xs
xsm
sm
md
lg

ละครเฉลิมพระเกียรติ “ตามรอยพ่อ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เรื่องย่อ ละครเฉลิมพระเกียรติ “ตามรอยพ่อ”

นที เด็กหนุ่มวัย 17 ปี ลูกชายของ นพ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ความสัมพันธ์ระหว่างสองพ่อลูกไม่ค่อยสู้ดีนัก เนื่องจากความเหินห่างและบาดแผลจากความไม่เข้าใจกัน วันหนึ่งนทีถูกสั่งพักการเรียนเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เนื่องจากก่อเหตุทะเลาะวิวาทรุนแรงกับเพื่อนนักเรียน เมื่อนพทราบเรื่องก็ดุด่าว่ากล่าวนทีและได้เลือกบทลงโทษที่เหนือความคาดหมายด้วยการบังคับให้นทีไปเข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสาในโครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” ซึ่งเป็นกิจกรรมรณรงค์เชิญชวนให้ประชาชนร่วมกันออกเดินทางตามรอยพ่อจากปลายน้ำสู่ต้นน้ำ เพื่อเรียนรู้ศาสตร์พระราชาและช่วยกันลงมือแก้ปัญหาการจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำป่าสักที่ในหลวงทรงเป็นห่วง โดยนพได้ฝากฝัง อ.ยักษ์ (ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร) ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพและเป็นผู้ริเริ่มจัดทำโครงการรณรงค์ดังกล่าว ให้ช่วยอบรมขัดเกลาลูกชายผ่านการทำงานอาสาสมัคร

วันแรกของการเดินทาง นทีพกความรู้สึกแง่ลบมาแบบเต็มร้อย เพราะมีทัศนคติที่ไม่ดีกับงานอาสาสมัครเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาคิดว่าทุกคนที่มาล้วนแต่มาทำกิจกรรมเพื่อเอาหน้า สร้างภาพ ในระหว่างการเดินทางและทำกิจกรรมต่างๆ จึงมักจะทำตัวแปลกแยก ไม่เข้ากลุ่มทำกิจกรรมกับใคร มีเพียง พี่เสือ หัวหน้าทีมอาสาสมัครของโครงการ ที่ อ.ยักษ์ฝากฝังให้ช่วยดูแลนทีอย่างใกล้ชิด พยายามเข้ามาตีสนิท และคอยดึงให้เขาเข้ามามีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมให้มากที่สุด แม้ว่าพี่เสือจะค่อนข้างบ้าอุดมการณ์ และชอบพูดจาเป็นปรัชญาอยู่บ่อยๆ แต่หลายครั้งคำพูดของพี่เสือก็แฝงแง่คิดที่ช่วยสะกิดใจนทีได้อย่างไม่น่าเชื่อ

นอกจากนี้ยังมี ใบตอง สาวสวยลูกกำนันบ้านม่วงงาม จ.สระบุรี ผู้ที่ทำให้นทีตัดสินใจล้มเลิกแผนการหนีกลับบ้าน และเป็นกำลังใจสำคัญให้เขาอยู่ต่อจนถึงวันสุดท้ายของโครงการได้สำเร็จ จากความรู้สึกไม่ถูกชะตาและความท้าทายอยากเอาชนะกันในตอนแรก ได้ก่อเกิดเป็นความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กันโดยไม่รู้ตัว

พี่เสือและใบตองทำให้นทีที่ไม่เคยสนใจกิจกรรรมใดๆ ของโครงการ หันมาสนใจที่จะเรียนรู้และลงมือทำกิจกรรมอาสาสมัครอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้มีโอกาสซึมซับพระมหากรุณาธิคุณ และแนวทางพระราชดำริของในหลวงทีละเล็กทีละน้อยผ่านบรรดาปราชญ์ชาวบ้าน อาสาสมัคร และอ.ยักษ์ ซึ่งการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรงและการลงมือปฏิบัติจริง ทำให้นทีเกิดความเข้าใจและค้นพบคำตอบในหลายสิ่งหลายอย่างที่เคยสงสัยและเข้าใจผิด เปลี่ยนแปลงทัศนคติของตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น ได้เห็นถึงพลังสามัคคีของคนหลากหลายที่มาร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ตอบแทนแผ่นดินและในหลวงผู้เป็นศูนย์รวมจิตใจของปวงชน

นอกจากนี้นทียังได้เปลี่ยนมุมมองแง่ลบที่มีต่องานอาสาสมัคร เริ่มเข้าใจถึงคุณค่าของงานจิตอาสาที่แม้จะไม่ได้ผลตอบแทนเป็นเงินที่มีมูลค่า แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือคุณค่าทางจิตใจที่ยิ่งใหญ่กว่า รวมทั้งได้รับรู้ถึงความสำคัญของน้ำกับวิถีชีวิตของคนในชนบทที่ไม่ได้มีทุกอย่างสะดวกสบายเหมือนคนในเมือง ก่อนหน้านี้เขาเป็นคนเมืองที่ไม่เคยขาดแคลน “น้ำใช้” แต่ ขาดแคลน “น้ำใจ” แต่วันนี้เขาได้มาเรียนรู้ด้วยตัวเองแล้วว่า การขาดแคลน“น้ำใช้” สามารถเติมเต็มได้ด้วย “น้ำใจ” ซึ่งเป็นน้ำที่ใช้มากเท่าไรก็ไม่มีวันหมด

 วันสุดท้ายของการเดินทาง นทีพยายามหาโอกาสและคิดวิธีสารภาพรักกับใบตอง จนในที่สุดก็ตัดสินใจใช้มุกให้ดอกแคตามที่พี่เสือเคยเล่าให้ฟังว่าใช้วิธีนี้จีบสาวแล้วได้ผลทุกครั้ง ซึ่งใบตองก็ยอมรับดอกแคจากทีแทนคำตอบ จากนั้นทุกคนเริ่มแยกย้ายกันเดินทางกลับ นทีแอบหวังลึกๆ ว่าพ่อจะมารับกลับบ้าน แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเป็นไปอย่างที่หวัง พี่อาสาสมัครมาตามให้นทีติดรถกลับเข้ากรุงเทพฯ ไปด้วยกัน ขณะที่นทีกำลังเดินตามไปขึ้นรถ พ่อของเขาก็ขับรถเพื่อมารับกลับบ้านพอดี สองพ่อลูกพูดคุยปรับความเข้าใจกัน นทีขอบคุณพ่อที่ทำให้เขามีโอกาสได้มาเรียนรู้และเข้าใจสิ่งต่างๆ มากขึ้น ได้เปลี่ยนมุมมองชีวิตตัวเองกลายเป็นคนใหม่ หลังจากที่ได้มาเดินทางตามรอยพ่อตลอดช่วงเวลาแห่งความทรงจำดีๆ ที่ผ่านมา














กำลังโหลดความคิดเห็น