**ยังคึกคักครื้นเครงกันอยู่สำหรับม็อบต่อต้านรัฐบาลที่ปักหลักและเคลื่อนไหวกันเต็มท้องถนนใจกลางกรุงเทพมหานคร จุดประเด็นด้วยเงื่อนไขหยุดกฎหมายล้างผิด นิรโทษกรรมให้นักโทษหนีคดี ทักษิณ ชินวัตร จนหวือหวา นำพากระแสร่วมจนจุดติด รัฐบาลต้องดึงเกมถอยฉาก จนเจียนอยู่เจียนไป
วันนี้รัฐบาลตั้งหลักได้แล้ว ลดแรงเสียดทานด้วยการประกาศย้ำ ให้สัญญาประชาคมว่าจะไม่เอากฎหมายนิรโทษกรรมมาปัดฝุ่นใหม่อีก ถอยจนสุดกระดาน คุกเข่ากราบกรานจนกระแสสังคมส่วนหนึ่งยอมรามือไป ลดความร้อนแรงไปกลายเป็นเพียงหน่วยเฝ้าระวัง
กระนั้นม็อบก็ยังไม่ได้หายไปทั้งหมด ม็อบที่มีเป้าหมายใหญ่กว่า หรือมุ่งหมายโค่นล้มรัฐบาลตั้งแต่ต้นยังคงเดินหน้า หามุกใหม่ เปิดเกมเล่นเลี้ยงกระแสมวลชนอยู่ตลอดเวลา แค่หยุดกฎหมายนิรโทษกรรมไม่พอ ต้องหยุดลมหายใจรัฐบาลด้วย !!
“ม็อบนกหวีด” ที่นำโดย สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี และอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ประกาศลาออกสร้างความขึงขัง เติมเชื้อการต่อสู้ให้มวลชน รวมไปถึงแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ในปัจจุบัน ยังคงเดินหน้าชุมนุมต่อเนื่องไม่หยุด ไม่คิดหารันเวย์ลง หรือคิดไม่ทันยังไม่รู้แน่ชัด
** แต่ที่รู้แน่คือพรรคประชาธิปัตย์กำลังเล่นการเมือง 2 ขา คั่วเกมทุกหน้า หาแนวร่วม หาทุกช่องทาง เพื่อขจัดรัฐบาลและระบอบทักษิณไปให้พ้น ตามที่ประกาศก้องบนเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยทุกวัน
การเมืองในสภา ประชาธิปัตย์ไม่ทิ้งแน่นอน เพราะถึงอย่างไรการเมืองในระบบมีโอกาสพลิกขั้ว เปลี่ยนข้างมาเป็นรัฐบาลอย่างชอบธรรมที่สุด แม้ชั่วโมงนี้มันจะยากเต็มทน คนนินทาหมาดูถูกว่า ไม่ใช่เพราะเพื่อไทยเข้มแข็งเกินไป เพียงแต่พรรคประชาธิปัตย์เดินเกมพลาดมากกว่า ไม่เล่นในกติกาแบบสุภาพบุรุษ ไปเล่นเกมถ่อย เถื่อน เหมือนติดเชื้อเสื้อแดง เข้าทำนองเอ็งชั่ว ข้าก็เลวไปนั่น ไอ้แต้มที่ว่าจะได้ คนที่จะเทคะแนนให้เพราะเบื่อรัฐบาลเพื่อไทย เขาก็ไม่รู้จะเอาไปไว้ไหน
นี่ถ้ามีทางเลือกที่สวยงาม มีพรรคเกิดใหม่ที่พอดูจะฝากความหวังได้ กระแสคงทะลุกลางปล้องขึ้นมาแบบผีพุ่งใต้
หรืออดรนทนไม่ไหวหรืออย่างไร เป็นฝ่ายค้านแล้วมันอดอยากปากแห้ง การเมืองไทยมันก็แบบนี้ ชั่งตวงวัดแล้วเลือกตั้งตอนนี้ก็แพ้อีก รอไปอีก 2-3 ครั้งไม่ไหว ก็เล่นเกมเซ็งบ่อนมันซะเลย ในสภาไม่พอ ก็ล่อมันนอกสภาด้วย !!
ตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้ว ชัดเจนว่าพุ่งเป้าฟาดดาบไปที่ “ปูกรรเชียง” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เอา จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย มาเป็นแค่เครื่องเคียง โฟกัสใหญ่ของประชาธิปัตย์ตอนนี้คือ ล้มรัฐบาลเพียงอย่างเดียว ดังนั้นจึงต้องแทงทีเดียวทะลุถึงหัวใจ ไม่ขอเสียเวลาไปกับการแทงแขน แทงขา อีกแล้ว
**ดีเดย์วันอภิปรายก็ปลายๆเดือนนี้ มันก็เข้าล็อกเงื่อนเวลากับการเมืองนอกสภา รวมทั้งคำตัดสินขององค์อิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ เซ็ตเกมวางแปลนกันไว้แล้ว
แต่อย่างที่ว่า ไปเล่นการเมือง 2 ขา เปิดเกมหลายหน้า เป้ามันเลยไม่ชัด จะโฟกัสทางไหนแน่ เล่นแบบเผื่อเลือก เอามันทุกทางแบบนี้ คนก็รู้สึกไขว้เขว ไม่วางใจ ยิ่งค้นหาข้อมูลล้วงลึกเข้าไปถึงภายใน ยิ่งเคลือบแคลง แว่วว่าเอกภาพภายในยังแตกร้าว จะชุมนุมนอกสภา หรือเล่นตามระบบต่อ ยังแทงกั๊กหาจุดลงตัวไม่ได้ เลยเดินเกมควบไปแบบนี้
การออกมาชุมนุมของแกนนำ และส.ส.กลุ่มหนึ่ง ใช่ว่าจะได้รับฉันทานุมัติตั้งแต่ต้น เพียงแต่กระแสมันไปได้ ก็เลยต้องออกมาเกาะขบวนกันแทบทั้งพรรค แต่ในใจก็ยังไม่เห็นด้วยทั้งหมด ยังอยากเล่นเกมในสภาเผื่อฟลุ๊กพลิกขั้ว
มันก็เลยเหมือนคนเยี่ยวไม่สุด ลักปิดลักเปิด ลักลั่นกันไปหมด ความคิดไม่รวมศูนย์ เลยกั๊กๆ แกนๆ มาตรการยกระดับการชุมนุม ก็ไม่ได้รับการตอบสนองแบบอื้ออึง เห็นด้วยแบบเอกฉันท์ เสียงค่อนแคะไม่เห็นด้วยยังมีมากกว่าด้วยซ้ำ คำว่า “มุกแป้ก”ปรากฏออกมาให้ชอกช้ำเสียกำลังใจ เปลี่ยนมุกใหม่ก็ไม่ได้แตกต่างไฉไลกว่าเดิม
อารยะขัดขืนหยุดงาน ชะลอภาษี ถูกปฏิเสธ ต้องหันไปบอยคอตสินค้าตระกูลชินวัตร เป้าก็ไม่ชัด เหมารวมกันเยอะไป เครือข่ายไหนมีเอี่ยวบ้าง หรือเคยมีเอี่ยว ก็ถูกขยำรวมมาหมด กลายเป็นผลักไสแนวร่วมกลายเป็นแนวต้านแทนไปเสียฉิบ
มาตรการที่ดูขัดแย้งพิกล คือการบอกให้ประชาชนแสดงความรังเกียจสภาทาส ไม่เอาการเมืองในระบบรัฐสภา แต่วันนี้ประชาธิปัตย์ก็ยังเล่นเกมนี้อยู่ ยังเดินสองขา เหยียดขาข้างหนึ่งไปในระบบด้วย มีประชุมสภาก็ต้องเข้าไปร่วม และการอภิปรายไม่ไว้วางใจนี้ก็ต้องเดินก้มหน้าเข้าไปใช้เวทีสภา
**ลุกขึ้นอภิปรายก็ต้องกล่าวว่า “ท่านประธานที่เคารพ”แล้วข้างนอกมาบอกให้ประชาชนแอนตี้ ขับไล่ประธานสภา แล้วตกลงจะเอายังไง จะเคารพหรือจะไล่ ช่วยบอกให้ชัดๆ ที ถ้าจะไม่เคารพก็ไม่ต้องไปเล่นแล้วเกมสภา ทำไมไม่ลาออกให้มันพ้นๆไปทั้งสภา ปล่อยให้รัฐบาลบริหารไปโดยไม่มีฝ่ายค้าน ปล่อยให้เล่นเกมหน้าด้านหน้าทนไปฝ่ายเดียว
หาจังหวะเหมาะๆ ชิงความได้เปรียบเรื่องกระแส อาศัยที่รัฐบาลเดินเกมย่ามใจในสภา ประกาศอารยะขัดขืน ไม่รับมติใดๆในสภา ขอลาออกกันทั้งคณะไปเคลื่อนไหวภายนอก ไม่รู้รับทราบการกระทำใดๆ ภายใต้รัฐสภาอัปยศ
รัฐบาลจะทำอะไรก็คิดหนักเหมือนกัน ไม่กล้าทำอะไรสุ่มเสี่ยงแน่ เพราะบทเรียนมีให้เห็นมาแล้ว รัฐบาลกลัวกระแสมวลชนนอกสภา มากกว่าในสภา ถ้ามาพร้อมกันด้วยใจเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น รัฐบาลต้องถอยกรูด ถ้ากระแสต่อต้านนิรโทษกรรมในวันนั้นต่อเนื่องมาจนวันนี้ รัฐบาลไม่สามารถดับกระแสไปได้ก่อน รับประกันซ่อมฟรี ป่านนี้รัฐบาลเอวังไปแล้ว
ฉะนั้นเมื่อพรรคประชาธิปัตย์จะเล่นเกมช่วงชิงกระแส ก็อย่าแทงกั๊กดีกว่า ประชาชนยังสงสัยท่าทีการนำ ยังสงสัยเกมการเมืองแอบแฝง เพราะรู้กันดีอยู่แล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์เคลื่อนไหวบนเกมการเมืองมาตลอด
ถ้าแสดงความจริงใจให้เห็นได้ อาสามานำมวลชนเพื่อผลประโยชน์ประเทศชาติอย่างแท้จริง เมื่อนั้นกระแสประชาชนจะล้มหลาม พร้อมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ เทกันหมดหัวใจ เมื่อประกาศเผด็จศึกภายในเดือนนี้ ก็ต้องมีไม้ตายที่เด็ดขาด วางแผนสอง แผนสามไว้บ้าง ไม่ใช่รอตัวช่วย รอองค์กรอิสระ รออำมาตย์ช่วย รอมือที่มองไม่เห็นมาแทรกแซงเหมือนอย่างเคย
**วันนี้ถ้าประชาธิปัตย์ไม่แทงกั๊ก ประชาชนเขาก็คงไม่กั๊กเช่นกัน ต้องลุยไปพร้อมๆ กัน อารมณ์ต้องไปพร้อมกัน ถึงจะคว้าชัยชนะได้ !!!
วันนี้รัฐบาลตั้งหลักได้แล้ว ลดแรงเสียดทานด้วยการประกาศย้ำ ให้สัญญาประชาคมว่าจะไม่เอากฎหมายนิรโทษกรรมมาปัดฝุ่นใหม่อีก ถอยจนสุดกระดาน คุกเข่ากราบกรานจนกระแสสังคมส่วนหนึ่งยอมรามือไป ลดความร้อนแรงไปกลายเป็นเพียงหน่วยเฝ้าระวัง
กระนั้นม็อบก็ยังไม่ได้หายไปทั้งหมด ม็อบที่มีเป้าหมายใหญ่กว่า หรือมุ่งหมายโค่นล้มรัฐบาลตั้งแต่ต้นยังคงเดินหน้า หามุกใหม่ เปิดเกมเล่นเลี้ยงกระแสมวลชนอยู่ตลอดเวลา แค่หยุดกฎหมายนิรโทษกรรมไม่พอ ต้องหยุดลมหายใจรัฐบาลด้วย !!
“ม็อบนกหวีด” ที่นำโดย สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี และอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ประกาศลาออกสร้างความขึงขัง เติมเชื้อการต่อสู้ให้มวลชน รวมไปถึงแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ในปัจจุบัน ยังคงเดินหน้าชุมนุมต่อเนื่องไม่หยุด ไม่คิดหารันเวย์ลง หรือคิดไม่ทันยังไม่รู้แน่ชัด
** แต่ที่รู้แน่คือพรรคประชาธิปัตย์กำลังเล่นการเมือง 2 ขา คั่วเกมทุกหน้า หาแนวร่วม หาทุกช่องทาง เพื่อขจัดรัฐบาลและระบอบทักษิณไปให้พ้น ตามที่ประกาศก้องบนเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยทุกวัน
การเมืองในสภา ประชาธิปัตย์ไม่ทิ้งแน่นอน เพราะถึงอย่างไรการเมืองในระบบมีโอกาสพลิกขั้ว เปลี่ยนข้างมาเป็นรัฐบาลอย่างชอบธรรมที่สุด แม้ชั่วโมงนี้มันจะยากเต็มทน คนนินทาหมาดูถูกว่า ไม่ใช่เพราะเพื่อไทยเข้มแข็งเกินไป เพียงแต่พรรคประชาธิปัตย์เดินเกมพลาดมากกว่า ไม่เล่นในกติกาแบบสุภาพบุรุษ ไปเล่นเกมถ่อย เถื่อน เหมือนติดเชื้อเสื้อแดง เข้าทำนองเอ็งชั่ว ข้าก็เลวไปนั่น ไอ้แต้มที่ว่าจะได้ คนที่จะเทคะแนนให้เพราะเบื่อรัฐบาลเพื่อไทย เขาก็ไม่รู้จะเอาไปไว้ไหน
นี่ถ้ามีทางเลือกที่สวยงาม มีพรรคเกิดใหม่ที่พอดูจะฝากความหวังได้ กระแสคงทะลุกลางปล้องขึ้นมาแบบผีพุ่งใต้
หรืออดรนทนไม่ไหวหรืออย่างไร เป็นฝ่ายค้านแล้วมันอดอยากปากแห้ง การเมืองไทยมันก็แบบนี้ ชั่งตวงวัดแล้วเลือกตั้งตอนนี้ก็แพ้อีก รอไปอีก 2-3 ครั้งไม่ไหว ก็เล่นเกมเซ็งบ่อนมันซะเลย ในสภาไม่พอ ก็ล่อมันนอกสภาด้วย !!
ตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้ว ชัดเจนว่าพุ่งเป้าฟาดดาบไปที่ “ปูกรรเชียง” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เอา จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย มาเป็นแค่เครื่องเคียง โฟกัสใหญ่ของประชาธิปัตย์ตอนนี้คือ ล้มรัฐบาลเพียงอย่างเดียว ดังนั้นจึงต้องแทงทีเดียวทะลุถึงหัวใจ ไม่ขอเสียเวลาไปกับการแทงแขน แทงขา อีกแล้ว
**ดีเดย์วันอภิปรายก็ปลายๆเดือนนี้ มันก็เข้าล็อกเงื่อนเวลากับการเมืองนอกสภา รวมทั้งคำตัดสินขององค์อิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ เซ็ตเกมวางแปลนกันไว้แล้ว
แต่อย่างที่ว่า ไปเล่นการเมือง 2 ขา เปิดเกมหลายหน้า เป้ามันเลยไม่ชัด จะโฟกัสทางไหนแน่ เล่นแบบเผื่อเลือก เอามันทุกทางแบบนี้ คนก็รู้สึกไขว้เขว ไม่วางใจ ยิ่งค้นหาข้อมูลล้วงลึกเข้าไปถึงภายใน ยิ่งเคลือบแคลง แว่วว่าเอกภาพภายในยังแตกร้าว จะชุมนุมนอกสภา หรือเล่นตามระบบต่อ ยังแทงกั๊กหาจุดลงตัวไม่ได้ เลยเดินเกมควบไปแบบนี้
การออกมาชุมนุมของแกนนำ และส.ส.กลุ่มหนึ่ง ใช่ว่าจะได้รับฉันทานุมัติตั้งแต่ต้น เพียงแต่กระแสมันไปได้ ก็เลยต้องออกมาเกาะขบวนกันแทบทั้งพรรค แต่ในใจก็ยังไม่เห็นด้วยทั้งหมด ยังอยากเล่นเกมในสภาเผื่อฟลุ๊กพลิกขั้ว
มันก็เลยเหมือนคนเยี่ยวไม่สุด ลักปิดลักเปิด ลักลั่นกันไปหมด ความคิดไม่รวมศูนย์ เลยกั๊กๆ แกนๆ มาตรการยกระดับการชุมนุม ก็ไม่ได้รับการตอบสนองแบบอื้ออึง เห็นด้วยแบบเอกฉันท์ เสียงค่อนแคะไม่เห็นด้วยยังมีมากกว่าด้วยซ้ำ คำว่า “มุกแป้ก”ปรากฏออกมาให้ชอกช้ำเสียกำลังใจ เปลี่ยนมุกใหม่ก็ไม่ได้แตกต่างไฉไลกว่าเดิม
อารยะขัดขืนหยุดงาน ชะลอภาษี ถูกปฏิเสธ ต้องหันไปบอยคอตสินค้าตระกูลชินวัตร เป้าก็ไม่ชัด เหมารวมกันเยอะไป เครือข่ายไหนมีเอี่ยวบ้าง หรือเคยมีเอี่ยว ก็ถูกขยำรวมมาหมด กลายเป็นผลักไสแนวร่วมกลายเป็นแนวต้านแทนไปเสียฉิบ
มาตรการที่ดูขัดแย้งพิกล คือการบอกให้ประชาชนแสดงความรังเกียจสภาทาส ไม่เอาการเมืองในระบบรัฐสภา แต่วันนี้ประชาธิปัตย์ก็ยังเล่นเกมนี้อยู่ ยังเดินสองขา เหยียดขาข้างหนึ่งไปในระบบด้วย มีประชุมสภาก็ต้องเข้าไปร่วม และการอภิปรายไม่ไว้วางใจนี้ก็ต้องเดินก้มหน้าเข้าไปใช้เวทีสภา
**ลุกขึ้นอภิปรายก็ต้องกล่าวว่า “ท่านประธานที่เคารพ”แล้วข้างนอกมาบอกให้ประชาชนแอนตี้ ขับไล่ประธานสภา แล้วตกลงจะเอายังไง จะเคารพหรือจะไล่ ช่วยบอกให้ชัดๆ ที ถ้าจะไม่เคารพก็ไม่ต้องไปเล่นแล้วเกมสภา ทำไมไม่ลาออกให้มันพ้นๆไปทั้งสภา ปล่อยให้รัฐบาลบริหารไปโดยไม่มีฝ่ายค้าน ปล่อยให้เล่นเกมหน้าด้านหน้าทนไปฝ่ายเดียว
หาจังหวะเหมาะๆ ชิงความได้เปรียบเรื่องกระแส อาศัยที่รัฐบาลเดินเกมย่ามใจในสภา ประกาศอารยะขัดขืน ไม่รับมติใดๆในสภา ขอลาออกกันทั้งคณะไปเคลื่อนไหวภายนอก ไม่รู้รับทราบการกระทำใดๆ ภายใต้รัฐสภาอัปยศ
รัฐบาลจะทำอะไรก็คิดหนักเหมือนกัน ไม่กล้าทำอะไรสุ่มเสี่ยงแน่ เพราะบทเรียนมีให้เห็นมาแล้ว รัฐบาลกลัวกระแสมวลชนนอกสภา มากกว่าในสภา ถ้ามาพร้อมกันด้วยใจเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น รัฐบาลต้องถอยกรูด ถ้ากระแสต่อต้านนิรโทษกรรมในวันนั้นต่อเนื่องมาจนวันนี้ รัฐบาลไม่สามารถดับกระแสไปได้ก่อน รับประกันซ่อมฟรี ป่านนี้รัฐบาลเอวังไปแล้ว
ฉะนั้นเมื่อพรรคประชาธิปัตย์จะเล่นเกมช่วงชิงกระแส ก็อย่าแทงกั๊กดีกว่า ประชาชนยังสงสัยท่าทีการนำ ยังสงสัยเกมการเมืองแอบแฝง เพราะรู้กันดีอยู่แล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์เคลื่อนไหวบนเกมการเมืองมาตลอด
ถ้าแสดงความจริงใจให้เห็นได้ อาสามานำมวลชนเพื่อผลประโยชน์ประเทศชาติอย่างแท้จริง เมื่อนั้นกระแสประชาชนจะล้มหลาม พร้อมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ เทกันหมดหัวใจ เมื่อประกาศเผด็จศึกภายในเดือนนี้ ก็ต้องมีไม้ตายที่เด็ดขาด วางแผนสอง แผนสามไว้บ้าง ไม่ใช่รอตัวช่วย รอองค์กรอิสระ รออำมาตย์ช่วย รอมือที่มองไม่เห็นมาแทรกแซงเหมือนอย่างเคย
**วันนี้ถ้าประชาธิปัตย์ไม่แทงกั๊ก ประชาชนเขาก็คงไม่กั๊กเช่นกัน ต้องลุยไปพร้อมๆ กัน อารมณ์ต้องไปพร้อมกัน ถึงจะคว้าชัยชนะได้ !!!