นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การชุมนุมต่อต้านรัฐบาลในขณะนี้ว่า เกิดมาจากเรื่องไม่พอใจการผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ใช่หรือไม่ ซึ่งรัฐบาลก็ถอยเรื่องนี้ไปแล้ว ดังนั้นเหตุการณ์ความวุ่นวายในขณะนี้ จึงไม่น่าจะเกิดจากรัฐบาลแล้ว แต่เป็นเพราะกลุ่มผู้ชุมนุมที่พยายามขยายพื้นที่ชุมนุม ใช้วาทกรรมว่า จะล้มระบอบทักษิณ ทั้งๆ ที่ประเทศไทยไม่มีระบอบทักษิณ มีแต่ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
"ขณะนี้รัฐบาลถูกกระทำ เพราะผู้ชุมนุมบุกสถานที่ราชการ บุกยึดกระทรวงต่างๆ ซึ่งถือว่าเกินเลยไปแล้ว แต่รัฐบาลก็มีหน้าที่ต้องดูแลประชาชนทุกคน ดังนั้นจึงเห็นได้ว่ารัฐบาลไม่ประสงค์จะเห็นคนบาดเจ็บหรือเสียชีวิต จึงอยากให้ผู้ชุมนุมคำนึงถึงเรื่องความพอดีบ้าง ไม่ใช่คนอื่นทำก็บอกว่าขัดรัฐธรรมนูญ แต่พอตัวเองกลับทำได้ ต้องหาจุดพอดีเพื่อให้มีเหตุและผล บ้านเมืองจะได้สงบเรียบร้อย หากเอาแต่ความสะใจของตัวเองเป็นที่ตั้งบ้านเมืองก็จะมีแต่ความวุ่นวาย" นายสมชาย กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่า พร้อมจะเจรจากับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะแกนนำผู้ชุมนุม นายสมชาย กล่าวว่า ถือว่านายกฯ เปิดใจแล้ว ดังนั้นอยากให้มาพูดคุยกันจะดีกว่า นายสุเทพไม่สบายใจเรื่องอะไรก็ให้เข้ามาคุยกัน มีข้อเสนออย่างไรก็ว่าไป เพราะประเทศในวันนี้แย่มากแล้ว เศรษฐกิจก็แย่ จำนวนนักท่องเที่ยวก็น้อยลง หุ้นก็ตก หากเป็นเช่นนี้ประชาชนจะลำบาก
สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวว่าหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง พรรคเพื่อไทย จะผลักดัน นายสมชาย ให้กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้งนั้น นายสมชาย กล่าวว่า ตนไม่โอเค เพราะวันนี้รัฐบาลยังมีความชอบธรรมอยู่ ยังบริหารงานได้ดีอยู่ ต้องถามว่ารัฐบาลวันนี้ทำผิดอะไร ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ส.ส. และส.ว.เป็นผู้เสนอ และเมื่อถอยส.ส.และส.ว.ก็เป็นคนถอยเพื่อความสงบของบ้านเมือง ดังนั้นรัฐบาลไม่ได้ทำผิดอะไร ผู้ชุมนุมต่างหากที่ไม่ชอบธรรม เพราะบุกยึดสถานที่ราชการ ถือว่าไม่ถูกต้อง
“เหลืออีกเพียงปีกว่าก็จะมีการเลือกตั้งใหม่ ถึงเวลานั้นถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล ผมจะบอกกับพรรคเพื่อไทยให้ด้วยว่า อย่าไปยุ่งกับเขา ให้เขาทำไป เราก็ตรวจสอบการทุจริตด้วยวิธีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แบบนั้นดีกว่า เพราะประชาชนจะได้ไม่เดือดร้อน วันนี้รัฐบาลไม่ได้ทำผิดอะไรร้ายแรง การบอกว่าเพื่อโค่นระบอบทักษิณนั้น มันไม่เกี่ยวกันแล้ว” นายสมชาย กล่าว
ส่วนกรณีที่ หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่า เมื่อรัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ใน 4 จังหวัด กลุ่มคนเสื้อแดงที่ชุมนุมปกป้องรัฐบาลอยู่ที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน ก็ควรจะยุติการชุมนุมด้วยนั้น นายสมชาย กล่าวว่า การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เนื่องจากมีผู้ชุมนุมบุกยึดสถานที่ราชการ ซึ่งถือว่าไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้นรัฐบาลจำเป็นต้องประกาศใช้ ถ้าชุมนุมอยู่ในกรอบกฎหมาย รัฐบาลก็คงไม่ประกาศใช้ แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ เพราะมีการพังรั้วกระทรวงการต่างประเทศเข้าไป ถือว่าไม่ใช่การชุมนุมโดยสงบแล้ว อย่างไรก็ตาม สำหรับการชุมนุมของคนเสื้อแดงนั้น หากชุมนุมโดยสงบ ก็สามารถทำได้ แต่ถ้าผู้ชุมนุมที่ถนนราชดำเนินยุติการชุมนุมแล้ว การชุมนุมของคนเสื้อแดง ก็ควรจะยุติด้วย
ด้านนายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยกำลังหารือกับวุฒิสภาฯ เพื่อขอเปิดประชุมร่วมรัฐสภาฯ ให้ ส.ส.และสว.อภิปรายเกี่ยวกับกรอบอำนาจหน้าที่องค์กรอิสระว่า ขณะนี้กำลังดูข้อบังคับสภาฯ ตนในฐานะผู้กำลังยกร่างขอเปิดญัตติกำลังดูข้อบังคับ ประเด็นที่จะขอเปิดคือ เรื่องบทบาทฝ่ายนิติบัญญัติเกี่ยวกับกรอบอำนาจหน้าที่ที่มีต่อองค์กรอิสระ
ผุ้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวอีกว่าจะขอเปิดทันทีหลังจากเสร็จสิ้นการโหวตรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย ในวันที่ 28 พ.ย.นี้ นายวิทยา กล่าวว่า ยังไม่ได้ระบุวัน ว่าจะขอเปิดได้เมื่อใด ต้องขอหารือกับส.ว.ก่อน แต่หากมีการเปิดประชุมร่วม เป็นการขอเปิดเพื่อให้มีการอภิปราย โดยไม่มีการลงมติเพื่อให้สังคมได้เข้าใจบทบาทหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติว่าทำได้แค่ไหน ไม่ใช่องค์กรอิสระจะมาตีกรอบก้าวล่วงฝ่ายนิติบัญญัติจนทำอะไรไม่ได้
เมื่อถามว่า เรื่องนี้อาจถูกมองว่าเป็นการกดดันศาล ผ่านการอภิปราย นายวิทยา กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เป็นเพียงการระดมความเห็น ให้ประชาชนได้ทราบว่า บทบาทหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติว่ามีกรอบอำนาจหน้าที่แค่ไหน แล้วกรอบอำนาจหน้าที่ขององค์กรอิสระมีอำนาจหน้าที่แค่ไหน หากฝ่ายนิติบัญญัติไม่ทำอะไรอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้
"ขณะนี้รัฐบาลถูกกระทำ เพราะผู้ชุมนุมบุกสถานที่ราชการ บุกยึดกระทรวงต่างๆ ซึ่งถือว่าเกินเลยไปแล้ว แต่รัฐบาลก็มีหน้าที่ต้องดูแลประชาชนทุกคน ดังนั้นจึงเห็นได้ว่ารัฐบาลไม่ประสงค์จะเห็นคนบาดเจ็บหรือเสียชีวิต จึงอยากให้ผู้ชุมนุมคำนึงถึงเรื่องความพอดีบ้าง ไม่ใช่คนอื่นทำก็บอกว่าขัดรัฐธรรมนูญ แต่พอตัวเองกลับทำได้ ต้องหาจุดพอดีเพื่อให้มีเหตุและผล บ้านเมืองจะได้สงบเรียบร้อย หากเอาแต่ความสะใจของตัวเองเป็นที่ตั้งบ้านเมืองก็จะมีแต่ความวุ่นวาย" นายสมชาย กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่า พร้อมจะเจรจากับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะแกนนำผู้ชุมนุม นายสมชาย กล่าวว่า ถือว่านายกฯ เปิดใจแล้ว ดังนั้นอยากให้มาพูดคุยกันจะดีกว่า นายสุเทพไม่สบายใจเรื่องอะไรก็ให้เข้ามาคุยกัน มีข้อเสนออย่างไรก็ว่าไป เพราะประเทศในวันนี้แย่มากแล้ว เศรษฐกิจก็แย่ จำนวนนักท่องเที่ยวก็น้อยลง หุ้นก็ตก หากเป็นเช่นนี้ประชาชนจะลำบาก
สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวว่าหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง พรรคเพื่อไทย จะผลักดัน นายสมชาย ให้กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้งนั้น นายสมชาย กล่าวว่า ตนไม่โอเค เพราะวันนี้รัฐบาลยังมีความชอบธรรมอยู่ ยังบริหารงานได้ดีอยู่ ต้องถามว่ารัฐบาลวันนี้ทำผิดอะไร ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ส.ส. และส.ว.เป็นผู้เสนอ และเมื่อถอยส.ส.และส.ว.ก็เป็นคนถอยเพื่อความสงบของบ้านเมือง ดังนั้นรัฐบาลไม่ได้ทำผิดอะไร ผู้ชุมนุมต่างหากที่ไม่ชอบธรรม เพราะบุกยึดสถานที่ราชการ ถือว่าไม่ถูกต้อง
“เหลืออีกเพียงปีกว่าก็จะมีการเลือกตั้งใหม่ ถึงเวลานั้นถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล ผมจะบอกกับพรรคเพื่อไทยให้ด้วยว่า อย่าไปยุ่งกับเขา ให้เขาทำไป เราก็ตรวจสอบการทุจริตด้วยวิธีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แบบนั้นดีกว่า เพราะประชาชนจะได้ไม่เดือดร้อน วันนี้รัฐบาลไม่ได้ทำผิดอะไรร้ายแรง การบอกว่าเพื่อโค่นระบอบทักษิณนั้น มันไม่เกี่ยวกันแล้ว” นายสมชาย กล่าว
ส่วนกรณีที่ หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่า เมื่อรัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ใน 4 จังหวัด กลุ่มคนเสื้อแดงที่ชุมนุมปกป้องรัฐบาลอยู่ที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน ก็ควรจะยุติการชุมนุมด้วยนั้น นายสมชาย กล่าวว่า การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เนื่องจากมีผู้ชุมนุมบุกยึดสถานที่ราชการ ซึ่งถือว่าไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้นรัฐบาลจำเป็นต้องประกาศใช้ ถ้าชุมนุมอยู่ในกรอบกฎหมาย รัฐบาลก็คงไม่ประกาศใช้ แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ เพราะมีการพังรั้วกระทรวงการต่างประเทศเข้าไป ถือว่าไม่ใช่การชุมนุมโดยสงบแล้ว อย่างไรก็ตาม สำหรับการชุมนุมของคนเสื้อแดงนั้น หากชุมนุมโดยสงบ ก็สามารถทำได้ แต่ถ้าผู้ชุมนุมที่ถนนราชดำเนินยุติการชุมนุมแล้ว การชุมนุมของคนเสื้อแดง ก็ควรจะยุติด้วย
ด้านนายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยกำลังหารือกับวุฒิสภาฯ เพื่อขอเปิดประชุมร่วมรัฐสภาฯ ให้ ส.ส.และสว.อภิปรายเกี่ยวกับกรอบอำนาจหน้าที่องค์กรอิสระว่า ขณะนี้กำลังดูข้อบังคับสภาฯ ตนในฐานะผู้กำลังยกร่างขอเปิดญัตติกำลังดูข้อบังคับ ประเด็นที่จะขอเปิดคือ เรื่องบทบาทฝ่ายนิติบัญญัติเกี่ยวกับกรอบอำนาจหน้าที่ที่มีต่อองค์กรอิสระ
ผุ้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวอีกว่าจะขอเปิดทันทีหลังจากเสร็จสิ้นการโหวตรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย ในวันที่ 28 พ.ย.นี้ นายวิทยา กล่าวว่า ยังไม่ได้ระบุวัน ว่าจะขอเปิดได้เมื่อใด ต้องขอหารือกับส.ว.ก่อน แต่หากมีการเปิดประชุมร่วม เป็นการขอเปิดเพื่อให้มีการอภิปราย โดยไม่มีการลงมติเพื่อให้สังคมได้เข้าใจบทบาทหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติว่าทำได้แค่ไหน ไม่ใช่องค์กรอิสระจะมาตีกรอบก้าวล่วงฝ่ายนิติบัญญัติจนทำอะไรไม่ได้
เมื่อถามว่า เรื่องนี้อาจถูกมองว่าเป็นการกดดันศาล ผ่านการอภิปราย นายวิทยา กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เป็นเพียงการระดมความเห็น ให้ประชาชนได้ทราบว่า บทบาทหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติว่ามีกรอบอำนาจหน้าที่แค่ไหน แล้วกรอบอำนาจหน้าที่ขององค์กรอิสระมีอำนาจหน้าที่แค่ไหน หากฝ่ายนิติบัญญัติไม่ทำอะไรอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้