ปชป.มติเอกฉันท์ ทิ้งเก้าอี้ ส.ส.ยกพรรค "มาร์ค" ตื่นชี้รัฐสภาไร้ความชอบธรรม พร้อมนำลูกพรรคสู้เคียงข้างมวลชนวันนี้ จี้ "ปู" ยุบสภา เดินหน้าปฏิรูปประเทศ ยันไม่รับตำแหน่งการเมือง หากมีความเปลี่ยนแปลงนอกรัฐธรรมนูญและระบบรัฐสภา ขณะที่ กปปส.เคลื่อนขบวนพร้อมกันจาก 9 จุด ปลายทางที่ทำเนียบ "สุเทพ" ลั่นปักหลัก ไม่ชนะไม่เลิก ชี้ทางออกให้ "ยิ่งลักษณ์" ยุบสภา แล้วลาออกจากนายกฯ ไม่เป็นรัฐบาลรักษาการ เพื่อเปิดทางให้มีการตั้งสภาประชาชน ปฏิรูปการเมือง
วานนี้ (8 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อม ส.ส.พรรค แถลงหลังการประชุมส.ส.พรรค เพื่อประเมินสถานการณ์บ้านเมืองที่อยู่ในขั้นวิกฤต ต้องหาทางออกให้กับประเทศ และแสดงจุดยืนของพรรคว่า พรรคจะทำหน้าที่ ทั้งในและนอกสภาผู้แทนราษฎร ในการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ความเป็นธรรม รักษานิติรัฐ นิติธรรม ปกป้องระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ การทำหน้าที่ในสภา ทำอย่างเต็มความสามารถ ใช้สิทธิในฐานะเสียงข้างน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่รัฐบาลผลักดันกฎหมาย หรือการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่ขัดต่อหลักนิติรัฐ นิติธรรม ทำลายระบบ การต่อสู้ของ ส.ส.ในการตรวจสอบมั่นใจว่า ประชาชนได้เห็นการทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ในหลายกรณี แม้ว่าในที่สุดรัฐบาลจะอาศัยเสียงข้างมากในการผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม ที่คนต่อต้านทั้งประเทศเพราะมีเป้าหมายล้างผิดคนโกง ก่อคดีรุนแรง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มีการฉ้อฉลในการใช้อำนาจ ที่สุดการยับยั้งกฎหมาย หรือนำไปสู่การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ก็สามารถระงับความเสียหายได้ส่วนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รัฐบาลและพรรคเพื่อไทย กลับไม่เคยแสดงความรับผิดชอบ หรือสำนึกต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น นอกจากไม่สำนึกแล้วกลับประกาศท้าทาย ไม่ยอมรับอำนาจศาล และมีความพยายามอย่างต่อเนื่องใช้กลไกสภา ทำผิดเพิ่มเติม หรือแสดงออกไม่ยอมรับในบทบาทศาล และองค์กรตรวจสอบ
นอกจากแถลงไม่ยอมรับอำนาจศาลแล้ว นายกฯ ก็ไม่ดำเนินการใดๆ กับร่าง รธน. ที่นำขึ้นทูลเกล้าฯ แถมยังมีประธานสภา และสมาชิกรัฐสภา ไปแจ้งความดำเนินคดีกับตุลาการเสียงข้างมากด้วย ดังนั้นบทบาทของพรรคในระบบของสภา ได้ทำเต็มความสามารถ โดยงานชิ้นสุดท้ายที่ทำอย่างสมบูรณ์คือ การถอดถอน ส.ส.และ ส.ว. 314 คน ทำผิดรัฐธรรมนูญ ในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาส.ว. ให้ประธานวุฒิสภา ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการ ซึ่งคำร้องเพิ่งจะสมบูรณ์ เมื่อวันศุกร์ที่ 6 ธ.ค.เวลา 15 .00 น. และอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของป.ป.ช.แล้ว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรคแสดงจุดยืนมาตลอดว่า การแก้ปัญหาต้องเริ่มต้นจากการแสดงความรับผิดชอบของรัฐบาล ที่ขาดความชอบธรรมแล้ว โดยเรียกร้องมาระยะเวลาหนึ่งแต่ไม่มีการตอบสนอง รัฐบาลสมาชิกรัฐสภาเสียงข้างมาก ยังพยายามทำทุกวิถีทางบิดเบือนสถานการณ์ความเป็นจริง อาศัยกลไกต่างๆ ยื้อเวลาไม่แสดงความรับผิดชอบเพื่อครองอำนาจต่อไป แม้กระทั่งคำแถลงของนายกรัฐมนตรีล่าสุด ก็ยังพยายามที่จะดำรงตนอยู่ในอำนาจ อ้างกระบวนการที่ทราบดีอยู่แล้วว่า มีความคลุมเครือที่จะเกิดการยืดเยื้อของปัญหา เช่น การเสนอทำประชามติ โดยไม่รู้ว่า จะถามอะไรกับประชาชน ในขณะที่รัฐบาลไม่มีความชอบธรรมที่จะดำเนินการเรื่องนี้แล้ว แต่นายกฯ ยังพยายามเบี่ยงเบนประเด็นโดยอ้างว่าผู้ชุมนุม หรือแกนนำผู้ชุมนุม จะไม่ยอมรับ ทั้งที่ตนเคยแสดงความเห็นแล้วว่า นายกฯที่รู้ว่ารัฐบาลทำผิด หมดความชอบธรรม ต้องแสดงความรับผิดชอบโดยไม่ต้องอ้างแกนนำผู้ชุมนุมว่า จะคิดอย่างไร เพราะเป็นเรื่องที่พึงกระทำ จากนั้นสังคมจะเป็นผู้หาคำตอบต่อไป แต่นายกฯใช้วิธีการตั้งเงื่อนไขกับคนอื่น และบิดเบือนข้อเท็จจริงในปี 2549 ด้วย เช่น อ้างว่าถ้ามีการยุบสภาแล้วปรากฏว่า พรรคการเมืองใหญ่ไม่ร่วมมือ จนนำไปสู่การรัฐประหารนั้น ความจริงทุกพรรคไม่ลงสมัคร ไม่ใช่เฉพาะพรรคใดพรรคหนึ่ง จากนั้นมีการจัดเลือกตั้งใหม่พรรคประชาธิปัตย์ ประกาศชัดเจนว่าลงสมัครเลือกตั้ง แต่เหตุการณ์ที่นำไปสู่การรัฐประหาร คือ รัฐบาลระดมผู้สนับสนุนตัวเองออกมาเสี่ยงต่อการปะทะของประชาชน นายกฯ จึงไม่มีข้ออ้างที่จะแก้ปัญหาให้ประเทศโดยการแสดงความรับผิดชอบ
** ส.ส.ปชป.ลาออกยกพรรค มีผลทันที
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ประชุมส.ส.ของพรรคเห็นพ้องต้องกันว่า หมดเวลาที่จะรอคอยรัฐบาลแสดงความรับผิดชอบแล้วหลังจากที่รอคอยมานาน พรรคจึงต้องยืนยันความไม่ชอบธรรมของสภาชุดปัจจุบัน ของหัวหน้ารัฐบาลที่ไม่ยอมแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการลาออก มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อยืนยันถึงความไม่ชอบธรรมของสภาชุดปัจจุบัน ทั้งนี้ที่ผ่านมาถือว่าได้พรรคทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย และเสียใจที่สภาเสียงข้างมากทรยศต่อความไว้วางใจที่ประชาชนมอบให้ แต่อ้างความชอบธรรมจากการเลือกตั้งไม่รับผิดชอบใด ๆ พร้อมกับยืนยันว่า พรรคไม่ประสงค์เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ยังยึดมั่นระบบรัฐสภา แต่ระบบรัฐสภาที่เป็นประชาธิปไตยทั่วโลกมาพร้อมสำนึกความรับผิดชอบ เมื่อมีการสูญเสียความไว้วางใจในวงกว้าง ทำผิดกฎหมาย รัฐธรรมนูญ ทั่วโลกในระบบรัฐสภาต้องแสดงความรับผิดชอบ ไม่ใช่เอาระบบรัฐสภามาเป็นตัวประกันความประสงค์ที่จะอยู่ในอำนาจอีกต่อไป
“พรรคได้แสดงจุดยืนว่า สนับสนุนการคืนอำนาจให้กับประชาชน และการปฏิรูปประเทศ แต่รูปแบบวิธีการที่จะดำเนินการยังมีความหลากหลายอยู่ ซึ่งนักวิชาการบางคนเปรียบเทียบว่า ถ้าบ้านเมือง หรือระบบสภาเหมือนบ้าน เมื่อปี 2544 เจ้าของบ้านคือประชาชน มอบให้เสียงข้างมากปัจจุบันเป็นผู้ดูแลบ้าน ส่งพวกตนไปช่วยตรวจสอบ คนที่ได้รับมอบให้ดูแลบ้านจุดไฟเผาบ้าน และลักขโมยถูกจับได้ ประชาชนบอกไม่มีความชอบธรรมที่จะดูแลบ้านอีกต่อไป คนที่เป็นขโมยและจุดไฟเผา บอกไม่รู้ว่าจะสร้างบ้านอย่างไร วันนี้ไม่ใช่หน้าที่ของท่านแล้ว แต่ต้องดับไฟไล่ขโมยก่อนแล้วสังคมไทยจะบอกเองว่า จะสร้างบ้านอย่างไร พวกผมตัดสินใจเพื่อรักษามาตรฐานความรับผิดชอบของสภา มองประโยชน์ประเทศไม่มีประโยชน์ส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง แม้จะออกจาก ส.ส. ตนและเพื่อนที่ลาออก ยืนยันว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่ไม่เป็นไปตามกลไกปกติตามรัฐธรรมนูญ และระบบรัฐสภา จะไม่รับตำแหน่ง ไม่มีส่วนแย่งชิงอำนาจ เพื่อไม่ให้เกิดการใส่ร้ายป้ายสีพรรค ในขณะนี้จึงเหลือแต่รัฐบาลที่ยังไม่สำนึก ซึ่งผมก็ไม่กล้าประเมินสำนึกของรัฐบาล เพราะถ้าเป็นคนอื่นจบไปนานแล้ว แต่ขอบอกว่า วันหนึ่งรัฐบาลก็จะถึงจุดจบ ยิ่งจบช้า ก็ยิ่งจบไม่สวย”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
**หยุดใช้ลิ่วล้ออันธพาลก่อเหตุรุนแรง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า การตัดสินใจของพรรคไม่ได้ตัดสินใจด้วยอารมณ์ ความรู้สึกหรือกระแส แต่ตัดสินใจด้วยสำนึกยึดประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง จึงลาออกและเรียกร้องว่านายกฯ และรัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการคืนอำนาจให้กับประชาชน โดยยุบสภาเป็นทางหนึ่งของการคืนอำนาจ จากนั้นต้องมีกระบวนการทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจว่า ประเทศจะนำไปสู่การปฏิรูป แต่พรรคก็ไม่สามารถบังคับรัฐบาลให้รัฐบาลมีความละอายได้ และไม่สามารถรอความละอายจากรัฐบาลได้ จึงต้องทำในสิ่งที่ถูกต้องด้วยการสละตำแหน่ง ส.ส.เพื่อยืนยันว่าสภาหมดความชอบธรรม พวกตนเป็นประชาชนคนไทยพร้อมต่อสู้เพื่อให้ประเทศเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง ให้เกิดการปฏิรูปประเทศ ยึดมั่นว่าทำทุกอย่างภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และพรุ่งนี้จะใช้สิทธิในฐานะประชาชนเพื่อแสดงออกในทางการเมือง
“หากนายกฯยุบสภา ผมก็พอใจมากกว่านายกฯไม่ทำอะไร และขอร้องว่า อย่าตั้งคำถามอื่นล่วงหน้า เพราะจะกลายเป็นเครื่องมือยื้อเวลาให้รัฐบาลสะสมวิกฤตให้กับประเทศเพิ่มขึ้น ขอให้รัฐบาลยุบสภาก่อน เพราะก่อนหน้านี้พวกผมเป็นรัฐบาลบอกว่า อยู่ไปก็ขัดขวางความเจริญ ทำไมวันนี้พวกผมไม่อยู่จะมาเห็นคุณค่าพวกผมขึ้นมา ขณะนี้รัฐบาลหมดสภาพ หมดความชอบธรรมในการเป็นเจ้าภาพใดๆ ทั้งสิ้น ต้องเริ่มต้นจากการแสดงความรับผิดชอบก่อน และอยากให้องค์กรต่างๆ ที่ถูกดึงมาเป็นคนกลาง พิจารณาเรื่องนี้ด้วย หลังจากนี้ไปถ้าเกิดความรุนแรง ก็เป็นความรับผิดชอบรัฐบาล เพราะหากนายกฯ ยังไม่ปลดสลักความขัดแย้งก็จะสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ การชุมนุมประชาชนหมุนเวียนเป็นล้านมาเป็นเดือน ไม่เคยมีความรุนแรง จนกระทั่งรัฐบาลเอาผู้สนับสนุนของตัวเองมา ก็เริ่มมีความรุนแรง และมีวิธีการใช้ความรุนแรงของคนที่อ้างว่าไม่เกี่ยวกับใคร แต่มองออกว่าไม่ใช่มือที่สาม แต่เป็นมือที่ทราบกันอยู่แล้วว่าเป็นใคร”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
** แนะยุบสภา เดินหน้าปฏิรูปประเทศ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับว่าในขณะนี้แนวทางการปฏิรูปประเทศ ยังไม่ตรงกันในเรื่องรูปแบบและวิธีการ ซึ่งในส่วนข้อเสนอของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ก็ยืนยันว่า อยู่ในกรอบรัฐธรรมนูญ เพียงแต่การตีความรัฐธรรมนูญจะตรงกันหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ในขณะที่กองทัพ ทำหน้าที่หลักในการคุ้มครองดูแลความปลอดภัยประชาขน ซึ่งตนเห็นว่าเป็นบทบาทที่เหมาะสม อีกทั้งสถานการณ์ในปัจจุบันไม่เหมือนปี 48-49 คือ ในปี 48-49 มีการต่อต้านความไม่ชอบธรรมหลายอย่าง แต่หลายเรื่องกระบวนการไม่ยุติ ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะองค์กรอิสระ ป.ป.ช. ศาล ถูกวิจารณ์ว่าถูกแทรกแซงคดีไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่วันนี้องค์กรเหล่านี้ยังทำงาน ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช. หรือ ศาลรัฐธรรมนูญ มีคดีต้องพิจารณา แต่รัฐบาลไปปฏิเสธอำนาจศาล จนบ้านเมืองติดกับ ความขัดแย้ง นี่คือต้นตอวิกฤตรอบล่าสุด จะหยุดยั้งได้ต่อเมื่อรัฐบาลแสดงความรับผิดชอบ
“ไม่น่าเชื่อว่าขนาดในการเลือกตั้งซ่อมสามเขต ไม่มีพรรคการเมืองส่งผู้สมัครลงเลย รัฐบาลยังไม่สำนึกว่า รัฐสภาไม่มีความชอบธรรม ผมคิดว่า ถ้ายุบสภาแล้วทุกอย่างน่าจะง่ายขึ้นในการหารือเพื่อกำหนดแนวทางปฏิรูป แต่ที่กระบวนการหารือ เกิดไม่ได้เพราะรัฐบาลยังยื้ออำนาจเพื่อใข้อำนาจตลอดเวลา ถ้าแสดงความรับผิดชอบ ก็จะเปิดช่องให้คนจำนวนมากพูดคุยหาทางออกได้ พรรคสนับสนุนการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ กปปส. มีความเป็นอิสระและข้อเรียกร้องของตัวเอง ส่วนพรรคยังดำรงอยู่เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญเป็นพรรคการเมืิองทำหน้าที่เป็นตัวแทนประชาชนในการต่อสู่แข่งขันทางการเมืองต่อไป”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น นายอภิสิทธิ์ได้นำ ส.ส.ทั้งหมด 153 คน ยื่นใบลาออกต่อรองผู้อำนวยการพรรค ซึ่งมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป (8 ธ.ค.) โดยนายอภสิทธิ์ และส.ส. ต่างโชว์หนังสือแสดงเจตจำนงขอลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ต่อสื่อมวลชนด้วย
**ไร้เงา “ชวน” ร่วมถกนัดสำคัญ
แหล่งข่าวกล่าวว่าในการประชุมครั้งนี้ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน สภาที่ปรึกษาพรรค เป็นผู้เสนอว่าให้มีการลาออกยกพรรค เพื่อทำหน้าร่วมกับประชาชน เพื่อต่อต้านรัฐบาลที่เป็นโมฆะ ซึ่งแม้มติในที่ประชุมจะเห็นด้วยเป็นเอกฉันท์ สนับสนุนการลาออก แต่ตลอดการหารือกว่า 4 ชั่วโมง บรรดา ส.ส.บางส่วน ได้แสดงความกังวลว่า หาก ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ลาออกทั้งหมดแล้ว รัฐบาลกลับไม่ยอมแสดงความรับผิดชอบ หรือแสดงสปิริตยุบสภา ลาออก แต่กลับส่งส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ลงสมัครเลือกตั้งซ่อมในทุกเขต โดยเฉพาะเขตที่ เพื่อไทย และประชาธิปัตย์ ยังสูสีกันอยู่นั้น จะทำให้พรรคเสียฐานเสียงหรือไม่ ซึ่งสุดท้ายมีการวิเคาระห์ว่าเรื่องฐานเสียงก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่หากส.ส.ของพรรคไม่ยอมแสดงจุดยืนด้วยการลาออกร่วมกับ มวลชนโดยเฉพาะ กปปส.แล้ว จะถูกประชาชนมองว่า ปากก็พูดว่ารัฐบาลไม่มีความชอบธรรม และเป็นโมฆะ แต่ฝ่ายค้านกลับยังร่วมสังฆกรรมในระบบรัฐสภา ที่เป็นโมฆะอีก
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้เข้าประชุมในครั้งนี้ เนื่องจากติดภารกิจส่วนตัว
** กกต.ถกวันนี้กรณี ส.ส.ปชป.ลาออก
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวกรณี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ลาออกทั้งพรรค ว่า หากยังไม่มีการยุบสภา แล้วมีส.ส.ลาออกเป็นเหตุให้ตำแหน่งว่างลง กกต.ก็เสนอขออกพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง โดยต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 45 วัน เช่นเดียวกับกรณีการลาออกของ ส.ส. 8 เขต 6 จังหวัด แต่ทั้งนี้หากการยุบสภาฯ เกิดขึ้น 8 เขตเลือกตั้ง 6 จังหวัด ที่จะมีการเลือกตั้งก็ต้องยกเลิกไปโดยปริยาย แล้วไปแข่งขันกันในการเลือกตั้งทั่วไป ที่จะต้องการกำหนดกันใหม่
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ถือว่าสภายังคงมีอยู่ เพราะรัฐบาลยังไม่ได้ยุบสภา ส่วนจะเกิดสุญญากาศในสภาหรือไม่ รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้แล้วว่า แม้ว่าจะมีการลาออกของส.ส. แต่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่รัฐสภาที่เหลืออยู่สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้
แหล่งข่าวจากกกต.เปิดเผยว่า ในการประชุมกกต.วันนี้( 9 ธ.ค.) นอกจากนี้จะมีการหารือกรณี 3 เขตเลือกตั้งคือ ชุมพร เขต 1 จ.ตรัง เขต 2 และจ.สุราษฎร์ธานี เขต 2 ไม่มีผู้สมัครแล้ว ก็จะมีการหารือเกี่ยวกับการกำหนดวันเลือกตั้งกรณี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ลาออกทั้งพรรคไปพร้อมกันด้วย โดยในส่วนของส.ส.เขต ก็ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ทางประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็จะประกาศเลื่อนลำดับ ส่วนผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ก็จะดูจากพรรคฝ่ายค้านที่เหลืออยู่ในสภา ว่าพรรคไหนมีเสียงมากที่สุด ก็จะถูกเสนอให้มาเป็นผู้นำฝ่ายค้านต่อไป
**กปปส.เคลื่อนพร้อมกัน 9 จุดวันนี้ 09.39. น.
นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ โฆษก กลุ่มประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส กล่าวว่า การเคลื่อนไหวใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ของ กปปส. เพื่อกดดันรัฐบาล จะมีการเคลื่อนขบวนดาวกระจายจาก 9 จุดมุ่งสู่ทำเนียบฯ โดยจะเริ่มเคลื่อนขบวนพร้อมกันในเวลา 09.39 น. แต่ขบวนของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. จะเคลื่อนจากศูนย์ราชการในเวลา 08.29 น. เนื่องจากมีที่ตั้งไกลจากทำเนียบรัฐบาลมาก นอกจากนี้จะยังมีกลุ่มสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) นิสิต นักศึกษา คณาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ รวมไปถึงนักธุรกิจ ภาคเอกชน ที่จะมีการรวมตัวตามจุดต่างๆ ทั่วกรุงเทพมหานคร กว่า 50 จุด เพื่อเคลื่อนขบวนมุ่งหน้าไปยังทำเนียบรัฐบาลด้วย
โดยการเดินทางไปทำเนียบรัฐบาลครั้งนี้ เป็นการปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลเท่านั้น จะไม่มีการเข้าบุกยึดแต่อย่างใด ทั้งนี้หากมีประชาชนออกมาแสดงพลังในการต่อต้านรัฐบาลจำนวนมาก ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะออกมาแสดงความรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม ทางกปปส. ก็จะมีการอ่านแถลงการณ์ครั้งสำคัญ ถึงแนวทางการเคลื่อนไหวต่อไปที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย
ทั้งนี้ 9 เส้นทางมุ่งหน้าสู่ทำเนียบรัฐบาล ประกอบด้วย
1. ศูนย์ราชการ นำโดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เดินตามเส้นทางถนนวิภาวดี มุ่งหน้าไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เข้าทางถนนราชวิถี แล้วเลี้ยวขวาแยกราชวิถี เลียบคลองเขาดิน เลี้ยวขวาสะพานชมัยมรุเชฐ สู่ทำเนียบรัฐบาล
2. อาคาร SCB รัชดาภิเษก นำโดยนายถาวร เสนเนียม มุ่งหน้าแยกฟอร์จูน เลี้ยวขวาเข้าอนุสาวรีย์ชัยฯ ต่อด้วยแยกพญาไท เลี้ยวขวาเข้าถนนศรีอยุธยา ตรงไปที่แยกวัดเบญจฯ แล้วเลี้ยวซ้ายถึงทำเนียบรัฐบาล
3. แยกเอกมัย นำโดย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ มาทางถนนสุขุมวิท ผ่านแยกราชประสงค์ เลี้ยวขวาตรงแยกหอศิลป์ จากนี้เดินมาถึงแยกราชเทวี เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ผ่านอุรุพงษ์ เข้าถนนพิษณุโลกตรงเข้าทำเนียบรัฐบาล
4. วงเวียนใหญ่ นำโดยนายณัฐพล ทีปสุวรรณ ข้ามมาทางสะพานสาทร เลี้ยวเข้าถนนเจริญกรุง มาถึงถนนพระราม 4 จากนั้นไปทางเลียบคลองผ่านทางตลาดโบ๊เบ๊แล้วเลี้ยวสะพานเทวกรรม ถึงสามแยกสนามม้านางเลิ้ง เลี้ยวซ้ายเข้าทำเนียบรัฐบาล
5. กระทรวงการคลัง นำโดย นายวิทยา แก้วภราดัย เดินมาตามถนนพระราม 6 มาแยกประดิพัทธิ์เลี้ยวซ้าย ไปทางเกียกกาย ผ่านโรงเรียนราชีนีบน ตรงจนถึงแยกเทเวศ เลี้ยวไปทางกระทรวงศึกษาธิการ เข้าสู่ทำเนียบรัฐบาล
6. อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย (1) นำโดยนายถนอม อ่อนเกตุพล ข้ามสะพานพระปิ่นเกล้า เลี้ยวขวาตามถนนจรัญสนิทวงศ์ ถึงแยกบางพลัดเลี้ยวขวาเข้าสะพานซังฮี้ จากนั้นเลี้ยวขวาเข้ามาทางแยกเทเวศ และเลี้ยวซ้ายต่อไปทางกระทรวงศึกษาธิการ เข้าทำเนียบรัฐบาล
7. สีลม นำโดยนายสาธิต เซกัล มาทางพระราม 4 ผ่านหัวลำโพง เข้าเยาวราช พอถึงแยกวังบูรพา เลี้ยวขวาเดินไปจนถึงสะพานผ่านฟ้าฯ เข้าไปทางนางเลิ้ง แล้วเลี้ยวขวาเข้าทำเนียบรัฐบาล
8. อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย (2) นำโดย นายอิสสระ สมชัย ไปทางโรงเรียนสตรีวิทยา ถึงแยกวังแดงเลี้ยวขวาเข้าทำเนียบรัฐบาล
9. พรรคเพื่อไทย นำโดย นายศรีวรา อิสสระ เดินตามถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ตรงมุ่งสู่ทำเนียบรัฐบาล
**18 กลุ่มพลังมวลชนร่วมผนึกกปปส.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกลุ่มพลังมวลชนต่างๆ ทั้งประชาชน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ได้นัดรวมพลเพื่อเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาล โดยนัดพบตามจุดต่างๆ ก่อนที่จะเคลื่อนไปยังทำเนียบรัฐบาล ดังนี้
1. กลุ่ม สร.กฟผ. นัดรวมตัวที่ป้อม 1 สำนักงานกลาง กฟผ. เวลา 09.00 น. ก่อนออกเดินเท้าไปยังทำเนียบรัฐบาล เวลา 09.39 น.
2. สหภาพแรงงานการบินไทย ประกาศเชิญชวนสมาชิกเข้าร่วมกิจกรรม เวลา 09.39 น. โดยให้ใช้สิทธิลางานทุกประเภท
3. กลุ่มเครือข่ายชาวสีลม นัดหมายรวมตัวที่บริเวณหน้าสีลมคอมเพล็กซ์ เวลา 09.09 น.
4. กลุ่มพลังชาวเยาวราช นัดหมายรวมตัวที่วงเวียนโอเดียน เวลา 09.39 น. ก่อนเดินไปยังทำเนียบรัฐบาล
5. กลุ่มลูกจีนรักชาติ นัดหมายรวมตัวบริเวณสี่แยกราชวงศ์ เวลา 09.00 น.
6. แนวร่วมคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดิน นัดรวมตัวที่กม. 4 รามอินทรา (บริเวณใต้ทางด่วน) เวลา 09.39 น. มุ่งหน้าสู่ทำเนียบรัฐบาล ใช้เส้นทาง ถ.พระราม 9 - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ -ทำเนียบฯ
7. ชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 8 นัดชุมนุมเวลา 09.39 น. โดยจะออกเดินเท้าไปตามถนนทุกสาย มุ่งหน้าทำเนียบรัฐบาล 9 ธ.ค.56
8. ศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ และศิษย์ปัจจุบัน นัดหมายรวมตัวที่หอประชุมใหญ่ มธ. เวลา 08.00 น.
9. ม.มหิดล นัดหมายรวมตัวหน้าตึกกลม คณะวิทยาศาสตร์ (พญาไท) เวลา 09.00 น. (พร้อมใจใส่เสื้อสีน้ำเงิน)
10. จุฬาฯ นัดหมายรวมตัวที่อนุสาวรีย์ 2 กษัตริย์ เวลา 08.39 น. (พร้อมใจใส่เสื้อชมพู)
11. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นัดหมายรวมตัวที่หน้าหอประชุมใหญ่ มก. เวลา 08.39 น. (พร้อมใจใส่เสื้อเขียว)
12. นิด้า นัดรวมตัวที่ลานพระบรมรูป ร.9 นิด้า เวลา 09.39 น.
13. มศว. นัดรวมตัวที่ลานตลาดนัด เวลา 09.00 น.
14. กลุ่มรวมพลังอาชีวะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ นัดรวมตัวที่หน้าสนามกีฬาแห่งชาติ (ปทุมวัน) เวลา 09.00 น.
15. ม.ศิลปากร นัดหมายรวมตัวที่ ม.ศิลปากร วังท่าพระ เวลา 08.00 น.
16. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) นัดหมายรวมตัวตั้งแต่เวลา 07.30 น. ที่หน้ามหาวิทยาลัย ส่วนอีกจุดในเวลา 08.39 น. ที่อนุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ จากนั้นในเวลา 09.39 น. จะเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อสมทบกับมวลชนกลุ่มต่างๆ
17. คณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล ม.นวมินทราธิราช นัดหมายรวมตัวบน ถ.สามเสน หน้าคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล เวลา 09.39 น.
18. ม.หอการค้าไทย อยู่ระหว่างหารือ แต่เบื้องต้นมีการเลื่อนวันเปิดเรียนเป็น 11 ธ.ค.56
**คปท.พร้อมดีเดย์บุกทำเนียบเช้าวันนี้
ด้านความเคลื่อนไหวของเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่ปักหลักชุมนุมที่แยกนางเลิ้ง ถ.พิษณุโลก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันการชุมนุมยังคงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเริ่มมีมวลชนแนวร่วมกลุ่มต่างๆ ทยอยเดินทางมาปักหลักพักค้างในพื้นที่ชุมนุมมากขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมเดินขบวนใหญ่บุกทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 9 ธ.ค. ตามที่คณะแกนนำ กปปส. ,กปท. และ คปท.นัดหมายกันไว้ ขณะที่กิจกรรมบนเวทีปราศรัยเน้นเนื้อหาโจมตีรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น โดยมีนักวิชาการ และนักศึกษารามคำแหงมาปราศรัยเกี่ยวกับความผิดของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อเชิญชวนให้เข้ามาร่วมกันโค่นล้มระบอบทักษิณ ท่ามกลางรักษาความปลอดภัยของการ์ดอาสาสมัคร คปท. อย่างเข้มงวดในการตรวจตราผู้เข้าออกพื้นที่การชุมนุมและบริเวณโดยรอบ เนื่องจากหวั่นจะมีกลุ่มเด็กแว๊นมาลอบทำร้ายผู้ชุมนุม
ทั้งนี้ นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท. เปิดเผยว่า การเคลื่อนไหวในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ คปท.จะมีการระดมพล ตั้งแต่คืนวันที่ 8 ธ.ค.จนถึงรุ่งเช้าวันที่ 9 ธ.ค. เมื่อพร้อมจะเดินขบวนกันทันที ส่วนจะไปจุดใดของทำเนียบรัฐบาลนั้น รอการประสานงานกับคณะแกนนำ กปปส. และ กปท.ก่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อนกัน
ส่วนกรณีที่ พรรคประชาธิปัตย์ มีมติให้ส.ส.ลาออกทั้งพรรคนั้น ตนมองว่า คงไม่มีผลอะไรที่จะเพิ่มจำนวนมวลชน ในวันที่ 9 ธ.ค.มากนัก เพราะขณะนี้ความรู้สึกและความคิดที่ต้องการปฏิรูประเทศของประชาชนก้าวหน้าไปไกลมากแล้ว อย่างไรก็ตาม อาจจะมีผลให้บรรยากาศการเดินขบวนในวันที่ 9 ธ.ค. ให้มีความคึกคักมากขึ้น
** เชิญทูตเข้าทำเนียบฯเป็นโล่ป้องกันม็อบ
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ในวันนี้ (9 ธ.ค.) ว่า มีข่าวว่ารัฐบาลกำลังจะใช้วิธีการฉ้อฉล ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย โดยเตรียมหลายวิธีการที่ไม่ถูกต้อง ไม่ชอบธรรม สร้างเงื่อนไขโยนบาปให้ผู้ชุมนุม ทั้งการพยายามระดมมวลชนแฝงเข้าในกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อก่อให้เกิดพฤติกรรมทำลายภาพลักษณ์ของผู้ชุมนุม หากนายกฯ ยังหลิ่วตาข้างหนึ่ง ให้เครือข่ายอำนาจรัฐ ทั้งตำรวจและผู้สนับสนุนตัวเอง สร้างเงื่อนไข โยนบาปให้ผู้ชุมนุมนายกฯก็ต้องรับผิดชอบกับพฤติกรรมของตัวเองด้วย
นอกจากนี้ยังเห็นว่า รัฐบาลดำเนินการไม่ถูกต้องในการที่ให้ ศอ.รส. เชิญทูตประจำประเทศไทยทุกประเทศ มาที่ทำเนียบรัฐบาล ในเช้าวันที่ 9 ธ.ค. โดยอ้างว่าให้มาสังเกตการณ์การเตรียมการรับมือผู้ชุมนุม ทั้งๆ ที่ทราบอยู่แล้วว่า จะมีประชาชนจำนวนมากเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาลแต่รัฐบาลกลับยืนยันที่จะเชิญทูตมาทำเนียบฯ เป็นวิธีการที่ไม่เหมาะสมและไม่ถูกต้อง เป็นการพยายามที่จะใช้เอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ มาเป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมให้รัฐบาล และเอาชีวิตและทรัพย์สินของทูตเจ้าหน้าที่มาสุ่มเสี่ยงกับสถานการณ์ภายในประเทศของไทย ทั้งๆ ที่ รัฐบาลต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของคนเหล่านี้ จึงขอถามว่า หากเอกอัครราชทูตเหล่านี้ไม่สามารถเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล ที่ประชาชนล้อมไว้ได้ รัฐบาลจะรับผิดชอบอย่างไร จึงเห็นว่ารัฐบาลไม่ควรยืมมือเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ มาใช้เป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมให้รัฐบาล เพราะมีข่าวปรากฏจำนวนมากว่า สถานทูตบางประเทศ มีท่าทีสนับสนุนการดำเนินการของรัฐบาลในครั้งนี้ ซึ่งอาจจะป็นเป้าหมายที่ก่อให้เกิดปัญหาต่อคนที่ถูกเชิญมา จึงอยากให้นายกฯ ทบทวนและหาทางระงับยับยั้งการเชิญเอกอัครราชทูตในเช้าวันจันทร์ เพราะไม่เกิดผลดีต่อการแก้ปัญหาวิกฤติบ้านเมืองแต่อย่างใด
"อยากให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ คำนึงว่าเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย และคนไทยทุกคน ไม่ใช่เป็นนายกฯเฉพาะกลุ่มบุคคล หรือมวลชนคนเสื้อแดงที่สนับสนุนรัฐบาลเท่านั้น การดำเนินการ จะต้องคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชนภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ หยุดการดำเนินการวิธีใต้ดิน และใช้วิจารณญาณในฐานะนายกฯ ที่จะหาทางดับไฟที่กำลังจะเกิดขึ้นให้ได้ มิเช่นนั้นท่านก็คือ ผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา" นายองอาจ กล่าว
**7 องค์กรภาคธุรกิจถกด่วนหาทางออกปท.
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการบริหารบริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ ในฐานะประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า เป็นห่วงการประกาศชุมนุมใหญ่ กปปส. ดังนั้นทางองค์กรภาคธุรกิจ 7 สถาบัน จะประชุมกันในวันนี้ (9ธ.ค.) เพื่อวางรูปแบบเวทีหาทางออกให้กับประเทศ โดยเร่งหาแนวทางให้ได้เร็วที่สุด เพื่อปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองยุติโดยเร็ว โดยรูปแบบเวทีหาทางออกในครั้งนี้ ไม่ใช่การชี้นำ แต่พยายามหาคนกลางมาเป็นผู้ประสาน ระหว่างรัฐบาล และกลุ่มผู้ชุมนุม โดย 7 องค์กรภาคเอกชน พร้อมให้เกิดการเจรจาแบบสันติ ไม่มีความรุนแรง และพร้อมเปิดเวที เพื่อให้นักวิชาการและองค์กรต่างๆ เสนอทางออกร่วมกัน เพราะถ้าสถานการณ์ยืดเยื้อเกรงว่า จะเกิดความรุนแรง
ทั้งนี้ องค์กรภาคธุรกิจ 7 สถาบัน ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย
**“ปธ.ญาติวีรชน35”จี้นายกฯตัดสินใจ
นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 กล่าวถึงการเดินขบวนครั้งใหญ่ในวันนี้ ว่า การออกมาเคลื่อนไหวของประชาชนจำนวนมากมายมหาศาลอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากการกระทำที่ผิดพลาดของรัฐบาล โดยเฉพาะการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย กระทั่งวันนี้ยังไม่มีคำขอโทษจากนายกรัฐมนตรี ทำให้กระแสความไม่พอใจลุกลามบานปลายออกไป มีการเคลื่อนไหวอย่างกว้างขวาง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตแล้ว 5 ศพ
ขณะนี้ได้ทราบข่าววงในว่า กองกำลังไม่ทราบฝ่ายที่ต้องการให้เหตุการณ์รุนแรง เตรียมที่จะสร้างสถานการณ์
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันการสูญเสียมากกว่านี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ควรตัดสินใจ สละจากอำนาจด้วยการยุบสภา เพื่อเปิดทางให้มีการปฏิรูปประเทศอย่างรอบด้าน แล้วนำประเทศเข้าสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ขอให้นายกฯคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน อย่าปล่อยให้สถานการณ์พาไป สุดท้ายกลายเป็นนายกฯ มือเปื้อนเลือด และขออย่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ครอบงำการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้ “ในฐานะที่เคยเสียลูกในเหตุการณ์ความรุนแรงพฤษภาทมิฬ 35 ไม่อยากเห็นความสูญเสียอีกแล้ว ที่ผ่านมาประเทศไทยมีวีรชนมามากแล้ว ไม่ควรจะมีเพิ่มเติมอีก ขณะเดียวกันเรามีนายกรัฐมนตรี มือเปื้อนเลือดหลายคนแล้วเช่นเดียวกัน ขอให้ทุกฝ่ายสรุปบทเรียนความสูญเสียในอดีตแล้วฝ่าข้ามสถานการณ์ไปด้วยกัน ความขัดแย้งขณะนี้ผู้มีอำนาจสามารถปลดชนวนทั้งหมดด้วยการแสดงความเสียสละจากตำแหน่ง เพื่อให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ความสงบ”นายอดุลย์ กล่าว
***"สุเทพ" ลั่นไม่ชนะไม่เลิก
เมื่อเวลา 19.35น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาฯ กปปส. ได้ขึ้นปราศรัยที่เวทีศูนย์ราชการ ว่า วันนี้ (9 ธ.ค.) จะเป็นวันชี้ชะตาอนาคตของประเทศไทย ประชาชนจะลุกฮือทั้งประเทศ ทุกถนน เพื่อขับไล่ระบอบทักษิณ ไม่มีวันกลับบ้านมือเปล่า ถ้าคนในระบอบทักษิณมียางอาย มีจริยธรรม ทางการเมือง ก็คงจะคืนอำนาจให้ประชาชนไปแล้ว ไม่ต้องรอให้ประชาชนลุกฮือขึ้น แต่ปรากฏว่า ทั้งพี่ทั้งน้อง ยังแสดงออกถึงกิเลส ที่ยังหวงอำนาจ ยังอยากอยู่ในอำนาจต่อ
เมื่อเช้า ทักษิณ มาโอดครวญว่า ประเทศไทยไม่ให้ความยุติธรรมกับเขาเลย ถูกข่มเหงรังแกทุกอย่าง ถูกกระทำข้างเดียวมาโดยตลอด ก็อยากบอกว่า ที่คุณทักษิณขอความเป็นธรรมนั้น คนไทยเขาก็อยากขอความเป็นธรรมจากการที่ถูกคุณกระทำย่ำยี เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ถูกฆ่าตัดตอนในนโยบายการปราบปรามยาเสพติด ขอความเป็นธรรมให้กับพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่ถูกสั่งฆ่าเพราะคิดว่าเขาเป็นกลุ่มแบ่งแยกดินแดน มี 6 คนที่เป็นฝีมือของคุณคำรณวิทย์ และยังมีกรณีกรือเซะ ตากใบ ทนายสมชาย นีละไพจิตร รวมทั้ง การอุ้มฆ่า เอกยุทธ อัญชันบุตร เพราะกลัวว่าจะเปิดโปงเรื่องของน้องสาว
วันที่ 9 ธ.ค. เป็นวันต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันของโลก คนไทยจึงใช้วันนี้ ในการล้มล้างระบอบทักษิณ ที่คอร์รัปชั่นมากที่สุดในโลก ที่โคตรโกง โกงทั้งโคตร นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องความจงรักภักดี ที่พวกทักษิณเลวที่สุด
ส่วน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั้นออกมาบอกว่า ไม่ติดยึดตำแหน่ง จะให้ยุบสภา ลาออกก็ได้ ซึ่งสิ่งที่พูดมานั้นตอแหลทั้งสิ้น ไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรี ของนายกรัฐมนตรีของประเทศ ที่ยังไปพังคำบงการของพี่ชาย ที่บอกให้พูดเช่นนี้ แถมพ่วงเงื่อนไข อ้างโน่น อ้างนี้ สารพัด
นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าแน่นจริงขอให้ ยิ่งลักษณ์ ประกาศยุบสภาคืนนี้ แล้วรัฐบาลลาออกทั้งคณะ แล้วไม่เป็นรัฐบาลรักษาการ ให้มีการตั้งสภาประชาชน เพื่อการปฏิรูปการเมือง กล้าหรือไม่ แต่ยิ่งลักษณ์ ก็จะบอกว่าไม่มีกฎหมายรองรับ ดังนั้นวันนี้ พวกเรา มวลมหาประชาชนต้องลุกขึ้นมาขับไล่ด้วยตัวเอง ไม่ต้องไปรอความหวังจากยิ่งลักษณ์ เราจะมาชุมนุมกันให้มากที่สุด ทำลายสถิติโลก ด้วยการต่อสู้แบบสันติ อหิงสา ไม่มีอาวุธ มีแต่มือเปล่า ให้ประวัติศาสตร์โลกบันทึก
นอกจากนี้ ขอให้พี่น้องระมัดระวัง ฝ่ายตรงข้ามจะสร้างสถานการณ์ วางเพลิง เพื่อสร้างความวุ่นวาย ใครมีเครื่องดับเพลิงขอให้ติดรถมาด้วย เราจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด ถ้ายังไม่จบ เราก็จะค้างคืนบนถนน ถ้ารัฐบาล ทำให้มีใครบาดเจ็บ เสียชีวิต แม้แต่คนเดียว ขอให้ประชาชนที่อยู่ใกล้บ้านรัฐมนตรีคนไหน ไปล้อมบ้านรัฐมนตรีทันที ถ้ามีการทำร้ายประชาชน ถึงตาย เราจะดำเนินคดี ตั้งแต่นายกฯ รวมทั้งรัฐมนตรีทุกคน เราจะสู้จนกว่า จะถึงเวลาที่เราได้ประกาศชัยชนะ ขอให้ วิทยุ ทีวี ทุกช่อง ช่วยเสนอข่าวของเราด้วย.