xs
xsm
sm
md
lg

คาดปี57แบงก์เติบโตน้อย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - กลุ่มธนาคารปี 57 การเติบโตส่อชะลอตัวลง ตามภาวะเศรษฐกิจ หลังปี56 พบการชะลอตัวของการบริโภคหลังหมดมาตรการกระตุ้น อีกทั้งการส่งออกหดตัว แถมการเบิกจ่ายงบประมาณรัฐที่ล่าช้ารวมถึงปัญหาการเมืองในประเทศ ฉุดกำไรต่อหุ้น (EPS)กลุ่มปี 57 โต 10.9% เทียบกับ 20.4% ในปีนี้

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประเมินแนวโน้มทิศทางธุรกิจในกลุ่มธนาคาร ว่าได้ปรับน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์สำหรับปี 57 ลงจาก Overweight เป็น Neutral โดยมองว่าแนวโน้มการเติบโตของกำไรน่าจะชะลอตัวลงตามสภาวะเศรษฐกิจ สำหรับ Theme การลงทุนหลักในปี 57 เรายังคงมองว่าการลงทุนจากภาครัฐและเอกชนจะยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจและผลการดำเนินงานในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี 57 ดังนั้นจึงยังคงเลือก KTB และ BBL เป็นหุ้น Top pick ของกลุ่ม

ทั้งนี้เนื่องจาก ภาพรวมเศรษฐกิจในปี 56 ชะลอตัวจากปัจจัยลบหลายประการ ทั้งการชะลอตัวของการบริโภคหลังหมดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ, การส่งออกหดตัว, การเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้าของภาครัฐ และปัญหาการเมืองในประเทศ โดยคาดว่า GDP ปี 56 จะขยายตัวได้เพียง 3% ขณะที่เราคาด GDP ปี 57 จะเติบโต 4% จากฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศแต่การเติบโตจะยังไม่ชัดเจน ขณะที่การส่งออกน่าจะฟื้นตัวดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจโลก และมองว่าปัจจัยที่จะช่วยผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจจะมาจากการลงทุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน โดยเราเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วปัญหาทางการเมืองจะผ่านพ้นไปได้ ขณะที่การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานยังเป็นสิ่งที่ทุกรัฐบาลจะยังคงให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ อย่างไรก็ตามเรามองว่าการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 57 ยังถือว่าต่ำกว่าศักยภาพการเติบโตของประเทศที่ 4.5-5.0%

"เราคาดว่ากำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปี 57 จะชะลอตัวลงเหลือเพียง 14.3% เทียบกับการเติบโตระดับสูงกว่า 20% นับตั้งแต่ปี 53 เป็นต้นมา โดยเรามองว่าสินเชื่อมีแนวโน้มเติบโตเพียง 8.5% ต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี ขณะที่ NIM มีแนวโน้มปรับตัวลดลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปี 56 และการแข่งขันทางด้านเงินฝากที่ยังคงมีอยู่ แม้จะไม่รุนแรง ขณะที่การเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมและรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยมีแนวโน้มชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจและฐานที่สูง ขณะที่ค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองมีแนวโน้มปรับตัวลดลง หลังจากที่ปี 56 มีการตั้งสำรองพิเศษเป็นจำนวนมาก โดยเรามองว่าคุณภาพสินเชื่อน่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น"

โดย การลงทุนหลักของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าจะเป็นเรื่องของการลงทุนในประเทศทั้งจากภาครัฐและเอกชน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ และการขยายตัวของสินเชื่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เราจึงเลือก KTB และ BBL เป็นหุ้น Top pick ของกลุ่ม โดยมองว่าเป็นธนาคารที่ได้ประโยชน์สูงสุด ขณะที่ Valuation ยังน่าสนใจ ด้านธนาคารขนาดกลาง/เล็ก ราคาหุ้นมีแนวโน้มที่จะ Underperform เมื่อเทียบกับธนาคารขนาดใหญ่ในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า โดยแม้ว่า Valuation ปัจจุบันจะถือว่าถูกมาก แต่ขาดปัจจัยบวกที่จะสนับสนุนราคาหุ้น ตลาดรถยนต์ยังต้องใช้ระยะเวลาอีกสักระยะในการฟื้นตัว
กำลังโหลดความคิดเห็น