ
ด้านนายนิกร จำนง แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาได้มีคำสั่งคณะกรรมการดูแลการเลือกตั้งเป็นรายภาค 4 ภาค ดังนี้ นายประภัตร โพธสุธน เป็นกรรมการดูแลการเลือกตั้งภาคกลาง 27 จังหวัด นายอนุรักษ์ จุรีมาศ ดูแลภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด ภาคใต้ 14 จังหวัดมี ตนเป็นผู้ดูแล และนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ ดูแลการเลือกตั้งภาคเหนือ 16 จังหวัด ส่วนนโยบายในการรณรงค์หาเสียงก็คงไว้ตามเดิมเหมือนครั้งที่แล้ว และปรับตามความเหมาะสมของสถานการณ์ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง โดยเฉพาะการเมืองเน้นเรื่องสามัคคีปรองดอง เกษตร และท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม คิดว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะช่วยปลดล็อกทางการเมือง และก้าวข้ามความขัดแย้งได้ ส่วนตัวยังเชื่อว่าจะมีการเลือกตั้ง โดยเฉพาะต่างประเทศก็ส่งสัญญาณชัดเจนว่าสังคมประชาธิปไตยจะต้องมีการเลือกตั้ง จึงขอเชิญชวนผู้ที่สนใจ มีความเห็นสายกลางๆ เข้าสมัครลงรับเลือกตั้งในนามของพรรคชาติไทยพัฒนา ได้จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. ส่วนผู้ที่ลาออกไปลงสมัครในนามพรรคอื่นก็มีเพียง 1-2 คน เนื่องจากมีปัญหาในเชิงพื้นที่ที่ลงสมัคร ส่วนที่อดีต ส.ส.พรรคอื่นย้ายมา ก็มี แต่ขณะนี้ตัวเลขยังไม่นิ่ง
ด้านนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ได้เรียกร้องให้ทุกพรรคการเมือง รวมถึงกลุ่ม กปปส. ยึดกติกาของรัฐธรรมนูญ และกติกาของประเทศ ด้วยการเดินเข้าสู่การเลือกตั้ง ในวันที่ 2 ก.พ. 57 และกำหนดแนวทางการปฏิรูปประเทศให้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง
ทั้งนี้พรรคชาติไทยพัฒนา สนับสนุนให้มีสภาประชาชนด้วยการใช้กระบวนการสรรหาให้บุคคลทุกสาขาอาชีพเข้ามามีส่วนร่วม แต่กรณีที่ กปปส. จะใช้ช่องทางของรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 เพื่อจัดตั้งสภาประชาชน หรือใช้รัฐธรรมนูญ มาตรา 7 เพื่อขอนายกรัฐมนตรีพระราชทานนั้น ตนกังวลว่าจะมีบุคคลอื่นนำไปฟ้องร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยว่า เป็นการกระทำที่เข้าข่ายรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ได้ เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ยังถูกยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ
"พรรคพร้อมลงสู่สนามการเลือกตั้งที่จะถึงนี้แน่นอน โดยชูประเด็นการปฏิรูปหลัก คือ 1. ก้าวข้ามความขัดแย้ง และ 2. สร้างการปรองดองเพื่อนำไปสู่ปฏิรูปสังคม ส่วนการที่พรรคประชาธิปัตย์ อาจจะไม่ส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็เป็นสิทธิ์ของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ผมมองว่าต้องมีคำตอบให้กับสังคมด้วย" นายสมศักดิ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่กลุ่มต่อต้าน ออกมาเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลโดดเดี่ยวพรรคเพื่อไทยนั้น ขอวิงวอนให้ประชาชนเข้าใจว่า พรรคชาติไทย พัฒนา ไม่สามารถทำตามข้อเรียกร้องได้ เพราะในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ไม่อาจละทิ้งความรับผิดชอบ หรือหนีเอาตัวรอดได้ อีกทั้งพรรคชาติไทยพัฒนายึดมั่นใจสัจจะของนักการเมือง จึงอยากให้ทุกฝ่ายหันหน้ามาเจรจากัน ก่อนการเลือกตั้งจะมีขึ้น
สำหรับความเคลื่อนไหวที่พรรคชาติไทยพัฒนา เมื่อวานนี้ (11 ธ.ค.) นางปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี เดินทางเข้ายื่นหนังสือลาออกจากพรรคชาติไทยพัฒนา โดยให้เหตุผลว่า จะไปสมัครเข้าสังกัดพรรคเพื่อไทย เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.เขตเดิม