ASTV ผู้จัดการรายวัน - กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ยังน่าสนใจสำหรับการลงทุนในปีหน้า โบรกฯแนะนำลงทุนเป็นรายตัว ชี้ตลาดSmart Phone, Tablet รุ่งขณะที่Personal Computer ร่วง ทำให้มูลค่าส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของไทยปีนี้ถึงปี57เติบโตบางกลุ่ม แถมกำไรปกติปีหน้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จะเติบโตแผ่วลงจากฐานที่สูงในปีนี้ ให้น้ำหนักการลงทุน Overweight และหุ้นเด่นคือ SVI และ HANA
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินภาพรวมกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ โดยให้น้ำหนัก Overweight เนื่องจากหลายสำนักวิจัยคาดอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์จะฟื้นตัวต่อในปี 2557 จากคาดการณ์ยอดขาย Semiconductor ทั่วโลกในปีนี้เติบโตราว 5% จากปีก่อน และคาดจะเติบโตต่อเนื่องในปีหน้าเฉลี่ยราว 7.3% จากการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐ และยุโรป สอดคล้องกับมุมมองของทุกบริษัทในกลุ่มที่บล.ฟินันเซีย ไซรัสทำการศึกษา (DELTA, HANA, KCE และ SVI โดยถอด CCET ออกจากการศึกษา จากข้อจำกัดของข้อมูลซึ่งไม่เพียงพอต่อการประเมินมูลค่าหุ้น)
โดยมองว่า กลุ่มสินค้าที่จะเติบโตได้ดีในปีหน้าคือ Smart Phone และ Tablet ซึ่งมีความต้องการสูงขึ้นต่อเนื่อง จัดเป็นสินค้าทดแทนของโทรศัพท์มือถือที่ใช้เทคโนโลยีต่ำ และคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (Personal Computer) ที่มียอดขายทั่วโลกลดลงต่อเนื่องติดต่อกัน 3 ปีแล้ว (2553 - 2556) และคาดจะลดลงต่อเนื่องในปี 2557แม้เป็นลบต่อ HANA ที่มีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบราว 33% ของรายได้รวม แต่เชื่อว่าจะชดเชยได้จากการเติบโตของกลุ่มสินค้า Smart phone, Tablet และ Automotive รวมมีสัดส่วนรายได้ราว 39% ของรายได้รวม
ขณะเดียวกัน คาดมูลค่าส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของไทยปี 2556 จะทำได้เพียงทรงตัวจากปีก่อน ตามการชะลอตัวของอุตสาหกรรม PC โลก (ไทยพึ่งพิงการส่งออก Computer,Parts,Accessories สัดส่วนถึง 48.7% ของมูลค่าส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด) แต่กลุ่ม IC&Parts และ Printed Circuits (สัดส่วนราว 22% และ 2.8%) เติบโตได้ดี จึงคาดเห็นการเติบโตในลักษณะนี้ต่อเนื่องไปในปีหน้า โดยคาดมูลค่าส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ปี2557 จะเติบโตอีกครั้งราว 3%
ทั้งนี้ จากแนวโน้มกำไรปกติปีนี้ของกลุ่มที่จะเติบโตสูงราว 34.8% ทำให้ยังมองเป็นบวกต่อการเติบโตต่อเนื่องในปีหน้า จากการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรป รวมถึงกำลังการผลิตของบริษัทในกลุ่มถึงระดับที่มี Economies of Scale ค่อนข้างสูง และจากแนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนค่า โดยทีมวิจัยคาดการณ์ค่าเงินบาทเฉลี่ยปีหน้า อ่อนค่ามาอยู่ที่ราว 32 บาท/ดอลลาร์ ทำให้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี2557 ของกลุ่มขึ้นจากเดิมเล็กน้อยราว 1.7% เป็น 9,308 ล้านบาท เติบโต 17.1% จากการปรับเพิ่มสมมติฐานค่าเงินบาทเป็น 32 บาท/ดอลลาร์ จากเดิม 31.5 บาท/ดอลลาร์ นำโดย SVI (45.7%) จากการฟื้นตัวช้าสุดในกลุ่ม รองมาคือ HANA (22.7%), KCE (15.7%) และ DELTA (12.9%)
"กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อในประเทศที่อ่อนแอและปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง แต่จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงผลบวกจากค่าเงินบาทอ่อนค่า และถือเป็นกลุ่มที่ให้ Dividend Yield ค่อนข้างดีเฉลี่ยราว 5.5% ต่อปี เราจึงให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ปี2557 เป็น Overweight แต่จากผลตอบแทนของราคาหุ้นในปีนี้ ของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์สูงราว 21.7% YTD สูงเป็นอันดับ 2 รองจากกลุ่มขนส่ง เราจึงแนะนำเลือกลงทุนเป็นรายตัว จาก Top Pick ของเราในปีนี้ คือ KCE และ DELTA ให้อัตราผลตอบแทนจากราคาหุ้นได้อย่างน่าประทับใจและสูงสุดของกลุ่มที่ 97.1% YTD และ 52.3% YTD สะท้อนการฟื้นตัวของกำไรที่สูงสุดของกลุ่มเช่นเดียวกัน และจะเติบโตลดลงในปีหน้า ดังนั้น Top Pick ในปี2557 เราชอบ SVI (ราคาเป้าหมาย 4.50 บาท) และ HANA (ราคาเป้าหมาย 29 บาท) ทั้งจากการเติบโตของกำไรที่จะโดดเด่นกว่ากลุ่มในปี 2557 และราคาหุ้นในปีนี้ ที่ผ่านมาถือว่า Laggard และ Underperform กลุ่มค่อนข้างมาก ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น PEG ต่ำสุดในกลุ่มเพียง 0.3 และ 0.4 เท่า"
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินภาพรวมกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ โดยให้น้ำหนัก Overweight เนื่องจากหลายสำนักวิจัยคาดอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์จะฟื้นตัวต่อในปี 2557 จากคาดการณ์ยอดขาย Semiconductor ทั่วโลกในปีนี้เติบโตราว 5% จากปีก่อน และคาดจะเติบโตต่อเนื่องในปีหน้าเฉลี่ยราว 7.3% จากการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐ และยุโรป สอดคล้องกับมุมมองของทุกบริษัทในกลุ่มที่บล.ฟินันเซีย ไซรัสทำการศึกษา (DELTA, HANA, KCE และ SVI โดยถอด CCET ออกจากการศึกษา จากข้อจำกัดของข้อมูลซึ่งไม่เพียงพอต่อการประเมินมูลค่าหุ้น)
โดยมองว่า กลุ่มสินค้าที่จะเติบโตได้ดีในปีหน้าคือ Smart Phone และ Tablet ซึ่งมีความต้องการสูงขึ้นต่อเนื่อง จัดเป็นสินค้าทดแทนของโทรศัพท์มือถือที่ใช้เทคโนโลยีต่ำ และคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (Personal Computer) ที่มียอดขายทั่วโลกลดลงต่อเนื่องติดต่อกัน 3 ปีแล้ว (2553 - 2556) และคาดจะลดลงต่อเนื่องในปี 2557แม้เป็นลบต่อ HANA ที่มีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบราว 33% ของรายได้รวม แต่เชื่อว่าจะชดเชยได้จากการเติบโตของกลุ่มสินค้า Smart phone, Tablet และ Automotive รวมมีสัดส่วนรายได้ราว 39% ของรายได้รวม
ขณะเดียวกัน คาดมูลค่าส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของไทยปี 2556 จะทำได้เพียงทรงตัวจากปีก่อน ตามการชะลอตัวของอุตสาหกรรม PC โลก (ไทยพึ่งพิงการส่งออก Computer,Parts,Accessories สัดส่วนถึง 48.7% ของมูลค่าส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด) แต่กลุ่ม IC&Parts และ Printed Circuits (สัดส่วนราว 22% และ 2.8%) เติบโตได้ดี จึงคาดเห็นการเติบโตในลักษณะนี้ต่อเนื่องไปในปีหน้า โดยคาดมูลค่าส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ปี2557 จะเติบโตอีกครั้งราว 3%
ทั้งนี้ จากแนวโน้มกำไรปกติปีนี้ของกลุ่มที่จะเติบโตสูงราว 34.8% ทำให้ยังมองเป็นบวกต่อการเติบโตต่อเนื่องในปีหน้า จากการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรป รวมถึงกำลังการผลิตของบริษัทในกลุ่มถึงระดับที่มี Economies of Scale ค่อนข้างสูง และจากแนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนค่า โดยทีมวิจัยคาดการณ์ค่าเงินบาทเฉลี่ยปีหน้า อ่อนค่ามาอยู่ที่ราว 32 บาท/ดอลลาร์ ทำให้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี2557 ของกลุ่มขึ้นจากเดิมเล็กน้อยราว 1.7% เป็น 9,308 ล้านบาท เติบโต 17.1% จากการปรับเพิ่มสมมติฐานค่าเงินบาทเป็น 32 บาท/ดอลลาร์ จากเดิม 31.5 บาท/ดอลลาร์ นำโดย SVI (45.7%) จากการฟื้นตัวช้าสุดในกลุ่ม รองมาคือ HANA (22.7%), KCE (15.7%) และ DELTA (12.9%)
"กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อในประเทศที่อ่อนแอและปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง แต่จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงผลบวกจากค่าเงินบาทอ่อนค่า และถือเป็นกลุ่มที่ให้ Dividend Yield ค่อนข้างดีเฉลี่ยราว 5.5% ต่อปี เราจึงให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ปี2557 เป็น Overweight แต่จากผลตอบแทนของราคาหุ้นในปีนี้ ของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์สูงราว 21.7% YTD สูงเป็นอันดับ 2 รองจากกลุ่มขนส่ง เราจึงแนะนำเลือกลงทุนเป็นรายตัว จาก Top Pick ของเราในปีนี้ คือ KCE และ DELTA ให้อัตราผลตอบแทนจากราคาหุ้นได้อย่างน่าประทับใจและสูงสุดของกลุ่มที่ 97.1% YTD และ 52.3% YTD สะท้อนการฟื้นตัวของกำไรที่สูงสุดของกลุ่มเช่นเดียวกัน และจะเติบโตลดลงในปีหน้า ดังนั้น Top Pick ในปี2557 เราชอบ SVI (ราคาเป้าหมาย 4.50 บาท) และ HANA (ราคาเป้าหมาย 29 บาท) ทั้งจากการเติบโตของกำไรที่จะโดดเด่นกว่ากลุ่มในปี 2557 และราคาหุ้นในปีนี้ ที่ผ่านมาถือว่า Laggard และ Underperform กลุ่มค่อนข้างมาก ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น PEG ต่ำสุดในกลุ่มเพียง 0.3 และ 0.4 เท่า"
