ASTVผู้จัดการรายวัน – “สินธรณีฯ” อสังหาฯในกลุ่มไทยรุ่งฯ กางแผน 3-5 ปี ทุ่มงบลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท พัฒนาแลนด์แบงก์แปลงศักยภาพ ย่านทวีวัฒนา เพชรเกษม จรัญสนิทวงศ์ พัทยา ล่าสุดทุ่มงบ 800 ผุด “Victoria Gardens” คอมมูนิตี้มอลล์แห่งแรก บน ถ.เพชรเกษม 69 บนพื้นที่กว่า 20 ไร่คาดเปิดให้บริการก.ค.ปี 57
นางแก้วใจ เผอิญโชค แมคโดนัลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สินธรณี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มบริษัท ไทยรุ่งยูเนียนคาร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของว่า ภายใน 3-5 ปีนับจากนี้บริษัทมีแผนที่จะนำที่ดินสะสมเพื่อรอการพัฒนาในทำเลต่างๆทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ตามหัวเมืองท่องเที่ยวสำคัญออกมาพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะใช้เม็ดเงินลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท
สำหรับที่ดินที่จะนำมาพัฒนา อาทิ ที่ดินเลียบคลองทวีวัฒนากว่า 60 ไร่ และที่ดินใน ซ.เพชรเกษม 77 ประมาณ 40 ไร่ มาพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ มูลค่าการลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท, ที่ดินเปล่าเลียบโครงการรถไฟฟ้าย่านจรัญสนิทวงศ์ และบนถ.เพชรเกษม พัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียม มูลค่าการลงทุนประมาณ 3,000 ล้านบาท และแผนการนำที่ดินริมทะเลหาดพัทยา-จอมเทียน เนื้อที่กว่า 4 ไร่ และหาดพัทยา-ดงตาล เนื้อที่ 70 ไร่ มาพัฒนาในรูปแบบผสมผสานหรือมิกส์ยูสระหว่าง โรงแรม คอมมูนิตี้มอลล์ และที่พักอาศัย มูลค่าการลงทุนประมาณ 3,000 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ของการลงทุน
ปัจจุบันพอร์ตรายได้ของธุรกิจอสังหาฯ คิดเป็น 10% ของรายได้ทั้งกลุ่ม โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ของธุรกิจอสังหาฯ เป็น 30% ของรายได้ทั้งกลุ่ม ภายใน 5 ปี สำหรับผลการดำเนินงานของสินธรณีในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา เติบโตขึ้น 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2555 โดยกลุ่มธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท เป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ประมาณ 49% ซึ่งก็เป็นสัดส่วนรายได้ที่ใกล้เคียงกับกลุ่มธุรกิจสำนักงาน และกลุ่มธุรกิจเช่าพาณิชย์ประเภทอื่นๆ (Commercial) ที่มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 43% และกลุ่มรายได้อื่นๆ รวมถึงรายได้จากกลุ่มบริษัทตัวแทนนายหน้าด้านการบริหารงาน ซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์มีสัดส่วนอยู่ที่ 8%
ด้านนายวุฒิชัย เผอิญโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท สินธรณีฯ กล่าวว่า นอกเหนือ จากแผนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ข้างต้นแล้ว ในปี 2556 นี้ สินธรณีฯ ได้รุกไปสู่การพัฒนาโครงการในรูปแบบคอมมูนิตี้มอลล์ ในชื่อ “วิคตอเรีย การ์เด้นส์” (Victoria Gardens) เพื่อตอบสนองความต้องการและรองรับกำลังซื้อของคนกรุงเทพฝั่งตะวันตก เนื่องจากมองว่าเป็นการพัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์ที่มาแรงและยังมีช่องทางการเติบโตสูงโดยเฉพาะในระยะ 5-6 ปีที่ผ่านมา
"เรามองว่าถนนเพชรเกษมเป็นทำเลที่จะกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์หลักย่านหนองแขม เนื่องจากผลการสำรวจพบว่า กลุ่มผู้บริโภคในย่านดังกล่าวมีกำลังซื้อสูง ครอบครัวส่วนใหญ่เป็นเจ้าของธุรกิจ และมีบุตรหลานอยู่ในวัยกำลังศึกษา ซึ่งต้องการสถาบันกวดวิชาที่อยู่ใกล้บ้านและสะดวกต่อการเดินทาง ประกอบกับการมีบ้านจัดสรร คอนโดฯ อพาร์ตเมนต์ เกิดขึ้นใหม่จำนวนมาก รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายหัว ลำโพง-บางแค ที่กำลังจะเกิดขึ้น ในขณะที่บริเวณดังกล่าวยังไม่มีศูนย์การค้าในลักษณะคอมมูนิตี้มอลล์เลย เราจึงตัดสินใจลงทุนพัฒนาโครงการวิคตอเรีย การ์เด้นส์ และมั่นใจว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว" นายวุฒิชัย กล่าว
ทั้งนี้ โครงการ วิคตอเรีย การ์เด้นส์ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 20 ไร่ พัฒนาเป็น 9 อาคาร 1 ชั้น 2 ชั้นและ 3 ชั้น พื้นที่รวม 14,000 ตร.ม. โดยใช้งบลงทุน 800 ล้านบาทในการพัฒนา
“เรามั่นใจว่า Victoria Gardens จะได้รับการตอบรับที่ดีในบทบาทของคอมมูนิตี้มอลล์ ที่สามารถตอบสนองชุมชนในรัศมี 5-10 กิโลเมตร ซึ่งจากผลการวิจัยมีความเชื่อมั่นว่าว่าจะมีผู้มาใช้บริการประมาณ 70,000 คนต่อเดือน และคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนภายใน 5-7 ปี”
นางแก้วใจ เผอิญโชค แมคโดนัลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สินธรณี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มบริษัท ไทยรุ่งยูเนียนคาร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของว่า ภายใน 3-5 ปีนับจากนี้บริษัทมีแผนที่จะนำที่ดินสะสมเพื่อรอการพัฒนาในทำเลต่างๆทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ตามหัวเมืองท่องเที่ยวสำคัญออกมาพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะใช้เม็ดเงินลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท
สำหรับที่ดินที่จะนำมาพัฒนา อาทิ ที่ดินเลียบคลองทวีวัฒนากว่า 60 ไร่ และที่ดินใน ซ.เพชรเกษม 77 ประมาณ 40 ไร่ มาพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ มูลค่าการลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท, ที่ดินเปล่าเลียบโครงการรถไฟฟ้าย่านจรัญสนิทวงศ์ และบนถ.เพชรเกษม พัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียม มูลค่าการลงทุนประมาณ 3,000 ล้านบาท และแผนการนำที่ดินริมทะเลหาดพัทยา-จอมเทียน เนื้อที่กว่า 4 ไร่ และหาดพัทยา-ดงตาล เนื้อที่ 70 ไร่ มาพัฒนาในรูปแบบผสมผสานหรือมิกส์ยูสระหว่าง โรงแรม คอมมูนิตี้มอลล์ และที่พักอาศัย มูลค่าการลงทุนประมาณ 3,000 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ของการลงทุน
ปัจจุบันพอร์ตรายได้ของธุรกิจอสังหาฯ คิดเป็น 10% ของรายได้ทั้งกลุ่ม โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ของธุรกิจอสังหาฯ เป็น 30% ของรายได้ทั้งกลุ่ม ภายใน 5 ปี สำหรับผลการดำเนินงานของสินธรณีในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา เติบโตขึ้น 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2555 โดยกลุ่มธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท เป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ประมาณ 49% ซึ่งก็เป็นสัดส่วนรายได้ที่ใกล้เคียงกับกลุ่มธุรกิจสำนักงาน และกลุ่มธุรกิจเช่าพาณิชย์ประเภทอื่นๆ (Commercial) ที่มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 43% และกลุ่มรายได้อื่นๆ รวมถึงรายได้จากกลุ่มบริษัทตัวแทนนายหน้าด้านการบริหารงาน ซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์มีสัดส่วนอยู่ที่ 8%
ด้านนายวุฒิชัย เผอิญโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท สินธรณีฯ กล่าวว่า นอกเหนือ จากแผนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ข้างต้นแล้ว ในปี 2556 นี้ สินธรณีฯ ได้รุกไปสู่การพัฒนาโครงการในรูปแบบคอมมูนิตี้มอลล์ ในชื่อ “วิคตอเรีย การ์เด้นส์” (Victoria Gardens) เพื่อตอบสนองความต้องการและรองรับกำลังซื้อของคนกรุงเทพฝั่งตะวันตก เนื่องจากมองว่าเป็นการพัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์ที่มาแรงและยังมีช่องทางการเติบโตสูงโดยเฉพาะในระยะ 5-6 ปีที่ผ่านมา
"เรามองว่าถนนเพชรเกษมเป็นทำเลที่จะกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์หลักย่านหนองแขม เนื่องจากผลการสำรวจพบว่า กลุ่มผู้บริโภคในย่านดังกล่าวมีกำลังซื้อสูง ครอบครัวส่วนใหญ่เป็นเจ้าของธุรกิจ และมีบุตรหลานอยู่ในวัยกำลังศึกษา ซึ่งต้องการสถาบันกวดวิชาที่อยู่ใกล้บ้านและสะดวกต่อการเดินทาง ประกอบกับการมีบ้านจัดสรร คอนโดฯ อพาร์ตเมนต์ เกิดขึ้นใหม่จำนวนมาก รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายหัว ลำโพง-บางแค ที่กำลังจะเกิดขึ้น ในขณะที่บริเวณดังกล่าวยังไม่มีศูนย์การค้าในลักษณะคอมมูนิตี้มอลล์เลย เราจึงตัดสินใจลงทุนพัฒนาโครงการวิคตอเรีย การ์เด้นส์ และมั่นใจว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว" นายวุฒิชัย กล่าว
ทั้งนี้ โครงการ วิคตอเรีย การ์เด้นส์ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 20 ไร่ พัฒนาเป็น 9 อาคาร 1 ชั้น 2 ชั้นและ 3 ชั้น พื้นที่รวม 14,000 ตร.ม. โดยใช้งบลงทุน 800 ล้านบาทในการพัฒนา
“เรามั่นใจว่า Victoria Gardens จะได้รับการตอบรับที่ดีในบทบาทของคอมมูนิตี้มอลล์ ที่สามารถตอบสนองชุมชนในรัศมี 5-10 กิโลเมตร ซึ่งจากผลการวิจัยมีความเชื่อมั่นว่าว่าจะมีผู้มาใช้บริการประมาณ 70,000 คนต่อเดือน และคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนภายใน 5-7 ปี”
