ASTV ผู้จัดการรายวัน – หุ้นพุ่ง14 จุด รับแรงหนุนกนง.สร้างเซอร์ไพรส์ลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% แต่ต่างชาติยังขายออก 4.3 พันล้านบาท กดเงินบาทอ่อนค่าลงแตะ 32.14 บาท/เหรียญ โบรกฯย้ำความผันผวนยังมีสูง ระวังแรงเทขายหลังปรับตัวขึ้นแรง
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (27พ.ย.) ดัชนีหลักทรัพย์ยังปรับตัวในแดนบวกต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า โดยปิดที่ระดับ 1,373.11 จุด เพิ่มขึ้น 14.42 จุด หรือ 1.06%มูลค่าการซื้อขาย 34,975.40 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากคณะกรรมการิการนโยบายการเงิน (กนง.) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สร้างปัจจัยเข้ามาสู่ตลาด แต่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4.3 พันล้านบาท ส่วนนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 503 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อ สุทธิ 2.9 พันล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 905 ล้านบาท ขณะที่ค่าเงินบาท 32.14 - 32.16 บาท/ดอลลาร์
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ JAS มูลค่าการซื้อขาย 3,405.65 ล้านบาท ปิดที่ 7.95 บาท เพิ่มขึ้น 0.35 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,791.99 ล้านบาท ปิดที่ 171.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,577.64 ล้านบาท ปิดที่ 9.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,258.77 ล้านบาท ปิดที่ 41.50 บาท ลดลง 0.50 บาท และ ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,255.33 ล้านบาท ปิดที่ 230.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท
โดยนักวิเคราะห์ยอมรับว่า ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวทั้งในแดนบวกและลบ ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากม็อบเคลื่อนไหวหลายจุดทั่วประเทศ แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้เกิดความรุนแรง โดยการเคลื่อนไหวยังคงเป็นแค่การแสดงสัญลักษณ์เท่านั้น ทำให้ตลาดหุ้นไทยสามารถขึ้นไปอยู่ในแดนบวกได้บ้าง
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซียไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในวานนี้รีบาวด์ขึ้นมาได้หลังจากที่สัปดาห์ที่ผ่านมาลงไปลึก อีกทั้งช่วงบ่าย กนง.ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สร้างความ Surprise ให้กับตลาดฯที่คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี เมื่อหุ้นขึ้นมาก็เจอแรงขายทำกำไรระหว่างทาง เนื่องจากปัจจัยการเมืองยังกดดันตลาดฯ เพียงแต่ขณะนี้สถานการณ์การเมืองยังไม่มีเหตุรุนแรง ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาคเอเชียมีการเคลื่อนไหวทั้งแดนบวก-ลบในช่วงเช้า แต่มาช่วงบ่ายจะทรงตัวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันนี้(28 พ.ย.) ดัชนียังมีโอกาสที่จะแกว่งตัวขึ้นได้ แต่อาจมีแรงขายระหว่างทางได้เช่นกัน พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,363-1,382 จุด แนะนักลงทุนที่ชอบเล่นเทรดดิ้งก็ให้เล่นช่วงสั้น ส่วนนักลงทุนระยะยาวยังถือต่อไปได้ เนื่องจากมองว่าเรื่องของการเมืองคงจะเป็นแค่ช่วงสั้น
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (27พ.ย.) ดัชนีหลักทรัพย์ยังปรับตัวในแดนบวกต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า โดยปิดที่ระดับ 1,373.11 จุด เพิ่มขึ้น 14.42 จุด หรือ 1.06%มูลค่าการซื้อขาย 34,975.40 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากคณะกรรมการิการนโยบายการเงิน (กนง.) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สร้างปัจจัยเข้ามาสู่ตลาด แต่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4.3 พันล้านบาท ส่วนนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 503 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อ สุทธิ 2.9 พันล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 905 ล้านบาท ขณะที่ค่าเงินบาท 32.14 - 32.16 บาท/ดอลลาร์
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ JAS มูลค่าการซื้อขาย 3,405.65 ล้านบาท ปิดที่ 7.95 บาท เพิ่มขึ้น 0.35 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,791.99 ล้านบาท ปิดที่ 171.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,577.64 ล้านบาท ปิดที่ 9.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,258.77 ล้านบาท ปิดที่ 41.50 บาท ลดลง 0.50 บาท และ ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,255.33 ล้านบาท ปิดที่ 230.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท
โดยนักวิเคราะห์ยอมรับว่า ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวทั้งในแดนบวกและลบ ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากม็อบเคลื่อนไหวหลายจุดทั่วประเทศ แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้เกิดความรุนแรง โดยการเคลื่อนไหวยังคงเป็นแค่การแสดงสัญลักษณ์เท่านั้น ทำให้ตลาดหุ้นไทยสามารถขึ้นไปอยู่ในแดนบวกได้บ้าง
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซียไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในวานนี้รีบาวด์ขึ้นมาได้หลังจากที่สัปดาห์ที่ผ่านมาลงไปลึก อีกทั้งช่วงบ่าย กนง.ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สร้างความ Surprise ให้กับตลาดฯที่คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี เมื่อหุ้นขึ้นมาก็เจอแรงขายทำกำไรระหว่างทาง เนื่องจากปัจจัยการเมืองยังกดดันตลาดฯ เพียงแต่ขณะนี้สถานการณ์การเมืองยังไม่มีเหตุรุนแรง ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาคเอเชียมีการเคลื่อนไหวทั้งแดนบวก-ลบในช่วงเช้า แต่มาช่วงบ่ายจะทรงตัวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันนี้(28 พ.ย.) ดัชนียังมีโอกาสที่จะแกว่งตัวขึ้นได้ แต่อาจมีแรงขายระหว่างทางได้เช่นกัน พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,363-1,382 จุด แนะนักลงทุนที่ชอบเล่นเทรดดิ้งก็ให้เล่นช่วงสั้น ส่วนนักลงทุนระยะยาวยังถือต่อไปได้ เนื่องจากมองว่าเรื่องของการเมืองคงจะเป็นแค่ช่วงสั้น