ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์- ถ้าจะจัดอันดับคนยุคปัจจุบันที่สมควรถูกจับไปทำเป็น “อิ่วจาก้วย” หรือที่คนไทยคุ้นเคยกันในชื่อ “ปาท่องโก๋” เชื่อว่า คะแนนโหวตที่ประชาชนพร้อมใจกันส่ง SMS เพื่อยกตำแหน่งให้คงหนีไม่พ้น “ไอ้ริต เปลี่ยนสี” ผู้ซึ่งประกอบวีรกรรม(ชั่ว) เอาไว้มากมาย
โดยเฉพาะพฤติกรรมล่าสุดที่เชลียร์รัฐบาลอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูด้วยการออกมาข่มขู่ “คนเป่านกหวีด” ว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
และเมื่อนับรวมกับพฤติกรรมที่ผ่านๆ มา จึงกล่าวได้ว่าเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้
กล่าวสำหรับตำนานอิ่วจาก้วยนั้น มีที่มาโดยมีที่มาจาก สมัยราชวงศ์ซ้อง ที่มีขุนนางกังฉินชื่อว่า "ฉินข้วย" หรือ "ฉินฮุ่ย" มีความอิจฉาริษยา นายทหาร "เยียะเฟย" หรือ แม่ทัพงักฮุย จึงได้วางแผนให้ฮ่องเต้เรียกตัวงักฮุยกลับจากแนวหน้า และ ฉินข้วย ทำให้เขาถึงแก่ชีวิตในเวลาต่อมา ข่าวล่วงรู้ไปถึงประชาชนจึงโกรธแค้นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ช่วงนั้นชาวจีนนิยมรับประทานแป้งทอดอยู่แล้ว จึงมีคนคิดเอาแป้งสองชิ้นมาประกบกันเพื่อเป็นตัวแทนขุนนางกังฉินกับภรรยาแซ่หวัง แล้วนำมาทอดกินเพื่อระบายความแค้น เรียกว่า “อิ่วจาก้วย” หมายถึง น้ำมันทอดฉินข้วย
ส่วนผู้ที่สมควรถูกจับมาทอดพร้อมกับไอ้ริต ยุคนี้ก็มีอยู่มากมายไม่แพ้กัน ทั้งนายตำรวจคนดังแห่งนครบาล ทั้งจ่าประสาท ประธานจ๊ะเอ๋ เป็ดเหลิม ฯลฯ แต่ที่โดดเด้งขึ้นมาในช่วงหลังๆ อย่างออกนอกหน้าเห็นจะหนีไม่พ้น “ประธานไวรัส” แห่งสภาสูงที่ทำตัวให้เห็นชัดแจ้งว่าเป็นบริวารของระบอบทักษิณ
ส่วนคนดีๆ วันนี้ ก็ถูกรังแกจนแทบไม่มีที่ยืน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือที่กระทรวงการคลังที่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่โดน”เข้ากรุไปตามๆ กันดังคำโบราณที่ว่า “กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม”
ไปที่เรื่องอื่นๆ กันบ้าง เริ่มจากนักเรียนไทยที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศด้วยการคว้า 6 รางวัล จากการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์โลก WRO2013: World Robot Olympiad 2013 ระหว่างวันที่ 14-18 พฤศจิกายน 2556 ณ เมืองจาการ์ต้า ได้แก่ รางวัลพิเศษความคิดสร้างสรรค์ยอดเยี่ยม : Creative Award รางวัลลำดับที่ 5 ประเภทโครงงานหุ่นยนต์ รางวัลลำดับที่ 6 และลำดับที่ 7 ประเภทหุ่นยนต์อัตโนมัติ รางวัลลำดับที่ 6 ประเภทหุ่นยนต์เตะฟุตบอล และรางวัลลำดับที่ 7 ประเภทอุดมศึกษา ซึ่งมีคู่แข่ง 392 ทีม จาก 36 ประเทศทั่วโลกที่เข้าร่วมการแข่งขัน
ตามต่อด้วย รศ.ดร.ประดิษฐ์ วรรณรัตน์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) พร้อมคณะผู้บริหารสถาบัน ร่วมแสดงความยินดีแก่ผู้ได้รับรางวัลนักศึกษาเก่าดีเด่น ประจำปี2556 ซึ่งถือเป็นรางวัลทรงเกียรติแก่ผู้ที่สร้างชื่อเสียงให้กับสถาบัน มีคุณธรรมและมีผลงานเป็นที่ยอมรับของสังคม โดยได้รับเกียรติจาก ศ.ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อดีตอธิการบดี และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมนักศึกษาเก่า สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และนายสุมิตร เพชราภิรัชต์ นายกสมาคมนักศึกษาเก่า สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมด้วยกรรมการสมาคมร่วมแสดงความยินดี
และปิดท้ายกับบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ผนึกกำลัง สถาบันเศรษฐกิจพอเพียงและมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ ระดมจิตอาสากว่า 200คน ชาวบ้าน และ“กองกำลังยุวเกษตรโยธิน” จากโรงเรียนโป่งเกตุ จ.สระบุรี ช่วยกันสร้างและซ่อมแซมฝาย พร้อมกับปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง บริเวณต้นน้ำเหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในโครงการ “รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน”เพื่อส่งเสริมให้คนในชุมชนรักษ์ป่าต้นน้ำของตนเองและป้องกันปัญหาน้ำท่วม- น้ำแล้งอย่างยั่งยืน ณ สำนักสงฆ์สิริธโรภาวนา ต.ซับสนุ่น อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เมื่อเร็วๆ นี้
พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ...
ลุงอ้วน
managerweekend@yahoo.com
คอลัมน์// หนังสือน่าอ่าน
ถอดหน้ากากสายลับตัวแม่ สตรีหมายเลข 0
เมืองสารขัณฑ์คลับคล้ายเหมือนบ้านที่คุ้นเคย ใกล้ตัวจนแทบจะเรียกได้ว่า “ฉันรู้จักเมืองนี้ดี”
เรื่องราวประวัติศาสตร์ในเมืองสารขัณฑ์ถูกหยิบยกขึ้นมาสะท้อนความจริงบางประการ ที่ผู้เขียนต้องการจะนำเสนอผ่านฉากหลังเสมือนจริง อาจด้วยนิสัยของคนที่เคยทำงานด้านข่าวสารมาก่อนอย่าง “รุ่งมณี เมฆโสภณ” จึงกระหายใคร่รู้ สืบค้นประวัติ ความเป็นมาของตัวละครหลักในเรื่องที่ทุกคนต่างเรียกขานว่า “แม่” ซึ่งเป็นผู้มากบารมีแห่งเมืองสารขัณฑ์ ชนิดที่ปอกเปลือกกันจนเห็นแก่นที่ถูกซ่อนอยู่
การดำเนินเรื่องราวล้วนแฝงไปด้วยการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของแม่ให้ผู้อ่านได้มองเห็นทีละนิด อีกทั้งยังได้ทราบว่า แท้จริงแล้ว สิ่งที่เราเคยเชื่อ หรืออาจไม่เคยเชื่อนั้นได้ถูกบิดเบือนไปจากความเป็นจริงหรือไม่
ผู้อ่านจะรู้สึกเหมือนเป็นผู้สะกดรอยตามเรื่องราวไปกับผู้เขียนซึ่งทำตัวเป็นเสมือนนักสืบสายลับ ไปค้นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวเมืองสารขัณฑ์
เป็นเมืองที่มีบุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังคอยกำกับ
เป็นเมืองที่ทำให้รู้สึกได้ว่า แม่นั้น ก็คือคนที่คุณก็รู้ว่าใคร
ตัวละครสำคัญที่ผู้เขียนกำหนดให้เรียกว่าแม่นั้น มีความน่าสนใจตรงที่ ผู้เป็นแม่นั้นมีประวัติความเป็นมาอย่างไรกันแน่ เรียกได้ว่าแทบจะไม่ธรรมดาจริงๆ เพราะบุคคลสำคัญอย่างองคมนตรีต่างก็ยกย่องให้เธอเป็นแม่บุญธรรม
ทั้งยังเป็นแม่ของทุกๆ คนที่มีตำแหน่งใหญ่โตในแวดวงการเมือง การทหาร
และแท้จริงแล้วผู้เป็นแม่ได้สร้างเรื่องราวอันเป็นเท็จให้มีผู้คนนับหน้าถือตาหรือไม่ ไม่มีใครรู้
ร่วมมาไขความลับไปกับ รุ่งมณี เมฆโสภณ ที่จะพาคุณผู้อ่านไปพบกับภูมิหลังประวัติศาสตร์ทางการเมืองที่น่าตื่นเต้น และน่าสนใจ นับเป็นงานเขียนที่ทรงคุณค่าแก่การซื้อหามาอ่านจริงๆ