xs
xsm
sm
md
lg

ศอร.สมช.ชี้ ปชป.สู้สภาไม่ไหวจึงลุยข้างนอก บานปลายใช้ทหาร ให้การเมืองคุย “สุเทพ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

(แฟ้มภาพ)
รองโฆษก ศอร.สมช.ชี้ ปชป.สู้ตาม ปชต.ไม่สำเร็จจึงสู้นอกสภา คาดผู้ชุมนุมเพิ่ม ยึดบทเรียนปี 53 เลี่ยงรุนแรง รับม็อบเดือดร้อนเป็นกลุ่มเดียวกัน ยังไม่ระบุใครชักใย พร้อมคำนึงถึงมือที่ 3 ประมวลสถานการณ์ก่อนถกขยาย พ.ร.บ.มั่นคงฯ ยัน ตร.พอรับมือ บานปลายเหล่าทัพช่วย “อดุลย์” ตัดสินใจ เชื่อถกผู้นำม็อบ คลายปัญหาปะทะกัน ปัดคุย “สุเทพ” โยนเรื่องการเมือง โฆษก กอ.รมน.เผยเตรียม 1 กองร้อยหนุน ตร.

วันนี้ (1 พ.ย.) ที่กระทรวงกลาโหม พ.อ.จรูญ อำภา รองโฆษกศูนย์อำนวยการร่วมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (ศอร.สมช.) กล่าวถึงการประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพรรคประชาธิปัตย์ ภายหลังที่ประชุมสภามีมติผ่านวาระ 3 ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า ถือเป็นการต่อสู้ทางรัฐสภา ซึ่งเป็นไปตามครรลองของประชาธิปไตยแล้วไม่สำเร็จ จึงต้องออกมาต่อสู้ข้างนอก โดย ศอร.สมช.ประสานทุกภาคส่วนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลความปลอดภัยและสถานการณ์ในภาพรวม คาดว่าในวันที่ 1-3 พ.ย.นี้ จะมีผู้ชุมนุมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นประชาชนใน กทม.และพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนประชาชนต่างจังหวัดมีจำนวนไม่มาก ทั้งนี้ในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ คาดว่าจะมีผู้ชุมนุมจำนวนมากขึ้น โดยทาง ศอร.สมช.จะเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด

                เมื่อถามว่า สมช.ได้ประเมินสถานการณ์ว่าจะรุนแรงเหมือนปี 2553 หรือไม่ พ.อ.จรูญ กล่าวว่า ประเด็นนี้ไม่ได้ตัดออกไป เพราะเคยมีบทเรียนจากปี 2553 ผู้บังคับบัญชาทุกระดับได้สั่งการและตระหนัก พร้อมกับขอร้องประชาชนว่าเมื่อเรามีบทเรียนที่เจ็บปวดจากปี 2553 ทุกภาคส่วนที่เข้ามาเกี่ยวข้องควรหลีกเลี่ยงความรุนแรง แต่เพื่อความไม่ประมาทในฐานะที่ สมช.รับผิดชอบในภาพรวม จึงได้แจ้งทุกภาคส่วนให้เฝ้าติดตาม อย่างไรก็ตามกลุ่มต่างๆ เท่าที่รู้เกิดจากความเดือดร้อนจริง ทั้งกลุ่มสวนยาง และกลุ่มที่มีความเห็นต่าง เท่าที่ติดตามเป็นกลุ่มเดียวกัน เพียงแต่พยายามดำรงภาพของความเดือดร้อนนำมาเป็นเหตุในการร่วมชุมนุม ส่วนกลุ่มใดมีใครหนุนหลังหรือไม่ ทาง สมช.ก็เฝ้าติดตามโดยใช้กระบวนการทางกฎหมายเข้าไปตรวจสอบ แต่ขณะนี้ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นกลุ่มใดบ้าง

                เมื่อถามว่าได้ประเมินถึงกลุ่มมือที่สามที่จะเข้ามาสร้างสถานการณ์จนนำไปสู่ความรุนแรงหรือไม่  พ.อ.จรูญ กล่าวว่า เป็นสิ่งหนึ่งที่เราคำนึงถึงและพยายามแจ้งเตือนส่วนที่เกี่ยวข้องเฝ้าติดตามกลุ่มต่างๆ เพราะเป็นประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจในการป้องกันไม่ไห้เกิดเหตุรุนแรง ส่วนจะมีการขยายพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ออกไปอีกหรือไม่ ก็เป็นหนึ่งในความคิดที่ต้องเฝ้าติดตามประมวลสถานการณ์ในช่วง 3  วันนี้ว่าจะมีทิศทางไปทางใดต่อการชุมนุมของแต่ละกลุ่ม เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการพิจารณาว่าจะขยาย พ.ร.บ.ความมั่นคง ทั้งเงื่อนไขเรื่องของวัน เวลาและสถานที่ โดยจะประเมินสถานการณ์กันวันต่อวันเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด

เมื่อถามว่าขณะนี้จำเป็นต้องขอกำลังทหารสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ หากเหตุการณ์ขยายวงกว้างออกไป พ.อ.จรูญ กล่าวว่า เท่าที่ได้รับรายงานจาก ศอ.รส.ว่ายังมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เพียงพอ แต่เพื่อความไม่ประมาททาง ศอ.รส.ได้ทำหนังสือขอความร่วมมือไปถึงเหล่าทัพ หากเกิดเหตุการณ์บานปลาย ซึ่งทุกภาคส่วนก็ให้การสนับสนุนโดยเตรียมพร้อมในที่ตั้ง

“การใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหารเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะนำมาดูแลกลุ่มผู้ชุมนุม เพราะศักยภาพของตำรวจมีประสบการณ์จากครั้งที่ผ่านมา และมีบทเรียน คงจะไม่ใช้กำลังของกองทัพโดยไม่จำเป็น หากจำเป็นทาง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศอ.รส.จะใช้ดุลพินิจในการขอกำลังเสริมจากกองทัพ” พ.อ.จรูญ กล่าว

เมื่อถามว่าเกรงหรือไม่ว่ากลุ่มคนเสื้อแดงที่ออกมาชุมนุมจะปะทะกับกลุ่มที่คัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พ.อ.จรูญ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ประเมินพร้อมเก็บข้อมูลเพื่อแจ้งไปยังทุกภาคส่วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีศักยภาพในการประสานกับผู้นำของแต่ละกลุ่ม เพื่อทำความเข้าใจในเรื่องความเห็นต่าง แต่เชื่อว่าเมื่อได้มีโอกาสพูดคุยกันก็สามารถคลี่คลายปัญหาได้  เมื่อถามว่าทาง สมช.จำเป็นต้องเข้าไปพูดคุยกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะแกนนำหรือไม่ พ.อ.จรูญ กล่าวว่า เป็นเรื่องของฝ่ายการเมือง ส่วนทางฝ่ายความมั่นคงดูอยู่ห่างๆ เรื่องของการเมืองเป็นภาระหน้าที่ของการเมือง ทาง สมช.จะไม่เข้าไปดำเนินการ

ขณะที่ พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวถึงการเตรียมกำลังทหารสนับสนุนตำรวจในการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมว่า ขณะนี้มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 56 กองร้อย ทำหน้าที่ดูแล ส่วนทางทหารได้เตรียมกำลังสารวัตรทหารไว้ จำนวน 1 กองร้อยหรือประมาณ 150 นาย โดยแยกออกเป็นส่วนๆ คือ การดูแลด้านจราจรเป็นหลัก อีกส่วนอยู่ในที่ตั้งหากมีการร้องขอกำลังเสริมจาก ศอ.รส.รวมถึงชุดเจ้าหน้าที่พยาบาลด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น