00 ในที่สุดสถานการณ์ก็เดินมาถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่"รู้กันล่วงหน้า" นั่นคือกรณี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยุบสภา แล้วเลือกตั้งใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับคนที่ติดตามและมองอย่างเข้าใจก็ต้องบอกว่านี่คือ "ทางหนี" ของเธอ ของ"ระบอบทักษิณ" เพื่อจะอ้างความชอบธรรมจากประชาธิปไตย "จอมปลอม" โดยการเลือกตั้งตาม "เปลือก" ที่ฝ่ายตะวันตกก็ชอบ และทึกทักเอาว่านี่คือการตัดสินของประชาชน ซึ่งถ้าพิจารณากันแบบ"ตื้นเขิน" มันก็ใช่ แต่สำหรับประเทศไทย รวมไปถึงประเทศด้อยพัฒนาอีกมากมายนั้น มันไม่ใช่
00 เพราะการเลือกตั้งแบบนี้มันผิดเจตนารมณ์ เต็มไปด้วยการข่มขู่ การซื้อเสียง ทั้งซื้อแบบล่วงหน้า(แจกผ่านประชานิยม) แจกโดยตรงก่อนวันเลือกตั้งจนไปถึงวันเลือกตั้ง โกงคะแนนเลือกตั้งโดยใช้กลไกข้าราชการทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจและทหาร องค์กรอิสระที่ดูแลการเลือกตั้ง เช่น กกต.ทั้งส่วนกลางและท้องถิ่นไม่ได้เป็นกลางจริง ไม่ได้อิสระหรือสุจริตจริง ขณะเดียวกันสังคมไทย นิสัยคนไทยอีกมากที่ยังเป็น"อุปสรรคต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย" นั่นคือ"ยอมรับการซื้อเสียง" หรือเมื่อรับเงินใครมาแล้วต้องเลือกคนนั้น ไม่เช่นนั้นก็เหมือนโกหกและ "เป็นบาป" ทั้งที่น่าจะรณรงค์ให้เป็นทางการว่า "ใครแจกเงินมาให้รับแต่อย่าเลือก" เพราะคนที่แจกเงินคือคนชั่ว ทำลายบ้านเมือง หรือไม่ก็ให้เลือกคนอื่นเป็นการ"สั่งสอน" และย้อนศรที่เจ็บแสบที่สุด
00 นั่นคือกระบวนการฉ้อฉลที่ผ่านเปลือกประชาธิปไตยด้วยการเลือกตั้งที่เป็นอยู่จริงในทั่วประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ในชุมชนในเมืองหลวงคือกรุงเทพฯ ดังนั้นถ้าไม่มีการปฏิรูป "สร้างกติกาที่เป็นธรรม" ที่สำคัญที่สุดสำหรับการปฏิรูปประเทศไทย และการเมืองไทยก็คือต้องช่วยกันคิด ช่วยกันออกแบบให้ "กระบวนการตรวจสอบเข้มแข็งที่สุด" เช่น ต้องมี กกต.ที่มีที่มาอิสระจริงๆ รวมไปถึงองค์กรอิสระอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช.หรืออื่นใดก็ตาม นั่นคือการตรวจสอบต้องเข้มข้น นั่นคือ"ใครโกงก็ได้แต่ต้องติดคุกหัวโต" ไม่ว่านักการเมืองระดับใดก็ตาม ยิ่งมีตำแหน่งใหญ่ยิ่งต้อง "มีโทษหนัก"
00 บางครั้งหากคิดปฏิรูปก็อย่าไปพิจารณาให้ซับซ้อน เอาง่ายๆ แค่ช่วยกันออกแบบกระบวนการตรวจสอบ ปรับปรุงองค์อิสระให้อิสระจริงๆ ให้มีการกระจายอำนาจทุกระดับ รื้อโครงสร้างตำรวจ รื้ออัยการ รื้อดีเอสไอ อย่าให้เป็นขี้ข้าฝ่ายการเมืองอย่างเด็ดขาด ทำอย่างไรให้ข้าราชการเหล่านี้ทำหน้าที่รักษากฎหมายอย่างอิสระ เท่านี้แหละประเทศไทยก็ไปโลด และเป็นการ"ปฏิรูปแท้จริง" นั่นคือถ้านักการเมือง หรือข้าราชการโกงก็ได้แต่ต้องติดคุกหัวโต เหมือนกับที่ เกาหลี ญิปุ่น ใต้หวัน หรือแม้แต่สหรัฐฯนักการเมืองมันก็โกง แต่โกงแล้วต้องติดคุก เพราะหน่วยงานทั้งตำรวจ อัยการเขาทำงานรักษากม.จริง เพราะถ้าไม่ทำอย่างนี้ เช่น กกต.ไม่เป็นกลาง ตำรวจไม่อิสระ หากมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯจริง เราก็อาจได้เห็น "ทั่นผู้ว่าฯขวัญชัย ไพรพนา" ก็เป็นได้ ทำเป็นเล่นไป !!
*** 00 บางครั้งการเมืองหรืออะไรก็ตามอย่าไปมองหรือทำให้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนจนเวียนหัว ที่สำคัญประชาชนส่วนใหญ่เขาก็ไม่ได้คิดหลายชั้น พวกเขาเพียงแค่อยากให้การเลือกตั้งยุติธรรม ลงโทษคนซื้อเสียง(ด้วยวิธีธรรมชาติด้วยการรณรงค์ว่าใครแจกเงินให้รับแต่ไม่เลือกให้เลือกคนอื่น ไม่บาป) เพราะการรณรงค์ให้คนจนไม่รับเงินซื้อเสียงในปัญหาเฉพาะหน้าย่อมไม่ได้ผล เพราะเขาเดือดร้อน ต้องกินต้องใช้ ขณะเดียวกันควบคู่ไปกับการลงโทษทางกม.จาก กกต.และ ตำรวจที่ผ่านการปรับโครงสร้างให้เป็นอิสระและรักษากม.อย่างอิสระ ซึ่งต้องเริ่มต้นจากการเลือกตั้งก่อน หากคัดกรองได้ นักการเมืองมีคุณภาพ เป็นคนดีเข้ามากมันก็เข้ามาคัดกรอง เข้ามาทำหน้าที่เพื่อ"ประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่" ถ้าได้คนดีมีคุณธรรมเข้ามา ประกอบกับมีระบบการตรวจสอบเข้มข้น อิสระและใช้ได้จริง ทุกอย่างก็จะดีตามมาหมด ปัญหาทุกวันนี้เพราะมันไม่มีสิ่งเหล่านี้ การตรวจสอบ องค์กรอิสระ ไม่ได้ทำหน้าที่อิสระอย่างที่ว่า ตำรวจก็เป็นของนักการเมือง ผู้ว่าฯก็เป็นขี้ข้านักการเมือง เปลี่ยนขั้วกันไปมา ใครขึ้นมาก็ตั้งคนของตัวเองเข้ามา คนที่ถูกเด้งก็โวยวาย ไม่จบไม่สิ้น ดังนั้นถึงเวลาที่ต้อง "หยุดปฏิรูป"กันเสียก่อน ทำเพื่อคนไทยทุกคน ซึ่งนาทีนี้ต้องช่วยกันคิด
00 อย่างไรก็ดี นาทีนี้ต้องช่วยกันให้กำลังใจ และสนับสนุน "กำนัน" สุเทพ เทือกสุบรรณ ให้ไปถึงเส้นทางนั้นให้ได้ และเวลานี้ถือว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ จะ"หยุดกลางทาง"แล้วกลับบ้านตามหลุมพรางที่ "ระบอบทักษิณ" วางล่อเอาไว้ด้วยการไปเลือกตั้งเน่าๆ หรือกัดฟันไปต่อให้ถึง"เป้าหมายปฏิรูป" แต่จะทำอย่างไรให้"รัฐบาลโจร"พวกนี้เลิก"รักษาการ" ลาออกไป แล้วให้"คนกลาง"เข้ามาทำหน้าที่ชั่วคราว ขั้นตอนนี้ถือว่า"ยากที่สุด"ขั้นตอนหนึ่ง เพราะจะเข้าทางพวก "โลกสวย" ว่าเขาถอยสุดซอย หรือถอยไม่รู้จะถอยอย่างไรแล้ว จะเอาอะไรกันอีก เหมือนกับที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บีบน้ำตาขอความเห็นใจนั่นแหละ แต่เชื่อว่ามวลมหาประชาชนเข้าใจและมีเป้าหมายแน่วแน่แล้วว่า จะต้องเดินต่อให้สุดซอย ไม่หยุดกลางทางให้เสียของเป็นอันขาด อีกทางหนึ่งเป็นการพิสูจน์มวลชนด้วยว่า "ตื่นรู้" จริงหรือเปล่า
00 ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องพิสูจน์กันในเฉพาะหน้าก็คือ พิสูจน์ปชป. ว่าเดินไปกับประชาชนไปถึงเป้าหมายดังกล่าวหรือเปล่า หรือ"แวะลงกลางทาง" ด้วยการลงเลือกตั้ง แล้วส่ง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปชิงเก้าอี้นายกฯ กับยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ของ ระบอบทักษิณ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง นอกจาก"ไม่ชนะ" แล้วยัง"ฝังไปตลอดกาล"เพราะนี่คือการ "หักหลัง" มวลชนอย่าเลือดเย็นที่สุด หวังว่าเหตุการณ์แบบนี้คงไม่เกิดขึ้น เพราะมันโหดเหี้ยมอำมหิตเกินไป !!
00 เพราะการเลือกตั้งแบบนี้มันผิดเจตนารมณ์ เต็มไปด้วยการข่มขู่ การซื้อเสียง ทั้งซื้อแบบล่วงหน้า(แจกผ่านประชานิยม) แจกโดยตรงก่อนวันเลือกตั้งจนไปถึงวันเลือกตั้ง โกงคะแนนเลือกตั้งโดยใช้กลไกข้าราชการทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจและทหาร องค์กรอิสระที่ดูแลการเลือกตั้ง เช่น กกต.ทั้งส่วนกลางและท้องถิ่นไม่ได้เป็นกลางจริง ไม่ได้อิสระหรือสุจริตจริง ขณะเดียวกันสังคมไทย นิสัยคนไทยอีกมากที่ยังเป็น"อุปสรรคต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย" นั่นคือ"ยอมรับการซื้อเสียง" หรือเมื่อรับเงินใครมาแล้วต้องเลือกคนนั้น ไม่เช่นนั้นก็เหมือนโกหกและ "เป็นบาป" ทั้งที่น่าจะรณรงค์ให้เป็นทางการว่า "ใครแจกเงินมาให้รับแต่อย่าเลือก" เพราะคนที่แจกเงินคือคนชั่ว ทำลายบ้านเมือง หรือไม่ก็ให้เลือกคนอื่นเป็นการ"สั่งสอน" และย้อนศรที่เจ็บแสบที่สุด
00 นั่นคือกระบวนการฉ้อฉลที่ผ่านเปลือกประชาธิปไตยด้วยการเลือกตั้งที่เป็นอยู่จริงในทั่วประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ในชุมชนในเมืองหลวงคือกรุงเทพฯ ดังนั้นถ้าไม่มีการปฏิรูป "สร้างกติกาที่เป็นธรรม" ที่สำคัญที่สุดสำหรับการปฏิรูปประเทศไทย และการเมืองไทยก็คือต้องช่วยกันคิด ช่วยกันออกแบบให้ "กระบวนการตรวจสอบเข้มแข็งที่สุด" เช่น ต้องมี กกต.ที่มีที่มาอิสระจริงๆ รวมไปถึงองค์กรอิสระอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช.หรืออื่นใดก็ตาม นั่นคือการตรวจสอบต้องเข้มข้น นั่นคือ"ใครโกงก็ได้แต่ต้องติดคุกหัวโต" ไม่ว่านักการเมืองระดับใดก็ตาม ยิ่งมีตำแหน่งใหญ่ยิ่งต้อง "มีโทษหนัก"
00 บางครั้งหากคิดปฏิรูปก็อย่าไปพิจารณาให้ซับซ้อน เอาง่ายๆ แค่ช่วยกันออกแบบกระบวนการตรวจสอบ ปรับปรุงองค์อิสระให้อิสระจริงๆ ให้มีการกระจายอำนาจทุกระดับ รื้อโครงสร้างตำรวจ รื้ออัยการ รื้อดีเอสไอ อย่าให้เป็นขี้ข้าฝ่ายการเมืองอย่างเด็ดขาด ทำอย่างไรให้ข้าราชการเหล่านี้ทำหน้าที่รักษากฎหมายอย่างอิสระ เท่านี้แหละประเทศไทยก็ไปโลด และเป็นการ"ปฏิรูปแท้จริง" นั่นคือถ้านักการเมือง หรือข้าราชการโกงก็ได้แต่ต้องติดคุกหัวโต เหมือนกับที่ เกาหลี ญิปุ่น ใต้หวัน หรือแม้แต่สหรัฐฯนักการเมืองมันก็โกง แต่โกงแล้วต้องติดคุก เพราะหน่วยงานทั้งตำรวจ อัยการเขาทำงานรักษากม.จริง เพราะถ้าไม่ทำอย่างนี้ เช่น กกต.ไม่เป็นกลาง ตำรวจไม่อิสระ หากมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯจริง เราก็อาจได้เห็น "ทั่นผู้ว่าฯขวัญชัย ไพรพนา" ก็เป็นได้ ทำเป็นเล่นไป !!
*** 00 บางครั้งการเมืองหรืออะไรก็ตามอย่าไปมองหรือทำให้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนจนเวียนหัว ที่สำคัญประชาชนส่วนใหญ่เขาก็ไม่ได้คิดหลายชั้น พวกเขาเพียงแค่อยากให้การเลือกตั้งยุติธรรม ลงโทษคนซื้อเสียง(ด้วยวิธีธรรมชาติด้วยการรณรงค์ว่าใครแจกเงินให้รับแต่ไม่เลือกให้เลือกคนอื่น ไม่บาป) เพราะการรณรงค์ให้คนจนไม่รับเงินซื้อเสียงในปัญหาเฉพาะหน้าย่อมไม่ได้ผล เพราะเขาเดือดร้อน ต้องกินต้องใช้ ขณะเดียวกันควบคู่ไปกับการลงโทษทางกม.จาก กกต.และ ตำรวจที่ผ่านการปรับโครงสร้างให้เป็นอิสระและรักษากม.อย่างอิสระ ซึ่งต้องเริ่มต้นจากการเลือกตั้งก่อน หากคัดกรองได้ นักการเมืองมีคุณภาพ เป็นคนดีเข้ามากมันก็เข้ามาคัดกรอง เข้ามาทำหน้าที่เพื่อ"ประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่" ถ้าได้คนดีมีคุณธรรมเข้ามา ประกอบกับมีระบบการตรวจสอบเข้มข้น อิสระและใช้ได้จริง ทุกอย่างก็จะดีตามมาหมด ปัญหาทุกวันนี้เพราะมันไม่มีสิ่งเหล่านี้ การตรวจสอบ องค์กรอิสระ ไม่ได้ทำหน้าที่อิสระอย่างที่ว่า ตำรวจก็เป็นของนักการเมือง ผู้ว่าฯก็เป็นขี้ข้านักการเมือง เปลี่ยนขั้วกันไปมา ใครขึ้นมาก็ตั้งคนของตัวเองเข้ามา คนที่ถูกเด้งก็โวยวาย ไม่จบไม่สิ้น ดังนั้นถึงเวลาที่ต้อง "หยุดปฏิรูป"กันเสียก่อน ทำเพื่อคนไทยทุกคน ซึ่งนาทีนี้ต้องช่วยกันคิด
00 อย่างไรก็ดี นาทีนี้ต้องช่วยกันให้กำลังใจ และสนับสนุน "กำนัน" สุเทพ เทือกสุบรรณ ให้ไปถึงเส้นทางนั้นให้ได้ และเวลานี้ถือว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ จะ"หยุดกลางทาง"แล้วกลับบ้านตามหลุมพรางที่ "ระบอบทักษิณ" วางล่อเอาไว้ด้วยการไปเลือกตั้งเน่าๆ หรือกัดฟันไปต่อให้ถึง"เป้าหมายปฏิรูป" แต่จะทำอย่างไรให้"รัฐบาลโจร"พวกนี้เลิก"รักษาการ" ลาออกไป แล้วให้"คนกลาง"เข้ามาทำหน้าที่ชั่วคราว ขั้นตอนนี้ถือว่า"ยากที่สุด"ขั้นตอนหนึ่ง เพราะจะเข้าทางพวก "โลกสวย" ว่าเขาถอยสุดซอย หรือถอยไม่รู้จะถอยอย่างไรแล้ว จะเอาอะไรกันอีก เหมือนกับที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บีบน้ำตาขอความเห็นใจนั่นแหละ แต่เชื่อว่ามวลมหาประชาชนเข้าใจและมีเป้าหมายแน่วแน่แล้วว่า จะต้องเดินต่อให้สุดซอย ไม่หยุดกลางทางให้เสียของเป็นอันขาด อีกทางหนึ่งเป็นการพิสูจน์มวลชนด้วยว่า "ตื่นรู้" จริงหรือเปล่า
00 ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องพิสูจน์กันในเฉพาะหน้าก็คือ พิสูจน์ปชป. ว่าเดินไปกับประชาชนไปถึงเป้าหมายดังกล่าวหรือเปล่า หรือ"แวะลงกลางทาง" ด้วยการลงเลือกตั้ง แล้วส่ง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปชิงเก้าอี้นายกฯ กับยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ของ ระบอบทักษิณ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง นอกจาก"ไม่ชนะ" แล้วยัง"ฝังไปตลอดกาล"เพราะนี่คือการ "หักหลัง" มวลชนอย่าเลือดเย็นที่สุด หวังว่าเหตุการณ์แบบนี้คงไม่เกิดขึ้น เพราะมันโหดเหี้ยมอำมหิตเกินไป !!
