xs
xsm
sm
md
lg

BANPUลบรับแตกพาร์ แม้นักลงทุนแห่ซื้อดันวอลุ่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หุ้นบ้านปูวิ่งรับแตกพาร์เหลือ 1บาท ติดอันดับ2มูลค่าซื้อขายสูงสุดในตลาด วอลุ่ม1.8 พันล้าน แต่ภาวะไม่เอื้อปิดลบ 0.25 บาท เหลือ29.75 บาท นักวิเคราะห์ชี้นักลงทุนแห่เข้าซื้อหลังปรับพาร์ใหม่ เก็งกำไรรับข่าวดีเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์ แจ้งว่า วานนี้(26ก.ย.) เป็นวันแรกของหลักทรัพย์ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) เป็น 1 บาท จากเดิมพาร์ 10 บาท โดยเมื่อปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 29.75 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ 0.83% ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 31.25 บาท และต่ำสุด 29.50 บาท มูลค่าการซื้อขายติดอัน 2 ของหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ที่ระดับ 1,835.257 ล้านบาท

นางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า บรรยากาศการซื้อขายหลักทรัพย์ BANPU ในราคาพาร์ 1 บาท ซึ่งเป็นพาร์ใหม่ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากพอสมควร โดยเชื่อว่าจะมีแรงเก็งกำไรข่าวดี จากปัจจัยเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศจีน ที่รายงานตัวเลขเศรษฐกิจปรับตัวเพิ่มขึ้น 2 เดือนติดต่อกัน คือเดือนก.ค. และ ส.ค. นอกจากนี้ ยังมีข่าวดีในเรื่องของการรีสต็อกสินค้าจำพวกแร่และถ่านหินของประเทศจีน

"แรงซื้อขายในวันนี้จะมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง มีทั้งที่เก็งกำไรข่าวดี ทำให้วอลุ่มรวมน่าจะปรับเพิ่มขึ้น และยังมีนักลงทุนที่เห็นว่าราคาหุ้นต่ำลงมาก สามารถเข้าลงทุนได้ เข้ามาซื้อเพิ่ม แต่เชื่อว่า ราคาจะปรับเข้าสู่ปัจจัยพื้นฐานได้อย่างรวดเร็ว"

ทั้งนี้ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ยังคงคำแนะนำขาย ราคาเป้าหมายที่ 230 บาท เมื่อเปลี่ยนเป็นพาร์ 1 บาท เท่ากับ 23 บาท เนื่องจากมองว่าราคาถ่านหินยังไม่มีสัญญาณปรับเพิ่มขึ้นที่ชัดเจน โดยที่ผ่านมาแม้ราคาจะขยับขึ้นบ้าง แต่ก็เป็นปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น

ก่อนหน้านี้ นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BANPU เปิดเผยว่าการแตกพาร์ดำเนินการขึ้นเพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับหุ้นของบริษัทและสอดคล้องต่อสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งการแตกพาร์ยังนับเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทางการเงินที่บริษัทนำมาใช้เพิ่มเติมได้ รวมถึงการแตกพาร์จะไม่ทำให้มุมมองการลงทุนของกลุ่มสถาบันเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานงวดปี 2556 ทางบริษัทจะยังคงสามารถทำรายได้อยู่ที่ระดับ 1.1 แสนล้านบาท หรือเท่ากับประมาณกว่า 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ทรงตัวต่ออยู่ในระดับใกล้เคียงกับงวดปี 2555
กำลังโหลดความคิดเห็น